ตอนที่ 247 สกัดปราณอสูร
พลังระดับพระเจ้าเป็นพลังที่สามารถใช้เพิ่มพลังได้อย่างยอดเยี่ยม มันอยู่ต่ำกว่าเม็ดยาระดับพระเจ้าเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น
ก่อนหน้านี้ หลิงฮันได้กินรากสมุนไพรระดับพระเจ้าเข้าไปและทำให้พลังของเขาเพิ่มขึ้นมาถึงขั้นก่อให้เกิดกายาหินผา อย่างไรก็ตามระดับบ่มเพาะพลังของเขาแทบจะไม่ยกระดับขึ้น แต่มันก็ทำให้รากฐานของเขามั่นคง
หลังจากที่ได้สร้างรากฐานมั่นคงแล้ว เขาจำเป็นต้องกังวลเรื่องความเร็วบ่มเพาะพลังที่เร็วเกินไปหรือไม่?
อย่างไรก็ตาม พลังที่เพิ่มขึ้นทำให้การบ่มเพาะพลังของเขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น เขาได้รับปราณอสูรมาฟรี เขาจะไม่พอใจได้อย่างไร?
ฟุบ ร่างหนึ่งกระโจนมาจากด้านบนและกระโดดลงบนพื้นพร้อมกับกางแขนขาทั้งสองข้างอย่างนุ่มนวล ทันใดนั้น ร่างนั่นวิ่งตรงเข้าหาเขาทันที มันจะเป็นใครอื่นได้อย่างไรนอกจากฮูหนิว?
"หลิงฮันคนไม่ดี หนิวอยากกินด้วย!" เด็กน้อยกระโจนเข้าใส่และอ้าปาก แล้วสูดดมกลิ่นของปราณอสูร
หลิงฮันไม่คิดที่จะหยุดนาง เมื่อย้อนนึกกลับไปว่าฮูหนิวเคยดูดซับรากสมุนไพรระดับพระเจ้าไปแล้ว เขาเลยมั่นใจว่าปราณอสูรเพียงน้อยนิดนี่ไม่น่าเป็นปัญหาสำหรับนาง ดังนั้นเขาเลยแบ่งให้เด็กน้อย
โชคดีที่ฮูหนิวไม่บุ่มบ่าม นางเพียงแค่ดูดซับมันทีละนิดเท่านั้นก่อนที่จะนั่งลงบนพื้นเพื่อทำให้สะกัดให้เป็นพลังบริสุทธิ์
จิตญญาณเปลวเพลิงกำลังจำศีล ฮูหนิวกำลังนั่งสมาธิและหลิงฮันเองก็นั่งสมาธิอยู่เช่นกัน มีเพียงแค่หอคอยทมิฬเท่านั้นที่กำลังสั่นสะเทือนเล็กน้อย
ปัง ปัง ปัง ภายในตันเถียนของหลิงฮันเกิดการเปลี่ยนที่รุนแรง ถ้าสัมผัสสวรรค์ของเขาเทียบได้กับรูปร่างของมนุษย์ เช่นนั้นน้ำพุก่อเกิดของเขาได้แผ่ขยายกว้างออกไปห้าร้อยเมตรแล้ว มันขยายถึงห้าเท่า
หลิงฮันเป็นคนที่มีประสบการณ์ เขาตระหนักได้ทันทีว่าตัวเองบรรลุถึงจุดสูงสุดระดับก่อเกิดธาตุขั้นแรกแล้ว
ตามวิธีปกติ เขาควรเปลี่ยนเม็ดก่อเกิดเมล็ดที่สองเป็นน้ำพุก่อเกิด แล้วเริ่มกระบวนการแบบเดิมอีกรอบ อย่างไรก็ตาม เมล็ดก่อเกิดเมล็ดที่สองที่จะให้เขาหลอมมันอยู่ที่ไหนกัน? หรือว่าเขาสามารถบ่มเพาะพลังได้เฉพาะระดับก่อเกิดธาตุขั้นแรก?
แน่นอนว่าไม่!
เขาค้นพบได้ทันทีว่าขีดจำกัดนี่มันไม่เสถียรมาก เขาแค่ต้องโตมตีมันเล็กน้อยเพื่อที่จะทะลวงผ่านมัน
ความเข้าใจของระดับขั้นพลังไม่ใช่ปัญหา ดังนั้นเขาต้องการพลังเท่านั้น
'ทำลาย!'
พลังงานที่น่าสะพรึงกลัวพรั่งพรูออกมา น้ำพุก่อเกิดทำลายขีดจำกัดของมันและขยายตัวทันทีก่อนที่จะชะลอตัวลงอย่างช้าๆ อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้ชะลอตัวช้าลงมากนักเพราะพลังจากปราณอสูรยังไม่หมด
ระดับก่อเกิดธาตุขั้นสอง
หลิงฮันรู้ว่าเขาทะลวงผ่านสำเร็จแล้ว แต่ตันเถียนของเขายังมีน้ำพุก่อเกิดแค่อันเดียว ดังนั้นเลยถือว่าอยู่ในระดับก่อเกิดธาตุขั้นแรกอยู่ หลิงฮันเลยถอนหายใจออกมา
หลิงฮันเผยรอยยิ้มเมื่อคิดแบบนั้น เมื่อเขาบรรลุระดับก่อเกิดธาตุขั้นแรก เขาได้เปรียบเทียบว่า น้ำพุก่อเกิดของเขามันใหญ่ก่อนชีวิตที่แล้วของเขาถึงหนึ่งร้อยเท่า!
นี่เป็นเพราะน้ำพุก่อเกิดของเขาเกิดขึ้นจากเมล็ดก่อเกิดธาตุทั้งห้าและเมล็ดก่อเกิดเก้าเมล็ด
อย่างไรก็ตาม มันต้องใช้พลังงานเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่าเพื่อขยายขีดจำกัดของน้ำพุก่อเกิด ซึ่งเทียบได้กับเวลาที่ใช้ในการบ่มเพาะพลังมากกว่าร้อยครั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะเขาได้รับปราณอสูร เขาจะต้องใช้เวลาสองเดือนเพื่อทำให้แบบนั้น
หลิงฮันคาดเดาว่าปราณอสูรที่เหลืออยู่น่าจะเพียงพอที่จะยกระดับพลังของเขาได้สองหรือสามขั้น
เวลาผ่านไปอย่างเงียบๆ ภายในพลังของปราณอสูร น้ำพุก่อเกิดขยายตัวอีกครั้ง ร่างกายของเขาสั่นสะท้านขณะที่ประตูระดับก่อเกิดธาตุขั้นสามเปิดออกเพื่อเขา
ความเร็วนี่มันเป็นความเร็วที่น่าทึ่งมาก ระดับก่อเกิดธาตุขั้นสามช่วงกลาง...ระดับก่อเกิดธาตุขั้นสามช่วงปลาย...จุดสูงสุดระดับก่อเกิดธาตุขั้นสาม และทะลวงผ่านอีกขั้น!
มันกินเวลาจนถึงระดับก่อเกิดธาตุขั้นห้าช่วงกลาง จนในที่สุดพลังปราณอสูรได้หมดไป หลิงฮันยิ้มออกมาและลืมตาของเขาขึ้น
ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพแปลกๆ
ระดับบ่มเพาะพลังของเขาอยู่ที่ระดับก่อเกิดธาตุขั้นห้า แต่ทุกคนจะเห็นว่าเขาอยู่แค่ระดับก่อเกิดธาตุขั้นแรกเท่านั้น และพลังที่แท้จริงของเขานั้นอยู่เหนือกว่าระดับก่อเกิดธาตุขั้นเก้า ส่วนพลังต่อสู้ของเขา...แม้จะไม่ใช้ไพ่ลับ พลังต่อสู้ของเขาก็แตะอยู่ที่สิบห้าดาวได้อย่างง่ายดาย
หากคนอื่นมองเขา พวกมันจะเห็นเขาอยู่ระดับก่อเกิดธาตุขั้นแรกเท่านั้นที่มีพลังต่อสู้สิบห้าดาวหรือมากกว่านั้น
อีกอย่าง กายหยาบของเขาเองก็ทะลวงผ่านขั้นกายาหินผา ซึ่งไม่ใช่ทำให้แค่พลังป้องกันของเขาเพิ่มขึ้นอย่างเดียว แต่เขายังสามารถควบแน่นสร้างหยดวารีอมตะเพิ่มขึ้นได้อีกสองหยดด้วย
หลิงฮันยกมือขวาของเขาขึ้นมาและสั่นเล็กน้อย แสงสีดำหลั่งไหลออกมาก่อตัวเป็นตาข่ายราวกับเป็นเส้นใยผ้า อย่างไรก็ตาม เส้นสีดำพวกนั้นยึดติดอยู่บนฝ่ามือของเขาและไม่สามารถปล่อยมันออกมาได้
หลิงฮันมีความรู้สึกว่าสายสีดำพวกนี้มันน่าหวาดกลัวมาก เพราะตัวเขาเองยังไม่อยากแตะต้องพวกมันแม้แต่นิดเดียว
"หอคอยทมิฬ สิ่งนี้คืออะไร?" หลิงฮันถาม
"พลังแห่งการควบคุม" หอคอยทมิฬตอบกลับทันที
หลิงฮันรู้สึกตกใจอยู่ชั่วขณะ หอคอยทมิฬสูญเสียความทรงจำของมันไป ดังนั้นเขาเลยถามออกไปโดยไม่หวังคำตอบ แต่แล้วเขากลับได้รับคำตอบจากมัน
"พลังแห่งการควบคุมคืออะไร?" หลิงฮันถามอีกครั้ง
หอคอยทมิฬนิ่งเงียบเหมือนกับว่ามันกำลังคิดอยู่ หลังจากนั้นไม่นาน มันได้พูดออกมาว่า "ข้าไม่ค่อยมั่นใจ แต่มันเป็นสิ่งที่น่าประทับใจมาก"
'ใครมันจะคิดว่าอาวุธวิญญาณจะพูดขาดความรับผิดชอบแบบนี้กัน!'
"ย๊าก!" ฮูหนิวกระโดดขึ้นมาอย่างกระทันอยู่สูงพื้นดินประมาณสามสิบเมตร เมื่อนางลงบนพื้น เด็กสาวกระโดดโลดเต้นไปมาและดูดว่า "หนิวทะลวงผ่านแล้ว!"
หลิงฮันเพียงแค่กวาดสายตามองและเห็นว่าฮูหนิวอยู่จุดสูงสุดระดับรวมธาตุขั้นเก้าแล้ว ถ้านางพยายามอีกเล็กน้อย นางอาจจะกลายเป็นจอมยุทธระดับก่อเกิดธาตุขั้นแรก
ด้วยความรู้ที่หลิงฮันมี ความเร็วในการบ่มเพาะพลังของเด็กสาวตัวน้อยเป็นอะไรที่น่าอัศจรรย์มากและเป็นอะไรที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลก แม้ว่าเขาจะเป็นจอมยุทธระดับสวรรค์ที่เกิดใหม่พร้อมกับฐานวิญญาณนิรันดร์ แต่เขาก็เทียบกับฮูหนิวไม่ได้
"หนิวจะต่อสู้กับขั้นสิบ!" ฮูหนิวหัวเราะออกมาเสียงดัง
หลิงฮันยิ้มอยู่ในใจและเหยียดมือขวาออกไป ดาบกำเนิดมารปรากฏอยู่ในมือของเขาและต่อต้านเขาทันที แต่ทว่าเมื่ออยู่ภายในหอคอยทมิฬ มันเลยถูกหอคอยทมิฬสยบอย่างสมบูรณ์
ด้วยความคิด พลังของหอคอยทมิฬแสดงพลังของมันออกมาทันที มันเริ่มกำจัดปราณอสูรที่อยู่ภายในดาบกำเนิดมารออกไป
แต่แล้วหลิงฮันได้ค้นพบว่าจิตวิญญาณของดาบกำเนิดมารนั้นได้เชื่อมต่อกับปราณอสูรและไม่สามารถถูกตัดขาดได้ ถ้าเขากำจัดปราณอสูร เช่นนั้นจิตวิญญาณของมันจะตายไปพร้อมกัน
หลิงฮันรู้สึกลังเลเล็กน้อย และตัดสินใจกำจัดปราณอสูรต่อ สำหรับอาวุธวิญญาณระดับสิบถ้าเขาไม่สามารถใช้ได้มันก็ไร้ประโยชน์ การมีอยู่ของมันมีแต่จะทำให้เขาลำบาก ถ้ามันออกจากหอคอยทมิฬ มันจะต้องฆ่าเขาอย่างไม่ลังเล ดังนั้นหลิงฮันจึงกำจัดมันออกไปอย่างช้าๆ
ปัง พลังของหอทมิฬแสดงอำนาจยิ่งใหญ่ออกมา และในทันใดนั้น จิตวิญญาณของดาบกำเนิดมารและปราณอสูรถูกทำลายสิ้นอย่างไร้ร่องรอย
หลิงฮันหยิบดาบขึ้นมา และพยายามกระตุ้นเจตจำนงที่อยู่ภายใน
ถ้าจิตวิญญาณของมันยังไม่ตายและเต็มใจที่จะช่วยเหลือ อาวุธวิญญาณระดับสิบสามารถปลดปล่อยพลังระดับทะลายมิติได้และจะทำให้หลิงฮันเดินออกไปอาละวาดบนดินแดนที่กว้างใหญ่ไพศาลนี่ได้ อย่างไรก็ตาม จิตวิญญาณของมันได้ตายไปแล้ว ดังนั้นพลังของหลิงฮันจึงจำเป็นต้องปลุกเจตจำนงแห่งดาบของมันเพื่อเปิดใช้งานพลังของอาวุธวิญญาณ
หลิงฮันใส่พลังเข้าไปมาก และเห็นคมดาบของมันสว่างขึ้น