ตอนที่แล้วบทที่ 16 เม็ดโอสถหิมะสีชาด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 18 หลี่ซานเหอ

บทที่ 17 การฝึกฝนระยะกลางของขั้นที่หก


บทที่ 17

การฝึกฝนระยะกลางของขั้นที่หก

ปัจจุบันการบ่มเพาะของหลี่ฟู่เฉินอยู่ที่ขั้นกลางของขอบเขตพลังลมปราณ เนื่องจากเขาสามารถทะลวงเข้าสู่วิชาหยกแดงขั้นที่หก พลังลมปราณของเขาจึงอยู่ในสถานะบริสุทธิ์ที่สุด ดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องปรับพลังลมปราณของเขาต่อไป เช่นนั้นแล้ว เขาจึงสามารถกินเม็ดโอสถหิมะสีชาดเพื่อเพิ่มการฝึกฝน

เม็ดโอสถหิมะสีชาดมีขนาดเท่าเม็ดลำไยขาวไร้ตำหนิเหมือนหิมะ เมื่อมองดูอย่างใกล้ชิด จุดศูนย์กลางของเม็ดโอสถให้เปล่งรัศมีสีแดงชาดออกมา แสงเรืองรองดั่งภูเขาไฟที่ซ่อนอยู่ภายในภูเขาหิมะ บอกผู้คนว่ามันมีพลังงานหาศาลอยู่ด้านใน

“ตามที่คาดไว้เม็ดยาสีเหลืองขั้นสูง ด้วยพลังอันลึกลับ ข้าแทบรอไม่ไหวที่จะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ข้าได้ซึมซับมันเข้าไป”

โดยปกติยิ่งเม็ดยามีคุณภาพดีเท่าไร ก็ยิ่งมีสิ่งเจือปนน้อยเท่านั้น แต่ไม่ว่าเม็ดยาจะออกมาดีแค่ไหน ก็ยังมีสิ่งมลทินอยู่บ้าง

หลี่ฟู่เฉินสูดหายใจลึก ๆ และกลืนเม็ดโอสถหิมะสีชาด

อึก..

เม็ดโอสถละลายเมื่อสัมผัสกับลิ้น ราวกับว่ามีน้ำพุพุ่งกระจายไหลผ่านเข้ามาในท้องของเขา พริบตานั้นหลี่ฟู่เฉินรู้สึกว่าอวัยวะในร่างกายแข็งตัว รู้สึกราวกับมีไฟร้อนแรงลุกลาม พลังนั้นทะลุผ่านอวัยวะแขนขาและกระดูกของเขา

หลี่ฟู่เฉินรู้สึกอึดอัดที่ใบหน้า เขาหนาวจัดและร้อนเหมือนติดไฟ หนาวสลับร้อน บางคราทั้งร้อนและหนาวในเวลาเดียวกัน หลังจากชั่วระยะเวลาหนึ่ง หลี่ฟู่เฉินรู้สึกว่าประสาททั้งหมดมึนชา มันเกิดขึ้นหลังจากที่เขาหมุนโคจรพลังลมปราณโดยใช้วิชาหยกแดงขั้นที่หก แต่เขาก็สามารถรักษาเสถียรภาพร้อนดั่งไฟและหนาวจัดดั่งน้ำแข็งได้

วิชาหยกแดงขั้นที่หกทำหน้าที่เหมือนวังวน ดูดซับผลของโอสถหิมะสีชาดอย่างเต็มพิกัด ทุกครั้งที่เส้นวงโคจรวิวัฒนาการซับซ้อนขึ้น เม็ดยาบางส่วนก็ถูกกลั่นกรองเช่นเดียวกับโรงโม่หินที่บดถั่วเหลือง

15 นาที…

1 ชั่วโมง…

2 ชั่วโมง…

หลี่ฟู่เฉินรู้สึกว่าพลังลมปราณของเขาแข็งแกร่งและรุนแรงขึ้น การฝึกฝนของเขาคืบหน้าจากระดับกลางของขั้นที่ห้าไปจนถึงจุดสูงสุด

“ความสำเร็จหรือล้มเหลวทั้งหมดขึ้นอยู่กับสิ่งนี้”

หลี่ฟู่เฉินวนเวียนอยู่ในวิชาหยกแดงของเขาอย่างบ้าคลั่งเพื่อสะสมพลังลมปราณ

เมื่อพลังลมปราณขึ้นถึงคอ หลี่ฟู่เฉินควบคุมพลังลมปราณพุ่งทะลุผ่านด่านขั้นที่หก เช่นเดียวกับกระแสน้ำเชี่ยวกรากหรือการปะทุของภูเขาไฟ พลังลมปราณระเบิดสิ่งกีดขวางจนเกิดรอยแยก ระลอกแล้วระลอกเล่า รอยแตกพุ่งกระจายดั่งตาข่ายและ จากนั้น….

ตู้ม !

เสียงของบางสิ่งราวกับถูกชน ดังก้องสะท้านจากภายในของหลี่ฟู่เฉิน ปริมาณของพลังลมปราณที่อยู่ในตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดคลื่นกระแทกสั่นสะเทือนภายในห้อง เกิดเสียงกระแทกดังต่อเนื่อง

ขอบเขตพลังลมปราณขั้นที่หกบรรลุแล้ว!

ผลของเม็ดโอสถยังค้างอยู่ หลี่ฟู่เฉินเต็มไปด้วยพลังงานปะทุออกมา การฝึกฝนเข้าสู่ระยะกลางของขั้นที่หกและในที่สุดเม็ดโอสถก็ถูกใช้จนหมดลง

นัยน์ตาของเขาเปล่งประกายราวกับคมดาบ หลี่ฟู่เฉินเหยียดมือขวากำหมัดแน่น ด้วยแรงหมัดที่เกิดขึ้น ไม่มีอะไรที่ผู้ฝึกฝนขอบเขตพลังลมปราณขั้นที่ห้าสามารถเปรียบเทียบได้

“ด้วยพลังการฝึกฝนขั้นที่หกนี้ แม้แต่สัตว์อสูรขั้นสูงระดับหนึ่งบางตัวก็ตายเพียงหนึ่งดาบ”

ความก้าวหน้าในการบ่มเพาะแตกต่างจากความคืบหน้าในแง่ของการต่อสู้ เมื่อเพิ่มอันดับในการบ่มเพาะ จะได้รับสิ่งกำนัลจากความพยายามทั้งหมด ความรู้สึกพึงพอใจไม่อาจแสดงออกได้อย่างชัดเจน

นี่คือหนทางฝึกบ่มเพาะที่แน่นอนที่สุด โครงกระดูกมีความสำคัญสูงสุด แม้ว่าจะมีประสบการณ์การต่อสู้อย่างไม่น่าเชื่อ ถ้าไม่มีการฝึกฝนที่ดีก็ไม่ต่างจากกองทัพมด การฝึกฝนที่ก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องเท่านั้น ที่สามารถก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดของโลกแห่งการต่อสู้และยืนหยัดได้ตลอดกาล

***

เช้าวันถัดมาหลี่เทียนฮั่นและเฉินยู่หยางมาเยี่ยมลูกชายด้วยความรีบเร่งและเร่งด่วน เมื่อมองไปที่หลี่ฟู่เฉิน ก็รับรู้ได้ว่าเขาฝ่าด่านกีดขวางของขอบเขตพลังงานขั้นที่หก

หลี่เทียนฮั่นหัวเราะเต็มที่“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ฟู่เฉิน ดวงจิตวิญญาณของเจ้ามีคุณภาพสูงกว่าที่ข้าคิด ข้าเดาว่าเจ้าคงใช้เวลาเพียงสองสามวันเพื่อบรรลุมัน”

ผลของสมุนไพรสามารถอยู่ในร่างกายเป็นเวลาหลายวันและไม่กระจายอย่างรวดเร็ว หากหลี่ฟู่เฉินไม่สามารถขึ้นอันดับในทันที เขายังสามารถใช้ประโยชน์จากพลังงานโอสถให้ค่อยๆก้าวหน้าได้

แต่พวกเขาสองคนไม่คิดว่า หลี่ฟูเฉินจะสำเร็จได้ในคืนเดียว นั่นหมายความว่าดวงจิตวิญญาณของหลี่ฟู่เฉินมีความสามารถสูงและพร้อมสำหรับขั้นที่หกของ ขอบเขตพลังลมปราณ

เฉินยู่หยางเอ่ยด้วยน้ำเสียงปราบปลื้ม “ที่ผ่านมาหนึ่งปีมันอาจเป็นการทดลองที่ทำให้ดวงจิตวิญญาณของเขาอยู่เหนือผู้อื่นของขอบเขตพลังลมปราณระดับเดียวกันได้”

“ใช่ นั่นน่าจะเป็นเช่นนั้น”

หลี่เทียนฮั่นผงกศรีษะด้วยถูกทำให้เชื่อว่านี่เป็นเหตุผลเชิงตรรกะเท่านั้น

“ฟู่เฉิน พื้นฐานการบ่มเพาะของเจ้ามีดีพอ ต่อไปคือการต่อสู้ที่แท้จริง ตระกูลหลี่ได้จับสัตว์อสูรชั้นหนึ่งได้ค่อนข้างมาก เจ้าสามารถใช้พวกมันเป็นแบบฝึกหัดได้” หลี่เทียนฮั่นกล่าว

“ท่านพ่อ ข้าไม่ต้องการการฝึกฝนใดๆ” หลี่ฟู่เฉินมีแผนที่จะฝึกวิชาดาบหยกแดง

ใบหน้าหลี่เทียนฮั่นแข็งกร้าว “ลูกศิษย์ทุกคนของตระกูลกำลังฝึกฝนการต่อสู้ เจ้าจะเป็นข้อยกเว้นได้อย่างไร”

“เอาล่ะ!”

หลี่ฟู่เฉินเตรียมที่จะแสดงส่วนหนึ่งของประสบการณ์การต่อสู้ของเขา เพียงเพื่อทำให้ท่านทั้งสองสบายใจ

***

ณ สังเวียนฝึกซ้อมสัตว์อสูร

สามดาบตวัด !

หลี่ฟู่เฉินใช้สามตวัดเท่านั้นในการสยบจิ้งจอกกระดูกเหล็กชั้นหนึ่ง ภายใต้ขีดจำกัดด้านความแข็งแกร่งของเขา

เฉินยู่หยางตกตะลึงด้วยความประหลาดใจและอึดอัดใจอยู่ครู่หนึ่ง

“เทียนฮั่น ท่านคิดว่าลูกชายของเราดูแปลกไปมั้ย? ความสามารถในการต่อสู้ของเขามาจากไหนกัน?”

หลี่เทียนฮั่นฝืนยิ้ม “ข้าเคยบังเอิญได้ยินข่าวว่าฟู่เฉินนำวัสดุสัตว์อสูรมาขายให้กับโรงกลั่นปีศาจ”

“ท่านกำลังบอกว่าเขาแอบไปที่เทือกเขาม่านหมอกคนเดียวงั้นเหรอ?”

“ข้าคิดอย่างนั้น”

“นั่นมันเสี่ยงเกินไป! ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเขาล่ะ” เฉินยู่หยางโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

“ประเด็นคืออะไรในตอนนี้?? นอกจากนี้เหตุผลที่เขาสามารถเอาชนะหยางฉีและกวนเผิ้งอย่างเฉียบขาด เพราะประสาทสัมผัสการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมของเขางั้นเหรอ ??”

หลี่ฟู่เฉินหลีกเลี่ยงการฝึกฝนเพิ่มเติมใด ๆ ในระยะยาว หลังจากเคยเป็นเพียงเด็กในโอวาทของพ่อแม่,

***

เมื่อวันแห่งการแข่งขันอัจฉริยะกำลังใกล้เข้ามา คนจำนวนมากจากนิกายคังเหลียนก็ปรากฏตัวที่เมืองหยุ่นวู่

วันนี้ ชายหนุ่มสองคนปรากฏตัวขึ้นที่ตระกูลหยาง พวกเขามีอายุราวยี่สิบปีและบรรลุขอบเขตกำเนิด พวกเขาคือหยางลี่และหยางจั่น

พวกเขาคือศิษย์สาวกนิกายคังเหลียน

“ท่านพี่ลี่, ท่านพี่จั่น”

เมื่อเผชิญกับเยาวชนทั้งสอง แม้แต่หยางไคผู้เป็นอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้ในตระกูลหยางก็ต้องทักทายพวกเขาในฐานะพี่ชาย

หยางลี่ตอบรับด้วยความยินดี “หยางไค เจ้าเป็นเจ้าของโครงกระดูกระดับสามดาวที่หายาก ในการแข่งขันอัจฉริยะนี้ เจ้าต้องเข้าชิงอันดับแรกเพื่อเป็นเกียรติแก่ตระกูลหยางของเรา”

“ไม่ต้องกังวลพี่ลี่ การได้อันดับแรกก็เหมือนเรียกคืนสิ่งที่ข้ามีอยู่แล้ว” หยางไคตอบอย่างนิ่งเฉย ในมุมมองของเขาไม่ว่าจะเป็นเฉินตู่จิ่ว, กวนเผิ้งหรือหลี่หยุ่นไห่ ไม่อยู่ในความสนใจของเขา แม้แต่หลี่ฟู่เฉินที่มีชื่อเสียงสูงก็ยังอยู่ต่ำกว่า หลังจากที่ได้ยินข่าวว่าเขาไม่ได้มีคุณสมบัติที่จะเข้าสู่สระน้ำทิพย์

ที่ด้านข้าง หยางจั่นหันมาเผชิญหน้ากับหยางฉี “หยางฉีแม้ว่าเจ้าจะไม่ได้เข้าสระน้ำทิพย์ อย่าสูญเสียความหวัง เจ้ายังมีโอกาสที่จะคว้าหนึ่งในห้าอันดับแรก”

หยางฉีอย่างลังเล “พี่ชายจั่น ข้าเชื่อว่าสิบอันดับแรกนั้นง่าย แต่ห้าอันดับแรก....”

โดยทั่วไป แล้วห้าอันดับแรกที่ได้รับการคาดการณ์อย่างคร่าวๆ คือ หยางไค, หยางห่าว, เฉินตูจิ่ว, เฉินตูเหลียง, กวนเผิ้ง และหลี่หยุ่นไห่ 5 ใน 6 คนนี้จะเป็นคู่แข่งชิงห้าอันดับแรก

หยางลี่ไม่เห็นด้วย “ความแข็งแกร่งทางกายไม่มีความหมาย ความสามารถในการต่อสู้ต่างหากที่สำคัญที่สุด ในสำนักนิกายคังเหลียน อัจฉริยะบางคนสามารถเลื่อนอันดับและเอาชนะศิษย์คนอื่น ๆ ได้”

เมื่อได้ยินเช่นนี้หยางจั่นเห็นพ้อง “แน่นอน นี่คือเหตุผลว่าทำไมข้าถึงกลับมาให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิชาการต่อสู้แก่พวกเจ้า ถ้าพวกเจ้ามีการรับรู้เพียงพอ ตระกูลหยางของเรา จะมีผู้สมัครสามคนเข้านิกายคังเหลียนในปีนี้”

........

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด