TQF:บทที่ 3 การโกหกที่ขาวสะอาด
TQF:บทที่ 3 การโกหกที่ขาวสะอาด
เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ลืมตาขึ้นและยิ้มให้กับน้องชายของเธอ “เข้าใจแล้วข้ากำลังไป”
“เร็วเข้า”
เมื่อเห็นพี่สาวของเขา เจิ้งหยวน รู้สึกงงๆเขารู้สึกราวกับว่าพี่ใหญ่ของเขาแตกต่างจากที่เคยเป็นมาก่อนแต่เขาไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร ในความเป็นจริงสมาชิกทุกคนในครอบครัวเฉิงยกเว้นพ่อของพวกเขาสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงของ เฉิงเสี่ยวเสี่ยว แต่พวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกันไม่ว่าเธอจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรพวกเขาก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก
เฉิงเสี่ยวเสี่ยว อิ่มจากหัวไชเท้าดังนั้นเธอจึงมอบขนมปังให้กับน้องสาวของเธอ ตอนนี้ปัญหาใหญ่ที่สุดของเธอก็คือทำอย่างไรที่จะนำสิ่งของออกจากมิติมาสู่ชีวิตจริงได้
เธอไม่สามารถบอกความจริงและนำมันออกมาต่อหน้านางเฉิงได้ เธอไม่รู้จะอธิบายยังไง
เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ตบหน้าผากของตัวเองรู้สึกปวดหัวจากอาการคิดไม่ออกนี่เป็นเรื่องยุ่งยากเกินไป
“พี่สาวพวกเราจะขึ้นไปบนภูเขาเพื่อเก็บฟืนในวันนี้ ฟืนของเรากำลังจะหมด” เจิ้งหยวน น้องชายของเธอพูดขึ้นขัดจังหวะขณะที่เธอกำลังคิด
ขึ้นไปบนภูเขา?
นั่นอาจจะเป็นไปได้!อย่างน้อยการขึ้นไปบนภูเขาเธอก็หาเหตุผลมาอธิบายได้
เฉิงเสี่ยวเสี่ยว รู้สึกมีความสุขเธอคว้าเชือก 2-3 เส้นและมีดขึ้นไปยังภูเขาพร้อมกับน้องชายทั้งสองคนของเธอ ส่วนน้องสาวอายุ 7 ขวบอยู่กับพ่อแม่
เมื่อออกจากรั้วบ้านไปเธอเห็นชนบทที่ค่อนข้างคุณเคย เมฆสีขาวส่องผ่านท้องฟ้าสีคราม พุ่มต้นไม้และทุ่งหญ้ากระจัดกระจายอยู่รอบๆภูเขาและแม่น้ำ ทิวทัศน์ทั้งหมดดูเหมือนภาพวาดจีนโบราณ มันคล้ายกับบ้านเกิดของเธอ
เฉิงเสี่ยวเสี่ยว หายใจเข้าลึกๆและเก็บอารมณ์ซับซ้อนเอาไว้เธอบอกกับน้องชายให้ติดตามเธออย่างใกล้ชิดจากนั้นเธอมุ่งหน้าไปยังทางเล็กๆด้านหลังบ้าน ด้านหลังบ้านฟางของพวกเขาเป็นแนวเทือกเขาสูงถึงท้องฟ้า ภูเขาปกคลุมไปด้วยพืชสีเขียวหนามีทะเลสาบใสอยู่เชิงเขาล้อมรอบครึ่งภูเขาเหมือนเข็มขัด โชคไม่ดีที่รอบๆภูเขาเป็นทุ่งหญ้าและไม่มีผู้อาศัยอยู่ทำให้พื้นที่ดูเหมือนไม่ได้รับการพัฒนา มีไก่ฟ้าหรือนกป่าบินไปมาเป็นบางครั้งทำให้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
เฉิงเสี่ยวเสี่ยว พาน้องชายทั้งสองคนของเธอขึ้นไปยังภูเขาที่ใกล้ที่สุดซึ่งเป็นสถานที่ที่ครอบครัวของเธอไปบ่อยที่สุดมันเป็นพื้นที่ที่อยู่ใกล้กับที่อยู่อาศัยจึงมีสัตว์ป่าน้อยกว่า ดังนั้นจึงเป็นสถานที่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
“เจิงหยวน ,เจิ้งปิน พวกเจ้าไปเก็บฟืนอยู่บริเวณนี้ข้าจะเข้าไปในหุบเขาเบื้องหน้าเพื่อดูว่าจะหาสมุนไพรให้กับท่านพ่อได้หรือไม่” เฉิงเสี่ยวเสี่ยว บอกกับน้องชายทั้งสองคนของเธอหลังจากเช็ดเหงื่อที่อยู่บนใบหน้า
เจิ้งหยวน อายุ 12 ปีพยักหน้าอยากเข้าใจแล้วกล่าวอย่างกังวล “พี่ใหญ่ท่านต้องระวังตัว!”
“ข้าเข้าใจแล้ว เจิ้งหยวนดูแลเจิ้งปินให้ดี เมื่อข้ากลับมาจะช่วยกันมัดฟืนและระวังงู”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยว อธิบายทุกอย่างให้น้องๆฟังอย่างระมัดระวัง
“พวกเราเข้าใจแล้ว!”
เจิ้งปินที่อยู่ข้างๆบ่นขึ้นมาว่า “พี่ใหญ่พวกข้าไม่ใช่เด็กแล้ว!”
“ตกลง ไม่มีใครเป็นเด็ก แค่ระวังตัวไว้อย่าไปไกลเกินไป!”
“เข้าใจแล้วพี่ใหญ่!”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยว แยกทางจากพี่น้องของเธอ หลังจากที่เธอเห็นทั้งสองคนเดินเข้าไปในป่าเธอถอนหายใจ ถ้าเธอไม่ซ่อนมิติจากพวกเขาเธอคงไม่ต้องการให้พวกเขาออกไปจากสายตาของเธอ ทุกที่ในป่าล้วนแล้วแต่อันตราย เธอต้องการหาสถานที่ที่เหมาะสมอย่างรวดเร็วจากนั้นกลับมาพบน้องของเธอ เธอเดินลงไปที่หุบเขาที่ใกล้ที่สุดมันถูกล้อมรอบด้วยหน้าผาไม่มีวิธีอื่นที่จะข้ามหุบเขานี้ไปได้นอกจากเดินบนก้อนเมฆ เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ระมัดระวังอย่างมากจะสภาพแวดล้อมเธอไม่ต้องการให้เกิดอุบัติเหตุใดๆ
1 ชั่วโมงต่อมา
เฉิงเสี่ยวเสี่ยว พบถ้ำในหุบเขาที่เงียบสงบ มันดูมืดและลึกลับ เธอต้องการเข้าไปเพื่อตรวจสอบหลังจากที่ตรวจสอบมันเรียบร้อยจากนั้นเธอนำไก่ กระต่ายและหัวไชเท้าออกมา และนำมาไว้ในถ้ำ จากนั้นเธอเดินทางกลับมายังสถานที่ที่น้องชายทั้งสองคนของเธออยู่ พวกเขาเก็บฟืนได้เป็นจำนวนมาก เธอไม่มีเวลาพักผ่อนเธอรีบตะโกนออกมาว่า “เจิ้งหยวน! เจิ้งปิน!”
“พี่ใหญ่ท่านกลับมาแล้ว!”
“อา….พี่ใหญ่ในมือของท่านคืออะไรและยังมีไก่ 2 ตัว”
เฉิงเสี่ยวเสี่ยว แอบนำไก่ 2 ตัวและหัวไชเท้า 10 หัวออกมาจากมิติ น้องชายทั้งสองคนของเธอเห็นหัวไชเท้าสีขาวในมือของเธอและมองอย่างสงสัย เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ยิ้ม
“เจิ้งหยวน, เจิ้งปิน ในตอนที่ข้ากำลังมองหาสมุนไพรนั้นข้าได้พบกับถ้ำแห่งหนึ่ง ข้าพบไก่และสิ่งนี้อยู่ในถ้ำ!”
“มีไก่อยู่ในถ้ำอย่างนั้นหรอ พี่ใหญ่เรารีบไปจับไก่กันเถอะ!” เจิ้งปิน ตัวน้อยรู้สึกตื่นเต้นมาก
ทำไมพวกเขายังต้องเก็บฟืนถ้ามีไก่รอให้พวกเขาจับ?พวกเขาไม่ได้กินเนื้อมาเป็นเวลานานแล้ว เจิ้งหยวน ถูกล่อลวงเช่นกันแต่เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาเขามองไปที่พี่สาวของเขา เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ยิ้มและส่ายหัว
“ข้าคิดว่าพวกเราอย่าเพิ่งไปจับมันเลย ดูอย่าง 2 ตัวนี้สิข้าใช้ความพยายามเป็นอย่างมากกว่าจะจับมันได้”
น้องชายทั้งสองคนของเธอรู้สึกผิดหวัง เจิ้งหยวน มองไปที่หัวไชเท้าขนาดเท่าแขนของ เฉิงเสี่ยวเสี่ยว และถามว่า
“พี่ใหญ่ นั่นคืออะไร มันอร่อยไหม”
“พวกมันกินได้และอร่อยอีกด้วย!ข้าเห็นไก่กำลังกินอยู่ดังนั้นข้าจึงลองกินดู?”เธอยิ้มและส่งมันให้กับพวกเขา
“ทำไมพวกเจ้าไม่ลองดูล่ะ!”
“ขอรับท่านพี่!”
“ข้าหิวมาก!”
พวกเขาทั้งสองคนกำลังอยู่ในวัยเติบโต เพียงข้าวต้มกับขนมปังข้าวโพดไม่ใช่อาหารที่เพียงพอสำหรับพวกเขา ไม่ต้องพูดถึงวันนี้เป็นเวลาครึ่งวันผ่านไปแล้วดังนั้นพวกเขาต่างหิวโหย เมื่อน้องชายของเธอกินหัวไชเท้าเสร็จ เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ก็มัดฟืนที่เก็บได้แบ่งออกเป็น 2 ส่วนเพื่อง่ายต่อการถือ เธอให้น้องชายของเธอถูกไก่และหัวไชเท้าไว้ที่เอว
ทั้งสามคนกลับมาบ้านด้วยความดีใจ
“ท่านแม่!ท่านแม่!พี่ใหญ่จับไก่ได้!ท่านแม่…” น้องชายของเธอตะโกนอย่างมีความสุขขณะที่พวกเขาวิ่งเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว เฉิงเสี่ยวเสี่ยว เดินตามหลังน้องชายทั้งสองคนแล้วยิ้มอย่างเงียบๆ
“โอ้!มันคือไก่จริงๆ!”
นางเฉิง เดินออกมาเมื่อได้ยินเสียงลูกของเธอตะโกนเธอมองอย่างไม่เชื่อสายตา ตอนนี้เธอแสดงออกอย่างประหลาดใจ
เจิ้งปิน น้อยเชิดหัวขึ้นอย่างภูมิใจ “ท่านแม่พี่ใหญ่ไม่เพียงจับไก่ได้ แต่เขานำสิ่งนี้มาด้วย มันอร่อยมาก!พวกเราลองกินแล้ว!”
“มันคืออะไร แม่ไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อน” นางเฉิง หยิบหัวไชเท้าขึ้นมา
เฉิงเสี่ยวเสี่ยว วางฟืนลงและเดินไปหาแม่ของเธอจากนั้นพูดว่า “ท่านแม่สิ่งนี้อร่อยมากแต่พวกเราไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร”
“อะไรนะ! เจ้าไม่รู้ว่ามันคืออะไรแต่กลับกินมันเข้าไปแล้ว มันเป็นพิษหรือเปล่า?”
“ท่านแม่โปรดวางใจ พวกเราสบายดี” เมื่อมองเห็นอาการตื่นตระหนกของนางเฉิง เฉิงเสี่ยวเสี่ยว ต้องอธิบายสิ่งที่เธอ “เห็น”ในถ้ำอีกครั้ง
------------------------------------------