ตอนที่แล้วTQF:บทที่ 10  คนพิเศษ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปTQF:บทที่ 12 สัตว์วิญญาณ

TQF:บทที่ 11 มีบางอย่างผิดปกติ


TQF:บทที่ 11 มีบางอย่างผิดปกติ

นอกจากท่านหมอแล้วก็มีลูกศิษย์ของเขาซึ่งถือกระเป๋ายาตามหลังของท่านหมอไปในที่สุดพวกเขาทั้งสี่คนก็มาถึงหมู่บ้านต้นไม้หลังจากผ่านไป 2 ชั่วโมง

ทันทีที่พวกเขามาถึงประตูเด็กน้อยทั้ง 3 คนตะโกนอย่างสนุกสนานและวิ่งออกไปทักทายพวกเขา และเมื่อพวกเขาเห็นคนแปลกหน้าพวกเขาแสดงพฤติกรรมเรียบร้อยทันที แต่พวกเขายังคงจ้องมอง เฉิงเสี่ยวเสี่ยว อย่างกระตือรือร้น ในไม่ช้านางเฉิงก็พาหมอไปยังห้องของเฉิงไป๋หยวน ส่วน เฉิงเสี่ยวเสี่ยว นั้นหยิบขนมและของว่างที่ซื้อมาจากในเมืองมอบเงินให้กับน้องของเธอ จากนั้นเธอไม่สนว่าการเดินทางจะเหนื่อยมากแค่ไหนเธอเข้าไปเตรียมอาหารกลางวันทันที หลังจากกลางวันผ่านไปท่านหมอและลูกศิษย์ออกมาจากห้องของ เฉิงไป๋หยวน พฤติกรรมของ นางเฉิงดูไม่มีความสุขมากนัก เธอกำลังกังวลอาการบาดเจ็บของสามีเธอว่าจะยากต่อการรักษา

ท่านหมอหยิบหัวไชเท้าขึ้นมาและมองดูอย่างประหลาดใจ

“แม่นางนี่คือสิ่งใด มันกรอบและหวานมาก?”

“ท่านหมอนี่คือสิ่งที่ เสี่ยวเสี่ยว พบในภูเขา  เธอนำต้นอ่อนมันกลับมาและเราเริ่มปลูกเอาไว้ ถ้าไม่แน่ใจว่าพวกมันควรมีชื่อว่าอะไร”นางเฉิงบอกนางโกหกเรื่องหัวไชเท้าและยังคงทำตัวเป็นเจ้าบ้านที่อ่อนโยน

เมื่อท่านหมอได้ยินเขาอยากรู้อยากเห็นมากกว่าเดิมเขาหันไปถาม เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ว่า

“แม่นางเจ้าพบสิ่งนี้ได้อย่างไร”

เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ที่กำลังเอื้อมไปหยิบอาหารเธอวางชามและตะเกียบจากนั้นตอบว่า

“ท่านหมอ ข้าเจอหัวไชเท้าเหล่านี้ในหุบเขาลึก จากสิ่งที่ข้าเคยศึกษามานั้นในอดีตพวกมันควรจะมีชื่อเรียกว่า”โสมปลอม”พวกมันอยู่ในตะกูลสมุนไพรที่มีรากเป็นเนื้อ พวกมันมีรูปร่างทรงกระบอกหรือทรงกรวยที่เหมือนกับโสม

“เจ้ามีต้นสดอยู่หรือไม่?”ท่านหมอมีความอยากรู้อยากเห็นมากขึ้นเขาไม่ได้สนใจว่าในขณะนี้เขากำลังรับประทานอาหารกลางวันอยู่เขาอยากเห็นต้นของมันจริงๆ

เจิ้งปิน ได้ยินดังนั้นเขารีบตอบเสียงดัง “ข้ารู้ว่าอยู่ที่ไหนข้าจะเอามาให้!”เขารีบกระโดดลงจากเก้าอี้และรีบเข้าไปในครัวทันที

หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับหัวไชเท้าและส่งมอบให้กับท่านหมอ

“ท่านหมอนี่คือหัวไชเท้าที่พี่สาวของเราพบ มันอร่อยมากท่านสามารถกินมันดิบๆหรือเอาไปผัดเพื่อกินเป็นกับข้าวได้!”

“โอ้ มันสามารถกินดิบได้ด้วยอย่างนั้นหรอ!”ท่านหมอตรวจดูพืชสีขาวด้วยดวงตาเป็นประกาย ลูกศิษย์เองก็ดวงตาเบิกกว้างและพูดด้วยความประหลาดใจ

“มันเหมือนกับโสมมาก!ไม่น่าแปลกใจที่ถูกเรียกว่า”โสมปลอม”

ท่านหมอเช็ดหัวไชเท้าด้วยแขนเสื้อของเขาและลองกัดคำใหญ่ เขาเคี้ยวมันเสียงดัง ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความพอใจมันทำให้ลูกศิษย์ของเขาหวังว่าจะได้ลองกัดหัวไชเท้าสักคำหนึ่ง

“ไม่เลวไม่เลว แม้มันจะไม่ใช่โสม แต่ข้าก็ยังได้กลิ่นสมุนไพรอยู่ในนี้”ท่านหมอยิ้มอย่างมีความสุข

เฉิงเสี่ยวเสี่ยว รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเธอจึงพูดเสริมขึ้นมาว่า

“ท่านหมอโสมปลอมนี้สามารถรับประทานได้เหมือนผัก ไม่ว่าจะเป็นเมล็ด รากสด รากแห้งและใบของมันทั้งหมดสามารถใช้เป็นสมุนไพรได้ พวกมันช่วยในการย่อยและล้างเสมหะ หากกินสดๆจะสามารถดับกระหายและช่วยย่อยอาหาร รากแห้งนั้นดีต่ออาการท้องผูกและใช้เป็นยาขับปัสสาวะ ใบของพวกมันสามารถใช้รักษาและป้องกันโรคบิด พวกมันมีคุณสมบัติของสมุนไพร”

“โอ้ แม่นางเฉิง ท่านมีความรู้ขนาดนี้ได้อย่างไร?”ท่านหมอรู้สึกประหลาดใจดวงตาที่แหลมคมของเขาจ้องมองไปที่ เฉิงเสี่ยวเสี่ยว

เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ไม่ได้สะทกสะท้านเธอมองกลับและอธิบายว่า

“ข้าน้อยเคยอ่านบทความและหนังสือทางการแพทย์นั่นคือสิ่งที่ข้าเคยอ่านเกี่ยวกับโสมปลอมเหล่านี้”

“ยอดเยี่ยม เจ้าเป็นเด็กที่น่าประทับใจมาก!”

ท่านหมอพยักหน้าชื่นชมเธอแล้วกินต่อไป

ในระหว่างมืออาหารพวกเขาไม่ได้สนทนากันอีกหลังจากทานอาหารกลางวันท่านหมอก็ร่ำลา  เฉิงเสี่ยวเสี่ยว นำหัวไชเท้าให้เขาไปอีก 2 ต้นทำให้ท่านหมอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หลังจากที่พวกเขาจากไปเธอสังเกตเห็นแม่ของเธอแสดงออกถึงความเศร้าอีกครั้ง นั่นคงเป็นเพราะเธอรู้สึกกังวลกับสามีของเธอ หลังจากที่ให้เด็กทั้งสามคนออกไปเล่นข้างนอกเธอเดินตามท่านแม่ไปยังห้องของท่านพ่อและสังเกตเห็นว่าเขาไม่ได้นอนหลับ  เฉิงเสี่ยวเสี่ยว จึงทักทาย เฉิงไป๋หยวน เฉิงไป๋หยวน เอง พยักหน้าให้เล็กน้อยเขาดูเฉยเมยและไม่สะทกสะท้าน

“ท่านพ่อ ท่านหมอพูดอะไรบ้างเกี่ยวกับการบาดเจ็บของท่าน”  เฉิงเสี่ยวเสี่ยว คุ้นเคยกับสมุนไพรแต่เธอไม่รู้วิธีวินิจฉัยผู้ป่วย

“มันพูดยาก เขาได้ให้สมุนไพรบางอย่างไว”  เฉิงไป๋หยวน ให้ เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ดูและเปลี่ยนหัวข้อ

“เกิดอะไรขึ้นเมื่อพวกเจ้าทั้งสองคนเข้าไปในเมืองลองเล่าให้ข้าฟัง”

การที่พวกเขานำท่านหมอกลับมาได้ทำให้ เฉิงไป๋หยวน รู้สึกประหลาดใจ เขาได้เดินทางขายไก่และกระต่ายหลายครั้งจำนวนเงินถึงจะพอกับการจ่ายค่ารักษา แต่ตอนนี้พวกเขากลับมาพร้อมกับท่านหมอทำให้ เฉิงไป๋หยวน รู้สึกประหลาดใจอย่างยิ่ง

นางเฉิงไม่ได้ปิดบังและบอกเขาเกี่ยวกับการพบเจอกับพ่อบ้านของตระกูลหนิง  เฉิงไป๋หยวน เงียบหลังจากฟังเหตุการณ์ หลังจากนั้นสักครู่เขาก็ถามลูกสาวของเขาว่า

“เสี่ยวเสี่ยว ผักและสัตว์ที่เติบโตในมิตินั้นมันแตกต่างจากสิ่งของที่อยู่ภายนอกหรือไม่ ความรู้สึกจากสิ่งที่พวกเจ้าได้กินมันลงไป”

แตกต่างอย่างนั้นหรอ?

เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ไม่ทันได้คิดเรื่องนี้แต่ก่อนที่เธอจะพูดนางเฉิงได้ตอบขึ้นว่า

“ข้ารู้สึกว่าผักและเนื้อที่มาจากมิตินั้นค่อนข้างนุ่มและหลังจากที่กินมันเข้าไปจะรู้สึกสดชื่นและความเหนื่อยล้าจะหมดไป!”

“....” เฉิงเสี่ยวเสี่ยว รู้สึกประหลาดใจแต่สิ่งที่นางเฉิงพูดนั้นเป็นความจริง

เฉิงไป๋หยวน มองไปที่ เฉิงเสี่ยวเสี่ยว และพูดด้วยน้ำเสียงลึกว่า

“อาหารจากมิตินั้นดีต่อสุขภาพ มันเหมือนกับว่าพวกมันมีพลังวิญญาณ!”

“พลังวิญญาณ?” เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ไม่แน่ใจว่ามันคือสิ่งใด ใบหน้าของนางเฉิงซีดลงทันที เธอรู้ว่าสามีของเธอกำลังพูดเรื่องจริง

“ท่านพ่อท่านช่วยบอกข้าหน่อยได้ไหมว่า”วิญญาณ“หมายถึงอะไร”  เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ทำลายความเงียบภายในห้อง เธอเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นเธออยากรู้ว่าสิ่งที่พ่อของเธอพูดเกี่ยวกับ “วิญญาณ”นั้นเหมือนกับที่เธอเคยอ่านในนิยายหรือไม่

“เสี่ยวเสี่ยว  นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าต้องกังวล ไม่มีอะไรมากเจ้าออกไปเล่นกับ เจิ้งหยวน เถอะ แล้วอย่าลืมบอกให้พวกเขากลับมาทบทวนหนังสือด้วย!” เฉิงไป๋หยวน พยามขัดขวางความอยากรู้อยากเห็นลูกสาวของเขา เห็นได้ชัดว่าเขาไม่พร้อมที่จะบอกความจริงกับเธอ แต่เมื่อเห็นท่านพ่อท่านแม่ของเธอดูเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอรู้ว่าในเวลานี้ไม่ใช่สิ่งที่เธอจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ดังนั้นเธอจึงหันหลังออกจากห้องไป

ในเวลาเดียวกันแขกที่มาร่วมงานของตระกูลหนิง มีผู้อาวุโสสองสามคนอยู่บนโต๊ะ ที่กำลังดึงดูดความสนใจจากแขกที่อยู่โต๊ะใกล้เคียง

ผู้อาวุโสกำลังพูดคุยพร้อมกับรับประทานอาหารในเวลาเดียวกัน เขายกจอกสุราขึ้นและดันเนื้อเข้าไปในปากหลังจากเคี้ยวสักพักเขาก็รู้สึกแปลกๆ จากนั้นเขาหยิบเนื้อขึ้นมากินอีกชิ้น พฤติกรรมแปลกๆของเขาดึงดูดความสนใจคนอื่น ผู้อาวุโสในชุดสีน้ำเงินถามว่า

“ผู้เฒ่าหลำ เกิดอะไรขึ้นกับท่าน ท่านทำเหมือนไม่ได้กินอะไรมาเป็นเดือน!”

ผู้เฒ่าหลำจ้องมองชายคนนั้นในขณะที่เขาเคี้ยวเนื้อและกระดูกเต็มไปหมดในป่าของเขาเขากลืนมันลงไปและถามเจ้าภาพงานที่อยู่ข้างเขาว่า

“เฮ้ ตาเฒ่าหนิง สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ต้องยกให้เป็นความผิดของเจ้า อาหารเหล่านี้เจ้านำมันมาจากไหน”

-----------------------------------------