ตอนที่แล้วทีมบาสหัวใจนักสู้ ตอนที่ 8
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปทีมบาสหัวใจนักสู้ ตอนที่ 10

ทีมบาสหัวใจนักสู้ ตอนที่ 9


ตอนที่ 9

การเรียนภาคฤดูร้อนสามสัปดาห์ รวมช่วงปิดเทอมอีกหนึ่งสัปดาห์ คล้ายกับมันผ่านไปเพียงชั่วพริบตาเดียว

วันที่สามสิบเดือนสิงหาคม วันที่โรงเรียนมัธยมปลายกวงเป่ยเปิดภาคเรียน หลังจากพิธีเปิดภาคเรียนจบลง เย่อวี้เฉิงกลับไปยังห้องผู้อำนวยการ ขณะที่เขาถอดสูท กำลังจะหยิบน้ำจากตู้เย็นออกมาดื่ม โทรศัพท์มือถือที่โต๊ะก็ดังขึ้น

เย่อวี้เฉิงวางน้ำเย็นลง รับโทรศัพท์ อดไม่ได้ที่จะกรอกตามองบน จากนั้นประตูก็เปิดออก “แกเคาะประตูก็ได้แล้วนี่?”

ในมืออู๋ติ้งหวาถือใบรายชื่อใบหนึ่ง เดินเข้ามาในห้องผู้อำนวยการ “ฉันไม่แน่ใจไงว่าแกอยู่หรือเปล่า”

“ว่าไง?” เย่อวี้เฉิงยกน้ำขึ้นดื่ม เพื่อระบายอากาศที่ร้อนอบอ้าว

“ถ้าจะเอารายชื่อที่มีอยู่ตอนนี้ไปลงสมัครลีกซี ก็แค่ได้ลงเล่น” อู๋ติ้งหวาวางใบรายชื่อไว้บนโต๊ะเย่อวี้เฉิง

เย่อวี้เฉิงขมวดคิ้ว “ไม่ราบรื่นอย่างนี้เลยเหรอ?”

อู๋ติ้งหวาพูดอย่างไม่เกรงใจ “แกก็ดูสิ สูงสุดแค่ร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรเอง การประสานงานและการเคลื่อนไหวแย่สุดๆ เล่นนอกสนามก็พอจะได้อยู่หรอก ลงสนามแข่งจริงโดนยำเละแน่”

เย่อวี้เฉิงหยิบรายชื่อขึ้นมา กวาดตามองรายชื่อ ขมวดคิ้วขึ้น “ทำไมไม่มีเว่ยอี้ฝาน เด็กม.5ล่ะ?”

“เว่ยอี้ฝาน?”

“อืม ย้ายมาจากโรงเรียนมัธยมปลายหรงซิน ตอนม.4เคยเป็นตัวจริงในการแข่งขันลีกเอ”

“ในเมื่ออยู่แค่ม.4ก็ได้เป็นตัวจริงแล้ว ทำไมถึงได้ย้ายโรงเรียนล่ะ?”

“เหมือนจะเป็นปัญหาเรื่องครอบครัวนะ”

“ไม่แน่ว่าครอบครัวเขาอาจจะไม่เห็นด้วยที่เขาเล่นบาสเกตบอล ดังนั้นแม้แต่ทีมบาสเกตบอลเล็กๆ อย่างกวงเป่ยเขาถึงไม่สมัคร หรืออาจจะมีสาเหตุอื่นที่ทำให้เขาจำเป็นต้องทิ้งการเล่นบาสเกตบอลไป”

“ถ้าครอบครัวไม่เห็นด้วย ผู้อำนวยการอย่างฉันจะทำให้เขารู้ว่า บาสเกตบอลสามารถช่วยเด็กวัยรุ่นที่ไม่เอาไหนคนหนึ่งได้ แต่ถ้าเป็นที่ตัวเขาทิ้งการเล่นบาสเกตบอลเอง ฉันก็จะทำให้เขารู้ว่า ก่อนที่บาสเกตบอลจะทิ้งเขา เขาจะต้องไม่ทิ้งบาสเกตบอล”

“โอเค โอเค ไม่ว่ายังไงก็ตามแกต้องดึงเขาเข้าทีมบาสเกตบอลให้ได้” อู๋ติ้งหวายกมือทั้งสองข้างขึ้นทำท่ายอมจำนน

นิสัยดื้อดึงของเย่อวี้เฉิงบางทีก็ทำให้คนอื่นปวดหัว แต่ก็เพราะแบบนี้ สมัยนั้นเขาถึงได้เป็นตัวป้องกันที่บ้าระห่ำของทีม

“แต่ถึงแม้ว่าเขาจะเข้าทีมบาสเกตบอลได้อย่างที่แกว่าจริงๆ ตรงเขตจุดโทษล่ะจะเอายังไง? คงจะไม่ให้คนสูงร้อยแปดสิบห้าไปปะทะกับเซ็นเตอร์ใช่ไหม?”

เย่อวี้เฉิงแสดงสีหน้าลำบากใจ “เซ็นเตอร์ ก็เป็นปัญหาจริงๆ แหละ...”

ขณะนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือในกระเป๋าเสื้อของเย่อวี้เฉิงก็ดังขึ้น

อู๋ติ้งหวาฝายมือเชิญ ส่วนตัวเองก็นั่งจิบชาที่เย่อวี้เฉิงเพิ่งชงเสร็จ

เย่อวี้เฉิงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา มองเบอร์ที่โชว์เป็นเบอร์ของเพื่อน จึงรีบรับ

“คณบดี ว่าไงครับ?”

“จะย้ายที่เรียนเหรอ? ได้ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว อะไรนะ ต้องสั่งทำโต๊ะ เก้าอี้ให้?” เย่อวี้เฉิงทำหน้าประหลาดใจจนตาเบิกกว้าง จากนั้นส่งสายตาปีติยินดีมาที่อู๋ติ้งหวา “คุณบอกว่าเขาสูงร้อยเก้าสิบสองเซน!”

พอได้ยินประโยคนี้ อู๋ติ้งหวาตกใจจนแทบจะพ่นชาออกจากปาก

อู๋ติ้งหวาคิดในใจว่าสวรรค์มีตา ช่างดีกับเราอะไรอย่างนี้?

“ได้ ไม่มีปัญหา พรุ่งนี้มาได้เลย” เย่อวี้เฉิงกลั้นน้ำเสียงตื่นเต้นไว้ไม่ไหว หลังจากวางสายจึงยกกำปั้นขึ้นชู พูดอย่างตื่นเต้นว่า “สวรรค์ช่วยเราแท้ๆ แบบนี้ก็แก้ปัญหาเรื่องเซ็นเตอร์ได้แล้ว”

“แกอย่าเพิ่งรีบดีใจไป ไม่แน่เขาอาจจะเล่นบาสเกตบอลไม่เป็น” ถึงแม้จะพูดแบบนี้ แต่สีหน้าของอู๋ติ้งหวาก็เต็มไปด้วยความยินดี

“เล่นไม่เป็นก็สอนได้ อย่างน้อยเราก็ไม่ลำบากใจเรื่องเซ็นเตอร์แล้ว”

“ถึงแม้ว่าความสูงร้อยเก้าสิบสองจะยังไม่พอต่อเซ็นเตอร์มากนัก แต่ถ้าแข่งลีกซีและลีกบีก็ยังถือว่าเหลือเฟือ”อู๋ติ้งหวาพยักหน้า

“แบบนี้ตัวจริงของกวงเป่ยก็มีอยู่สามคน หาอีกแค่สองคนก็ครบแล้ว”

“เดี๋ยวนะ แกคิดแบบนี้มันจะเร็วไปหรือเปล่า ยังไม่แน่ใจเลยว่าเว่ยอี้ฝานจะเข้าร่วมทีมบาสเกตบอล”

“ปัดโธ่ เรื่องเล็กแค่นี้ ฉันจัดการแป๊บเดียวเสร็จ” พูดเสร็จ เย่อวี้เฉิงโทรไปเบอร์ภายในโรงเรียน “คาบต่อไปทำความสะอาดใช่ไหม พาเว่ยอี้ฝาน ชั้นม.5/4มาหาหน่อย ผมมีเรื่องจะคุยกับเขา”

 

ก๊อก ก๊อก ก๊อก!

หลังจากหมดคาบไม่นาน ก็ได้ยินเสียงเคาะประตูห้องผู้อำนวยการ

“เชิญ”

“สวัสดีครับผู้อำนวยการ” เว่ยอี้ฝานส่วนสูงร้อยแปดสิบห้า ท่าทางกระวนกระวายใจเมื่อเดินเข้าห้องผู้อำนวยการ

“นั่งสิ” เย่อวี้เฉิงฝายมือไปยังโซฟา “ดื่มชาไหม?”

เว่ยอี้ฝานส่ายหน้าอย่างระมัดระวัง “ไม่ครับ ขอบคุณครับผู้อำนวยการ”

“ไม่ต้องตื่นเต้น ที่ตามเธอมาแค่มีเรื่องอยากคุยกับเธอนิดหน่อยแค่นั้นเอง เธอย้ายมาจากหรงซิน ใช่ไหม?”

“ครับ”

“ฉันดูข้อมูลของเธอแล้วนะ เก่งใช้ได้ อยู่แค่ม.4ก็ได้เป็นตัวจริงของลีกเอแล้ว”

“ตอนนั้นมีรุ่นพี่ที่เป็นตัวจริงได้รับบาดเจ็บ โค้ชเลยให้ผมเข้าไปเสริมแทน”

“อาจจะใช่...” เว่ยอี้ฝานหลบสายตาของเย่อวี้เฉิง เขาพอจะเดาออกแล้วว่าผู้อำนวยการเรียกเขามาทำไม

“อี้ฝาน ผู้อำนวยการไม่ใช่คนอ้อมค้อมนะ ขอพูดตรงๆ เลยละกัน ฉันอยากจะให้เธอเข้าร่วมทีมบาสเกตบอลของโรงเรียนมัธยมปลายกวงเป่ย” เย่อวี้เฉิงวางถ้วยน้ำชาไว้ด้านหน้าเว่ยอี้ฝาน ค่อยๆ รินชาจนเต็ม

“ผู้อำนวยการครับ ผมไม่เล่นบาสเกตบอลแล้ว และหลังจากนี้ก็จะไม่เล่นอีก” ในแววตาเว่ยอี้ฝานดูเศร้า แต่ท่าทียังคงสงบนิ่ง

ผู้อำนวยการเงียบไปสักพัก “ฉันถามได้ไหมว่าเพราะอะไร?”

เว่ยอี้ฝานลังเลอยู่สักพัก “เพราะพ่อผมครับ”

“พ่อเธอไม่ให้เล่นบาสเกตบอลเหรอ?”

“ไม่ใช่ครับ” เว่ยอี้ฝานถอนหายใจ “พ่อผมเป็นอดีตนักบาสเกตบอลมืออาชีพ และผมก็ภูมิใจในตัวพ่อมาตลอด จนพ่อไปเจอผู้หญิงคนใหม่ และทิ้งพวกเราไป พ่อทำให้แม่เสียใจ และท่าทางที่ผมเล่นบาสเกตบอลมันทำให้แม่คิดถึงเขา ผมไม่อยากทำให้แม่เสียใจ...”

“ดังนั้นเธอก็เลยไม่เล่นบาสเกตบอล” เว่ยอี้ฝานยังพูดไม่จบเย่อวี้เฉิงก็พูดตัดบทซะก่อน

“ใช่ครับ”

หลังจากนั้นความเงียบก็ปกคลุมไปพักใหญ่ ทำให้เว่ยอี้ฝานนั่งไม่ติด

ผ่านไปสักพัก ในที่สุดเย่อวี้เฉิงจึงพูดขึ้น “ฉันรู้จักนักเรียนคนหนึ่ง ผลการเรียนของเขาไม่ดีและชอบโดดเรียนบ่อยๆ โดนพักการเรียนสองครั้งแต่ก็ไม่คิดจะปรับปรุงตัวเอง แถมไปคลุกคลีอยู่กับพวกที่เรียนไม่จบ

“วันหนึ่งเขากลับมาที่โรงเรียน ใบหน้ามีรอยฟกช้ำจากการชกต่อย ครูถามว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เขาก็ไม่ตอบ กลับถามครูไปว่ารู้จักคนที่ชื่อหลี่หมิงเจิ้งหรือเปล่า จากนั้นก็หยิบบาสเกตบอลวิ่งไปท้าปะลองกับหลี่หมิงเจิ้ง ผลปรากฏว่าแพ้ย่อยยับตั้งหลายครั้ง

“หลังจากพวกเขาประลองกันเสร็จครูจึงเรียกหลี่หมิงเจิ้งเข้าไปคุยที่ห้องพักครู ถึงได้รู้ว่า มีนักเรียนและพวกนักเลงกลุ่มหนึ่งเอามอเตอร์ไซค์ไปจอดในสนามบาสเกตบอล ไม่เพียงนั่งสูบบุหรี่ที่มอเตอร์ไซค์เท่านั้น ยังทิ้งก้นบุหรี่ลงพื้นอีก พอดีว่าแต่ละวันหลี่หมิงเจิ้งจะต้องไปเล่นบาสเกตบอลที่นั้น พอเห็นแบบนั้นเข้าก็เลยบอกให้พวกนั้นไสหัวออกไป พวกวัยรุ่นเรียนไม่จบ เลือดร้อนพวกนั้นมีหรือจะยอม พวกเขาเสนอเงื่อนไขกับหลี่หมิงเจิ้ง ให้หลี่หมิงเจิ้งประลองบาสเกตบอลตัวต่อตัวกับพวกเขา ขอแค่ชนะแต่ละคนได้ พวกเขาก็จะยอมไป

“ผลปรากฏว่าพวกเขาแพ้หมด พวกเขาไม่ได้แม้แต่คะแนนเดียว โดยเฉพาะนักเรียนคนนั้นที่ไม่คิดจะยอมแพ้ แม้จะประลองมาแล้วหลายครั้ง แต่หลี่หมิงเจิ้งก็ไม่คิดจะอ่อนข้อให้ เขาเอาจริงมาก นั้นเป็นเพราะนอกจากนักเรียนพวกนั้นจะทิ้งก้นบุหรี่เรี่ยราดแล้ว ยังถ่มน้ำหมากลงบนพื้นด้วย ความพ่ายแพ้ทำให้นักเรียนคนนั้นไม่พอใจ ความกระดากอายจึงกลายเป็นความโกรธ เลยคิดจะลงมือต่อยหลี่หมิงเจิ้ง ใครจะรู้ว่าสุดท้ายกลับถูกหลี่หมิงเจิ้งลากออกจากสนามบาสเกตบอลไปต่อยซะเอง

“ประโยคสุดท้ายก่อนที่หลี่หมิงเจิ้งจะเดินออกไป ‘แน่จริงก็ไปเอาคืนในสนามให้ได้สิ!’ หลังจากนั้นนักเรียนคนนั้นก็เข้าสู่โลกของบาสเกตบอล วันๆ เอาแต่ฝึกซ้อมอย่างหนัก และก็ไม่เคยกลับไปหาพวกนั้นอีกเลย

“บาสเกตบอลช่วยชีวิตนักเรียนที่ถูกพักการเรียนตั้งสองครั้งได้ มันก็สามารถช่วยเธอสองแม่ลูกได้เหมือนกัน แม่เธอเสียใจเพราะพ่อเธอ ในฐานะที่เธอเป็นลูกก็ควรจะทำให้แม่เธอยิ้มได้อีกครั้ง อะไรที่พ่อเธอใช้บาสเกตบอลทำให้มันจากไป เธอก็ควรจะใช้บาสเกตบอลเพื่อแย่งมันกลับคืนมา ให้แม่เธอภาคภูมิใจในตัวเธอ”

คำพูดของเย่อวี้เฉิงโดนใจเว่ยอี้ฝาน แววตาของเขาเป็นประกาย แต่ไม่นานมันก็เลือนหายไป อ้าปากเหมือนจะพูดแต่กลับพูดไม่ออก

ขณะนั้น ออดก็ดังขึ้น

รอให้ออดหยุดดัง เย่อวี้เฉิงจึงพูดขึ้นว่า “ฉันรู้ว่าตอนนี้ในหัวของเธอต้องสับสนไปหมด ไม่เป็นไร เธอกลับไปเข้าเรียนก่อน ค่อยๆ คิด ทีมบาสเกตบอลของกวงเป่ยยินดีต้อนรับเธอเสมอ”

“ขอบคุณครับผู้อำนวยการ”

หลังจากที่เว่ยอี้ฝานออกไปแล้ว อู๋ติ้งหวาก็เดินออกมาจากห้องน้ำในห้องผู้อำนวยการ “ฉันจำไม่ได้นะว่าแกก็พูดแบบนี้เป็นกับเขาเหมือนกัน”

“พูดไม่เป็นจะได้เป็นผู้อำนวยการได้ยังไง”

“ที่พูดมันก็ถูก”

“แกคิดว่ามีโอกาสไหม?”

“ถ้าฉันเป็นเขา ผ่านไปไม่กี่วันก็คงมาหาแก แต่ฉันไม่ใช่เขานี่”

“อืม” เย่อวี้เฉิงพยักหน้า ดื่มชาเสร็จจึงยกโทรศัพท์ขึ้นโทรออก “ผมผู้อำนวยการนะครับ รบกวนให้ครูประจำชั้นม.5/4 มารับสายหน่อย”

“ครูจาง คุณมีเบอร์ติดต่อทางบ้านของเว่ยอี้ฝานไหม ผมมีเรื่องจะคุยกับแม่ของเขาหน่อย ได้ ขอบคุณครับ” จดเบอร์โทรศัพท์เสร็จ เย่อวี้เฉิงก็กดเบอร์โทรออก

ไม่ถึงสิบวินาทีก็มีคนรับ “สวัสดีครับ ผมผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมปลายกวงเป่ยนะครับ ไม่ทราบว่าใช่คุณแม่ของเว่ยอี้ฝานหรือเปล่าครับ? มีเรื่องอยากจะไปคุยกับคุณนะครับ ไม่ทราบว่าสะดวกตอนไหนครับ? อ๋อ ไม่ใช่ อี้ฝานเป็นเด็กดีครับ แค่ช่วงนี้เขาดูไม่ค่อยร่าเริงเท่าไหร่ เลยอยากจะไปคุยกับคุณน่ะครับ ว่างตลอดหรือเปล่าครับ งั้นสี่โมงครึ่งมาเจอกันตรงร้านกาแฟใกล้ๆ โรงเรียนได้ไหมครับ? ได้ ขอบคุณครับ”

“เร็วอย่างนี้เลยเหรอ?” อู๋ติ้งหวารู้สึกแปลกใจ

“ใช่” เย่อวี้เฉิงใส่สูท จัดเนคไท “ถ้ามีแม่สนับสนุน ฉันคิดว่าเว่ยอี้ฝานต้องเข้าทีมบาสเกตบอลแน่นอน ฉันดูออกว่าเขาอยากเล่นบาสเกตบอลต่อ”

“นักเลงอย่างแกอย่าไปขู่ให้เขาตกใจละกัน” อู๋ติ้งหวาเอ่ยเตือน

“นักเลงอะไร” เย่อวี้เฉิงจัดเครื่องแต่งกายให้เข้าที่ ยิ้มให้อู๋ติ้งหวา “ฉันเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมปลายกวงเป่ยนะ!”

เมื่อมาเจอกันที่ร้านกาแฟตามนัดแล้ว เย่อวี้เฉิงก็เปิดประเด็น “สวัสดีครับคุณเว่ย ที่ผมนัดเจอคุณวันนี้เพราะอยากจะคุยเรื่องอี้ฝาน”

คุณเว่ยถือนามบัตรที่เย่อวี้เฉิงเพิ่งยื่นให้เมื่อตะกี้ ท่าทางดูเป็นกังวล “อี้ฝานเขาเป็นยังไงเหรอคะ?”

“คุณเว่ย อย่าเพิ่งเครียดเลยครับ อี้ฝานเป็นเด็กดีครับ” เย่อวี้เฉิงรีบโบกมือ “แต่มีบางคำถามที่อยากจะถามคุณ จากที่ผมรู้มา ก่อนหน้านี้อี้ฝานเรียนที่โรงเรียนมัธยมปลายหรงซิน แต่ทำไมถึงย้ายโรงเรียนมาอยู่ที่โรงเรียนมัธยมปลายกวงเป่ยล่ะครับ?”

“ฉันกับพ่อของอี้ฝานเพิ่งเลิกกันได้ไม่นาน อี้ฝานก็บอกว่าเขาอยากจะย้ายที่เรียน ไม่อยากเล่นบาสเกตบอลแล้ว ตอนแรกที่ไปเป็นนักบาสเกตบอลของทีมบาสเกตบอลโรงเรียนหรงซินก็เพราะพ่อเขา ฉันคิดว่าถ้าอี้ฝานไม่อยากเล่นบาสเกตบอลต่อ ก็ให้เขาย้ายมาเรียนโรงเรียนทั่วไป”

“ดังนั้นคุณก็ไม่ได้คัดค้านถ้าเขาจะเล่นบาสเกตบอล?”

“ไม่ค่ะ แม้ว่าพ่อของอี้ฝาน...”พูดถึงสามีเก่า คุณเว่ยขอบตาแดง เกือบจะร้องไห้

เพื่อหลีกเลี่ยงความเก้อเขิน เย่อวี้เฉิงจึงยกมือเรียกพนักงาน “ขอลาเต้ร้อนสองแก้ว แก้วหนึ่งไม่ต้องใส่น้ำตาลกับนมนะครับ”

คุณเว่ยรีบปาดน้ำตาที่ขอบตา “ขอโทษนะคะ พูดถึงเรื่องนี้ฉัน...”

เย่อวี้เฉิงรีบพูด “เรื่องหย่าเป็นเรื่องเจ็บปวดสำหรับทุกคนอยู่แล้วครับ ผมคิดว่าอี้ฝานก็เช่นกัน” มองดูสายตาของคุณเว่ย เย่อวี้เฉิงจึงตัดสินใจพูดตรงๆ “คุณเว่ย พูดตรงๆ นะครับที่ผมนัดคุณมาวันนี้ เพราะอยากจะให้คุณไปช่วยคุยกับอี้ฝานให้เขาเข้าร่วมทีมบาสเกตบอลของกวงเป่ย”

“เข้าร่วมทีมบาสเกตบอล? แต่อี้ฝานบอกกับฉันว่าเขาไม่อยากเล่นบาสเกตบอลแล้ว ดังนั้นฉันก็ไม่อยากจะบังคับให้เขาทำเรื่องที่เขาไม่ชอบ ให้เขาเป็นคนเลือกทางของเขาเอง”

“ผมคุยกับอี้ฝานแล้ว เขาตัดสินใจไม่เล่นบาสเกตบอล เพราะเขากลัวคุณเสียใจ

“กลัวฉันเสียใจ?” คุณเว่ยแสดงท่าทีประหลาดใจ

“เพราะอี้ฝานคิดว่าถ้าเขาเล่นบาสเกตบอลต่อ ก็จะทำให้คุณคิดถึงสามีเก่า เขาไม่อยากให้คุณเสียใจ ดังนั้นจึงเลือกที่จะทิ้งมันไป แต่ผมดูออกว่าเขายังอยากจะเล่นบาสเกตบอล ดังนั้นเขาจึงดูเศร้าๆ”

ขณะนั้น กาแฟก็มาเสริฟ เย่อวี้เฉิงจิบกาแฟ “คุณเว่ย ไม่ว่าจะในฐานะผู้อำนวยการหรือผู้ตั้งทีมบาสเกตบอล ผมหวังว่าคุณจะพูดให้เขาเล่นบาสเกตบอลต่อได้ เพราะสนามบาสเกตบอลคือที่ทำให้เขาสามารถกางปีกโบยบิน ผมเชื่อว่าหากคุณเห็นความสุขของอี้ฝานตอนอยู่ในสนาม มันจะทำให้ลืมความทรงจำที่เจ็บปวดได้”

คำพูดที่จริงใจของผู้อำนวยการ ทำให้คุณเว่ยขอบตาแดง อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา จนเย่อวี้เฉิงลนลานต้องปลอบและส่งกระดาษทิชชูให้

ผ่านไปสักพัก อารมณ์ของคุณเว่ยก็ค่อยๆ สงบลง หล่อนพูดอย่างเกรงใจว่า “ขอโทษนะคะ พ่อของอี้ฝานเลิกกับฉัน ส่วนหนึ่งก็เพราะฉันชอบร้องไห้”

เย่อวี้เฉิงรีบพูดขึ้นว่า “นิสัยแต่ละคนไม่เหมือนกัน ร้องไห้ระบายความรู้สึกก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ดี”

คุณเว่ยหน้าแดง “ขอบคุณผู้อำนวยการนะคะ คุณเป็นคนดีจริงๆ” คุณเว่ยดื่มกาแฟที่เย็นแล้วจนหมดแก้ว วางแก้วกาแฟ จิตใจสงบขึ้น “ผู้อำนวยการคะ เรื่องเข้าร่วมทีมบาสเกตบอล ฉันจะช่วยคุยกับอี้ฝานให้ ไม่ว่าเขาจะเล่นบาสเกตบอลต่อหรือไม่ นั่นก็เป็นสิ่งที่เขาเลือกเอง ฉันจะเคารพการตัดสินใจของเขา จะไม่บังคับเขา”

“ผมเข้าใจครับ”

“งั้นขอตัวก่อนนะคะ ฉันต้องกลับบ้านไปเตรียมอาหารเย็น วันนี้ต้องขอบคุณผู้อำนวยการมากนะคะที่มาคุยเรื่องอี้ฝานกับฉัน ฉันจะปรึกษาเขาตอนทานข้าวเย็น แล้วจะให้เขาไปตอบคำถามกับคุณเอง” คุณเว่ยลุกขึ้นยืน

เย่อวี้เฉิงส่งคุณเว่ยที่หน้าร้านกาแฟ “กลับบ้านด้วยความปลอดภัยนะครับ”

หลังจากที่รถคุณเว่ยขับลับสายตาไป เย่อวี้เฉิงหยิบโทรศัพท์มือถือโทรไปหาอู๋ติ้งหวา “ฉันคุยกับแม่ของอี้ฝานแล้ว แม่เขาจะกลับไปคุยกับเขา พรุ่งนี้ให้เขามาตอบคำถามกับฉันเอง”

เย่อวี้เฉิงเดินออกจากร้านกาแฟ “ใช่ ที่จริงถ้าอี้ฝานไม่เข้าร่วมทีมบาสเกตบอลก็ไม่เป็นไรหรอก แค่แม่ลูกเขาแก้ปมที่อยู่ในใจกันได้ก็ดีแล้ว เออใช่ ผลการทดสอบวันนี้เป็นยังไงบ้าง? ยังเหมือนเดิม? ช่วยไม่ได้ โรงเรียนมัธยมปลายทั่วไปไม่ค่อยจะมีนักบาสเกตบอลจริงๆ เท่าไหร่หรอก คงจะต้องฝึกหนักเหมือนกับพวกเราเมื่อก่อนนั้นแหละ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะมีสักกี่คนที่จะทนไหว เดี๋ยวฉันจะไปเยี่ยมคณบดีที่บ้านหน่อย ไปดูลูกชายสูงร้อยเก้าสิบสองเซนของเขาด้วย ถ้าเป็นไปได้ ฉันจะหาวิธีดึงเขาเข้าร่วมทีมบาสเกตบอล”

หลังจากที่คุยกับอู๋ติ้งหวาเสร็จ เย่อวี้เฉิงก็กดโทรไปอีกเบอร์ “คณบดีครับ ตอนนี้ผมสะดวกจะไปเยี่ยมคุณ และก็จะได้ไปคุยกับเด็กคนนั้นด้วยได้ไหม? ได้ อีกประมาณยี่สิบนาทีผมจะถึง”

วางโทรศัพท์ เย่อวี้เฉิงเดินมาที่จอดรถ เขาพิงข้างรถ จุดบุหรี่ขึ้นสูบ ในความเหนื่อยมีความพึงพอใจอยู่บ้าง จึงอุทานออกมา “บาสเกตบอลเอ๋ย...บาสเกตบอล”

………………………………………………………………………………………

 

 

 

 

 

 

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด