ทีมบาสหัวใจนักสู้ ตอนที่ 8
ตอนที่ 8
คาบเรียนที่สองของเช้าวันจันทร์ หลังจากผ่านวันหยุดสุดสัปดาห์แรกของช่วงมัธยมปลาย
“สวัสดีครับทุกคน ครูเป็นครูประจำชั้นม.4/4 การเรียนในภาคฤดูร้อนนี้ครูรับผิดชอบเป็นครูสอนเคมีของพวกเธอนะ ปกติชอบดูหนัง ร้องเพลง ปีนี้อายุยี่สิบแปด โสด ยังมีอะไรอยากจะถามครูอีกไหม?” เห็นนักเรียนม.4/5 นั่งนิ่ง หยางซิ่นเจ๋อจึงยิ้มและวางหนังสือเคมีเอาไว้ด้านข้าง
“วันนี้เป็นวันจันทร์ และก็เป็นวันแรกที่ได้มาสอนพวกเธอ ทุกคนก็ทำตัวสบายๆ กันหน่อยสิ อยากถามอะไรก็ถามมาได้เลย สำหรับครูแล้วอิสระได้เต็มที่”
“ครูชื่ออะไรคะ?” ทุกคนมองหน้ากันไปมา ในที่สุดก็มีนักเรียนหญิงคนหนึ่งยกมือถามขึ้น
หยางซิ่นเจ๋อถึงได้รู้ว่าเมื่อตะกี้เขาลืมแนะนำชื่อตัวเองไป จากนั้นจึงหยิบชอล์คขึ้นมาเขียนชื่อ ‘หยางซิ่นเจ๋อ’
“โอเค ยังมีคำถามอื่นๆ อีกไหม?” หยางซิ่นเจ๋อปัดผงชอล์คที่เปื้อนมือออก ยิ้มกว้างๆ ออกมา เมื่อนักเรียนได้รับความใกล้ชิดสนิทสนมจากหยางซิ่นเจ๋อ คำถามจึงไหลมาเทมาไม่หยุด
“ครูชอบดูหนังแนวไหนคะ?”
“หนังผี ยิ่งน่ากลัวครูยิ่งชอบ”
“ครูจบจากมหาลัยไหนครับ?”
“บอกไปแล้ว พวกเธอคงไม่เคยได้ยินชื่อมหาลัยนี้แน่นอน”
“ทำไมครูถึงยังไม่มีแฟนคะ?”
“เพราะครูเป็นเกย์” หยางซิ่นเจ๋อเห็นนักเรียนทำหน้าตะลึง จึงอดหัวเราะออกมาไม่ได้ “ล้อเล่นน่า!” นักเรียนจึงโล่งอกไปตามๆ กัน สำหรับนักเรียนม.4 ที่ยังไม่รู้จักความรักว่าคืออะไรนั้น จู่ๆ พูดถึงเรื่องรักร่วมเพศขึ้นมาจึงถือว่าเร็วเกินไป
“ครูชอบแมคโดนัลหรือเคเอฟซี คะ?”
“ครูชอบตันตันแฮมเบอร์เกอร์มากกว่า”
“ครู...”
ในช่วงเวลานั้นชั้นม.4/5 มีเสียง ‘ครู’ทักขึ้นเป็นระยะๆ และคำถามก็เฉียบคมทั้งนั้น แต่หยางซิ่นเจ๋อก็สามารถรับมือได้
หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง คนยกมือก็น้อยลงไปเรื่อยๆ
“โอเค พวกเธอถามมาหลายคำถามละ ถึงตาครูบ้าง ไหนใครชอบเล่นบาสเกตบอลยกมือขึ้น” หยางซิ่นเจ๋อถามขึ้นอย่างสนใจ
“หนึ่ง สอง สาม สี่...เกินครึ่ง ที่จริงห้องนี้ก็มีคนชอบเล่นบาสเกตบอลตั้งเยอะนี่ ครูเฉินโหดเกินไปจริงๆ ที่ไม่ให้พวกเธอสมัครเข้าทีมบาสเกตบอล” หยางซิ่นเจ๋อถอนหายใจ เผยให้เห็นถึงความเห็นอกเห็นใจ
มองเห็นสีหน้านักเรียนซึมๆ หยางซิ่นเจ๋อจึงปลอบใจไปว่า “แต่ไม่เป็นไรหรอก ถึงแม้ผู้อำนวยการจะบอกว่า ทุกคนสามารถเข้าร่วมทีมบาสเกตบอลได้ แต่นั้นก็เป็นแค่การสมัคร จะได้เข้าร่วมทีมบาสเกตบอลจริงๆ ต้องผ่านการทดสอบก่อน ถ้าครูจำไม่ผิด ตัวจริงบวกกับผู้เล่นตัวสำรองของทีมบาสเกตบอลน่าจะไม่เกินสิบห้าคนนะ”
ขณะนั้น หยางซิ่นเจ๋อหยุดครู่หนึ่ง ใช้สายตามีนัยยะมองนักเรียนชั้นม.4/5 “ถ้าหากพวกเธออยากเป็นหนึ่งในสิบห้าคนนั้น หลังหมดเวลาทำความสะอาดช่วงบ่ายจะมีการทดสอบกัน และครูก็อยู่ที่นั้นด้วย แอบให้พวกเธอเข้าร่วมการทดสอบได้นะ เพียงแต่ครู...”
หยางซิ่นเจ๋อพลิกดูสมุดเช็คชื่อ และแสดงสีหน้าสลดใจ “น่าเสียดาย คาบนั้นเป็นคาบภาษาอังกฤษของครูประจำชั้นพวกเธอพอดี”
หลังจากหมดเวลาทำความสะอาดช่วงบ่ายแล้ว เสียงออดเข้าเรียนดังขึ้น นักเรียนชั้นม.4/5นั่งรอเฉินเพ่ยอี๋ แต่ที่นั่งตรงกลางห้องตัวหนึ่งกลับไม่มีคนนั่งอยู่
ออดดังได้ไม่นานนัก เฉินเพ่ยอี๋ก็เดินเข้ามาในห้องเรียน พอเดินเข้ามาก็สังเกตที่นั่งอันว่างเปล่านั้น หากเป็นที่นั่งอื่น หล่อนอาจจะต้องขอตรวจดูก่อนว่าใครที่หายไป แต่หล่อนมีความทรงจำที่ลึกซึ้งกับนักเรียนที่นั่งตรงนั้น ดังนั้นหล่อนจึงมั่นใจได้ทันทีว่าหลี่กวงเย่าไม่ได้อยู่ในห้องเรียน
“มีใครรู้ไหมว่าหลี่กวงเย่าไปไหน?” เฉินเพ่ยอี๋หยิบสมุดเช็คชื่อขึ้นมา เอ่ยถามขึ้นขณะเตรียมพร้อมที่จะเริ่มเช็คชื่อ คิดในใจว่าหลี่กวงเย่าอาจจะไปเข้าห้องน้ำแล้วยังไม่กลับมาก็ได้
นักเรียนต่างมองหน้ากันไปมา จากนั้นก็ปรากฏความคิดที่น่าหวาดกลัวขึ้นมาพร้อมๆ กัน
“เขาคงไม่กล้าขนาดนั้นมั้ง...”
"งี่เง่าสุดๆ" หวางจงจวินพึมพำ
"ไม่มีใครรู้ว่าเขาไปไหนเลยเหรอ?" เฉินเพ่ยอี๋มองสีหน้าลังเลของนักเรียน จึงเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
ขณะนั้น หวังจงจวินยกมือขึ้น "ตอนนี้เขาน่าจะอยู่ที่สนามบาสเกตบอลครับ"
ทางวิ่งรอบสนามบาสเกตบอลทั้งสี่ด้านของแต่ละสนามมีการทดสอบ เนื้อหาในการทดสอบแบ่งเป็นเลี้ยงบอล ชู้ตนอกเส้น สมรรถนะของร่างกายและท่าพื้นฐาน
"เป็นยังไงบ้าง?" ผู้อำนวยการเย่อวี้เฉิงมองดูการทดสอบแต่ละจุดของสนาม จึงเอ่ยถามอู๋ติ้งหวาเพื่อนร่วมทีมบาสเกตบอลสมัยมัธยมที่เขาดึงตัวมาเป็นโค้ช อู๋ติ้งหวาส่ายหน้า เอ่ยขึ้น "ก็ไม่เท่าไหร่ ท่าพื้นฐานแย่มาก การเลี้ยงบอลดู
เยอะและยังไม่มั่นคง มีอยู่หลายคนที่ดูมีความสามารถ น่าเสียดายที่ความสูงไม่พอ แต่ถ้าคิดจะเอาการ์ดห้าคนเป็นตัวจริงก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
เย่อวี้เฉิงครุ่นคิดสักพัก “งั้นก็คงหวังได้แค่นักเรียนที่ยังไม่ได้ทดสอบจะมีคนที่มีความสามารถเป็นฟอร์เวิร์ดและเซ็นเตอร์ได้”
“เออใช่ ลูกชายของหมิงเจิ้งอยู่ที่กวงเป่ยไม่ใช่เหรอ? เขาเข้าร่วมการทดสอบหรือยัง?”
“ไม่ ครูประจำชั้นของพวกเขาไม่ให้นักเรียนในชั้นเข้าร่วมทีมบาสเกตบอล” พูดไปพูดมา เย่อวี้เฉิงก็เห็นเฉินเพ่ยอี๋ท่าทางดูโกรธๆ เดินเข้าไปทางสนามบาสเกตบอลอีกสนามหนึ่ง “นั้นไงพูดถึงก็มาเลย คนนั้นแหละ”
“ยังวัยรุ่นอยู่เลยนี่ ครูเพิ่งเข้ามาใหม่เหรอ?”
“ใช่”
“ครูใหม่กล้าแข็งข้อกับผู้อำนวยการที่เพิ่งรับตำแหน่งอย่างแก ใช่ย่อยนะเนี่ย!”
“ไอ้ซื่อบื้อ พ่อเขาเป็นผู้อำนวยการสมัยเรานะเว้ย” เย่อวี้เฉิงกรอกตาใส่
อู๋ติ้งหวาแสดงสีหน้าเข้าใจในทันที “อ๋อ มิน่าล่ะ แต่ไม่คิดนะว่าลูกสาวผู้อำนวยการจะสวยขนาดนี้” หลังจากที่มองดูเฉินเพ่ยอี๋สักพัก “โชคดีนะเนี่ยที่หน้าตาไม่เหมือนผู้อำนวยการ!”
“พอแล้ว แต่แปลก เวลานี้หล่อนมาที่สนามบาสเกตบอลทำไม ป่ะ เราไปดูกัน” เย่อวี้เฉิงเดินไปทางเฉินเพ่ยอี๋ ในขณะเดียวกัน เฉินเพ่ยอี๋ก็เห็นหยางซิ่นเจ๋อยืนดูการทดสอบอยู่ที่ข้างสนาม
“ครูหยาง!”เฉินเพ่ยอี้เดินไปยืนเผชิญหน้ากับหยางซิ่นเจ๋อ
“มีอะไรครับ?” หยางซิ่นเจ๋อเห็นเฉินเพ่ยอี๋โกรธ จึงยิ้ม
“หลี่กวงเย่าอยู่ไหนคะ?” เฉินเพ่ยอี๋ข่มอารมณ์โกรธไว้ น้ำเสียงจึงฟังเหมือนกัดฟันพูดออกมา
“เขาอยู่ด้านหลังห่างจากครูไปสามสิบเมตร และถึงคิวที่เขาจะต้องทดสอบพอดี” หยางซิ่นเจ๋อพูดอย่างตื่นเต้น พอเฉินเพ่ยอี๋ฟังปุ๊บจึงรีบหันหน้าเดินไปยังสนาม หยางซิ่นเจ๋อดึงเฉินเพ่ยอี๋ไว้ “ครูเฉิน อย่างใจร้อนสิครับ”
“ครูบอกให้ฉันอย่าใจร้อนเหรอ?” เฉินเพ่ยอี๋กำลังโกรธ “หลี่กวงเย่าเป็นนักเรียนของฉัน ครูมีสิทธิ์อะไรให้นักเรียนของฉันเข้าร่วมการทดสอบ!”
“ผมไม่มีสิทธิ์อะไรหรอก ผมแค่ให้ทางเลือกกับเขา ก็เท่านั้นเอง” หยางซิ่นเจ๋อยังคงดึงเฉินเพ่ยอี๋ไว้ “ครูเฉิน นักเรียนวัยรุ่นเขามีความต่อต้านที่รุนแรงนะ ยิ่งครูไปจำกัดเขามากเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งอยากหนีออกไปมากขึ้นเท่านั้น ก็เหมือนกับหลี่กวงเย่าตอนนี้ไง แต่ถ้าครูให้โอกาสเขาได้ลองสักครั้ง ให้เขารู้ว่าการจะเข้าทีมบาสเกตบอลมันไม่ง่าย สุดท้ายเขาก็จะยอมถอยออกไปเอง แบบนี้เราจะได้ไม่ต้องเหนื่อยหลายรอบไงครับ ว่าไหม?”
เฉินเพ่ยอี๋ฟังจบ ถึงแม้จะยังโกรธอยู่บ้าง แต่สิ่งที่หยางซิ่นเจ๋อพูดก็พอจะมีเหตุผล อารมณ์จึงค่อยๆ เย็นลง หยางซิ่นเจ๋อเห็นเฉินเพ่ยอี๋ใจเย็นลง จึงตะโกนไปที่สนาม “หลี่กวงเย่า ครูประจำชั้นมาดูเธอทดสอบ ตั้งใจโชว์ให้ครูเธอดูนะ!”
หลี่กวงเย่าหันมา เห็นเฉินเพ่ยอี๋ จึงยิ้มกว้าง ชูนิ้วโป้งขึ้นมา “ได้ครับ!”
หัวข้อที่หลี่กวงเย่าจะต้องทดสอบคือการเลี้ยงบอล ในสนามที่ยาวยี่สิบแปดเมตร กว้างสิบห้าเมตรมีเก้าอี้สิบตัวเรียงอยู่ คนที่เข้าร่วมการทดสอบจะต้องเลี้ยงบอลผ่านเก้าอี้เหล่านี้ภายในเวลาที่เร็วที่สุด ไปกลับคิดเป็นหนึ่งรอบ ก่อนจบยังต้องเลย์อัพสองก้าว ให้บอลเข้าห่วงจึงถือว่าจบการทดสอบ
“เริ่ม” เจ้าหน้าที่ทดสอบส่งบอลให้กับหลี่กวงเย่า ขณะเดียวกันก็กดนาฬิกาจับเวลา
หลี่กวงเย่าเดาะบอล วิ่งไปข้างหน้า โน้มตัวลงต่ำ เลี้ยงบอลไป สังเกตระยะห่างและทิศทางของเก้าอี้ที่วางอยู่ไปด้วย เมื่อผ่านเก้าอี้ตัวแรกในใจเขาก็นึกวิธีที่เร็วที่สุดได้แล้ว
เฉินเพ่ยอี๋และหยางซิ่นเจ๋อที่อยู่ข้างสนามดูหลี่กวงเย่าเลี้ยงบอลเปลี่ยนทิศทางไปมาอย่างคล่องแคล่ว อ้อมผ่านเก้าอี้ตัวหนึ่งไปยังอีกตัวหนึ่ง ดั่งน้ำที่ไหลอย่างไม่ขาดสาย เพียงพริบตาเดียวหลี่กวงเย่าก็ผ่านไปแล้วครึ่งรอบ แต่หลี่กวงเย่าไม่ได้ทำการเลี้ยงบอลอีกครึ่งรอบให้จบตามลำดับ กลับถือบอลวิ่งด้วยความเร็วไปยังห่วงบาสเกตบอล เมื่อผ่านเส้นสามคะแนนก็เหวี่ยงบอลไปยังแป้นบาสเกตบอล
“ครูครับ อันนี้พิเศษสำหรับครู!” หลี่กวงเย่าวิ่งไปด้านหน้า คำนวณฝีเท้า ลงน้ำหนักจังหวะเท้าขวาซ้ายวิ่งไปข้างหน้า จากนั้นทิ้งน้ำหนักที่เท้าซ้ายลงกับพื้น กระโดดลอยตัวขึ้น สองมือรับบอลที่เด้งกลับมา แล้วใช้กำลังที่มียัดบอลลงห่วง!
ตึง!
“ความสามารถในการกระโดดแบบนี้!เขาเป็นนักเรียนชั้นไหน?” เห็นลีลาของหลี่กวงเย่าแล้ว อู๋ติ้งหวาเดินเข้าไปข้างๆ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอย่างตื่นเต้น
“หลี่กวงเย่า นักเรียนชั้นม.4/5!” เจ้าหน้าที่ตรวจสอบยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร หยางซิ่นเจ๋อก็ตะโกนบอกมาซะก่อน
“ม.4/5 หลี่กวงเย่า” เย่อวี้เฉิงขมวดคิ้วขึ้น
“ครูครับ ลีลาของผมเมื่อตะกี้เป็นยังไงบ้าง?” หลี่กวงเย่ายิ้มอย่างมั่นใจ เดินไปด้านหน้าเฉินเพ่ยอี๋และหยางซิ่นเจ๋อ
“สุดยอด”หยางซิ่นเจ๋อชูนิ้วโป้งให้
“ลีลาท่าทางของเธอสวยงามมาก จบมัธยมต้นจากที่ไหนมาเหรอ?” อู๋ติ้งหวาเดินตรงเข้ามาหาด้วยสายตาเป็นประกาย
“โรงเรียนมัธยมต้นตงไถครับ” หลี่กวงเย่าตอบ
“โรงเรียนมัธยมต้นตงไถ?” อู๋ติ้งหวารู้สึกคุ้นๆ หู คิดไปคิดมาก็นึกขึ้นได้ “มัธยมต้นตงไถได้แชมป์ลีกโรงเรียนมัธยมต้นในปีนี้ไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่ครับ” หลี่กวงเย่าพยักหน้า
“ถ้าจำไม่ผิด ตั้งแต่ที่โรงเรียนมัธยมต้นตงไถตั้งทีมบาสเกตบอลมาปีนี้เป็นครั้งที่สามแล้วที่ได้แชมป์ แต่ห่างจากครั้งแรกที่ได้แชมป์ก็สิบกว่าปีมาแล้วนะ” ข่าวการได้แชมป์ของโรงเรียนมัธยมต้นตงไถถึงแม้จะกินเพียงพื้นที่เล็กๆ ของหนังสือกีฬา แต่หัวข้อมันก็ดึงดูดสายตาของอู๋ติ้งหวาไว้ได้ ‘ผ่านไปสิบหกปี โรงเรียนมัธยมตงไถกลับมาคว้าแชมป์อีกครั้ง!’
“ดูจากท่าทางของเธอ น่าจะเป็นกัปตันทีมใช่ไหม?” อู๋ติ้งหัวเอ่ยถาม
“ใช่ครับ” หลี่กวงเย่าถือบอล เผยให้เห็นสีหน้าที่มีความมั่นใจ
“ทำไมไม่เรียนต่อที่โรงเรียนมัธยมปลายตงไถล่ะ?” ถึงแม้ว่าโรงเรียนมัธยมปลายตงไถจะไม่เคยได้แชมป์ในการแข่งขันลีกเอ แต่ก็ถือว่าเป็นทีมที่แข็งแกร่งอยู่นะ”
“เพราะพ่อบอกให้ผมเรียนที่กวงเป่ย พ่อบอกว่าสมัยพ่อกวงเป่ยก็มีทีมบาสเกตบอลเหมือนกัน และก็เก่งด้วย”
“เหรอ? พ่อเธอคือใคร ฉันจำได้ว่ากวงเป่ยมีทีมบาสเกตบอลในสมัยฉันเท่านั้นนะ ไม่แน่ฉันอาจรู้จักพ่อของเธอก็ได้” หลังจากที่อู๋ติ้งหวาถามจบ เย่อวี้เฉิงก็ตบไหล่เขาทันที
“ไม่ต้องถามแล้ว แกรู้จักพ่อเขาแน่นอน”
“ใคร?”
เย่อวี้เฉิงหัวเราะ “ก็ไอ้เหี้ยนั้นไง”
อู๋ติ้งหวาประหลาดใจ “เธอเป็นลูกชายหมิงเจิ้งเหรอ?” เห็นหลี่กวงเย่าพยักหน้า อู๋ติ้งหวาพูดขึ้นทันที “มิน่า!ความสามารถในการกระโดดของเธอเหมือนกับของพ่อเธอสมัยนั้นไม่มีผิด”
“คุณลุงพูดผิดแล้วครับ” หลี่กวงเย่าโยกนิ้วชี้ไปมา “ผมกระโดดสูงกว่าพ่อผมอีก”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า พูดได้ดี ที่แท้ก็ลูกชายหมิงเจิ้ง อีกสามหัวข้อได้ทดสอบหรือยัง? ถ้ายังก็ไม่ต้องทดสอบละ เธอเข้าร่วมทีมบาสเกตบอลได้เลย”
“หลี่กวงเย่าอดเผยรอยยิ้มแห่งความสุขออกมาไม่ได้
“ยินดีกับเธอด้วยนะเอ็มวีพี” หยางซิ่นเจ๋อตบไหล่หลี่กวงเย่า
“ครูรู้?” หลี่กวงเย่าเอ่ยอย่างประหลาดใจ ยิ่งน่าประหลาดใจกว่าก็คือเฉินเพ่ยอี๋
“น้องชายครูเป็นผู้ช่วยโค้ชที่โรงเรียนมัธยมปลายตงไถ กินข้าวครั้งก่อนเขาบ่นกับครู ว่าเอ็มวีพีแข่งขันลีกโรงเรียนมัธยมต้นจะไปเรียนโรงเรียนมัธยมปลายกวงเป่ย จากนั้นครูก็เลยสนใจเรื่องนี้เป็นพิเศษ” หยางซิ่นเจ๋อชำเลืองมองสีหน้าที่สับสนของเฉินเพ่ยอี๋ “โอเค ในเมื่อได้เข้าทีมบาสเกตบอลแล้ว ก็รีบกลับไปเข้าห้องเรียนเถอะ”
“ได้ครับ” หลี่กวงเย่าหันไปก้มศีรษะให้เฉินเพ่ยอี๋แล้วจึงเดินออกจากสนามไป
“ที่จริงครูรู้นานแล้ว” เฉินเพ่ยอี๋เหมือนจะหมดแรง ในใจมีอะไรมากมายที่ยากเกินจะเอ่ย
“ที่ผมทำแบบนี้ ไม่ใช่เพราะว่าผมรู้ว่าเขาเป็นเอ็มวีพีของลีกโรงเรียนมัธยมต้น เมื่อตะกี้ผมก็บอก ผมแค่ให้โอกาสเขาสักครั้ง จะเชื่อฟังครู ตั้งใจเรียนหรือลองเสี่ยงมาทดสอบ ทุกอย่างเขาเป็นคนเลือกเอง เขาไม่ใช่เด็กๆ แล้ว เขาควรเรียนรู้ที่จะตัดสินใจเอง และรับผิดชอบเอง
“ครูเฉิน ผมคิดว่าในฐานะที่เป็นครูคนหนึ่ง ควรจะต้องหมั่นถามตัวเองเสมอว่า นอกจากความรู้ในชั้นเรียนแล้ว เรายังสามารถสอนอะไรให้กับนักเรียนได้อีก?”
“พอแล้ว” เฉินเพ่ยอี๋หน้าซีด ขอบตาแดง “ผู้อำนวยการ ดิฉันยังมีสอน ขอตัวกลับห้องเรียนก่อนนะคะ”
เฉินเพ่ยอี๋ก้มศีรษะให้เย่อวี้เฉิงเล็กน้อย แล้วจึงเดินออกไป
“เหมือนเขาจะร้องไห้นะ”เย่อวี้เฉิงใช้มือผลักหยางซิ่นเจ๋อ
“เหมือนจะใช่ครับ”
“ควรจะไปขอโทษเขานะ”
“ทำไมครับ?”
“อย่างน้อยเขาก็เป็นผู้หญิง”
“ในสังคมสมัยนี้ผู้หญิงกับผู้ชายมันเท่าเทียมกันนะครับผู้อำนวยการ”
“อันนี้มันเป็นเรื่องของมารยาท”
“ก็ได้ครับ ใครบอกให้ผมเป็นสุภาพบุรุษล่ะ” หยางซิ่นเจ๋อยักไหล่ ตามเฉินเพ่ยอี๋ไป
เย็นนั้นหลังจากที่เฉินเพ่ยอี๋กลับถึงบ้าน ก็เอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้อง
รู้สึกท่าทีของลูกสาวแตกต่างจากทุกวัน ผู้อำนวยการคนเก่าของโรงเรียนมัธยมปลายกวงเป่ยรู้สึกเป็นห่วงจึงเคาะประตูห้อง “ลูกรัก เป็นอะไรหรือเปล่า?”
“หนูไม่เป็นไรค่ะพ่อ” เฉินเพ่ยอี๋ตอบกลับไป
“จ้าลูก แม่หนูเขาเก็บกับข้าวไว้ให้หนูนะ...”
“หนูไม่หิว”
ผู้อำนวยการคนเก่าคิดว่า ต้องเกิดอะไรขึ้นกับลูกสาวแน่ๆ แต่ก็ไม่อยากจะเอ่ยถาม เพราะรู้ว่าลูกสาวต้องการจะอยู่คนเดียว
เฉินเพ่ยอี๋นอนฟุบอยู่ที่โต๊ะ ความรู้สึกสับสนวุ่นวายทั้งเสียใจ น้อยใจ โกรธ ถึงแม้ว่าช่วงบ่ายหยางซิ่นเจ๋อจะขอโทษหล่อนแล้ว แต่หล่อนกลับไม่อยากจะรับมัน
“ทำไม ฉันทำผิดตรงไหนเหรอ? ฉันแค่ทำหน้าที่ของครูก็เท่านั้นเอง ทำไมทุกคนต้องมองว่าฉันไปกีดกันหลี่กวงเย่าด้วย อยากจะเล่นบาสเกตบอลแล้วทำไมต้องมากวงเป่ย ทำไมไม่ไปมัธยมปลายหรงซินหรือฉี่หนาน”
เฉินเพ่ยอี๋นั่งตัวตรง ดึงลิ้นชักด้านขวาชั้นล่างสุด หยิบรูปใบหนึ่งที่อยู่ในส่วนลึกสุดออกมา ในรูปเป็นคู่รักคู่หนึ่ง ผู้ชายถือบาสเกตบอล ผิวสีเข้ม หน้าตายิ้มแย้ม และข้างๆ ผู้ชายคนนั้น คือผู้หญิงที่รวบผมหางม้า ใส่เสื้อกีฬาและกางเกงขาสั้น หน้าตามีความสุขคนนั้นคือ เฉินเพ่ยอี๋
ปีนั้น หล่อนเป็นเด็กปีหนึ่ง ส่วนเขาเป็นรุ่นพี่ปีสาม และก็เป็นนักกีฬาบาสเกตบอล
แรกเริ่มหล่อนเกลียดเขามาก เพราะครั้งหนึ่งหล่อนเดินผ่านสนามบาสเกตบอลแล้วถูกบอลปาโดนหัว คนที่โยนก็คือเขา
แต่เพราะบอลลูกเดียวนี่แหละที่ทำให้เขาเข้ามาอยู่ในโลกของหล่อน นิสัยที่ร่าเริงของเขา รอยยิ้มเหมือนเด็กน้อย จิตใจที่มุ่งมั่นในสนาม และความอ่อนโยนที่ให้กับหล่อน ชักนำให้หล่อนเข้าสู่ห้วงแห่งความรัก
แต่ช่วงเวลาที่หล่อนอยู่ในห้วงความรักที่ยากจะถอนตัว เขาคนนั้นกลับเดินออกไปจากชีวิตหล่อน และจากไปตลอดกาล
“เสี่ยวเสียง ฉันทำผิดใช่ไหม?”
“เสี่ยวเสียง ถ้าเป็นเธอ เธอจะเหมือนกับหลี่กวงเย่าหรือเปล่า ไม่สนใจเรื่องอะไรเลย นอกจากเล่นบาสเกตบอล?”
“เสี่ยวเสียง นักเรียนคนนั้นเหมือนเธอมากเลย เขามั่นใจในตัวเองมาก มันช่างน่าหมั่นไส้ที่สุด”
“เสี่ยวเสียง...ฉันคิดถึงเธอ...”
คืนนั้น เฉินเพ่ยอี๋ถือรูปนั้นในมือ ฟุบโต๊ะร้องไห้จนเคลิ้มหลับไป
………………………………………………………………………………