ทีมบาสหัวใจนักสู้ ตอนที่ 4
ตอนที่ 4
เฉินเพ่ยอี๋กวาดสายตาที่เย็นชาดูนักเรียนที่อยู่ด้านล่าง ทำให้เด็กม.4 ตกใจจนรีบหุบปาก นั่งตัวตรงมองมาทางเฉินเพ่ยอี๋
เห็นปฏิกิริยาของทุกคนแล้ว เฉินเพ่ยอี๋ปรากฏสีหน้าพอใจออกมาให้เห็น ในฐานะที่เป็นครูผู้สอนต้องนำนักเรียนชั้นหนึ่งนั้น เรื่องที่สำคัญที่สุดคือต้องสร้างอำนาจ ดูจากตอนนี้ หล่อนรู้สึกว่าจุดนี้ตัวหล่อนเองทำได้ดี
“ตลอดเวลาที่ผ่านมาโรงเรียนมัธยมปลายกวงเป่ยจะมุ่งเน้นเรื่องการสอบเข้ามหาวิทยาลัย อัตราการสอบเข้ามหาวิทยาลัยหลายปีที่ผ่านมาก็ยังคงรักษามาตรฐานอยู่ในระดับสูง ครูจะไม่ว่าอะไรถ้าพวกเธอเอาเรื่องทีมบาสเกตบอลมาเป็นเรื่องพูดคุยยามว่าง แต่ถ้าเข้าร่วมทีมบาสเกตบอลเมื่อไหร่ จะต้องเสียเวลามากมายเพื่อฝึกซ้อม ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการเรียนเป็นอย่างมาก บทเรียนของมัธยมปลายจะหนักกว่าของมัธยมต้น ครูไม่คิดว่าขณะที่พวกเธอเข้าร่วมทีมบาสเกตบอลแล้วจะสามารถดูแลเรื่องการเรียนในเวลาพร้อมกันได้ ครูไม่สนว่าห้องอื่นเขาจะเป็นยังไง แต่นักเรียนห้องม.4/5 ครูไม่อนุญาตให้เข้าร่วมทีมบาสเกตบอล!”
คำพูดของเฉินเพ่ยอี๋เหมือนลูกระเบิดที่ปล่อยจากเครื่องบิน มันระเบิดโดนหน้าเด็กห้องม.4/5จนพังยับเยิน ความเพ้อฝันที่สวยงามเกี่ยวกับทีมบาสเกตบอลนั้นถูกระเบิดจนป่นปี้
หลี่กวงเย่าเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง ภายในใจกรีดร้อง “อะไร!ครูพูดเล่นใช่ไหม!”
“ครูเฉินเพ่ยอี๋” เวลาพักทานข้าวเที่ยง เฉินเพ่ยอี๋กลับมายังห้องพักครู เพื่อนร่วมงานจากฝ่ายกิจการนักเรียนคนหนึ่งเดินเข้ามาหาหล่อน
“ลุงหวัง มีอะไรหรือเปล่าคะ?” เฉินเพ่ยอี๋พยักหน้าทักทายอย่างสุภาพ ลุงหวังเป็นบุคลากรเก่าแก่ที่สุดของโรงเรียนนี้
“นี่เป็นใบสมัครเข้าร่วมทีมบาสเกตบอล มีทุกห้องเลยนะ” ลุงหวังยื่นใบสมัครปึกหนึ่งให้กับเฉินเพ่ยอี๋
“อ๋อ ไม่ต้องแล้วค่ะ ห้องเราไม่เข้าร่วมทีมบาสเกตบอล”
“ทำไมล่ะ?” ลุงหวังงง ในมือยังคงถือใบสมัครค้างไว้
“ตลอดเวลาที่ผ่านมากวงเป่ยมุ่งเน้นเรื่องการสอบเข้ามหาวิทยาลัยเป็นหลัก ถ้าให้พูดตรงๆ แบบไม่น่าฟังเท่าไหร่ ฉันคิดว่าการที่นักเรียนเข้าร่วมทีมบาสเกตบอลมันเป็นการเสียเวลาเปล่า แน่นอนว่า ถ้าหากวันนี้ฉันสอนหนังสืออยู่ที่โรงเรียนมัธยมปลายฉี่หนาน ที่เป็นโรงเรียนที่เน้นฝึกฝนผู้เล่นบาสเกตบอลรุ่นใหม่โดยเฉพาะ นั่นก็คงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง”
ฟังคำอธิบายของเฉินเพ่ยอี๋แล้ว ลุงหวังยิ้ม เก็บใบสมัครที่ค้างไว้ในมือกลับคืน “ลุงรู้แล้ว เธอเป็นครูที่ดีคนหนึ่งจริงๆ ที่คิดแทนนักเรียนได้”
“ขอบคุณค่ะ ในฐานะที่ฉันเป็นครูนี้คือสิ่งที่ควรจะทำค่ะ” จริงๆ แล้วยังมีอีกประโยคหนึ่งที่เฉินเพ่ยอี๋ยังไม่ได้พูดออกมา นั้นคือ “เล่นบาสเกตบอลที่ไต้หวันมันไม่มีอนาคต” หล่อนไม่ได้หวังให้นักเรียนของตัวเองเสียเวลาไปกับเรื่องที่ไม่มีความหมายอย่างการเล่นบาสเกตบอล
“หึหึ ครูเฉิน ลุงมีเรื่องเล่าจะเล่าให้ครูฟังดีไหม?”
“ดีสิคะ” เฉินเพ่ยอี๋พยักหน้า ยังไงช่วงพักเที่ยงก็ไม่มีงานอะไรอยู่แล้ว อีกอย่างหล่อนก็เป็นครูที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ถือโอกาสนี้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับบุคลากรฝ่ายบริหารของโรงเรียนไว้ก็ถือเป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว
“นานมาแล้วล่ะ มีกลุ่มนักเรียนที่ชื่นชอบการเล่นบาสเกตบอลกลุ่มหนึ่ง เพราะอยากพิสูจน์ความสามารถของตัวเอง ดังนั้นจึงตัดสินใจตั้งทีมบาสเกตบอลขึ้นมาหนึ่งทีม เพื่อไปเข้าร่วมการแข่งขัน เพียงแต่โรงเรียนแห่งนั้นไม่เคยมีทีมบาสเกตบอลมาก่อน ดังนั้นจึงไม่สามารถไปแข่งขันในนามของโรงเรียนได้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้ละทิ้งความหวัง เด็กกลุ่มนั้นวิ่งตรงไปที่ห้องผู้อำนวยการ ขอร้องผู้อำนวยการให้พวกเขาตั้งทีมบาส ใครจะไปรู้ว่าในที่สุดผู้อำนวยการจะตอบรับพวกเขา ให้พวกเขาตั้งทีมบาสเกตบอลเพื่อเข้าร่วมการแข่งขัน และทีมบาสเกตบอลนี้ก็ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึงอย่างไม่น่าเชื่อ คาดไม่ถึงว่าในการแข่งขันของโรงเรียนมัธยมปลายลีก จะสามารถเอาชนะโรงเรียนมัธยมปลายฉี่หนานที่ฝึกฝนผู้เล่นบาสเกตบอลรุ่นใหม่โดยเฉพาะอย่างที่ครูพูดมาเมื่อกี้ได้”
“จริงเหรอ โรงเรียนไหนกันที่เก่งขนาดนี้” เฉินเพ่ยอี๋แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา
ลุงหวังยิ้มอย่างมีเลศนัย “ครูคิดว่าไงล่ะ?”
เฉินเพ่ยอี๋เห็นรอยยิ้มของลุงหวัง ถึงกับค้างไปสักพัก รู้สึกประหลาดใจที่ปรากฏคำตอบที่เธอแทบไม่อยากจะเชื่อ
“ครูเฉิน ลุงจะบอกความลับอีกอย่างกับครูดีไหม”
“ดีค่ะ” เฉินเพ่ยอี๋พยักหน้าอย่างมึนงง
“ผู้อำนวยการคนใหม่เป็นหนึ่งในเด็กกลุ่มนั้นนะ” ลุงหวังพูดว่า “เรื่องนี้มีคนน้อยนักที่จะรู้ ถือเป็นของขวัญสำหรับครูที่เข้ามารับตำแหน่งใหม่ละกันนะ ลุงต้องไปแจกใบสมัครก่อนแล้ว ครูเฉิน ถ้าหากครูเปลี่ยนใจ ไปเอาใบสมัครจากลุงได้ที่ฝ่ายกิจการนักเรียนได้ตลอดเวลานะ”
“ได้ค่ะ ลุงหวังไปทำงานเถอะค่ะ”
เฉินเพ่ยอี๋ดึงเก้าอี้ออกมานั่งลง ถึงแม้ว่าเรื่องที่ลุงหวังเล่าให้ฟังจะทำให้หล่อนรู้สึกประหลาดใจ แต่หล่อนกลับยิ่งยืนหยัดในการตัดสินใจที่จะไม่ให้นักเรียนห้องม.4/5เข้าร่วมทีมบาสเกตบอลมากขึ้นไปอีก แม้จะเอาชนะโรงเรียนมัธยมปลายฉี่หนานได้ แล้วยังไงล่ะ ในสังคมตอนนี้ บาสเกตบอลเป็นได้แค่เพียงงานอดิเรกแค่นั้นเอง
“จู่ๆ มาทำทีมบาสเกตบอล ยุ่งยากจริงๆ เลย” หยางซิ่นเจ๋อครูห้องม.4/4 ที่นั่งข้างเฉินเพ่ยอี๋เดินเข้ามา ในมือของเขาถือใบสมัครอยู่ พอก้นนั่งลงกับเก้าอี้ ก็เอามือกุมขมับแล้วบ่นพึมพำ
“ใช่ค่ะ ครูหยางก็รู้สึกเหมือนกันใช่หรือเปล่า ถ้าเพราะเหตุผลนี้ทำให้ส่งผลกระทบต่อการเรียนของนักเรียน ถึงตอนนั้นผู้ปกครองก็จะมาโทษเอาได้ ใครจะรับผิดชอบ และช่วงมัธยมปลายเป็นช่วงเวลาที่สำคัญมากสำหรับนักเรียน หากไม่ตั้งใจเรียน จะมีผลกระทบต่ออนาคตพวกเขาเป็นอย่างมาก” เฉินเพ่ยอี๋มองหยางซิ่นเจ๋อ อยากจะค้นหาความเห็นชอบและการสนับสนุนจากสีหน้าและแววตาของเขา
แต่หยางซิ่นเจ๋อใช้สายตาที่แปลกใจมองหล่อน “ครูเฉิน ตอนมัธยมปลาย ครูเรียนที่โรงเรียนไหนครับ?”
“โรงเรียนสตรีแห่งชาติไถหนันค่ะ”
“แล้วตอนเรียนมหาวิทยาลัยล่ะครับ?”
“มหาวิทยาลัยครูแห่งชาติไต้หวันค่ะ” แค่พูดชื่อสองสถาบันนี้ออกมา ถึงแม้เฉินเพ่ยอี๋จะไม่แสดงสีหน้าที่มีความภาคภูมิใจออกมาให้เห็น แต่ในสายตากลับเปล่งปลั่งแวววาวด้วยความเชื่อมั่นในตัวเอง
หยางซิ่นเจ๋อส่งเสียงว้าว “เป็นโรงเรียนที่ยอดเยี่ยมทั้งนั้นเลย คิดว่าครูเฉินต้องมีผลการเรียนที่ดีมาตั้งแต่เด็ก ใช่ไหม”
“ก็ไม่ได้แย่เท่าไหร่หรอกค่ะ” เฉินเพ่ยอี๋พูดอย่างถ่อมตัว
“สุดยอดมากครับ” หยางซิ่นเจ๋อพูดชื่นชมด้วยความแปลกใจ “ครูต้องเป็นพวกนักเรียนที่ตั้งใจเรียนแน่ๆ เลย”
“นักเรียนก็ต้องทำหน้าที่การเป็นนักเรียนให้ดี ฉันแค่ทำในส่วนที่ฉันควรต้องทำแค่นั้นเอง”
“ดังนั้นครูคงไม่ได้ให้นักเรียนห้องม.4/5เข้าร่วมทีมบาสเกตบอลใช่ไหม?”
“แน่นอนค่ะ ฉันคิดว่าการเล่นบาสเกตบอลไม่ได้ช่วยอะไรพวกเขาเลย”
“จริงหรือ?” หยางซิ่นเจ๋อยังคงมีท่าทีสงสัย
“หรือว่าครูหยางไม่ได้คิดอย่างนี้คะ?”
“ผมก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี แต่ถ้าเทียบกับของครูเฉินแล้ว สถาบันที่ผมเรียนเป็นโรงเรียนมัธยมและมหาวิทยาลัยเชยๆ ไม่ได้รับความนิยม บวกกับตอนมัธยมปลายผมทำวงดนตรี ตอนมหาวิทยาลัยก็มัวบ้าอยู่กับการเต้น ดังนั้นผลการเรียนก็เลยแย่มาก ก็ไม่รู้ว่าจับพลัดจับผลูยังไง ถึงสอบได้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู แถมยังได้เข้ามาสอนในโรงเรียนมัธยมปลายแห่งนี้อีก ตอนนี้มาคิดๆ ดูแล้ว ยังดีที่ผมไม่ได้เสียเวลามากมายกับการเรียนหนังสือ ไม่อย่างนั้นในช่วงวัยรุ่นคงพลาดอะไรหลายๆ อย่างไป ผมคิดว่าหน้าที่ของนักเรียนไม่ใช่การเรียนหนังสือ แต่คือการเรียนรู้ โลกนี้ช่างกว้างใหญ่นัก ไม่ใช่เรียนรู้ได้แค่ในหนังสือเพียงอย่างเดียวเท่านั้น มีสิ่งต่างๆ อีกมากมายที่ต้องเข้าไปค้นหาด้วยตัวเอง บาสเกตบอลก็เป็นหนึ่งในนั้น
“เหตุผลที่ผมรู้สึกว่าทีมบาสเกตบอลเป็นเรื่องยุ่งยากวุ่นวาย นั้นเป็นเพราะถึงเวลานั้นนักเรียนในห้องอยากจะเข้าร่วมทีมบาสเกตบอล ผมก็ต้องเสียเวลาอีกมากมายไปอธิบายให้ผู้ปกครองฟัง มันเหนื่อยครับ!” พูดจบ หยางซิ่นเจ๋อส่ายหัวฝืนยิ้มออกมา
เฉินเพ่ยอี๋ค่อยๆ เบิกตากว้าง ในใจแอบคิดว่า นี่มันเป็นทฤษฎีบ้าบออะไรกันนี่ ตรรกะอะไรกันแปลกพึลึก มีครูสอนที่แปลกประหลาดแบบนี้ได้อย่างไร คุณพระ ต่อไปฉันควรอยู่ห่างๆ จากเขาหน่อยแล้ว
………………………………………………………………………….