ตอนที่ 158 เฟิงจินหยวน ไม่ช้าก็เร็วเจ้าจะต้องมาขอร้องข้า
เสนาบดีเฟิงจ้องเขม็งไปที่บ่าวรับใช้ด้วยความโกรธและถามจินเฉินว่า “นางคือใคร?”
จินเฉินเป็นคนฉลาด ก่อนหน้านี้นางตะโกนบอกให้จับสาวใช้คนนี้ นางลืมไปสนิทว่านางต้องการแกล้งทำเป็นว่านางไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้ โชคดีที่นางฉลาดพอและหาข้อแก้ตัวได้ในทันที “สาวใช้คนนี้แอบดูเหตุการณ์อยู่ ถ้าเราไม่จับนางไว้ จะเกิดอะไรขึ้นถ้านางเอาเรื่องนี้ไปพูดข้างนอก ตระกูลเฟิงจะไม่เสียชื่อเสียงเพราะนางหรือ ?”
ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้า “เจ้าทำได้ดี”
เฟิงจินหยวนไม่ได้มีความอดทนที่จะเสียเวลาพูดคุยกับบ่าวรับใช้และโบกมือ “เพราะนางไม่ดี ก็ทำให้นางไม่ต้องตื่นขึ้นมาอีก” พูดแบบนี้เขามองที่ผู้คุ้มกันลับ ผู้คุ้มกันลับเริ่มเคลื่อนไหวและในพริบตาเขาก็มาอยู่ข้างสาวใช้ พวกเขามองไม่ทันว่าเขาทำเช่นไร แต่เมื่อเขากลับไปอยู่เคียงข้างเฉินหยู ศีรษะของสาวใช้ก็ถูกตัดออกไป
เฟิงเซียงหรูตัวสั่นเทาด้วยความกลัว ในคืนนี้นางได้เห็นการนองเลือดมากเกินไป นางเป็นเพียงเด็กผู้หญิงอายุ 10 ปี ฉากนี้ทำให้แข้งขาของนางอ่อนปวกเปียกด้วยความกลัว
อันชิพบว่ามันยากที่จะอดทน นางดึงเฟิงเซียงหรูมาใกล้ตัวและกล่าวกับฮูหยินผู้เฒ่าว่า “คุณหนูสามยังเด็กและไม่สามารถเห็นฉากแบบนี้ได้ ข้าขอตัวพาคุณหนูสามกลับไปก่อนเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าโบกมือ “ไปเถิด! ทุกคนสามารถไปได้!”
อันชิมองเหยาซื่ออย่างปลอบโยน ก่อนที่จะนำเฟิงเซียงหรูเดินออกไป
วังซวนประคองเหยาซื่อ และกล่าวอย่างเงียบๆ ว่า “อนุเหยาอย่าหวังอะไรจากเสนาบดีเฟิงอีกเลยเจ้าค่ะ องค์ชายเก้าจะเสด็จมาในไม่ช้า”
ในที่สุดจิตใจของเหยาซื่อก็สงบลงเล็กน้อย แต่ก็ยังมีความโกรธเล็กน้อยที่ไม่ใด้ระบาย นางมองไปที่เฟิงจินหยวนและถามเขาอย่างเย็นชาว่า “คุณชายใหญ่และคุณหนูใหญ่ใช้ยาพิษทำร้ายอาเฮง ท่านจะจัดการอย่างไรกับเรื่องนี้เจ้าคะ ?”
หัวใจของเฟิงจินหยวนกำลังแหลกสลายและไม่สามารถช่วยได้ ได้แต่ตะโกนดัง ๆ ออกมาว่า “เจ้ายังจะต้องการอะไรอีก? คนหนึ่งตายและอีกคนพิการ เหยาซื่อ เจ้ามันผู้หญิงเลว เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”
“ใช่ ข้าเป็นผู้หญิงเลว” เหยาซื่อจ้องไปที่เฟิงจินหยวน “ข้าแค่อยากรู้ว่าเจ้าคิดอย่างไรหลังจากพบว่าบุตรสาวคนที่สองของเจ้าถูกวางยาพิษโดยบุตรสาวคนโตของเจ้า ทำไมข้าถึงกลายเป็นคนเลว ?” นางก้าวไปไม่กี่ก้าว หน้าผากของนางกระแทกจมูกของเฟิงจินหยวน “จำไว้ให้ดี ในไม่ช้าเจ้าจะต้องมาหาและขอร้องข้า !” หลังจากที่นางพูดจบแล้ว นางก็หันหลังกลับ “เรากลับกันเถอะ!” วังซวนและหวงซวนติดตามนางกลับไปทันที ก่อนที่พวกเขาจากไป พวกเขาไม่ลืมที่จะหันไปมองเฟิงจินหยวนด้วยความรังเกียจ
เฟิงจินหยวนตะโกนด้วยความโกรธ “เจ้าฝันไปเถอะ คนอย่างข้าจะไม่มีวันขอร้องเจ้าในชีวิตนี้!”
ฮันชิปิดปากนางและเริ่มหัวเราะคิกคัก นางหัวเราะขณะที่นางเดินออกไป หลังจากที่นางเดินผ่านประตู นางพูดว่า “ตระกูลเหยานั้นเต็มไปด้วยหมอเทวดา !”
คำเหล่านี้เป็นเหมือนแผลในใจของเฟิงจินหยวน เขาจะลืมได้อย่างไร ครอบครัวเหยามีหมอเทวดา สำหรับเขาที่จะป้องกันไม่ให้เฉินหยูตาย นั่นไม่ได้หมายความว่าเขายังคงมีความหวังในตัวนางหรอกหรือ ? ความหวังนี้จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ขึ้นอยู่กับการรักษาและช่วยชีวิตนาง เขาต้องไปหาหมอเก่ง ๆ
และใต้หล้า ใครคือหมอที่เก่งที่สุด?
มันคือปู่ของเฟิงหยูเฮง และบิดาของเหยาซื่อ, เหยาเซียน
คิ้วของเฟิงจินหยวนกระตุกในขณะที่เขามองไปในทิศทางที่เหยาซื่อเดินจากไป จากนั้นเขาก็เข้าใจสิ่งที่เหยาซื่อหมายถึง เมื่อนางพูดว่า “ไม่ช้าก็เร็วเจ้าจะต้องมาขอร้องข้า”
ในห้อง คนที่ดูแลเรื่องการทำความสะอาดคือสาวใช้ทุกคนที่นำมาจากเมืองหลวง แม้ว่าพวกเขาจะทำงานเหมือนเครื่องจักร แต่พวกเขาก็จะไม่เพิกเฉยต่อคำพูดของฮูหยินผู้เฒ่า
การดูแลศพของยี่หยูและสาวใช้ตัวน้อยก็ดีขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาไปยกศพของเฟิงจื่อเฮา ฮูหยินผู้เฒ่าก็ตะโกนว่า “อย่าแตะต้องเขา!”
เฟิงจินหยวนตื่นตกใจและเดินไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อปลอบใจนาง “ท่านแม่ อย่างน้อยก็วางเขาไว้ในโลงศพ”
“โลงศพ?” ฮูหยินผู้เฒ่าจ้องที่เฟิงจินหยวน “ถ้าเจ้าไม่นำโลงศพเข้ามา เจ้าจะวางเฟิงจื่อเฮาไว้ที่ไหน? เฟิงจินหยวน บุตรชายของเจ้าทำอะไรผิดและเขาสมควรถูกทุบตีจนตายหรือ ? เจ้าไม่คิดถึงเขาบ้างหรือ ?” นางมองไปที่บุตรชายของนาง และนางไม่รู้ว่าเมื่อใดที่หัวใจของบุตรชายนางเปลี่ยนเป็นแข็งกระด้างเช่นนี้ “เจ้าไม่สำนึกผิดเลยหรือ? หากเจ้าเลี้ยงดูจื่อเฮาตั้งแต่อายุยังน้อย เขาจะเป็นเช่นนี้หรือ”
เฟิงเฉินหยูผู้ซึ่งคุกเข่าอยู่บนพื้น เงยหน้าขึ้นมาทันทีและมองไปที่ฮูหยินผู้เฒ่า ใบหน้าของนางซีด และดวงตาของนางว่างเปล่า แววตานางดูน่ากลัว
ฮูหยินผู้เฒ่าตกตะลึงด้วยความกลัวและกลัวเกินกว่าจะมองดวงตาของเฟิงเฉินหยู อย่างไรก็ตามเฉินหยูก็ถามนางในเวลานี้ว่า “ท่านย่าบอกว่าเฟิงจื่อเฮาไม่ผิดเช่นนั้นหรือ ?”
เฟิงจินหยวนขมวดคิ้วและดุนาง “หุบปากของเจ้าซะ!”
อย่างไรก็ตามเฟิงเฉินหยูไม่สามารถนิ่งเงียบได้ เมื่อนางยืนขึ้นจากพื้นแล้วเดินไปที่ฮูหยินผู้เฒ่า ดวงตาของนางมีน้ำตาคลอ “ทำไมท่านย่าถึงพูดแบบนั้น? เขาตายอย่างไม่ยุติธรรมหรือเจ้าค่ะ ? ท่านย่ารู้หรือไม่ว่าเขาทำอะไรลงไป? ตั้งแต่ข้ายังเด็ก ท่านย่าบอกข้าว่าข้าเป็นหงส์เพลิงและข้าจะเป็นฮองเฮาในอนาคต! ข้าไม่สามารถเลือกได้ว่าข้าชอบใครและต้องใส่ใจกับคนที่ครอบครัวให้การสนับสนุน ในที่สุดข้าก็ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าตัวเบี้ย ข้าต้องทำทุกอย่างที่ท่านย่าต้องการให้ทำ อย่างไรก็ตามตอนนี้ข้าหมดอนาคตด้วยน้ำมือของเฟิงจื่อเฮา! เขาไม่เพียงทำลายข้าเท่านั้น เขายังทำลายความหวังของตระกูลเฟิงอีกด้วย ท่านย่ายังพูดว่าเขาไม่ได้ทำผิดอะไรอีกหรือเจ้าคะ?”
“เจ้า…” ฮูหยินผู้เฒ่ามองเฟิงเฉินหยูด้วยความโกรธของนางพุ่งสูงขึ้น จริง ๆ แล้วนางยื่นมือออกมาบีบคอของเฉินหยู ซึ่งทำให้เฉินหยูไอหลายครั้ง แม้กระนั้นนางไม่ได้ปล่อยมือ เฟิงจินหยวนสะกิดยายจาวเพื่อยับยั้งฮูหยินผู้เฒ่านิดหน่อย แต่ฮูหยินผู้เฒ่าโดนดูถูก นางจะปล่อยวางอย่างง่ายดายได้อย่างไร เฉินหยูไอขณะที่ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าว “เฟิงจื่อเฮาเป็นหลานชายของข้า เขาเป็นคนที่จะสืบทอดวงศ์ตระกูล! เจ้าไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าผู้หญิงเจ้าเล่ห์ แม้ว่าเจ้าจะเป็นหงส์เพลิง หากครอบครัวไม่สนับสนุนเจ้า เจ้าก็จะไม่มีความหมายอะไร! เจ้าทำร้ายน้องรองของเจ้า ตอนนี้เจ้ายังทำร้ายพี่ชายของเจ้าเองด้วย ! เฉินหยู เจ้าช่างน่ากลัวเหมือนเฉินซื่อที่ตายไปแล้ว! เจ้ามันน่าขยะแขยง!”
ในที่สุดฮูหยินผู้เฒ่าก็เหนื่อย นางผลักเฉินหยูกลับไปอย่างแรงจนนางก็ทรุดลงไปนั่งกับพื้น
ยายจาวผู้ซึ่งทำงานหนักช่วยฮูหยินผู้เฒ่าด้วย โชคดีที่ฮูหยินผู้เฒ่าได้พิจารณาภาพรวม ขณะที่นางเตือนเฟิงจินหยวน “เนื่องจากเจ้าได้ตัดสินใจแล้ว ข้าจะไม่พูดอะไรมาก แต่วิธีที่เจ้าจะปิดปากของทุกคน เจ้าต้องคิดถึงวิธีการแก้ปัญหาอย่างละเอียด นอกจากนี้โลงศพของจื่อเฮาจะต้องดี แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเข้าสุสาบรรพชน เขาจะต้องอยู่ใกล้กับบิดาของเจ้า เมื่อเขายังมีชีวิตอยู่ เขาใส่ใจจื่อเฮามากที่สุด”
เฟิงจินหยวนพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม และสั่งยายจาว “รีบพาท่านแม่กลับไป”
ยายจาวพยักหน้า ประคองฮูหยินผู้เฒ่าแล้วรีบเดินออกไป
ในห้องมีเพียงจินเฉินที่อยู่ข้าง ๆ เขา เฟิงจินหยวนมองนางและถอนหายใจ “โชคดีที่อาการป่วยของเจ้าทำให้พวกเรามาที่นี่ในคืนนี้ ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง”
จินเฉินดูเศร้าเช่นกันเพราะนางแอบภาวนาในใจ เฟิงหยูเฮงจะต้องไม่เป็นอะไรเพราะยานี้แน่นอน!
“เจ้ากลับไปพักผ่อนเถอะ” เขาตบไหล่จินเฉิน “เจ้ายังปวดหัวหรือไม่?”
จินเฉินส่ายหัว “เนื่องจากเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นในครอบครัว อนุคนนี้จะกล้าเอาเรื่องป่วยเล็กน้อยมารบกวนท่านพี่ได้อย่างไร ท่านพี่ไม่ต้องกังวล ข้าสบายดีเจ้าค่ะ”
เฟิงจินหยวนถอนหายใจ “มีแต่เจ้าเท่านั้นที่ห่วงใยข้า ไป กลับไปพักเถิด”
ในที่สุดจินเฉินก็จากไป เฟิงจินหยวนสั่งบ่าวรับใช้ “นำศพของคุณชายใหญ่ไปยังสถานที่ที่เหมาะสมในห้องด้านข้าง สิ่งแรกในตอนเช้าไปซื้อโลงศพ จำเอาไว้ว่าใครก็ตามที่กล้าเปิดเผยสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้ อย่าตำหนิข้าคนนี้ที่ฆ่าครอบครัวเจ้าทั้งหมด”
บ่าวรับใช้ทำงานในคฤหาสน์เฟิงมาหลายปี พวกเขาจะกล้าปริปากได้อย่างไร แม้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนกลางคืนจะเหมือนนิทานเรื่องเยี่ยม แต่ในคฤหาสน์ของขุนนาง ไม่มีเหตุการณ์ใดที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน พวกเขาได้สติกลับมาแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงตอบว่า “บ่าวรับใช้เหล่านี้ไม่เห็นอะไรเลยขอรับ”
เฟิงจินหยวนพอใจมาก
หลังจากทำความสะอาดห้องเสร็จแล้ว เฟิงจินหยวนหวนกลับไปมองเฟิงเฉินหยูอีกครั้ง
นางยังคงนั่งอยู่บนพื้นและยังคงอยู่ในตำแหน่งเดียวกับที่ฮูหยินผู้เฒ่าผลักนาง ดวงตาของนางไม่มีประกายเช่นเดียวกับที่พวกเขามี โดยรวมแล้วนางดูเหมือนผีดิบมากกว่า
เฟิงจินหยวนหลับตาลงเล็กน้อย เขาหวังอย่างจริงใจว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนี้เป็นความฝัน เช่นนั้นเขาจะไม่สูญเสียบุตรชายและไม่ต้องสูญเสียบุตรสาว แต่น่าเสียดายที่คู่พี่ชายและน้องสาวนี้เท่านั้นที่สามารถตำหนิตัวเอง!
“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา พ่อสอนสิ่งต่าง ๆ ให้เจ้ามากมาย” เขาเริ่มพูดช้า ๆ และแยกแยะสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา “ตั้งแต่ตำราสี่อักษร และไปจนถึงศิลปะสี่แขนง1 เจ้าไม่ชำนาญพวกมันเลย แต่คนปกติไม่สามารถเปรียบเทียบกับเจ้าได้ แต่ทำไมเมื่อมีอะไรเกิดขึ้นเจ้าไม่สามารถทนได้” เขาไม่เข้าใจอย่างแท้จริง “เฉินหยู หรือนั่นคือสิ่งที่อยู่ในใจของเจ้า? เมื่อมารดาของเจ้ายังมีชีวิตอยู่ นางยกย่องเจ้าว่าเป็นคนฉลาด ข้าก็เชื่อว่าเจ้าฉลาดมาก แต่ทำไมเจ้าถึงฉลาดมากจนเจ้าถูกทำลายด้วยความฉลาดของตัวเอง”
เฉินหยูเงยหน้าขึ้นมองเฟิงจินหยวนด้วยสายตาว่างเปล่า ด้วยลำคอที่แหบแห้ง นางพูดว่า “ข้าแค่อยากจะฆ่าเฟิงหยูเฮง”
“โง่!” เฟิงจินหยวนสะบัดแขนเสื้อของเขาแล้วชี้ไปที่เฉินหยู พูดว่า “เจ้าทำจากเครื่องเคลือบดินเผาแล้วทำไมเจ้าถึงกระแทกชนโถดินเผาอย่างต่อเนื่อง? เจ้ามันงี่เง่า หรือเจ้าเรียนรู้ที่จะแสร้งทำเป็นคนโง่หรือ?” เฟิงจินหยวนเกือบจะบันดาลโทสะใส่เฟิงเฉินหยูเสียแล้ว “ข้าเลี้ยงดูเจ้ามาหลายปีเพื่อจุดประสงค์ใดเจ้าก็รู้ดี ทำไมเวลาที่เฟิงหยูเฮงกลับมาที่คฤหาสน์ นางอาจทำให้เจ้าต้องจบแบบนี้? เจ้าไม่สนใจนางหรือ? นางมีเรือนของนางซึ่งอยู่ไกลมาก เจ้าสองคนสามารถมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขได้อย่างไร้ปัญหา ดังนั้นทำไมเจ้าต้องตั้งหน้าตั้งตาต่อสู้กับนาง?”
เฟิงเฉินหยูไม่เข้าใจว่าทำไม ในตอนแรกนางรู้สึกว่าเฟิงหยูเฮงเป็นหนามยอกอก อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นก็มีช่วงเวลาที่นางคิดเหมือนเฟิงจินหยวน นางไม่ต้องการที่จะใส่ใจกับหยูเฮง แต่เด็กหญิงคนนั้นดูเหมือนเริ่มที่จะหาเรื่องนาง
“ท่านพ่อ…” ในที่สุดเฟิงเฉินหยูก็เริ่มร้องไห้ นางเข้าใจ ในเมื่อบิดาของนางยกโทษให้นางและอนุญาตให้นางมีชีวิตอยู่ มันก็หมายความว่าเขายังคงมีความหวังในตัวนาง ไม่มีความหมายใด ๆ ในการค้นหาว่าใครทำผิด ปัจจุบันบิดาของนางเป็นคนที่ควบคุมไม่ว่านางจะเป็นหรือตาย และเป็นผู้กุมโชคชะตาของนาง นางกอดขาของเฟิงจินหยวนและเริ่มอ้อนวอน ขณะที่ร้องไห้ “ข้าผิดไปแล้ว ข้ารู้ดีว่าข้าผิด ข้าขอร้องให้ท่านพ่อช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากให้ตระกูลเฟิงยอมแพ้ในตัวข้า !”
เฟิงจินหยวนมองดูบุตรสาวที่เขาตั้งความหวังไว้มากที่สุด และรู้สึกโทสะในใจของเขาลดลง
เขารู้ดีแก่ใจว่าเรื่องของคืนนี้มีใครบางคนแอบกระทำอย่างแน่นอน เขาไม่รู้ว่าทำไมยาที่เฉินหยูใช้กับเฟิงหยูเฮงจึงถูกนำมาใช้กับตัวเอง ทำไมเฟิงจื่อเฮาถึงเข้ามาในห้องของเฟิงเฉินหยูในตอนกลางคืน? มีปัญหาแน่นอนกับสถานการณ์นี้ สำหรับปัญหานี้วังซวนและหวงซวนเป็นคนที่น่าสงสัยมากที่สุด แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แล้วทำไมล่ะ? เฉินหยูเป็นคนเริ่มทำร้ายคนอื่น พวกเขาเพียงแค่ให้นางชิมยาของตัวเอง ถอยหลังอีกก้าวหนึ่งแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่มีเหตุผล เขาจะทำอะไรกับเด็กผู้หญิงสองคนนี้? พวกเขาทำให้มันชัดเจนอย่างสมบูรณ์แบบ ถ้าเขาไม่มีความสุข พวกเขาก็จะสู้ ผู้คุ้มกันลับของเจ้าสามารถเอาชนะเราหรือ?
เฟิงจินหยวนรู้สึกว่าปวดศีรษะ เขาขยับขาเล็กน้อยแล้วเขย่าเฉินหยูจากขาของเขา “ในช่วงสองสามวันนี้อย่าออกจากห้องของเจ้า ข้าจะจัดการพาพวกเรากลับเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว อยู่ที่นี่อย่างปลอดภัย แม้หลังจากที่เรากลับไปยังเมืองหลวงแล้ว เรื่องที่อยู่ข้างนอกข้าจะจัดการให้ การแต่งงานระหว่างเจ้ากับองค์ชายสามจะถูกตัดสินโดยเร็ว บางอย่าง…จะต้องรีบทำ”
“แต่…” เมื่อได้ยินว่ายังเป็นการแต่งงานกับองค์ชายสาม เฉินหยูก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกกลัว “ตอนนี้ข้า…”
เห็นได้ชัดว่าเฟิงจินหยวนเข้าใจว่านางหมายถึงอะไร นางไม่บริสุทธิ์อีกต่อไป หลังจากแต่งงานแล้วจะไม่มีปัญหาอะไรหรือ?
“เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้” เขาตั้งสติและพูดต่อ “ข้าได้เตรียมการไว้แล้ว”
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นในเทือกเขาซีเฟิงมีกลุ่มทหารที่ปกป้องรถม้าที่เข้ามาในมณฑลเฟิงตง