ตอนที่แล้วทีมบาสหัวใจนักสู้ ตอนที่ 2
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปทีมบาสหัวใจนักสู้ ตอนที่ 4

ทีมบาสหัวใจนักสู้ ตอนที่ 3


ตอนที่ 3

หลังจากที่หาห้องน้ำเจอแล้ว จึงรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เหม็นเหงื่อออก เป็นเสื้อผ้าที่สะอาดแทน พอออกจากห้องน้ำ เขาหยุดทักนักเรียนใหม่ที่ใส่เสื้อธรรมดาคนหนึ่ง “นาย นายรู้ไหมต้องไปดูตารางจัดชั้นเรียนของม.4ได้ที่ไหน?”

นักเรียนที่ถูกทักมองเด็กหนุ่มแวบหนึ่ง ชี้ด้วยสีหน้าท่าทีที่เรียบเฉย ไปยังทางป้ายด้านหน้า ด้านบนเขียนตัวหนังสือขนาดใหญ่ ‘นักเรียนใหม่’ ด้านล่างยังวาดหัวลูกศรสีแดงไปทางด้านซ้าย ชี้ไปยังด้านหน้าตึกใหญ่ทางซ้ายมือ

“ฮ่าๆ ไม่ได้สังเกต ขอบใจนะ” สำหรับคำขอบใจของเด็กหนุ่มนั้น นักเรียนคนดังกล่าวตอบเพียง “อืม” แล้วเดินจากไป

“เป็นคนเย็นชามาก” เด็กหนุ่มยักไหล่ กระดกน้ำดื่ม พลางเดินไปยังทิศทางที่ชี้ไว้

มาถึงทางเดินชั้นหนึ่งของตึกใหญ่ เห็นเพียงกลุ่มนักเรียนยืนเบียดกันอยู่หน้าป้ายประกาศเพื่อตรวจดูตารางจัดชั้นเรียน มีครูหลายคนอยู่ด้านข้างคอยให้ความช่วยเหลือ หลี่กวงเย่าไม่อยากขึ้นไปเบียดเสียดกับผู้คน จึงตรงไปซักถามจากครูผู้ชายคนหนึ่ง

“ชื่อ” ครูผู้ชายถาม

“หลี่กวงเย่า”

ครูผู้ชายพลิกดูสมุดรายชื่อที่อยู่ในมือ แล้วจึงชี้ไปยังบันไดด้านซ้ายของทางเดินแล้วพูดว่า “ม.4/5 ขึ้นบันไดไป อยู่ด้านซ้ายมือ”

หลังจากที่หลี่กวงเย่ากล่าวขอบคุณครูเสร็จ จึงเดินขึ้นไปชั้นบน พอเจอห้องม.4/5 ก็เดินเข้าไปในห้องเรียนหาที่นั่งตรงกลางได้จึงนั่งลง ถึงตอนนี้จึงได้พบว่าคนที่นั่งข้างๆ นั้น เป็นนักเรียนที่เจอตอนออกจากห้องน้ำเมื่อสักครู่นี้

“นี่ เจอกันอีกแล้วนะ บังเอิญจริงๆ” หลี่กวงเย่าทักทายอย่างกระตือรือร้น แต่นักเรียนคนนั้นแค่เงยหน้าขึ้นมามองเขาแวบหนึ่ง แล้วกลับก้มลงอ่านการ์ตูน ‘สแลมดังก์’ ที่อยู่ในมือต่อ

เจอการปฏิเสธอ้อมๆ แบบนี้หลี่กวงเย่ากลับไม่ได้ใส่ใจ ถามไปอีกว่า “นายเล่นบาสไหม?”

ครั้งนี้ นักเรียนคนนั้นไม่ได้สนใจอะไรเขาเลย

ขณะที่หลี่กวงเย่ากำลังพิจารณาอยู่ว่าจะถามต่อดีไหม ครูผู้หญิงวัยรุ่นหน้าตาดีคนหนึ่งเดินเข้ามาในห้องเรียน ดึงดูดสายตาของทุกคนทันที และทันใดนั้นทั้งห้องก็เงียบลง ครูยิ้มหวานออกมาพร้อมแนะนำตัวเองอย่างง่ายๆ “สวัสดีนักเรียนทุกๆ คน ครูชื่อเฉินเพ่ยอี๋ เป็นครูประจำชั้นคอยให้คำปรึกษาของม.4/5ในช่วงภาคฤดูร้อน ยินดีต้อนรับทุกคนเข้าสู่โรงเรียนมัธยมปลายกวงเป่ย ตอนนี้จะเริ่มเช็คชื่อนะ เช็คจำนวนคนกันก่อน ว่ามาครบหรือยัง”

“หวังอี๋เจิน”

“มาค่ะ!”

“หลิวเจียหาว”

“มาครับ!”

“หยางจื่อเซวียน”

“มาครับ!”

“หวังจงจวิน”

“มาครับ!” นักเรียนหน้าตาเย็นชาที่นั่งข้างหลี่กวงเย่ายกมือขึ้นขานรับ

“ที่แท้นายก็ชื่อหวังจงจวินนี่เอง ก็ไม่เลวนี่...” หลี่กวงเย่าพูดยังไม่ทันจบ ก็ได้ยินเฉินเพ่ยอี๋เรียกชื่อเขา

“หลี่กวงเย่า!”

“มาครับ!”หลี่กวงเย่ายกมือขึ้นทันที

เฉินเพ่ยอี๋มองหลี่กวงเย่า “หลี่กวงเย่า ขณะที่ครูเช็คชื่อ กรุณาอย่าเพิ่งคุย”

“ครับ” หลี่กวงเย่ายิ้มอย่างเขินๆ

ผ่านไปห้านาทีหลังจากที่เช็คจำนวนคนว่ามาครบแล้ว เฉินเพ่ยอี๋จึงเอ่ยขึ้น “โอเค นักเรียนทุกคนคะ ตอนนี้ไปรวมตัวกันที่ทางเดิน เรียงแถวให้เป็นสามแถว เดี๋ยวสักครู่เราจะไปเบิกชุดนักเรียนกัน”

เนื่องจากยังไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของโรงเรียนและเพื่อนนักเรียน ดังนั้นนักเรียนใหม่จึงเชื่อฟังเป็นพิเศษ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร กว่าเฉินเพ่ยอี๋จะพยายามนำเรียงแถวเสร็จ ลงจากอาคารได้นั้นมันไม่ง่ายเอาซะเลย

“ไปเรียงแถวต่อจากด้านหลังห้อง4” เฉินเพ่ยอี๋ออกคำสั่ง ให้ไปเข้าแถวเบิกชุดนักเรียนที่ตอนนี้ต่อแถวยาวกันเป็นหางว่าวแล้ว

“โห คนเยอะมาก คงจะมีหลายคนที่เล่นบาสได้” หลี่กวงเย่ามองไปรอบๆ อย่างมีความสุข ค่อยๆ ขยับ เคลื่อนไปข้างหน้าพร้อมกับผู้คน

“ส่วนสูง น้ำหนัก” เมื่อมาถึงคิวของหลี่กวงเย่า ลุงผู้รับผิดชอบแจกจ่ายชุดนักเรียนและชุดพละเอ่ยถามอย่างขี้เกียจ

“182 เซนติเมตร 75กิโลกรัมครับ”

พูดกันตามมาตรฐานความสูงแล้ว ส่วนสูง182 เซนติเมตรอาจกล่าวได้ว่าเป็นที่โดดเด่นแล้ว แต่มองไป นักเรียนใหม่รอบนี้กลับมีคนที่สูงกว่าหลี่กวงเย่าอีกหลายคน จุดนี้ทำให้เขาตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ในใจคิดว่า ถ้าหากคนพวกนั้นเล่นบาสได้ก็คงจะดีไม่ใช่น้อย

ลุงหมุนตัวไปยังลังด้านหลัง หยิบชุดนักเรียนสองชุดและชุดพละหนึ่งชุด โยนให้หลี่กวงเย่า จะมองเขาสักนิดยังไม่มี “คนต่อไป”

“ม.4/5 เบิกชุดนักเรียนเสร็จแล้วให้มารวมตัวกันที่ครูนะ! เร็วหน่อย ผู้อำนวยการจะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ที่หอประชุมตอนแปดโมงครึ่ง” เฉินเพ่ยอี๋หาพื้นที่ว่าง โบกมือทั้งสองข้างขึ้นกลางอากาศ พยายามตะโกนร้องเรียกด้วยกำลังทั้งหมดที่มี

กลุ่มนักเรียนใหม่หอบเสื้อผ้าที่ยังไม่ได้แกะ เดินชิดเข้ามาทางเฉินเพ่ยอี๋ เรียงแถวเสร็จขยับตามหลังครูไปยังหอประชุม เฉินเพ่ยอี๋ไม่ลืมที่จะหันกลับมากำชับนักเรียน “อีกสักพักหนึ่งขณะที่ผู้อำนวยการพูดอยู่ ให้รักษาความสงบกันด้วยล่ะ”

หลังจากมาถึงหอประชุมแล้ว เฉินเพ่ยอี๋หาที่นั่งของระดับชั้นของตัวเอง พานักเรียนไปนั่งเสร็จ มองดูเวลา แล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก ในที่สุดก็มาถึงก่อนที่ผู้อำนวยการจะเริ่มกล่าวสุนทรพจน์ไปห้านาที

 

อย่างไรก็ตาม เวลาที่กำหนดไว้มีความล่าช้าอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่นักเรียนใหม่ชั้นม.4ทั้งหมดเข้าสู่หอประชุมไปยี่สิบนาทีแล้ว พิธีกรที่อยู่ด้านข้างจึงหยิบไมโครโฟนขึ้นมา “คณะครูและนักเรียนทั้งหมดโปรดยืนขึ้น พวกเราขอปรบมือต้อนรับท่านผู้อำนวยการขึ้นกล่าวสุนทรพจน์!”

พอเห็นหน้าผู้อำนวยการ หลี่กวงเย่าที่อยู่ด้านล่างเวทีอุทานออกมาอย่างประหลาดใจ “ลุง!” ไม่คิดว่าคุณลุงที่เจอเมื่อเช้าก็คือผู้อำนวยการ

“ทุกคนเชิญนั่งครับ” หลังจากมายืนตรงหน้าเวทีแล้ว ผู้อำนวยการยิ้มให้กับนักเรียนใหม่ชั้นม.4ทั้งหลายร้อยคนนั้น “สวัสดีทุกๆ คน ผมเป็นผู้อำนวยการโรงเรียน เพิ่งจะเข้ามารับตำแหน่งที่โรงเรียนมัธยมปลายกวงเป่ยในเทอมนี้ ดังนั้นผมก็เป็นคนใหม่เหมือนกับพวกคุณ อีกอย่าง ผมก็เป็นรุ่นพี่ของพวกคุณด้วย เพราะว่าผมก็จบจากโรงเรียนมัธยมปลายกวงเป่ย”

“ผมในนามของผู้อำนวยการและรุ่นพี่ ยินดีต้อนรับทุกๆ คนเข้าสู่โรงเรียนมัธยมปลายกวงเป่ย ผมรู้ว่าการเข้ามาสู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย ทุกคนอาจจะรู้สึกกังวลเล็กน้อย นี่ก็คือเหตุผลที่พวกเรากำหนดให้วันแรกของการเรียนภาคฤดูร้อนมีการอบรมนักเรียนใหม่

“เดี๋ยวหัวหน้าแต่ละฝ่ายและครูผู้สอนจะมาพูดคุยกับพวกเรา หลังจากนั้นครูของแต่ละชั้นเรียน จะพาทุกคนเดินดูรอบๆ โรงเรียน เพื่อรู้จักสภาพแวดล้อม ดังนั้นทุกคนไม่ต้องกังวลไป...”

 

ในขณะที่นักเรียนใหม่ทุกคนคิดว่าผู้อำนวยการจะเริ่มกล่าวสุนทรพจน์ที่น่าเบื่อหน่ายนั้น ทันใดนั้นผู้อำนวยการกลับเปลี่ยนหัวข้อพูดคุย “ในยุคของผมนั้น ผมกับเพื่อนๆ หลายคนในโรงเรียนเคยตั้งทีมบาสเกตบอลขึ้น น่าเสียดายที่หลังจากพวกเราจบทีมบาสเกตบอลก็ยุบไป และตอนนี้ผมกลับมาโรงเรียนเก่า บวกกับที่ผมคิดว่าการเล่นบาสเกตบอลเป็นกีฬาอีกประเภทหนึ่งที่ช่วยพัฒนาร่ายกายและจิตใจ ดังนั้นผมตัดสินใจจะตั้งทีมบาสเกตบอลของโรงเรียนมัธยมกวงเป่ยในภาคเรียนนี้ และจะเข้าร่วมบาสเกตบอลโรงเรียนมัธยมปลายลีกซี!”

พอผู้อำนวยการพูดประโยคนี้ออกไป ก็เกิดความวุ่นวายระหว่างคณะครูและนักเรียนขึ้น นักเรียนใหม่หลายคนไม่สามารถปกปิดความตื่นเต้นเอาไว้ได้ เหล่าคณะครูมีสีหน้าที่ตกตะลึงและสงสัย

เฉกเช่นเดียวกับเฉินเพ่ยอี๋ที่เพิ่งเข้ามารับหน้าที่สอนที่กวงเป่ยในปีนี้ ถึงกลับเบิกตากว้างด้วยความไม่อยากเชื่อหูตัวเอง ในใจรู้สึกตกตะลึง

“นี่ไม่ใช่โรงเรียนมัธยมปลายเอกชนที่มุ่งเน้นเรื่องการศึกษาหรือ ทำไมจู่ๆ ถึงได้ตั้งทีมบาสเกตบอลล่ะ?”

หลี่กวงเย่าที่นั่งอยู่ด้านล่างเวลากลับเป็นปลื้ม ภายในใจร่ำร้อง “เยี่ยมจริงๆ! อย่างนี้ก็ไม่ต้องเหมือนอย่างพ่อ ที่ต้องไปตั้งทีมบาสเองแล้ว แต่ว่า ฉันจำได้ว่า พ่อบอกว่ากวงเป่ยตั้งทีมบาสเกตบอล แค่ตอนที่พ่อเรียนอยู่เท่านั้นนะ หรือว่าพ่อจะรู้จักกับผู้อำนวยการ กลับบ้านไปถามพ่อดีกว่า”

เลิกเรียนกลับถึงบ้านวันนั้น หลี่กวงเย่ารีบบอกข่าวดีนี้กับหลี่หมิงเจิ้ง แต่เมื่อพูดถึงผู้อำนวยการ หลี่กวงเย่าถึงได้รู้ว่า แท้จริงแล้วเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้อำนวยการชื่ออะไร...

อบรมนักเรียนใหม่เสร็จแล้วพวกนักเรียนต่างพากันทยอยกลับขึ้นมายังชั้นเรียน หัวข้อที่พูดคุยกันแทบจะหนีไม่พ้นเรื่องการตั้งทีมบาสเกตบอล ชั้นม.4/5 ก็เช่นเดียวกัน

“นายจะเข้าร่วมทีมบาสไหม?”

“ทุกคนสามารถเข้าร่วมทีมได้ ถ้ารวมรุ่นพี่ชั้นม.5กับชั้นม.6 ด้วยแล้ว ก็หลายคนเลยล่ะ”

“เพราะอย่างนี้หรือเปล่าถึงไม่ได้จับบอลเลย”

“ไม่ว่าจะเป็นยังไง ได้เข้าไปอยู่ในทีมบาสก็รู้สึกว่ายอดเยี่ยมมากละ”

ในขณะพูดคุยเรื่องทีมบาสเกตบอลกันอย่างออกรสออกชาติอยู่นั้น เฉินเพ่ยอี๋กระแอมเสียง “นักเรียนทุกคน เงียบ!”

…………………………………………………………………

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด