ตอนที่ 252 การชักชวน
หลิงฮันยิ้มเล็กน้อยและพูดว่า "ข้าแค่บรรลุระดับก่อเกิดธาตุเท่านั้น พวกเจ้าตกใจอะไรกัน?"
พวกเขาจำเป็นต้องตกใจขนาดนั้นด้วย?
เจ้าต้องเข้าใจก่อนว่าคนกลุ่มนี้บรรลุระดับรวมธาตุขั้นเก้าเมื่อสองปีก่อน แต่ตอนนี้พวกเขาก็ยังคงอยู่ระดับรวมธาตุขั้นเก้า! แล้วเขาล่ะ? ไม่กี่เดือนก่อน เขาเป็นเพียงแค่จอมยุทธระดับหลอมรวมธาตุขั้นสี่ แต่ทว่าตอนนี้หลิงฮันกลับทิ้งพวกเขาไปไกลแล้วและก้าวเข้าสู่ระดับก่อเกิดธาตุ
และนี่ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาตกใจอีกรึ!? เรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก!
"หลิงฮัน เจ้ากำลังกระตุ้นโทสะของผู้อื่นด้วยเรื่องนี้! เจ้าดูสิว่ามีกี่คนกันที่ยังติดอยู่ในจุดสูงสุดระดับรวมธาตุ?" ฉีฮวงเย่ตะโกนออกมาทันที แม้แต่ไป๋ลี่เถิงหยุนเองก็พยักหน้าเห็นด้วย เขาเองก็อยู่ในระดับรวมธาตุขั้นเก้า และตอนนี้เขามีคุณสมบัติที่จะทะลวงผ่านระดับก่อเกิดธาตุ
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีคุณสมบัติที่จะทะลวงผ่าน แต่ไม่มีใครรู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหน ถ้าใครมีโชคมากพอ เขาอาจทะลวงผ่านก่อนที่จะอายุ 25 ปี
แต่หลิงฮันยังมีอายุไม่ถึง 18 ปีเลยด้วยซ้ำ!
สำหรับจอมยุทธแล้ว วันเวลาไม่ใช่เรื่องที่อาจเพิกเฉยได้ ถ้าใครไม่สามารถทะลวงผ่านระดับบุปผาผลิบานได้ จอมยุทธทุกคนจะยังถือว่าเป็นมนุษย์และมีอายุขัยแค่ร้อยกว่าปีเท่านั้น
"ถูกต้อง!" ทุกคนรู้สึกอิจฉา แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกยินดีกับหลิงฮัน
"เจ้าเป็นจอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุก่อนอายุ 18 ปี ในประวัติศาสตร์ของแคว้นพิรุณ เจ้าถือว่าว่าอยู่ในอันดับต้นๆถูกไหม?" หลีตงเย่ถาม
หลิงฮันเพียงแค่ยิ้ม ถ้าคนพวกนี้พบว่าฮูหนิวบรรลุระดับรวมธาตุขั้นเก้าแล้ว ใครจะไปรู้ว่าพวกเขาจะตกตะลึงมากแค่ไหน อย่างไรก็ตาม ฮูหนิวมีความสามารถในการปกปิดกลิ่นอายของนาง และถ้าไม่ใช่เพราะเขามีสัมผัสสวรรค์ เขาคงไม่อาจสัมผัสกลิ่นอายของนางได้
"หลิงฮัน เจ้าจะไปร่วมงานแต่งงานในวันพรุ่งนี้หรือไม่?" ในที่สุดใครบางคนได้ถามออกมา
"ทำไมข้าจะไม่ล่ะ?" หลิงฮันตอบ
"นั่นคือตระกูลหลิ่วเชียวนะ!" หลีตงเย่กล่าวขณะขมวดคิ้ว
"ตระกูลหลิ่วแล้วมันจะทำไมรึ?" หลิงฮันถามด้วยรอยยิ้ม
หลังจากที่พูดถกเถียงกับหลิงฮัน คนอื่นเลยไม่รู้จะพูดอะไรออกมา มันเห็นได้ชัดว่าหลิงฮันไม่สนใจเรื่องตระกูลหลิ่วเลยแม้แต่น้อย
"พี่ใหญ่หลิง พรุ่งนี้ข้าจะไปกับท่าน!" หลี่เฮ่าพูด หลังจากที่ถูกหลิงฮันช่วยเหลือหลายครั้ง มันจึงถึงเวลาแล้วที่เขาจะตอบแทนหลิงฮัน
"ข้าด้วย!" จิงหวู่จื้อกล่าว
ในขณะเดียวกัน ชูหวู่จิวแตะไปที่ด้ามดาบของเขาเบาๆ และจ้องมองหลิงฮันด้วยสายตาที่แหลมคมซึ่งเต็มไปด้วยความหนักแน่น
ฉีฮวงเย่และคนอื่นๆต่างถอนหายใจออกมา ไม่กี่เดือนก่อน จิงหวู่จื้อและหลิงฮันยังเป็นศัตรูกันอยู่ แต่ทว่าตอนนี้เขายินดีที่จะเสี่ยงทุกอย่างเพื่อตอบแทนหลิงฮัน ในทำนองเดียวกัน ไม่กี่เดือนก่อนหลิงฮันและตระกูลเฟิงได้เป็นศัตรูกัน แต่ทว่าไม่เพียงแต่ความขัดแย้งระหว่างพวกเขาจะไม่ได้รับการแก้ไข แต่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขายังแตกหักมากยิ่งขึ้นถึงขั้นฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะต้องถูกกำจัดออกไป
หลิงฮันโบกมือและพูดว่า "พวกเจ้าทุกคนควรไปที่นั่นเพื่อดูเรื่องที่น่าตื่นเต้นในวันพรุ่งนี้ อย่างไรก็ตาม ข้าไม่อนุญาตให้พวกเจ้าเคลื่อนไหวตามอำเภอใจ!"
เมื่อฉีฮวงเย่ หลีตงเย่และคนอื่นๆได้ยินหลิงฮันชวนพวกเขาไปกับเขา มันจึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะรู้สึกวิตกกังวล พวกเขาไม่มีความกล้าที่จะต่อต้านตระกูลหลิ่ว แต่เมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดสุดท้ายของหลิงฮัน มันทำให้พวกเขารู้สึกโล่งใจ
ดวงตาของหลิงฮันกวาดสายตาไปมองที่ชูหวู่จิวและอีกสองคน เขาจ้องเขม็งไปที่ทั้งสามคน ทำให้พวกเขาทั้งสามคนพยักหน้าโดยไม่รู้ตัวและไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา
"ฮ่าฮ่าฮ่า ถ้างั้นข้าเองก็ไม่จำเป็นต้องเคลื่อนไหวด้วยถูกต้องไหม?" กว่างหยวนพูดพร้อมกับเสียงหัวเราะ
หลิงฮันหัวเราะออกมาและพูดว่า "ถ้าไม่มีใครต่อสู้กับข้า เช่นนั้นก็คงไม่มีความจำเป็นต้องถึงมือพี่ใหญ่กว่าง แต่ถ้ามันมีศัตรูที่ทรงพลังปรากฏตัวออกมา ข้าคงต้องพึ่งพี่ใหญ่กว่างแล้ว ในฐานะผู้คุ้มกัน ด้วยความสามารถและชื่อเสียงของพี่ใหญ่กว่าง อย่างน้อยท่านน่าจะรับมือกับฝ่ายตรงข้ามได้สิบคนด้วยตัวคนเดียว!"
"หลิงฮันน้อย เจ้ากำลังก่อปัญหาให้กับข้า?" ทันใดนั้น สีหน้าของกว่างหยวนดูน่าสังเวช
หลิงฮันเพียงแค่ยิ้ม ถ้าพรุ่งนี้กว่างหยวนไม่หนีไปไหนซะก่อน เขาก็จะช่วยเหลือกว่างหยวน และในอนาคต ไม่เพียงแค่เขาจะบรรลุระดับแก่นแท้จิตวิญญาณ มันอาจทำให้เขาบรรลุระดับบุปผาผลิบานหรือระดับตัวอ่อนวิญญาณได้
ถ้าใครคนใดอย่างให้เขาฝึกฝนพวกเขา คนผู้นั้นจำเป็นต้องพิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขามีคุณสมบัติที่จะเป็นสหายกับเขาและได้รับความไว้วางใจจากเขา
ตอนนี้ หลี่เฮ่าและชูหวู่จิวผ่านการทดสอบของหลิงฮันแล้ว เว้นแต่จิงหวู่จื้อต้องสังเกตนานหน่อย ในขณะเดียวกัน ฉีฮวงเย่ ไป๋ลี่เถิงหยุนและคนอื่นๆก็สามารถผ่านในฐานะเพื่อน
แม้ว่าฉีฮวงเย่และคนอื่นจะเกลี้ยกล่อมเขา แต่เมื่อพวกเขาเห็นหลิงฮันไม่เปลี่ยนใจ พวกเขาจึงหมดหนทาง
หลังจากนั้นไม่นาน องค์ชายสามได้มาหาหลิงฮันอย่างเงียบๆ
"ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเฟิงหยางจะกลายเป็นศิษย์ของนิกายจันทราเหมันต์!" องค์ชายสามกล่าวขณะที่เขาเดินก้าวผ่านประตู ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอิจฉาและไม่พอใจ
ตอนแรก เขาเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่แข็งแกร่งที่สุดในช่วงอายุของเขา และเป็นหัวหน้าศิษย์หลักของนิกายหู่หยาง แต่เมื่อวันก่อน เขาถูกเฟิงหยางท้าสู้และพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์ เรื่องนี้มันต้องเป็นเพราะเฟิงหยางได้รับมรดกลับของนิกายจันทราเหมันต์เป็นแน่ และเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมมันถึงถึงมีความก้าวหน้าขนาดนั้นและเอาชนะเขาได้อย่างง่ายดาย
เฟิงหยางเป็นเพียงแค่ศิษย์แท้จริงของนิกายหู่หยาง ในขณะที่เขาเป็นองค์ชายสามแห่งแคว้นพิรุณและเป็นศิษย์หลัก! ทำไมนิกายจันทราเหมันต์ถึงเลือกเฟิงหยางแทนที่จะเป็นเขา?
นี่เป็นเหตุที่ทำให้องค์ชายสามรู้สึกอิจฉาและเกลียดชัง
"หลิงฮัน พรุ่งนี้เจ้ามีแผนอะไรงั้นรึ?" องค์ชายสามถามอย่างจริงจัง นี่คือเป้าหมายที่แท้จริงที่เขามาที่นี่
หลิงฮันมององค์ชายสามและถามว่า "องค์ชายสามมีแผนอะไรที่ต้องการให้ข้าทำในวันพรุ่งนี้หรือ?"
องค์ชายสามยิ้มออกมา ในสายตาของเขา หลิงฮันเป็นเพียงแค่ก้อนหินที่ให้เขาก้าวเหยียบขึ้นสู่บัลลังก์และเขาไม่เคยคิดเลยว่าหลิงฮันเป็นสหาย ดังนั้นทุกอย่างต้องทำเพื่อผลประโยชน์ของเขาก่อนเป็นอันดับแรก เขาพูดว่า "เฟิงหยางในตอนนี้เป็นคนที่แข็งแกร่งมาก แต่มันจะเป็นได้ไม่นานเพราะมันจะออกจากแคว้นพิรุณ ดังนั้นข้าหวังว่าตอนนี้เจ้าจะอดทนยอมรับเรื่องนี้ได้"
"สิ่งที่องค์ชายสามต้องการจะสื่อคือพรุ่งนี้ข้าควรอยู่ที่นี่?" หลิงฮันถามอย่างใจเย็น
"ข้ารู้ว่าหญิงสาวคนนั้นจากตระกูลหลิ่วเป็นคนที่มีความงดงามโดดเด่น แต่พวกเราจะส่งตัวเองเผชิญกับปัญหาไปทำไม? ถ้าเจ้าเผชิญหน้ากับเฟิงหยางตอนนี้ เจ้าจะถูกมันฆ่าและท่านพ่อของข้าทำได้แค่ไม่รู้ไม่เห็นเท่านั้น ดังนั้น ตอนนี้เจ้าควรแบกรับความอดทนเอาไว้เพื่อแลกกับอนาคตที่สดใสในวันข้างหน้า" องค์ชายสามพูดแนะนำ
จากคำพูดขององค์ชายสามทำให้หลิงฮันรู้ความคิดของตระกูลจักรพรรดิ... ไม่ว่าเขากับเฟิงหยางจะสร้างการบาดหมางส่วนตัวกันขนาดไหน ตระกูลจักรพรรดิก็จะไม่เข้ามาแทรกแซง เหมือนกับตอนที่เขาถูกเฟิงหยางโจมตีกลางถนนในยามค่ำคืน ในตอนนั้นไม่มีองครักษ์จักรพรรดิปรากฏตัวแม้แต่คนเดียว และเมื่อตอนที่เขาทำให้แขนของเฟิงหลัวพิการ องครักษ์จักรพรรดิก็ไม่ลงมือใดๆ หรือแม้แต่ตอนที่เฟิงหลัวตายด้วยเงื้อมมือของเขา ตระกูลจักรพรรดิก็ไม่สืบสวนไล่ตามคดีเช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น เฟิงหยางได้เข้าร่วมนิกายจันทราเหมันต์แล้ว ตระกูลจักรพรรดิคงจะไม่กล้าที่จะทำอะไรกับมัน ในขณะที่หลิงฮัน เขามีนักปรุงยาที่ยิ่งใหญ่สองคนหนุนหลังอยู่ และตอนนี้เขาได้กลายเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่เหมือนกับพวกเขา ดังนั้นตระกูลจักรพรรดิคงไม่กล้าทำอะไรเขาเหมือนกัน
...เว้นแต่ว่าหลิงฮันจะไม่ทำอะไรที่ทำให้อำนาจของตระกูลจักรพรรดิลดลง
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่หนุนหลังพวกเขาทั้งสองคนไม่สามารถลงมือทำอะไรได้ ไม่ว่าจะเป็นฟูหยวนเชิงฆ่าเฟิงหยาง หรือจอมยุทธที่แข็งแกร่งจากนิกายจันทราเหมันต์ฆ่าหลิงฮัน ตระกูลจักรพรรดิไม่อาจเอนเอียงไปข้างใดข้างหนึ่งได้ หากผู้ที่หนุนหลังพวกเขาทั้งสองฝ่ายเคลื่อนไหว ตระกูลจักรพรรดิจะถูกบังคับให้เข้ามาแทรกแซง
หลิงฮันเพียงยิ้ม ตั้งแต่ที่เขารู้ความคิดของตระกูลจักรพรรดิ เขาสามารถใช้ประโยชน์ในการพลิกโฉมการต่อสู้ได้
"ข้าจะเข้าร่วมงานแต่งงานวันพรุ่งนี้!" หลิงฮันพูด
"เจ้า!" องค์ชายสามรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที