HK ตอนที่ : 78
โรงแรมกรีนเลค ห้องประชุมขนาดเล็ก
ซ่งหม่าอันจมอยู่ในความคิด 2 ล้านดอลล่าร์ไม่ใช่จำนวนน้อยๆ!
แม้ว่าบริษัทไอโกหลังจากหักลบค่าใช้จ่ายทุกประเภทแล้ว ได้นำเอาค่าใช้จ่ายทุกประเภท แต่ก็สามารถทำกำไรได้ประมาณ 2-6 ล้านดอลล่าร์ต่อปี ไม่มีใครไม่ชอบเงินมากขึ้นถูกไหม?
"คุณมู่ ปีละ 2 ล้านดอลลาร์มันมากเกินไป! นอกจากนี้ผมก็ยังไม่รู้ว่าจะใช้เวลานานแค่ไหนกว่าโปรแกรมตรวจจับรอยยิ้มจะได้รับความนิยม!" ซ่งหม่าอันพยายามหาข้อเสียของโปรแกรมตรวจจับรอยยิ้มเท่าที่จะทำได้เพื่อจะจ่ายเงินให้ชิเล่ยน้อยที่สุด
มู่ชวงยังคงใบหน้าเรียบเฉยและพูดด้วยสงบว่า "คุณซ่ง ฉันคิดว่าคุณก็ดูเป็นคนฉลาดนะคะแต่ทำไมถึงพูดเหมือนมือสมัครเล่นแบบนี้? สิทธิบัตรของโปรแกรมตรวจจับรอยยิ้มของต่างประเทศทั้งหมดเป็นของโซนี่ยกเว้นของประเทศเซี่ย เทคโนโลยีนี้จะโชว์ให้เห็นถึงประสิทธิภาพภายภายในกล้องดิจิทัลในเวลาหนึ่งปี กล้องดิจิทัลอันไหนก็ตามที่ไม่ได้ติดตั้งโปรแกรมตรวจจับรอยยิ้ม มันจะบ่งบอกถึงสัญลักษณ์แห่งความล้าสมัยแน่นอนและจะทำให้ลดการแข่งขันกันในตลาดโดยไม่มีเหตุผล ฉันไม่คิดว่าจะมีผู้ผลิตที่โง่ขนาดนั้นหรอกถูกต้องไหมคะ?"
ซ่งหม่าอันใบหน้าเต็มไปด้วยความอับอาย "คุณมู่ แม้ว่าคุณจะบอกว่าเทคโนโลยีนี้จะใช้กันอย่างแพร่หลายในเร็วๆนี้ แต่ค่าสิทธิบัตรจะเรียกเก็บได้ไม่เท่าไหร่! ดังนั้นผมหวังว่าคุณจะคิดเกี่ยวกับมันเพื่อลดมาตรฐานบางส่วนลง"
มู่ชวงยังนิ่งไม่ไหวติง "คุณซ่ง เหตุผลที่เราจะร่วมมือกับบริษัทไอโกเป็นเพราะความสัมพันธ์ที่อยู่เบื้องหลังคุณ ถ้าคุณไม่เห็นด้วยกับความร่วมมือของเราทางเราก็ไม่มีทางเลือกอื่น ตามความเข้าใจของฉันในเมืองชวนกิ่งของเรา ยังมีบริษัทอีกหลายบริษัทที่มีเบื้องหลังดีกว่าบริษัทของคุณอยู่ แม้ว่าบริษัทเหล่านี้จะไม่ใช่บริษัทกล้อง แต่ฉันว่าพวกเขาคงไม่ปฏิเสธความเป็นหุ้นส่วนที่มีรายได้ประจำปีละ มากกว่า 5 ล้านดอลล่าร์หรอก เห็นด้วยไหมคะ?"
คำพูดนี้ได้ตอกฝาโลงของซ่งหม่าอันแบบตายสนิท!
ยังมีหลายบริษัทที่มีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งไม่แพ้บริษัทไอโกเท่านั้น อาจบางทียังมีบริษัทที่ยังไม่เข้าใจอุตสาหกรรมกล้องก็ตาม แต่ถ้ามีคนเข้าใจละก็พวกเขาเพียงแค่เรียกเก็บเงินเฉพาะค่าลิขสิทธิ์เท่านั้น!
เล่าเสี่ยวมองไปที่ซ่งหม่าอันโดยความกังวลหวังว่าซ่งหม่าอันจะลดราคาลงได้ เพราะว่าตอนี้สถานการณ์ทางการเงินของบริษัทไอโกไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะกองทุนที่จะเอาไปลงทุนในการวิจัยและพัฒนาของกล้อง มันมีไม่พอ!
หากมีการลงทุนในการพัฒนากล้องดิจิทัลในธุรกิจขนาดใหญ่นี้ จะทำให้ระบบกล้องของบริษัทไอโกมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก!
ซ่งหม่าอันไม่ได้โง่ หลังจากได้ยินว่ามู่ชวงไม่ได้พูดเล่น เขารีบพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็วกล่าวว่า "เงื่อนไขนี้เราสามารถยอมรับได้ แต่เรามีคำขอหนึ่งอย่าง ถ้าน้องชิเล่ยพัฒนาโปรแกรมตรวจจับรอยยิ้มสูงขึ้นไปอีก บริษัทของเราต้องการสิทธิในการซื้อเจ้าแรกและเงื่อนไขที่สมเหตุสมผล! และน้องชายชิเล่ยต้องช่วยเราลงโปรแกรมตรวจจับรอยยิ้มเข้าไปในกล้องบริษัทไอโกของเรา!"
มู่ชวงไม่ได้พูดแต่หันไปมองชิเล่ย
ชิเล่ยคิดถึงเรื่องนี้และพยักหน้า "ได้!"
หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้สรุปการเจรจาร่างข้อตกลงเบื้องต้นกันแล้ว ชิเล่ยก็ขอให้พวกเขาไปร่วมการแข่งขันซอฟต์แวร์ของมหาวิทยาลัยชวนกิ่งเพื่อไปเป็นกรรมการ
ซ่งหม่าอันฟังชิเล่ยเล่าถึงการเดิมพันระหว่างชิเล่ยกับเฉินหมิง เขาก็ตอบตกลงทันทีว่าจะส่งอีเมลในนามบริษัทไอโกไปยังมหาลัยชวนกิ่งจดหมาย เพื่อไปเป็นเป็นกรรมการในการแข่งขันซอฟต์แวร์ของมหาลัยชวนกิ่ง
ตอนเที่ยง เมื่อทำการเซ็นสัญญากันเสร็จแล้วเป็นธรรมดาที่ซ่งหม่าอันจะมีความสุข เขาโทรตามลุดวิกาจากบริษัทไลก้ามาร่วมโต๊ะด้ยกันเพื่อเฉลิมฉลอง
วิลเลี่ยมลุดวิกกับผู้เชี่ยวชาญทางเทคนิคคอนราดโคลจากบริษัทไลก้า เพราะพวกเขาทั้งสองตกลงกับชิเล่ยว่าจะไปเข้าร่วมการแข่งขันซอฟต์แวร์ของมหาลัยชวนกิ่งในฐานะกรรมการ และพวกเขาก็ยังไม่ได้เซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการกับชิเล่ยด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงยังพักอยู่ในโรงแรมกรีนเลค
ในมื้อกลางวัน วิลเลียมและซ่งหม่าอันทั้งสองสั่งเหล้าอู่เหลียงเย่มาท้าดื่มกัน ส่วนชิเล่ยแน่นอนอยู่แล้วต้องสั่งน้ำมะพร้าวมากินเป็นการแสดงออกตามแบบปกติ ผลสุดท้ายของทั้งสองฝ่ายคือ วิลเลียมและซ่งหม่าอันต่างฟุบคาโต๊ะไปในเวลาเดียวกัน!
ในช่วงบ่าย ชิเล่ยได้โดนเรียนเป็นเวลาหลายครั้งแล้ว ดังนั้นเขาจึงกำลังเตรียมที่จะกลับไปเรียนพร้อมกับหลิงหยูโม่ด้วยกัน อย่างไรก็ตามเพียงแค่ก้าวข้ามเข้ามาในประตูมหาลัย โทรศัพท์ของชิเล่ยก็ดังขึ้น
มองไปที่เบอร์แปลก ชิเล่ยไม่ได้สนใจ แล้วกดปุ่มรับสาย
"ชิเล่ย ฉันหัวหน้าเฉินกวงเหลียงจากแผนกอาชญากรรม นายมาที่สถานีตำรวจเดี๋ยวนี้!"
ชิเล่ยยิ้มและพูดว่า "กัปตันเฉิน คุณยังไม่ยอมแพ้อีก หืม?"
เฉินกวงเหลียงพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า "ชิเล่ย นายคงไม่อยากให้ฉันส่งโอวหยางชางไปรับนายมาหรอกใช่ไหม?"
"ก็ได้!" ชิเล่ยพูดเสียงขึ้นทางจมูก "ผมจะรีบไปทันทีกัปตันเฉิน!"
เพิ่งวางสาย หลิงหยูโม่เป็นคนแรกที่ถาม "พิสดารหิน ตำรวจโทรมา?"
มู่ชวงมองชิเล่ยในสายตาของเธอมีร่องรอยของความกังวล
ชิเล่ยยิ้มและพูดว่า "ไม่มีอะไร ทางตำรวจคงอยากให้ฉันไปให้ปากคำเพิ่มเติมมั้ง ไม่ต้องกังวลไป"
หลิงหยูโม่พยักหน้า "พิสดารหิน ถ้านายมีปัญหาอย่าลืมโทรหาฉัน ฉัน...ฉัน...." หลิงหยูโม่ลังเลอยู่พักหนึ่งและในที่สุดก็ไม่ได้พูดออกมา
ชิเล่ยกำลังตื่นเต้นอยู่ในใจของเขา เป็นไปได้หรือไม่ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอยังไม่พอ? หลิงหยูโม่เคยเล่าให้ฟังว่าแม่ของเธอเป็นรองประธานของโรงพยาบาล ส่วนพ่อของเธอเป็นข้าราชการ?
"OK OK เสี่ยวโม่ ไม่ต้องกังวลกับพี่ชายหิน อันธพาลพวกนั้นไม่กล้าขายพี่ชายหินหรอก!" ชิเล่ยหันหลังกลับและเดินไปทางสถาีตำรวจชวนฮู ด้านหลังหลิงหยูโม่กับมู่ชวงยกมือขวาของพวกเธอโบกมือลา!
สถานีตำรวจชวนฉูบนชั้นสาม อันธพาลทั้งแปดคนที่นำโดยซูเอ้อดิง กำลังยืนรวมกันอยู่ที่มุมของผนัง
โอวหยางกำลังหน้าซีด เต๋าชุนที่อยู่ข้างๆเธอ กำลังบอกเล่าเรื่องราวให้เธอฟัง
"โอวหยางไม่ต้องกังวล ผมเชื่อว่าคนบงการที่อยู่เบื้องหลังต้องไม่ใช่ชิเล่ย มันต้องเป็นความเข้าใจผิดของหัวหน้าเฉินแน่ๆ!" เต๋าชุนกำลังโน้มน้าว
โอวหยางชางพยักหน้า แต่ส่วนลึกในใจของเธอกำลังคิดว่ามือมืดที่อยู่เบื้องหลังก็คือชิเล่ย! แม้ว่าจะไม่มีเหตุผลอะไรก็ตาม แต่ในใจเธอรู้ว่าคนบงการต้องเป็นชิเล่ย!
ชิเล่ที่พึ่งมาถึงแผนกอาชญากรรมที่สามชั้น ก็เห็นโอวหยางชางที่หน้ากำลังซีดอยู่ จึงเดินเหยียดยิ้มเข้าไป หยามยังปิดใบหน้าของเขากลายเป็นหนัก
"โอวหยางรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?" เดินเข้ามาหาโอวหยางชาง ชิเล่ยถามอย่างไม่ลังเล
โอวหยางชางมองชิเล่ย พูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่คุ้นเคยว่า "ชิเล่ย นายเป็นคนบงการที่อยู่เบื้องหลังใช่ไหม? ทำไมถึงไปทำร้ายคนจากประเทศวูซางพวกนั้น?"
ชิเล่ยหัวเราะและพูดว่า "โอวหยาง เธออยากรู้คำตอบ?"
โอวหยางชางกัดริมฝีปาก ดวงตาเหมือมมีไอน้ำเอ่อล้นขึ้นมา พูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเสียใจว่า "ทำไม? ทำไมนายไม่บอกความจริงมาล่ะ!"
น้ำเสียงของเธอ ไม่มีอะไรเหมือนกับการสอบปากคำของตำรวจ แต่เหมือนกับคำถามระหว่างคนรัก
ชิเล่ยยิ้มอย่างขมขื่น "พวกเขาทำร้ายจิตใจของเพื่อนฉัน มีชายคนหนึ่งที่ทำตัวน่ารังเกียจ ปากหมาๆของวูซางน้อยพวกนี้สมควรได้รับการลงโทษ!"
โอวหยางชางถามออกมาคำถามหนึ่งออกมาโดยไม่คาดคิด "แล้วถ้าเป็นฉันล่ะ?"
ชิเล่ยประหลาดใจเล็กน้อยสักครู่ แล้วตอบอย่างมั่นคงว่า "ถ้าเป็นเธอ ฉันก็จะทำเหมือนกัน!"
เต๋าชุนตกใจอ้าปากค้าง เขาชี้นิ้วไปที่ชิเล่ยอย่างไม่แน่ใจ "ชิเล่ยเป็นนายที่อยู่เบื้องหลังจริงๆ?"
ชิเล่ยเผยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา "ใช่!"
"นาย...นาย..." เต๋าชุนแทบจะพูดอะไม่ออก
ชิเล่ยหัวเราะแล้วพูดว่า "พี่ชายเต๋า พี่จะไม่จับผมหรอ?"
เต๋าชุนมองชิเล่ยอย่างลังเลและหันไปมองที่โอวหยางชาง "ชิเล่ยไม่ต้องพูดแล้ว ฉันไม่ได้ยินอะไรทั่งนั้น!"
ในขณะนั้นเอง เฉินกวงเหลียงกับมัตสึชิตะทาคาโกะก็เดินเข้ามาในแผนกด้วยกัน
"โย่ กัปตันเฉิน คุณเรียกผมมานี่มีเรื่องอะไรกัน?" ชิเล่ยเป็นคนเริ่มทักทายก่อน
เฉินกวงเหลียงพ่นลมหายใจเย็นชาออกมาโยนแฟ้มเอกสารลงมาบนโต๊ะ การแสดงออกดูไม่ดีนัก "ชิเล่ย นายดูเอาเองสิ!"
ชิเล่ยไม่ได้สนใจเฉินกวงเหลียงที่ดูไม่ดีนัก หยิบแฟ้มขึ้นมาเปิดอ่าน
ในแฟ้มนี้เป็นแค่บันทึกการโทรของเบอร์โทรศัพท์มือถือของเขา เมื่อได้เห็นบันทึกการโทรเหล่านี้ ดวงตาของชิเล่ยก็เผยความเยาะเย้ยออกมา
'โชคร้ายที่น่าเสียดายบันทึกการโทรที่สามารถเอาผิดได้ถูกลบไปแล้วโดยพี่ชาย!'
ในแฟ้ม หลักฐานที่สำคัญที่สุดเป็นแค่บันทึกการโทรของระหว่างชิเล่ยกับมัตสึชิตะทาคาโกะ บันทึกการโทรเหล่านี้ไม่ใช่ชิเล่ยไม่อยากลบ แต่ไม่สามารถลบได้
การเจรจาต่อรองทางธุรกิจระหว่างคณะตัวแทนแคนนอนและชิเล่ย มีการเชื่อมโยงเข้าด้วยกันหลายอย่าง ถ้าบันทึกการโทรเหล่านี้ถูกลบออกไปเยอะเกินไป มันจะไปกระตุ้นให้ตำรวจสงสัยเอาได้
ใช้เวลาสองนาทีในการอ่านเอกสารในแฟ้มทั้งหมด ชิเล่ยจึงโยนลงบนโต๊ะกลับไป "กัปตันเฉิน บันทึกการโทรพวกนี้มีปัญหา? มันก็แค่บันทึกการโทรของผมกับคุณมัตสึชิตะทาคาโกะไม่ใช่หรอครับ? เท่าที่ผมจำได้ผมก็ไม่ได้ปฏิเสธนิ!"
เฉินกวงเหลียงตะโกนออกมาเสียงดัง "ชิเล่ยนายอย่าหยิ่งผยองเกินไปนัก! ฉันรู้ว่าเป็นนาย!"
ชิเล่ยหัวเราะยิ้มและพูดว่า "เมื่อวานนี้ผมเพิ่งจะบอกคุณไปไม่ใช่หรอ? ถ้าไม่มีหลักฐานๆอะไรที่มัดตัวผม? คุณก็จับผมไม่ได้!"
"นาย!" เฉินกวงเหลียงมองไปที่ชิเล่ยด้วยความโกรธ
"ทั้งพยานหรือหลักฐานอะไรก็ตาม ไม่มีหลักฐานอะไรเลยที่เชื่อมโยงชี้ให้มาที่ผม! แม้ว่าจะสันนิษฐานว่าผมเป็นผู้ต้องสงสัยจริงๆ แต่คุณได้ถามซูเอ้อดิงหรือยัง ว่าเป็นผมใช่ไหม?" เสียงชิเล่ยฟังดูผ่อนคลาย โดยไม่ได้กังวลเลยว่าตัวเองอยู่ในสถานีตำรวจ
มัตสึชิตะทาคาโกะแอบถอนหายใจ เธอกลัวว่าผ่านช่องทางทางกฎหมายก็ไม่สามารถทำอะไรชิเล่ย!
เฉินกวงเหลียงเหลียงจู่ๆ ก็ตบลงไปที่โต๊ะ "ชิเล่ย แน่นอนว่าฉันจะไปหาหลักฐานมา! ฉันไม่เชื่อว่าเด็กน้อยอันธพาลพวกนี้ของนาย จะไม่คายออกมา!"
ชิเล่ยหัวเราะเสียงดัง "กัปตันเฉิน ไม่เห็นต้องทำอะไรรุนแรงเลย!" จากนั้นชิเล่ยหันไปมองที่ซูเอ้อดิง "ซูเอ้อดิง นายบอกมาซิ ฉันได้เป็นคนสั่งนายให้ไปสั่งสอนวูซางน้อยพวกนี้งั้นหรอ?"
ซูเอ้อดิงรีบส่ายหัวอย่างรวดเร็วพร้อมกับพูดประจบ "พี่ชายหินมันจะไปเป็นคุณได้ไง!"
ชิเล่ยถามต่อว่า "เอ้อเหมานายคิดว่าฉันเป็นคนสั่งให้ทำไหม?"
"ไม่ใช่! ไม่ใช่แน่นอนครับ! พี่ชายหิน เป็นไอ้อ้วนน้อยที่เป็นคนมาหาเรื่องเราเองครับ!" เอ้อเหมาเหมือนได้รับแสงสว่าง
ชิเล่ยยังคงถามอีกครั้งว่า "แล้วพวกนายล่ะคิดว่าฉันเป็นคนสั่งหรือเปล่า?"
อันธพาลอีกหกคนที่เหลือต่างส่ายหัวปฏิเสธพร้อมกันเสียงแข็งว่า "ไม่ใช่พี่ชายหินแน่นอนครับ พี่ไม่ได้เป็นคนสั่ง!"
ใบหน้าของชิเล่ยเยรอยยิ้มที่สดใส "กัปตันเฉินคุณได้ยินไหม? พวกเขาทั้งหมดต่างก็ยืนยันแล้ว ว่าผมไม่ได้เป็นคนออกคำสั่งพวกเขา!"