บทที่ 15 วิชาหยกแดงขั้นที่หก(ฟรี)
บทที่ 15
วิชาหยกแดงขั้นที่หก
โดยไม่ได้มุ่งหมาย หลี่ฟู่เฉินได้รู้จักกับผู้สมัครตระกูลอื่น ๆ ที่ได้รับเลือกให้เข้าสระน้ำทิพย์
ตระกูลกวน : กวนเผิ้ง
ตระกูลหยาง: หยางไค และอัจฉริยะอีกคน หยางเฮา
ตระกูลเฉินตู : เฉินตูจิ่ว และ เฉินยู่เหลียง
ตระกูลหยางและตระกูลเฉินตู มีตระกูลละสองสระน้ำ
ประสิทธิภาพของสระน้ำทิพย์นั้นใกล้เคียงกับสมุนไพรเสริมสร้างร่างกายขั้นต่ำระดับลี้ลับ ทั่วเมืองหยุ่นวู่ แม้กระทั่งสมุนไพรเสริมร่างกายขั้นสูงสีเหลืองก็หายาก ไม่ต้องพูดถึงโอกาสที่ผู้อยู่ระดับลี้ลับขั้นต่ำ ดังนั้นตระกูลหลักสามารถชดเชยด้วยการลงทุนพวกสมุนไพรขั้นต่ำและให้พวกมันรวมตัวกันเพื่อสร้างส่วนผสม
โดยทั่วไปก้านสมุนไพรระดับลี้ลับขั้นต่ำจะมีค่าประมาณหนึ่งหมื่นถึงสองหมื่นเหรียญทอง
มูลค่าเงินลงทุนในสระน้ำทิพย์ ทุกๆสองปีมีต้นทุนประมาณสามถึงสี่หมื่นเหรียญทอง มันเป็นไปได้ที่จะให้สองคนลงไปในสระ แต่ผลที่ได้จะลดลงกึ่งหนึ่ง
“ด้วยจำนวนนี้ ผู้ที่ความแข่งแกร่งเพิ่มขึ้นมากที่สุดน่าจะเป็นหยางไค”
เพื่อให้ร่างกายมีความแข็งแรงหนึ่งพันกิโลกรัมเป็นเพียงการประมาณการ ผลที่ได้ขึ้นอยู่แต่ละร่างกาย บางคนสามารถเพิ่มความแข็งแรงได้ 700 ~ 800 กก. ขณะที่ผู้อื่นอยู่ที่ 500 ~ 600 กก. เมื่อพูดถึงความแข็งแรงหนึ่งพันกิโลกรัม สิ่งที่ต้องการคือโครงกระดูกคุณภาพสูง นอกจากกวนเซี่ย คนต่อไปน่าจะเป้นหยางไคที่มีโครงกระดูกระดับสามดาว
“ตอนนี้ความแข็งแกร่งของข้าอยู่ที่ประมาณ 300 ~ 400 กิโลกรัม ดังนั้นข้าก็ดูไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว”
หลี่ฟู่เฉินทดสอบความแข็งแกร่งของเขาก่อนหน้านี้ เขาสามารถยกก้อนหินที่มีน้ำหนักสามร้อยกิโลกรัมได้อย่างง่ายดาย ในบรรดานักสู้ขอบเขตพลังลมปราณถือว่าสูงกว่าระดับค่าเฉลี่ย
ก่อนที่เขาจะกินต้นหัวใจศิลา เขาไม่ได้มีพลังเช่นนี้ แต่หลังจากที่เขาดูดซับสมุนไพรอย่างสมบูรณ์ กระดูกของเขาก็แข็งแรงทนทานขึ้น เมื่อต่อสู้กับสัตว์ร้ายเส้นโคจรและเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อของเขาก็แกร่งขึ้นเช่นกัน
“มันจะดีมากถ้าข้ามีวิชาฟอกร่างกาย” หลี่ฟู่เฉินคิดกับตัวเอง
วิชาฟอกร่างกายนั้นเป็นวิชาที่หาได้ยากแม้แต่ในนิกายเอง มีข่าวลือว่าวิชาฟอกร่างกายชั้นหนึ่ง ให้ความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับสัตว์ปีศาจอสูรอันดับหนึ่งและเมื่อประกอบกับวิทยายุทธ์ พวกเขาแทบจะไม่มีแม้คู่แข่งทัดเทียมกัน
***
ยามค่ำ จันทร์ลอยเลื่อนอยู่บนฟากฟ้า
ภายในห้องบ่มเพาะที่ตั้งอยู่ก่อนถึงห้องนอน หลี่ฟู่เฉินมองเห็นการโคจรของวิชาหยกแดง
ด้วยตาเปล่าจะมีแสงสีแดงเรื่อ ๆ ส่องแสงรอบๆท้องของหลี่ฟู่เฉิน มันสามารถมองเห็นได้ก่อนหน้านี้ แต่ไม่โดดเด่นเท่าวันนี้ เมื่อมีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ความร้อนดั่งไฟแผดเผาก็หายไปจากหลี่ฟู่เฉิน
วิชาหยกแดง มีคุณลักษณะดั่งดวงอาทิตย์ที่ลุกโชติช่วง พลังลมปราณจากวิชาหยกแดง มีเปลวไฟร้อนแรง ซึ่งจริง ๆ แล้วช่วยสภาวะร่างกายและขับไล่สิ่งไม่บริสุทธิ์ออกจากร่างกาย
เมื่อเปลวไฟลุกลามมากขึ้น หมอกสีขาวมองเห็นเป็นควันออกมาจากหน้าผากของหลี่ฟู่เฉิน
มันถูกกล่าวถึงในตำนาน เมื่อก้าวขึ้นสูงระดับพลังงาน ณ จุดหนึ่ง ขณะที่พวกเขาบ่มเพาะจะมีแสงเงาอันโดดเด่นมองเห็นได้บนศรีษะของพวกเขา อาทิเช่น รูปร่างของดวงอาทิตย์, แม่น้ำไหล, ไฟที่ลุกโชติช่วงหรือแม้แต่สัตว์อสูร
การฝึกบ่มเพาะวิชายุทธ์จะสะท้อนให้เห็นในรูปทรงของแสงเงา เมื่อวิชาหยกแดงถึงขั้นเจ็ด แสงเงาจะปรากฏเป็นหมอกทรงกลมสีแดงเรื่อ ผู้ที่บ่มเพาะลึกกว่านั้น หมอกนั้นจะทึบขึ้น เมื่อพ่อของเขาหลี่เทียนฮั่นฝึกวิชาหยกแดง หมอกสีแดงซีดจะปรากฏขึ้น เมื่อเวลาผ่านไปหมอกสีขาวก็ขุ่นทึบขึ้นดั่งไอน้ำจากการต้มน้ำ
ผิวของหลี่ฟู่เฉินค่อยๆแดงขึ้น
ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ เสียงตูมดังออกมาจากภายในของหลี่ฟู่เฉิน พลันมีประกายแสงสว่างจากแสงสีแดงเรื่อรอบท้องของเขา หมอกสีขาวบนศรีษะกำลังก่อทึบขึ้น ความร้อนที่แผดเผาร่างกาย ทำให้อุณหภูมิห้องสูงขึ้นราวกับอยู่ในเตาเผา ช่างดูน่าลึกลับ
ณ เวลานี้ พลังงานของสวรรค์และโลกหลั่งไหลท่วมท้นเข้าสู่หลี่ฟู่เฉิน การดูดซับพลังนี้ไม่เคยมีมาก่อน หลี่ฟู่เฉินค่อยๆยกเปลือกตาขึ้นอย่างช้าๆ ในแววตาเปล่งประกายแสงสีแดง “ในที่สุดก็เข้าขั้นหก” หลี่ฟูเฉินทำเสียงพึมพำ
เมื่อทะลวงผ่านขั้นห้า พลังลมปราณก็โคจรในช่องที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น มีห้าเส้นโคจรถูกปลดจากพันธนาการ ณ ตอนนี้ที่ขั้นหก มีเส้นวงโคจรเพิ่มมากขึ้นถึงเจ็ดเส้น
การปลดพันธาการเส้นวงโคจรได้เจ็ดเส้น มันจะช่วยเพิ่มความเร็วในการดูดซับพลังงานระหว่างการฝึกฝนได้อย่างเหลือเชื่อ หลี่ฟู่เฉินประเมินว่าในอีกสามถึงสี่เดือนข้างหน้า เขาจะพัฒนาสู่ขั้นหกของพลังลมปราณ
ความก้าวหน้าของวิชา ไม่เพียงช่วยในการฝึกฝนเท่านั้น แต่พลังลมปราณของเขาจะยิ่งปะทุได้อีกมาก หลี่ฟู่เฉินชกลอยๆ เสียงปะทุดังรุนแรง ฝุ่นบนพื้นหมุนวน
หลี่ฟู่เฉินหยิบก้อนหินในสวนขนาดเท่ากำปั้นขึ้นมา ปลุกกระตุ้นพลังลมปราณภายใน และออกแรงกดหินเพียงเล็กน้อย
ฟุ่บ!
ก้อนหินถูกบดเป็นผงและไหลผ่านรอยแยกง่ามนิ้วมือ
“ความสามารถในการระเบิดพลังลมปราณพัฒนาขึ้นอย่างน้อย 30%” หลี่ฟูเฉินประเมินอย่างเงียบ ๆ
“มันถึงเวลาเลือกที่จะวิชาดาบระดับเหลืองขั้นสูงแล้ว”
ภายในตระกูหลี่ มีศิลปะการต่อสู้ระดับสูงสีเหลืองเพียง 3 ชั้นเท่านั้น สองวิชาดาบและอีกหนึ่งวิชาฝ่ามือ วิชาดาบหยกแดง วิชาดาบทะลายฟ้า และวิชาฝ่ามือหยกแดง ตามลำดับ ศิลปะการต่อสู้ระดับเหลืองขั้นสูงใช้พลังปราณในอัตราที่น่าตกใจ การบ่มเพาะปัจจุบันของหลี่ฟู่เฉิน มันยังไม่เหมาะสมที่จะฝึกฝนในตอนนี้ หากไม่มีลมปราณเพียงพอที่จะค้ำจุน มันเป็นไปไม่ได้ที่จะฝึกฝนศิลปะการต่อสู้ระดับเหลืองขั้นสูงให้ได้ผล แต่ถึงกระนั้นหลี่ฟู่เฉินก็อยากลอง ถ้าเขาสามารถฝึกฝนเทคนิคได้แค่ครึ่งนึง มันก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาได้รับชัยชนะ
***
ลึกดิ่งในจิตวิญญาณ เขาสังเกตว่าภายใต้การบำรุงของเครื่องรางทองคำ สีของดวงจิตวิญญาณสีเขียวอ่อนกำลังเปลี่ยนเป็นสีเข้ม กลุ่มสีเขียวก่อนหน้านี้เริ่มแพร่กระจายและเมื่อมันเกิดขึ้นหลี่ฟู่เฉินรู้สึกว่าขบวนความคิดแปรเปลี่ยนเป็นเฉียบแหลมมากขึ้น ราวกับสามารถแก้ปัญหาได้ในชั่วพริบตา
***
ค่ำคืนผันผ่าน รุ่งสางก็สาดแสง
หอคัมภีร์วิชายุทธ์......
“อืม? เจ้าเลือกวิชาดาบหยกแดงเหรอ?
“ขอรับ” หลี่ฟูเฉินผงกศรีษะ
หลี่เต่อซิง จ้องมองหลี่ฟู่ฉินอย่างคร่ำเคร่ง “โดยปกติต้องมีอย่างน้อยขั้นเจ็ดของขอบเขตพลังลมปราณเพื่อศึกษาศิลปะชั้นสูงสีเหลือง ก่อนหน้านั้นไม่ว่าระดับการรับรู้ของเจ้าจะอยู่ระดับใด มันเป็นไปไม่ได้ที่จะไปถึงขั้นสูง มันจะเป็นการเสียเวลายิ่ง”
“ข้าเข้าใจขอรับ การแข่งขันอัจฉริยะของเมืองกำลังจะเริ่มขึ้นในไม่ช้า ข้าต้องการรู้ว่าข้าสามารถเข้าใจนัยสำคัญของดาบได้หรือไม่”
ภายในตระกูลหลี่แห่งนี้ ประสาทสัมผัสการรับรู้ของเจ้าช่างเยี่ยมยอด บางทีเจ้าควรได้รับการเปิดเผยบ้าง”
หลี่เต่อซิง มีความคิดว่าหลี่หยุ่นไห่และกวนเผิ้งได้คัดเลือกเข้าสระน้ำทิพย์ แต่หลี่ฟู่เฉินนั้นอับโชค เขาเป็นผู้พ่ายในศึกการแข่งขันอัจฉริยะนี้
ม้วนคัมภีร์สีเหลืองขั้นสูงไม่ได้อยู่ที่ชั้นสาม มันเป็นเพียงที่ว่างเปล่า หลี่เต่อซิงเอื้อมไปที่ข้างใต้ ดึงกล่องไม้ออกมาจากลิ้นชัก กล่องนี้จะต้องถูกนำไปกับเขาในช่วงท้ายของทุกวัน
เมื่อเปิดกล่องภายในเป็นคัมภีร์สีเหลืองชั้นสูงสามม้วน
หลี่เต่อซิง นำม้วนวิชาดาบหยกแดงเลื่อนไปให้หลี่ฟู่เฉิน “วิชาดาบหยกแดงประกอบด้วยสามกระบวนท่า ด้วยประสาทสัมผัสของเจ้า อาจเป็นไปได้ที่เจ้าจะเข้าใจกระบวนท่าแรก”
“ขอบพระคุณขอรับท่านผู้เฒ่า”
เมื่อได้รับคัมภีร์แล้ว หลี่ฟู่เฉินก็บอกลา
หลี่ฟู่เฉินได้ยินเสียงดังโผงผางที่สนามฝึก ไกลออกไป
“ไม่น่าเชื่อ! หลี่หยุนไห่ยกก้อนหินขนาดเจ็ดร้อยห้าสิบกก. นั่นแข็งแกร่งกว่าข้าถึงสามเท่า”
“ด้วยพละกำลังเช่นนี้ ข้าเกรงว่าเขาไม่จำเป็นต้องใช้พลังลมปราณเพื่อเอาชนะพวกเรา”
“หลี่หยุนไห่ได้เข้าสระน้ำหรือไม่”
การสนทนาเกิดขึ้นเซงแซ่ในสนามซ้อม
หลี่ฟูเฉินมองผ่านฝูงชน สายตาจับจ้องไปที่สนามฝึกซ้อม...
........