GE80 ผู้ใดเป็นฝ่ายถูกกำจัด [ฟรี]
เมื่อชุ่ยหลิงและเย่หลิงร่วมรักและอาบน้ำเสร็จ หนิงฝานก็นำพวกนางกลับเข้าไปในแหวนกระถาง เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวตนของถูกเปิดเผย
ยามราตรีที่สงบมาเยือน แสงไฟมืดสลัว ร่างกายที่เคร่งเครียดมาอย่างยาวนานถึง 1 เดือนเต็ม เริ่มเหนื่อยล้าแทบหมดแรง
หนิงฝานล้มตัวนอนในอ่างอาบ แช่วารีที่โรยด้วยกลีบบุบผาหอมที่ไป๋เซี่ยวได้เตรียมไว้ กลีบบุบผาที่อยู่ในอ่าง มาจากบุบผาที่มีนามว่า ‘ยู่เชิงถาน’ เป็นบุบผาที่คลายความเหนื่อยล้า เป็นบุบผาที่ล้ำค่า ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณทั่วไปไม่อาจใช้ได้
คาดไม่ถึงว่าไป๋เซี่ยวจะยอมนำบุบผาที่มีราคาแพงเช่นนี้มาให้ตนอาบ หรือนั่นเป็นเพราะแต้มนิกาย บางที แต้ม 2.15 ล้านอาจเป็นแต้มที่ไม่เคยผู้ใดทำได้มาก่อน
แต่นั่นย่อมไม่มีผู้ใดเชื่อว่า หนิงฝานสังหารภูติผีในขอบเขตแก่นทองคำได้
และในหมู่ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำทั้งหลาย หนิงฝานได้รับขนานนามว่า ‘มือสังหารประสานวิญญาณ’
ผู้เยาว์ผู้หนึ่งกลายเป็นที่รู้จัก กลายเป็นบุคคลมีชื่อเสียง แต่นั่นทำให้เหนื่อยล้า... หนิงฝานเข้าใจเรื่องนี้ดี เมื่อกลายเป็นเป้าสายตาของผู้คนจำนวนมาก หากจะลงมือทำสิ่งใดอย่างลับๆ ย่อมเป็นไปไม่ได้
“ข้ามีหญ้ากลั่นวิญญาณ มีวิชาลับสัมผัสเทพ ด้วยสัมผัสเทพขอบเขตแก่นทองคำขั้นสูงสุดของข้า นอกจากผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มแล้ว ไม่มีผู้ใดมองการอำพรางของข้าออก... เช่นนั้น ข้าย่อมกระทำบางสิ่งในอีกตัวตนได้ แม้จะยามนี้จะเป็นที่สังเกตของผู้คนก็ตาม”
แววตาของหนิงฝานเย็นชา ความแค้นที่มีให้กับนิกายจี๋หลิง เขาไม่มีวันลืม หากไม่เพราะเขามีวิชาทำนาย มีพลังและความแข็งแกร่งเกินจินตนาการของพวกมัน เขาคงตกหลุมพลางของพวกมันไปแล้ว
หนิงฝานผ่อนลมหายใจ กลับคืนสู่สภาวะอารมณ์ปกติ และชำระร่างกายอย่างสงบ...
ยามราตรีในนิกายกุ่ยเชว่ ผู้ดูแลศิษย์ในชุดคลุมเทาได้ผลักประตูที่พักออกมาเบาๆ แหงนหน้ามองท้องฟ้า สีหน้าที่เศร้าหมองแปรเปลี่ยนเป็นเย้ยหยัน
คนผู้นี้คือหวางเหยา!
“หนิงฝาน... จักรพรรดิผู้นี้มาแล้ว เจ้าจะทำอันใดได้อีก...”
มือทั้งสองข้างของมันขยับเป็นท่าทาง ก่อนแปรสภาพเป็นกรงเล็บกระดูกขาว ในยามนั้นเอง ชิ้นส่วนกระดูกของปีศาจกระดูกขาวในกระเป๋าหนิงฝาน เรืองแสงขึ้น
“เป็นมันจริงๆ... ดี...ดียิ่งนัก! หากข้าบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มเมื่อใด เจ้าจะได้เห็นดีกัน!”
หวางเหยาเย้ยหยัน มือทั้งสองข้างคืนสภาพ ก่อนใช้วิชาย่างก้าว มุ่งตรงออกไปจากพื้นที่ศิษย์ฝ่ายใน...
ภายในค่ำคืนเดียว... 3 ตระกูลในแคว้นเยว่ถูกฆ่าล้าง ผู้คนไม่รู้ว่าเป็นฝีมือผู้ใด แต่แท้จริงแล้ว เป็นฝีมือของหวางเหยา
หากมันยังดูดกลืนพลังของผู้คนเช่นนี้ อีกไม่นาน มันจะฟื้นคืนพลังในขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม ก่อนหน้านี้มันพบว่า ในนิกายกุ่ยเชว่นั้นมีผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำอยู่เป็นจำนวนมาก หากมันไม่บรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม มันย่อมไม่อาจสังหารหนิงฝานที่อยู่ในนิกายได้
...
ในระหว่างที่หนิงฝานชำระกายอยู่นั้น กลับรู้สึกถึงบางอย่าง เขาลุกจากอ่างอาบ เดินไปยังกระเป๋าและเปิดดูชิ้นกระดูกที่อยู่ภายในด้วยความสงสัย
“หรือข้าเข้าใจผิด... แต่ก็ไม่แน่ ต้องจับยามทำนาย...”
หนิงฝานโคจรวิชา สองนิ้วนับคำนวณ ไม่นานนัก เขากลับตกตะลึง
หนิงฝานทำนายว่า มีคนคิดปองร้ายตน แต่ไม่รู้ว่าผู้ใด
เหตุที่เป็นเช่นนั้น เพราะดูราวกับระดับพลังของมันจะห่างไกลกับหนิงฝานมาก ดังนั้น วิชาทำนายจึงไม่สามารถระบุตัวคนได้
แต่ไม่นานนัก แววตาของหนิงฝานกลับเย็นชา เขาห่มคลุมอาภรณ์และนำชิ้นกระดูกในกระเป๋าออกมา
“จักรพรรดิปีศาจไป๋กู่... เป็นเจ้า”
ศัตรูที่แข็งแกร่งกระทั่งหนิงฝานมิอาจเทียบเคียง มีเพียงสองคนเท่านั้นคือ จักรพรรดิปีศาจไป๋กู่แห่งส่วนที่ 7 ของป่าภูติพราย และเทพกษัตริย์เนี่ย!
เทพกษัตริย์นั้น อีก 100 ปีจึงจะกลับมาโลกพิรุณ แต่จักรพรรดิปีศาจไป๋กู่ก็ออกจากป่าภูติพรายไม่ได้... แต่ถึงอย่างนั้น หนิงฝานกลับยังไม่สบายใจ
“ข้าต้องระวังตัว และไม่เก็บชิ้นกระดูกนี่ไว้ในกระเป๋า”
หนิงฝานเร่งนำชิ้นกระดูกเก็บไว้ในแหวนกระถาง และในชั่วลมหายใจนั่นเอง หวางเหยาที่ท่องทะยานในราตรี กลับเผยสีหน้าเย้ยหยัน
“ฮึ่ม... ระวังตัวดียิ่งนัก วิชาค้นกระดูกเมื่อครู่ทำให้มันสัมผัสได้... แต่เจ้ามีทางรู้ว่าข้าหวางเหยาคือจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่ ฉะนั้น เจ้าไม่มีทางหนีความตายได้พ้น”
ลางสังหรณ์ไม่ดีนี้ ทำให้หนิงฝานไม่อาจชำระกายอย่างผ่อนคลาย หนิงฝานรู้ดีว่า ต่อให้ตนเองออกมาจากป่าแห่งภูติพรายได้แล้ว ก็ยังไม่อาจประมาท
หากจะรักษาหานหยวนจี๋...ตนเองต้องแข็งแกร่ง หากจะเอาชนะเทพกษัตริย์เนี่ย...ตนเองต้องแข็งแกร่ง และวันข้างหน้า เขาต้องก้าวไปยังแดนสวรรค์ทั้ง 4 ต่อสู้กับเหล่าผู้สืบทอดของเทพเซียน...นั่นย่อมต้องแข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน
100 ปีหลังจากนี้ หนิงฝานต้องแข็งแกร่งพอที่จะต่อกรกับเทพกษัตริย์เนี่ยได้
“จะมัวเสียเวลาไม่ได้... พรุ่งนี้ข้าต้องไปรายงานที่โถงหลักของนิกาย จากนั้นออกไปหาที่ปรุงโอสถกลั่นวิญญาณ เพื่อยกระดับเป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นสูงสุด”
การใช้โอสถให้บรรลุถึงขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสูงสุด เป็นเรื่องง่าย แต่หลังจากนั้นไปจนถึงขอบเขตดวงจิตแรกเริ่ม เป็นเรื่องยากอย่างที่สุด แต่หนิงฝานมีวิธีที่ทำตนเองทะลวงจุดตีบตัน แต่ต้องใช้เวลา
หนิงฝานต้องก้าวเดินไปตามเส้นทางการฝึกตน หากไม่ทำ ก็ยากจะก้าวไปยังแดนสวรรค์
หนิงฝานกลับเข้าห้อง นั่งขัดสมาธิบนเตียง ที่ยังเหลือคราบของเหลวของชุ่ยหลิงและเย่หลิง และกลิ่นหอมของพวกนาง แต่หนิงฝานไม่ได้ใส่ใจ จิตใจของเขาหนักแน่นดุจหินผา เป็นผลมาจากการขัดเกลาวิชาแปลงหยินหยาง
ผู้ที่จะฝึกฝนวิชาขัดเกลาผสาน สิ่งแรกที่สำคัญคือต้องทนต่อการยั่วยวนได้
หนิงฝานเร่งโคจรปราณฝึกฝนวิชา ดูดซับเอาปราณรอบข้างเข้ามา แม้จะเป็นประโยชน์เพียงเล็กน้อย แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้เวลาสูญเปล่า
ในขณะที่กำลังฝึกวิชาอยู่นั้น จู่ๆหนิงฝานกลับลืมตา
ข่ายอาคมของเขาสั่นไหว มีคนกลุ่มหนึ่งผ่านเข้ามา
“เหิมเกริมนัก...”
หนิงฝานยิ้มอย่างเย็นชา เขาระงับการทำงานของข่ายอาคมไว้ และคนกลุ่มหนึ่งที่มากลับไม่สัมผัสพบข่ายอาคม
ผู้ที่มาเป็นสตรีกลุ่มหนึ่งที่มีแววตาที่เย็นชา
ผู้นำของสตรีกลุ่มนั้นคือสตรีในอาภรณ์ชมพู นางดูคล้ายไป๋เซี่ยว แต่มีบางส่วนที่แตกต่าง
ไป๋ลู่! ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณแห่งโถงขัดเกลาผสาน พวกนางถึงกลับกล้าคิดสังหารผู้อาวุโสนิกาย
“ศิษย์พี่ เราจะจัดการกับหนิงฝานเช่นใด...” สตรีในอาภรณ์ดำกล่าว นางดูราวกับผู้เยาว์อายุ 18 ปี ใบหน้างดงาม แต่กลับเย็นชา
“ทำให้มันบาดเจ็บสาหัส และปล่อยให้ศิษย์น้องของเราร่วมสนุกจนมันตาย...” สตรีที่ปิดบังใบหน้าด้วยผ้าสีม่วงกล่าว แววตาของนางเย็นชาและโหดเหี้ยม
สตรีที่มาส่วนใหญ่เป็นผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจรที่ 10 พวกนางมีคุณสมบัติพอให้เป็นผู้ดูแลศิษย์ในนิกาย แต่กลับเก็บตัวอยู่ภายในโถงขัดเกลาผสาน เพื่อคอยรับใช่ไป๋ลู่
ไป๋ลู่ยื่นมือเป็นเชิงสั่ง ให้สตรีนางนั้นคุกเข่าและก้มตัวลงพื้น
ไป๋ลู่หัวเราะและนั่งลงบนหลังของสตรีนางนั้น ก่อนจะยื่นมือสัมผัสก้นของนางอย่างเย้ายวน
“หยุนเอ๋อร์... ก้นของเจ้าอวบอิ่มนัก”
“ศิษย์พี่อย่าได้ล่อหลอก... ทั้งชีวิตของหยุนเอ๋อร์ผู้นี้ มีเพียงศิษย์พี่เท่านั้น...” สตรีที่คลานเข่าให้ไป๋ลู่นั่ง ดูราวกับมีความสุขยามที่ถูกไป๋ลู่สัมผัส
“ฮวั๋งหลิง นำคนเข้าไปจัดการผู้อาวุโสคนใหม่...” ไป๋ลู่ขบคิดก่อนตัดสินใจกล่าว
สตรีห้านางเร่งมุ่งตรงไปยังที่พักหนิงฝาน และผลักประตูบ้านเข้าไปทันที
น่าแปลกที่สตรีทั้งห้าคนที่บุกมา เป็นสตรีพรหมจรรย์! พวกนางน่าจะฝึกฝนวิชาขัดเกลาผสาน แต่เหตุใดพวกนางยังคงความพรหมจรรย์ได้ พวกนางฝึกวิชาขัดเกลาผสานอย่างไร?
หนิงฝานสงสัยกับสิ่งที่ตนสัมผัสพบ เขาถอนสัมผัสเทพที่จับตาดูพวกนางกลับมาแล้วครุ่นคิด
“น่าสนใจ... พวกนางทำราวกับโถงขัดเกลาผสานเป็นดินแดนของตน... เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพที่ 10 แท้ๆ แต่กลับคิดจะจัดการกับข้า ช่างดูแคลนข้านัก”
หนิงฝานเย้ยหยันในใจและแกล้งนั่งขัดสมาธิฝึกฝนต่อไป เมื่อสตรีทั้งห้าเข้ามาในห้อง พวกนางก็เร่งปลดอาภรณ์ และเข้าคลอเคลียหนิงฝานทันที
“ผู้อาวุโส โปรดช่วยมอบความสุขให้เราห้าพี่น้องด้วยเถิด”
ขณะกล่าว สตรีทั้งห้านางเริ่มโคจรวิชาเย้ายวน แม้สัมผัสเทพของหนิงฝานจะบรรลุขอบเขตแก่นทองคำขั้นสูงสุด แต่ยังสั่นไหวเล็กน้อยกับวิชาของพวกนาง ไม่แปลกที่ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณจะต้านทางสตรีเหล่านี้ไม่ได้ เพราะวิชาเย้ายวนของพวกนางนั้นไม่ธรรมดา
เพียงแต่การที่พวกนางแสดงวิชาเย้ายวนต่อหน้าหนิงฝานเช่นนี้ ดูราวกับเด็กที่กำลังแสดงวิชาที่อ่อนด้อยต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญ
แววตาของหนิงฝานดูมั่นใจ เขาโคจรปราณมาที่นิ้วมือ และเคลื่อนสัมผัสหน้าอกที่นุ่มละมุนของพวกนาง เพื่อถ่ายปราณเข้าไป!
เพียงพริบตา พวกนางทั้งห้าตกอยู่ในอำนาจของดรรชนีคลายหยิน ปราณภายในร่างปั่นป่วนไม่อาจโคจร เหลือไว้เพียงความปรารถนาไคร่อยาก
“ไป๋ลู่... ในเมื่อเจ้าถวายพวกนางให้ข้าถึงที่ ข้าจะน้อมรับพวกนางไว้ แม้เรือนร่างของพวกนางไม่น่าโสภานัก แต่หากให้ดูดซับพลัง ผู้อาวุโสเช่นข้าย่อมไม่เกี่ยง”
หนิงฝานเย้ยหยัน เสียงครางกระเส่าของสตรีทั้ง 5 นางดังเข้าหูของไป๋ลู่ นางผุดลุกขึ้นทันทีด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ
“เป็นไปไม่ได้ ห้าพี่น้องนั่นมีวิชาเย้ายวนในระดับแก่นทองคำ แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสูงสุดยังยากจะต้านทาน... เหตุใดมันต้านทานได้?”
นางปั่นป่วนสับสน นางแค้นเคืองหากหนิงฝานดูดซับพลังของสตรีทั้ง 5 นางนั้นได้จริง
“พวกนางเป็นกระถางขัดเกลาของข้า ข้าไม่ยอมให้เจ้าชิงไปแน่!”
เงาร่างของนางกลายเป็นลำแสงมุ่งไปยังที่พักของหนิงฝาน จากนั้นนางนำกระบี่ยาวออกมา และแทงตรงเข้าใส่หนิงฝานทันที
แต่ช่างน่าเศร้า เมื่อหนิงฝานหันมองกระบี่ระดับวิญญาณขั้นต่ำของนางที่กำลังตรงเข้ามา กระบี่ของนางกลับสั่นเทาก่อนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
หนิงฝานครอบครองทะเลสติกระบี่ ดังนั้นยามนี้ ตัวเขาจึงเปรีบดั่งจักรพรรดิของกระบี่ทั้งมวล ดังนั้นกระบี่ระดับต่ำเช่นนั้น ย่อมไม่คู่ควรมาเผชิญหน้า
เพียงหันมองก็ทำลายกระบี่ได้! สิ่งที่เกิดขึ้นเหนือความคาดหมายของไป๋ลู่โดยสมบูรณ์ นางสับสนยุ่งเหยิงและเร่งถอยห่างจากหนิงฝาน แต่ในชั่วอึดใจนั้นเอง เงาร่างหนิงฝานกลับกลายเป็นรุ่งหิมะ เคลื่อนเข้าประชิดนางแล้วใช้นิ้วสัมผัสที่หน้าอก
แม้จะใช้นิ้วสัมผัส แต่หนิงฝานไม่ได้สัมผัสนางอย่างเบามือ นิ้วของเขาแฝงไปด้วยอำนาจที่ทรงพลัง จิ้มสัมผัสอย่างแรง จนทำให้นางอุทานด้วยความเจ็บ เมื่ออำนาจดรรชนีคลายหยินแทรกผ่านเข้าร่วม นางจึงตกตะลึงทันที!
“เจ้ากล้า...ใช้วิชาเย้ายวนกับข้า”
“เจ้าเป็นเพียงศิษย์ แต่ข้าเป็นผู้อาวุโสของโถงขัดเกลาผสาน ในเมื่อข้าดูดซับพลังจากศิษย์ที่เจ้าที่ส่งมาได้ ตัวเจ้าก็ถูกดูดซับได้เช่นกัน”
หนิงฝานกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย พลางเคลื่อนนิ้วสัมผัสไปทั่วร่างจนนางไร้เรี่ยวแรง จากนั้นจับนางโยนไปยังที่นอน แล้วฉีกกระชากอาภรณ์จนขาดวิ่น
หนิงฝานอ่อนโยนกับเพียงบางคน แต่กับศัตรูแล้ว เขาไร้ซึ่งความเมตตา
เมื่ออาภรณ์ฉีกขาด หน้าอกคู่งามก็เผยต่อสายตา!
เดิมทีนางมักจะเป็นฝ่ายกระทำกับสตรีในโถงขัดเกลาผสานอยู่เสมอ นางไม่เคยเป็นผู้ถูกกระทำ...
เมื่อสัมผัสได้ว่าไม่มีอาภรณ์คุ้มกาย นางเริ่มหวาดกลัว แม้นางจะฝึกฝนวิชาปีศาจ ทั้งยังเป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ แต่นางขัดขืนหนิงฝานไม่ได้
นางเกลียดชังหนิงฝานอย่างสุดหัวใจ แต่เมื่อตกอยู่ในอำนาจของดรรชนีคลายหยิน ร่างกายและความใคร่ที่ปรากฏ กลับขัดแย้งกับความรู้สึกที่แท้จริง นางอยากกอด...และอยากครอบครองหนิงฝานอย่างที่สุด
“ข้าเกลียดเจ้า... โถงขัดเกลาผสานคือเขตของข้า ข้าจะไม่ยอมให้ผู้ใด...มายึดไป ไม่...ไม่ยอม...อ้า~~ ข้าปรารนา...ข้าไม่ไหวแล้ว”
นางด่าทอสาปแช่ง แต่ร่างกายกลับหลั่งของเหลวอุ่นๆออกมา นางตกอยู่ในอำนาจของดรรชนีคลายหยินอย่างสมบูรณ์ กระทั่งไร้สติยั้งคิด
นางเสียใจ... เสียใจที่ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ เสียใจที่คิดร้ายกับหนิงฝานผู้นี้... แต่นั่นสายเกินไป
ความเจ็บปวดที่แผ่ซ่านมาจากท่อนล่างของร่างกาย ทำให้หยาดน้ำตาของนางรินไหล หยาดโลหิตที่เกิดจากบางสิ่งฉีขาดไหลริน
หนิงฝานร่วมรักกับนางอย่างรุนแรง นางเกลียดที่หนิงฝานรุนแรงกับนางอย่างไม่ปราณี โดยที่ร่างกายของนางไม่อาจต่อต้าน
สิ่งที่นางทำได้ในยามนี้คือ กอดเขาไว้ให้แน่นที่สุด
“เมตตาข้าด้วย...ได้โปรด...” นางอ้อนวอน...
เมื่อร่วมรักเสร็จ หนิงฝานก็สวมอาภรณ์ ภายในห้องมีไป๋ลู่ที่นอนหมดแรงอยู่บนเตียง บนพื้นห้องมีสตรีทั้งห้านางหมดสติอยู่
และภายนอกที่พัก ยังเหลือสตรีอีกนางที่รั้งรอไม่เข้ามา
เพราะจิตสังหารของหนิงฝาน น่าสะพรึงกลัวเกินไป
“นับจากวันนี้ไป เจ้า...ไป๋ลู่ จะเป็นกระถางขัดเกลาของข้า...” หนิงฝานกล่าวอย่างเรียบเฉย
“ไม่...ไม่... ข้าขอร้อง... ได้โปรดเมตตาข้าด้วย” ร่างกายของนางยังจดจำความรู้สึกเมื่อครู่ได้อย่างชัดเจน นางทั้งโกรธแค้น อับอาย และโศกเศร้า
แม้นางจะอยู่ในโถงขัดเกลาผสาน แต่นางยังเป็นสตรีพรหมจรรย์ เมื่อครู่เป็นครั้งแรกของนาง ทั้งยังถูกหนิงฝานร่วมรักอย่างรุนแรงไม่ปราณี ทำให้นางรู้สึกราวกับถูกบดขยี้
“ที่ข้ารับเจ้าเป็นกระถางขัดเกลา นับว่ามีเมตตาอย่างที่สุดแล้ว แต่จงจำไว้...ว่าข้าจะไม่มีความเมตตากับเจ้าเป็นครั้งที่สอง”
หนิงฝานกล่าวอย่างเรียบเฉย
เขาสลักตราประทับวิญญาณกับไป๋ลู่ นับจากบัดนี้ นางจะเป็นเพียงกระถางขัดเกลา... หนิงฝานจะไม่ปราณีกับศัตรู และจะไม่มีวันรักกระถางขัดเกลาเด็ดขาด...