ตอนที่ 243 จริงหรือเท็จ?
หลิงฮันเคลื่อนไหวและพูด "ดาบอะไร?"
"อาวุธวิญญาณระดับสิบ ดาบกำเนิดมาร!" จักรพรรดิจอมอสูรกล่าว "นี่คือดาบของจอมมารปีศาจรุ่นแรก มันได้หลอมรวมเข้ากับเจตจำนงของจอมยุทธที่ฝึกฝนทักษะปีศาจ และเป็นแกนหลักของข่ายอาคม เพื่อหลอมรวมเข้ากับหัตถ์ของเทพเจ้า เจ้าจะต้องคลายข่ายอามคมเสียก่อน ดังนั้นเจ้าจะต้องดึงดาบกำเนิดมารออกมา"
หลิงฮันยิ้มออกมาเล็กน้อยและพูดว่า "ผู้อาวุโส แม้ว่าท่านจะกล่าวออกมาด้วยความตรงไปตรงมาและยั่วยวน แต่หัวใจของข้าก็ไม่ได้สั่นคลอน แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าท่านไม่ได้กุเรื่องเทพเจ้าก่อเกิดหายนะขึ้นมาหลอกลวงข้าเพื่อให้ข้าปลดปล่อยท่านออกมา?"
"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!" จักรพรรดิจอมอสูรหัวเราะออกมาเสียงดัง แล้วกล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า "จักรพรรดิผู้นี้สามารถสาบานด้วยวิญญาณของข้าได้ว่าข้าไม่ได้กุเรื่องเทพเจ้าก่อเกิดหายขึ้นมาแต่อย่างใด"
สาบานด้วยวิญญาณ!
นี่เป็นคำสาบานที่จริงจังที่สุดและสำคัญสำหรัยจอมยุทธ และมีโอกาสน้อยนักที่พวกเขาจะกล้าทำลายคำสาบานดังกล่าว
หลิงฮันเคยเป็นจอมยุทธระดับสวรรค์ในชีวิตที่แล้วของเขา ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าคำสาบานด้วยวิญญาณไม่อาจแกล้งทำได้
อย่างไรก็ตาม หลิงฮันได้เผยรอยยิ้มอยู่ที่มุมปากของเขา คำสาบานด้วยวิญญาณไม่อาจแกล้งทำได้ แต่เรื่องราวของจักรพรรดิจอมอสูรอาจเป็นเรื่องแต่งขึ้นมา หากเป็นแบบนั้นคำสาบานของเขาก็จะไม่มีความหมาย
หลิงฮันไตร่ตรองว่าเขาจะลองเสี่ยงดีหรือไม่
ถ้าเขาสามารถนำดาบกำเนิดมารและหัตถ์พระเจ้าเข้าไปในหอคอยทมิฬได้ อาวุธวิญญาณระดับสิบไม่ใช่ปัญหา แต่หัตถ์พระเจ้า...คือระดับพระเจ้า ซึ่งอยู่ในระดับเทียบได้กับหอคอยทมิฬ ดังนั้นเขาจะหลอมมันได้หรือไม่?
ยิ่งไปกว่านั้น ดาบกำเนิดมารมีจิตวิญญาณอยู่ภายใน และหัตถ์พระเจ้าคือส่วนหนึ่งของเทพเจ้าก่อเกิดหายนะ ซึ่งมันต้องยินยอมถึงจะเข้าไปในหอคอยทมิฬได้
ดังนั้น หลิงฮันจึงไม่กล้าตัดสินใจผลีผลาม
"เจ้าหนุ่ม เจ้าไม่เชื่อจักรพรรดิผู้นี้หรือ?" จักรพรรดิจอมอสูรพูดออกมาและน้ำเสียงของเขาเผยให้เห็นถึงความไม่พอใจ "อย่างใดก็ตาม จักรพรรดิผู้นี้ได้อัญเชิญดาบกำเนิดมารมาไว้ที่นี่แล้ว ดังนั้นเจ้าสามารถถามมันได้ด้วยตัวเอง"
หลังจากนั้นไม่นาน มีประกายแสงพุ่งมาจากระยะไกลด้วยความเร็วสูง มันคือดาบกำเนิดมาร และถูกปกคลุมด้วยลวดลายหลายแบบก่อให้เกิดอักขระมากมาย เมื่อมองไปที่มันทำให้สมองของหลิงฮันราวกับเดือดพล่านและปั่นป่วน และรู้สึกเจ็บปวดมาก
แน่นอนว่ามันเป็นอาวุธวิญญาณที่เหนือกว่าระดับเก้า มิฉะนั้นเจตจำนงของมันคงไม่ส่งผลต่อหลิงฮันมากขนาดนี้เพียงแค่เหลือบมอง
"มันเป็นอาวุธวิญญาณอย่างแน่นอน" หอคอยทมิฬขนาดเล็กพูดออกมา จิตสำนึกของมันเชื่อมต่อกับจิตสำนึกของหลิงฮัน ทำให้พวกเขาสามารถสื่อสารกันได้ตลอดเวลาโดยไม่ต้องกังวลว่าคนอื่นจะรู้
"ข้าคือดาบกำเนิดมาร!" ดาบส่งเสียงก้องกังวาลออกมา
แน่นอนว่ามันเป็นอาวุธวิญญาณระดับสิบ!
ความรู้สึกของความสุขของหลิงฮันเพิ่มขึ้นโดยที่เขาไม่รู้ตัว เขาวางแผนที่จะเดินเข้าไปหาดาบ มันเป็นธรรมดาที่เขาจะปรารถนาครอบครองอาวุธวิญญาณระดับสูง ถ้าเขาได้รับดาบกำเนิดมาร เขาก็จะไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องอาวุธก่อนที่จะไปถึงระดับพระเจ้า
"เจ้าหนุ่ม เจ้ายังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับจักรพรรดิผู้นี้อีกหรือไม่?" เสียงของจักรพรรดิจอมอสูรดังออกมาอีกครั้งในจิตสำนึกของหลิงฮัน—เขาสามารถใช้สัมผัสสวรรค์สื่อสารกับหลิงฮันได้
หลิงฮันยิ้มออกมาและเขาได้พูดกับหอคอยทมิฬว่า "เจ้าสามารถช่วยข้าสยบอาวุธวิญญาณนี่ได้หรือไม่?"
หอคอยทมิฬนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งราวกับว่ามันกำลังขบคิดอยู่แล้วพูดว่า "ถ้าข้าใช้พลังทั้งหมดของข้า ข้าสามารถทำลายสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในเขตแดนลี้ลับนี่ได้ การควบคุมอาวุธวิญญาณระดับสิบเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก อย่างไรก็ตาม ในส่วนลึกของความทรงจำข้า มีเสียงที่รุนแรงบอกข้าไม่ให้เปิดเผยตัวเอง เมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อน ข้าใช้แหล่งพลังของข้าออกไปเล็กน้อยเพื่อหลอมรวมเข้ากับเจ้า และเพื่อให้เจ้าใช้ร่างกายของคนอื่นได้ ข้าได้ใช้แหล่งพลังงานที่ข้าสะสมทั้งหมดไป ถ้าข้าใช้พลังออกมาโดยที่ไม่มีแหล่งพลังงานเพื่อปกปิดตัวตน เช่นนั้นการดำรงอยู่ของข้าจะถูกค้นพบโดยตัวตนที่ทรงพลังมากมาย แล้วในเวลานั้น เจ้าจะตายและข้าจะถูกดึงออกไป"
หลิงฮันไม่ได้สังเกตถึงความแตกต่างระหว่าง "แหล่งพลังงาน" และ "พลังก่อเกิด" เขาถอนหายใจออกมาและพูดว่า "สรุปว่าเจ้าไม่สามารถยื่นมือเข้ามาช่วยได้?"
"ด้วยเวลาหนึ่งหมื่นปีที่ข้าฟื้นฟูแหล่งพลังงาน ข้าสามารถยื่นมือช่วยได้แค่ครั้งเดียว" หอคอยทมิฬกล่าว
สีหน้าของหลิงฮันดูผิดปกติ ในเวลาหนึ่งหมื่นปี เขาอาจกลายเป็นได้ทั้งพระเจ้าหรือกลายเป็นศพได้ ดังนั้นเขาจึงไม่อาจรอให้จนกว่าหอคอยทมิฬจะแสดงพลังของมันออกมาได้
"อย่างไรก็ตาม ถ้าเจ้าสามารถนำอาวุธวิญญาณเข้ามาในร่างกายของข้าได้ ข้าก็จะช่วยเหลือเจ้าได้!" หอคอยทมิฬพูดเสริม
ความจริงก็ยังขึ้นอยู่ที่เขาว่าจะนำดาบกำเนิดมารเข้ามาในหอคอยทมิฬได้หรือไม่
หลิงฮันครุ่นคิดและพูดว่า "คำพูดของจักรพรรดิจอมอสูรมันจริงแค่ไหน?"
"ข้าไม่อาจทำความเข้าใจจิตใจของผู้คนได้ และไม่สามารถตัดสินได้ว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือเท็จ" หอคอยทมิฬสั่นเล็กน้อยราวกับว่ามันกำลังส่ายหัว "แต่ถ้าตัดสินใจโดยสัมผัสสวรรค์ที่เขาหลงเหลืออยู่ในตัวของเจ้า ถ้าเขาเข้ามาในหอคอย ข้าสามารถเอาชนะมันได้อย่างง่ายดาย"
อีกครั้งที่ทั้งหมดขึ้นอยู่กับว่าเขาจะพาพวกมันเข้าไปในหอคอยได้หรือไม่
หลิงฮันถอนหายใจออกมา นี่เป็นเรื่องที่ยากที่สุดเพราะมันเหมือนกับว่าแม้เขาจะมีไพ่ดีอยู่ในมือแต่ก็ไม่มีโอกาสที่จะใช้มัน
'หืม?'
หลิงฮันรู้สึกตกใจและหันไปมองข้างหลัง เขาได้ยินแค่เสียงกึกก้องเท่านั้น และในไม่ช้า โลงศพสามโลงได้ตรงมาหาเขาราวกับมีขา
หลงไหเชวียน!
ปัง หลงไหเชวียนกระโดดออกมาจากโลงศพและกวาดสายตามองหลิงฮันและเผยสีหน้าที่แปลกใจออกมาและพูดว่า "เจ้ายังไม่ติดเชื้อจากปราณอสูรและกลายเป็นศพเดินได้เหมือนพวกมันหรอกรึ?"
"หากเจ้าไม่เป็น แล้วข้าจะเป็นได้ไง?" หลิงฮันพูดออกมาอย่างไม่แยแส
"เจ้าจะสื่อว่า เจ้าแข็งแกร่งกว่าข้า?" หลงไหเชวียนพูดและจ้องเขม็งไปที่หลิงฮันและปลดปล่อยกลิ่นอายที่อันตรายออกมา
"หรือมันไม่จริง?" หลิงฮันกล่าวและส่งเสียงหัวเราะออกมา
หลงไหเชวียนรู้สึกโกรธและคิดที่จะจู่โจม แต่แล้วมันก็หยุดนิ่งกระทันหันราวกับว่ามันกำลังตั้งใจฟังใครบางคนพูด
หลิงฮันเดาได้ทันทีว่าจักรพรรดิจอมอสูรบอกเรื่องหัตถ์พระเจ้าและดาบกำเนิดมารให้กับหลงไหเชวียนฟัง
"ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!" หลงไหเชวียนส่งเสียงหัวเราะออกมาเสียงดัง "ใครจะไปคิดว่าที่นี่ซ่อนความลับที่ยิ่งใหญ่เอาไว้ ทหารซากศพระดับเงินของข้าไม่ได้ตายไปอย่างไร้ค่า!"
"หลงไหเชวียน เจ้าควรคิดให้รอบคอบ อย่าพาตัวเจ้าเองเข้ามาเกี่ยวข้อง" หลิงฮันกล่าว
หลงไหเชวียนหัวเราะออกมาอีกครั้ง มันมีโลงศพสามโลง ซึ่งเป็นอาวุธวิญญาณระดับสิบ ดังนั้นมันจึงไม่เกรงกลัวต่อดาบกำเนิดมารแม้ว่าเทพเจ้าก่อเกิดหายนะครั้งหนึ่งจะเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งมาก แต่ตอนนี้มันถูกแยกออกเป็นเก้าส่วนดังนั้นพลังของมันจะมีเท่าใดกัน?
ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่ใช่คนโง่เขลา เขาจะไม่ทำอะไรเลยหลังจากที่คบคิดอย่างรอบคอบแล้วงั้นรึ?
ชิ่ว ดาบกำเนิดมารเริ่มบินออกไป
หลงไหเชวียนกระโดดเข้าไปในโลงศพทองแดงทันทีและตามมันไปด้วยความเร็วแสง
หลิงฮันส่ายหน้าและติดตามไปอยู่ด้านหลัง
แม้ว่าเขาจะไม่ใช่จอมยุทธที่เป็นที่รักของคนทั้งโลก แต่เขาก็ไม่อยากสร้างหายนะให้กับโลก เขาต้องขัดขวางไม่ให้หลงไหเชวียนทำอะไรโง่ๆ...ซึ่งหลงไหเชวียนเป็นศิษย์ของนิกายพันศพที่ไม่สามารถนับได้ว่าเป็นมนุษย์อีกต่อไป