HK ตอนที่ : 77
ออกจากสถานีตำรวจ ชิเล่ยไม่ได้กลับไปที่จินหยากาเด้นแต่กลับไปที่หอพักของเขา
ที่ห้อง 502 ชิเล่ยเคาะประตู
เสียงของหลิงหยูโม่รอดดังทันทีออกมา "ใคร?"
ชิเล่ยบีบคอของเขาแล้วพูดเสียงต่ำและหยาบว่า "มาตรวจมิเตอร์น้ำ!!"
"ตรวจมิเตอร์น้ำ?" หลิงหยูโมถามอย่างสงสัยว่า "คุณเป็นใครกันแน่?"
"ฮึฮึ เสี่ยวโม่เปิดประตู ฉันพี่ชายหินของเธอไง!" ชิเล่ยเลิกบีบคอของเขาและพูดด้วยเสียงปกติ
ประตูห้อง 502 แง้มออก หลิงหยูโม่มองชิเล่ยผ่านช่องประตูและพูดว่า "อ่า เป็นนายจริงๆพิสดารหิน!"
"รีบไปเปิดประตูเร็วเข้า!" ในห้อง 502 เป็นเพราะมู่ชวงนี่จึงเป็นเหตุผลที่ชิเล่ยไม่ได้เข้ามาในหลายๆครั้งที่ผ่านมา
หลิงหยูโม่หัวเราะยิ้มและพูดว่า "ไม่ได้ๆ ฉันกำลังไปอาบน้ำจะปล่อยให้นายเข้ามาได้ยังไง! อีกอย่างพี่มู่ชวงยังบอกว่านายเป็นพวกโรคจิต!"
อะไรนะ?
ชิเล่ยเกือบสำลักน้ำลายตัวเอง! เขาเป็นพวกโรคจิต? ทำไมมู่ชวงถึงพูดแบบนี้? นี่มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย? ไม่มีหลักเกณฑ์! เขากล้าสาบานกับดวงจันทร์และผืนฟ้า แน่นอนว่าเขาไม่มีอะไรยุ่มย่ามกับมู่ชวง? หรือว่ามีอะไรผิดแปลกไป?
"เสี่ยวโม่ มู่ชวงเธอพูดถึงฉันแบบนั้นจริงๆ?" ชิเล่ยพูดออกมาอย่างโมโหว่า "เหอะ มู่ชวงเธอชั่งกล้านินทาลับหลังฉัน! คอยดูเถอะว่าฉันจะจัดการเธอยังไงครั้งหน้า!"
หลิงหยูโม่ถามด้วยเสียงขี้เล่นว่า "พิสดารหิน นายจะจัดการเธอยังไง?"
ในใจของชิเล่ยกำลังคิดวิธีจัดการมู่ชวง ยิ่งกว่านั้นขาคู่ของมู่ชวงเป็นอะไรที่น่าหลงไหลและมีเสน่ห์มาก ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าต้องการที่จะพิชิตเธอและละลายหัวใจน้ำแข็งของเธอ!
"ฉันจะ..." ขณะที่ชิเล่ยกำลังจะเปิดปากพูด ก็ลืมไปว่าคนที่กำลังถามคือหลิงหยูโม่!
"ฉันจะพาเธอไปกินข้าวเย็นที่โรงอาหารชั้นแรกของมหาลัย! บังคับให้เธอกินข้าวชามใหญ่ให้หมด!" ชิเล่ยที่กำลังตื่นเต้นกับคิดลงโทษที่เหมาะสมอยู่ในหัวหัวของเขา แต่กลับพูดการกระทำเด็กๆออกมาแทน
หลิงหยูโม่หัวเราะ "พิสดารหินนายเป็นคนไม่ดีจริงๆ! พี่มู่ชวงเป็นเหมือนกับนายที่จู้จี้จุกจิกเรื่องกินมากๆ! ถ้านายบังคับให้เธอกินข้าวที่โรงอาหารชั้นแรกฉันคิดว่าเธอน่าจะอาละวาดออกมาแน่ๆ!"
ชิเล่ยถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในที่สุดก็หลงกล!
"พิสดารหิน พวกอันธพาลที่ทำร้ายคนจากประเทศวูซาง คงไม่ได้บอกนายเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรอกใช่ไหม?" หลิงหยูโม่ถามด้วยความกังวล
ชิเล่ยตอบสนองด้วยการเยาะเย้ยด้วยประโยคหนึ่งว่า "ไม่ต้องกังวลพวกเขาไม่มีหลักฐาน ถ้าเธอกับมู่ชวงและพวกอันธพาลไม่พูด มันก็ไม่มีปัญหาแน่นอน!"
"พิสดารหินมั่นใจได้เลย เดี๋ยวฉันจะไปโน้มน้าวพี่มู่ชวงให้เอง!" หลิงหยูโม่พูดด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ ทำให้ในใจของชิเล่ยรู้สึกหวานเหมือนกินน้ำผึ้ง
"โอเคเสี่ยวโม่ เดี๋ยวฉันกลับไปอาบน้ำก่อน!"
กลับไปที่ห้องพัก คิดไม่ถึงเลยว่าหลี่ไชไอ้เด็กนี่จะไม่อยู่!
ชิเล่ยส่ายหัวมองไปที่ชิ้นส่วนต่างๆที่เกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นเต็มห้องพัก ในชีวิตที่แล้วก็เหมือนกัน หลี่ไชเด็กน้อยนี่ชอบทำห้องพักสกปรกไปหมด นอกเหนือจากชิเล่ยอีกสี่คนที่อยู่ในหอพักเดียวกันไม่มีใครไม่เกลียดหลี่ไช!
จึงทำให้ชิเล่ยและหลี่ไชกลายมาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันและหลี่ไชคอยช่วยเหลือชิเล่ยตลอดมา
หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว ชิเล่ยเปิดคอมพิวเตอร์และตรวจสอบเว็บบอร์ดของมหาวิทยาลัย ในเว็บบอร์ดยังมีโพสต์ที่ต่อว่าเขาอยู่และมีมากขึ้นกว่าเดิม เพราะด้วยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างชิเล่ยกับมู่ชวงจึงทำให้เขามี 'ศัตรู' มากขึ้น ด้วยเหตุนี้คนพวกนี้จึงช่วยเฉินหมิงเติมเชื้อเพลิงลงไปในกองไฟมากขึ้น
หลังจากเลิกดูเว็บบอร์ดของมหาลัยแล้ว ชิเล่ยก็พูดกับตัวเองว่า "ไม่รู้ว่าทางไลก้าส่งอีเมลไปหรือยัง ถ้าบริษัทไลก้าไปแล้วผ่าน คนพวกนี้คงเต็มไปด้วยความอิจฉาและความเกลียดชัง!"
ในท้องฟ้าตอนกลางคืน แต่ก็พอยังมองเห็นดวงดาวได้ เวลาผ่านไปและในที่สุดวันนี้ก็เป็นวันที่ 21 ตุลาคม ตอนนี้เวลา 08.00 น.
ชิเล่ยถูกปลุกให้ตื่นจากเสียงเคาะประตูห้อง เขาจึงตะโกนออกไปว่า "ใคร?"
"พี่ใหญ่หินเปิดประตูเร็วเข้า ผมซื้ออาหารเช้ามาให้พี่!" เสียงของหลี่ไชดังมาจากข้างนอกประตู
หลังจากเปิดประตูเจอห้องนั่งเล่นแล้ว ก็เห็นหลี่ใช่ที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวายืนถือก็ถุงนมถั่วเหลืองสองถุง รวมทั้งขนมปังยัดไส้ เสี่ยวหลงเปาและปาท่องโก๋
"เสี่ยวไช ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่านายจะออกไปข้างนอกเพื่อซื้ออาหารเช้ามาให้ฉัน แต่ฉันก็ไม่อยากจะเชื่ออยู่ดีว่านายจะไปซื้อมาให้จริงๆ!" ชิเล่ยหยิบปาท่องโก๋ขึ้นมาและกัดไปคำหนึ่ง
หลี่ไชเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมาและพูดเสียงสองว่า "พี่หิน ผมพึ่งเอาอาหารเช้าไปให้เสี่ยวมินมา ระหว่างทางกลับเลยซื้อกลับมาด้วย!"
"ฉันว่าแล้ว!" คำตอบนี้ไม่ได้แตกต่างจากการคาดเดาของชิเล่ย
เมื่อกินอาหารเช้าเสร็จแล้ว โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นเป็นซ่งหม่าอันจากบบริษัทไอโกโทรมา บอกผ่านทางโทรศัพท์ว่าให้ชิเล่ยมาที่โรงแรมกรีนเลคเพื่อหารือเกี่ยวกับการขายซอร์สโค้ดของโปรแกรมตรวจจับรอยยิ้มและสิทธิในสิทธิบัตร
ชิเล่ยรีบไปล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นขึ้นและแต่งตัวไปเคาะประตูหอพักห้อง 502 เป็นเรื่องธรรมดาเมื่อมีการเจรจาเกินขึ้นก็ต้องพามู่ชวงและหลิงหยูโม่ไปด้วย มู่ชวงต้องทำหน้าที่เจรจา ส่วนหลิงหยูโม่ไปเล่นเกมกับเขา!
ในห้องประชุมขนาดเล็กที่โรงแรมกรีนเลค ซ่งหม่าอันถือกำลังถือกระดาษa4ที่พิมพ์หนึ่งชุดไว้ในมือ เอกสารนี้เกี่ยวกับข้อมูลการขายกล้องในประเทศเซี่ย มันจึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่รีบทำออกมาทั้งหมดภายในข้ามคืน
ในบรรดาบริษัทต่างๆ เช่น แคนนอน(Canon) นิคอน(Nikon) โซนี่(Sony) พานาโซนิค(Panasonic) เพนแท็กซ์(Pentax) โอลิมปัส(Olympus) และฟูจิ(Fuji) และบริษัทอื่นๆ ที่ถือครองมากกว่า 90% ของตลาดทั้งหมดในประเทศเซี่ย
การขายกล้องดิจิทัลของบริษัทไอโก แม้แต่ 0.1% ของส่วนแบ่งการตลาดก็ยังทำไม่ได้!
ในตลาดกล้องดิจิทัลขนาดใหญ่เช่นนี้หากบริษัทไอโกสามารถขยายยอดขายได้ บริษัทของพวกเขาก็จะประสบความสำเร็จอย่างมาก
แน่นอนว่าจุดประสงค์ที่สำคัญที่สุดของเอกสารนี้ไม่ได้บอกถึงจำนวนยอดขาดของบริษัทไอโก แต่บอกว่าตลาดกล้องดิจิทัลมีขนาดใหญ่ดท่าไหร่และถูกครอบครองโดยแบรนด์ต่างประเทศภายในตลาดประเทศเซี่ย!
ถ้าบริษัทไอโกมีโปรแกรมตรวจจับรอยยิ้มและสิทธิบัตรในประเทศเซี่ย ถ้าหากเมื่อมีกล้องดิจิทัลพร้อมกับโปรแกรมตรวจจับรอยยิ้มต้องการขายภายในประเทศเซี่ยละก็ คุณจำเป็นต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับบริษัทไอโก หรือได้รับการอนุมัติสิทธิบัตรจากบริษัทไอโกก่อน!
ซ่งหม่าอันไม่เข้าใจคุณค่าของสิทธิบัตร แต่เล่าเสี่ยวเข้าใจ!
บริษัทไอโกต้องการพึ่งพาสิทธิ์ของสิทธิบัตรจากโปรแกรมตรวจจับรอยยิ้มอย่างมากในตลาดกล้องดิจิทัลเพื่อตกปลาใหญ่พิเศษ! ถ้าหากประเทศบริษัทกล้องจากประเทศวูซางเหล่านี้ไม่เห็นด้วยที่จะจ่ายค่าสิทธิ์ในสิทธิบัตร พวกเขาก็จะสามารถใช่วิธีการผ่านช่องทางกฎหมายเพื่อฟ้องร้องบริษัทกล้องเหล่านี้ได้และทำให้ธุรกิจกล้องเกิดระเบิดลูกใหญ่สำหรับพวกเขา
"เล่าเสี่ยว ถ้าเกิดเราได้รับสิทธิบัตรโปรแกรมตรวจจับรอยยิ้มมา ผลประโยชน์ต่อปีที่เราจะได้คือเท่าไหร่?" ซ่งหม่าอันที่ถือเอกสาร หันไปกระซิบถามเล่าเสี่ยวที่อยู่ข้างๆเขา
ส่วนเกิงจินเขาไม่ได้อยู่ในห้องประชุม แต่อยู่ที่ล็อบบี้เพื่อรอต้อนรับชิเล่ยและเพื่อนๆของเขา เพื่อนำให้
เล่าเสี่ยวคิดคำนวณเกี่ยวกับเรื่องนี้ในใจ แล้วพูดว่า "หัวหน้าซ่ง ถ้าเราได้รับสิทธิบัตรของโปรแกรมตรวจจับรอยยิ้มมา ผมคำนวณแล้วว่าบริษัทของเราจะได้ค่าลิขสิทธิ์สิทธิบัตรตกปีละกว่า 10 ล้านดอลลาร์!"
ซ่งหม่าอันเสียใจแทบอยากจะล้มตกทิ้ง "ถ้าฉันรู้เรื่องนี้ เมื่อวานก็คงได้เซ็นสัญญากับพวกเขาไปแล้ว! จาก 2 ล้านเปลี่ยนเป็น 10 ล้านต่อปี! ยิ่งไปกว่านั้นยังมีมูลค่าแบรนด์ที่ไม่มีตัวตนและอิทธิพล ทุกอย่างเหล่านี้ทั้งหมดคือความมั่งคั่ง!"
เล่าเสี่ยวยิ้มอย่างขมขื่น "หัวหน้าซ่งบางที ถ้าคุณตกลงเห็นด้วยแต่ผมก็ไม่คิดว่าพวกเขาจะยอมตกลงเซ็นสัญญาหรอก! แม้คนที่มาเจรจาจะอายุยังน้อย แต่ที่แน่ๆเราไม่ควรมองข้ามไปเด็ดขาด!"
"งั้นเหรอ?" ซ่งหม่าอันจำมู่ชวงได้เธอเป็นคนมีความมั่นใจในตัวสูงและเธอพูดอย่างมั่นใจว่าพวกเขาจะได้รับประโยชน์จากสิทธิบัตรใช่ไหม?
"จริงๆแล้ว ทุกๆอย่างอยู่ในการคำนวณของฝ่ายตรงข้ามหมดแล้ว!" ซ่งหม่าอันถอนหายใจ "เล่าเสี่ยวเป็นไปได้ไหมที่พวกเขาจะขึ้นราคา?"
เล่าเสี่ยวพยักหน้า "ราคาจะถูกเพิ่มขึ้นขึ้นแน่นอน! แต่ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะขึ้นราคาเป็นเท่าไหร่!"
เวลา 10.00 น. ชิเล่ยที่เดินนำมู่ชวงกับหลิงหยูโม่มาปรากฏตัวขึ้นในโรงแรมกรีนเลค ที่ล็อบบี้เกิงจินเดินเข้าไปทักทายด้วยความกระตือรือร้น
"คุณชิ คุณมาแล้ว!" เสียงของเกิงจินเต็มไปด้วยความยินดีเพราะเขายังรู้ถึงผลที่ได้จากสิทธิบัตร ถ้าการเจรจาประสบความสำเร็จ เมื่อเขากลับไปที่บริษัทบางทีเขาอาจจะเลื่อนตำแหน่ง!
ชิเล่ยกับคนของเขาเพิ่งจะเดินเข้ามาในห้องประชุมขนาดเล็ก หม่าอันก็ทนรอไม่ไหวแล้ว "น้องชายชิเล่ย คุณมู่ หลังจากวันแห่งการไตร่ตรอง บริษัทไอโกของเราเห็นด้วยกับข้อเสนอของคุณ ตกลงในราคา 2 ล้านดอลล่าร์ที่จะซื้อซอร์สโค้ดของโปรแกรมตรวจจับรอยยิ้ม และเป็นเจ้าของสิทธิบัตรในประเทศเซี่ย"
ชิเล่ยกำลังมีความสุขเขาไม่คิดเลยว่าสิทธิบัตรจะมีค่ามากขนาดนี้ กับเงิน 2 ล้านดอลล่าร์นี้เขาวางแผนจะทำขั้นตอนต่อไปแล้วและเริ่มดำเนินการ!
มู่ชวงกระแอมแล้วส่ายหัวพูดว่า "คุณซ่ง เราปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือ!"
"เพราะอะไร?" ชิเล่ยมองไปที่มู่ชวงด้วยความประหลาดใจ
ตรงกันข้ามกับซ่งหม่าอันได้เตรียมพร้อมในใจไว้แล้วเขาจึงไม่แปลกใจเกินไป
มองดูท่าทางอันสงบนิ่งของมู่ชวงและรอยยิ้มจางๆ ชิเล่ยเต็มไปด้วยความประหลาดใจและจากนั้นพูดกับซ่งหม่าอันว่าว่า "พี่ซ่ง การตัดสินใจทุกอย่างจะอยู่กับคุณมู่ชวงทั้งหมด พี่เจรจากับเธอเอาละกัน!"
ซ่งหม่าอันหันไปมองที่มู่ชวงและดวงตาของเขาแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกชื่นชมแล้วถามว่า "งั้นคุณมู่ในใจคุณคิดราคาไว้เท่าไหร่?"
"2 ล้านดอลล่าร์!" มู่ชวงเปิดปากพูดต่อว่า "2 ล้านดอลล่าร์ต่อปี จนกว่าสิทธิบัตรจะหมดอายุหรือถูกแทนด้วยสิทธิบัตรใหม่"
"นี่มัน..." ซ่งหม่าอันมองมู่ชวงอย่างตกใจ สองล้านดอลลาร์ต่อปี มันไม่มากเกินไปแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าน้อยเกินไป!
เบื้องหลังของบริษัทไอโกมีความซับซ้อนค่อนข้างมาก สามารถเห็นได้จากชื่อบริษัทของพวกเขาที่เชื่อมโยงกับความสัมพันธ์ของชาติอย่างไม่เป็นทางการ ต้องการเก็บค่าลิขสิทธิ์บางครั้งมันก็ไม่ง่ายอย่างนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีข้อพิพาทเกิดขึ้นและเวลาที่ขัดแย้งกันถ้าไม่มีคนหนุนหลังคดีอาจลากยาวล่าช้าไปเป็นเวลาหลายปี!
บริษัทไอโกอยู่ในประเทศเซี่ย มีคนหนุนหลังจึงมีความสามารถในการเรียกเก็บค่าลิขสิทธิ์และได้รับประมาณ 10 ล้านดอลลาร์ต่อปี มู่ชวงที่ถึงดึงออกมา 2 ล้านดอลลาร์ ด้วยการใช้ความสัมพันธ์นี้พวกเขาจะได้เงิน 2-3 ล้านในแต่ละปี บางปีอาจจะได้ถึง 5-6 ล้านก็ได้ แน่นอนพูดได้เลยนี่คือไก่ที่กำลังออกไข่ทองคำ!
"คุณซ่ง ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้เกี่ยวกับอุตสาหกรรมกล้อง แต่มันก็เป็นเรื่องง่ายมากที่จะตรวจสอบตลาดของกล้องดิจิทัล แม้ว่าคุณจะจ่ายเงินให้เราถึง 2 ล้านดอลล่าร์ต่อปี แต่คุณก็ยังทำกำไรได้เป็นจำนวนมากอยู่ไม่ใช่หรอคะ?" ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนกันสอบถาม แต่ในน้ำเสียงของมู่ชวงกลับเต็มไปด้วยความมั่นใจ
มู่ชวงเชื่อว่าบริษัทไอโกจะต้องเห็นด้วยแน่นอน!