Divine King Of All Directions - 191
Divine King Of All Directions - 191
หลินเทียนเองก็ถึงกับผงะไปพร้อมกับถามออกมาว่า
"ก้าวข้ามเขตแดนจักรพรรดินภา ?หลังจากนั้นยังมีเขตแดนอื่นอยู่อีก ? "
เขาได้ยินมาจากมู่ชิงและคนอื่นๆว่าเขตแดนจักรพรรดินภานั้นเป็นเขตแดนสูงสุดที่เคยได้ยินมาและแม้จะเป็นมู่ชิงและคนอื่นๆเองก็ยังไม่รู้ว่าหลังจากนั้นเป็นอย่างไร , ในตอนนี้หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเฒ่าขี้เมาแล้วเขาก็ได้แต่จ้องมองไปยังอีกฝ่าย
"แน่นอน "
เฒ่าขี้เมาได้ตอบกลับไป
คำพูดของเขาผสมไปด้วยกลิ่นคาวเหล้าที่รุนแรง
"แล้วมีเขตแดนอะไรอีก ? "
หลินเทียนได้ถามออกไป
เฒ่าขี้เมาเองก็ได้ตอบกลับด้วยท่าทางที่ไม่มีท่าทีว่าจะปิดบังเลยว่า
"เส้นทางบ่มเพาะนั้นขั้นแรกมีอยู่ 4 เขตแดนคือ หล่อหลอมร่างกาย ชีพจรเทวะ ผู้รอบรู้ จักรพรรดินภา ซึ่งเป็นสิ่งที่เจ้ารู้อยู่แล้วและหลังจาก 4 เขตแดนแรกก็ยังมีอีก 5 เขตแดนหลังอยู่คือ วิญญาณนิรันด์ จ้าวแห่งเต๋า ปลุกพลัง ปรินิพพาน โกลาหล"
"วิญญาณนิรันด์ จ้าวแห่งเต๋า ปลุกพลัง ปรินิพพาน โกลาหล"
หลินเทียนได้พึมพำออกมา
เฒ่าขี้เมาเองก็ได้ลุกขึ้นยืดตัวพลางพูดว่า
"หลังจากที่ตัดผ่านไปยังเขตแดนจักรพรรดินภาแล้วถือว่าเป็นการตัดผ่านเขตแดนใหญ่และจะทำให้อายุขัยเพิ่มขึ้นอย่างมากในแต่ละช่วงเขตแดน จาลึกเก่าแก่ของนิกายเรามีบันทึกเอาไว้ว่าคนที่ตัดผ่านเขตแดนโกลาหลไปได้นั้นจะสามารถมีอายุอยู่ได้เป็นแสนๆปีเลยล่ะ "
"แสนปี ?! "
หลินเทียนถึงกับผงะไป
มนุษย์อย่างเราสามารถอยู่ได้เป็นแสนปี ? ต่อให้เป็นผู้บ่มเพาะก็ยังคิดว่ามันเกินจริงไปหน่อย ?
ต้องรู้นะว่าการเกิดและตายนั้นเป็นกฎธรรมชาติที่ตายตัว ต่อให้ผู้บ่มเพสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้ด้วยเคล็ดวิชาบ่มเพาะหรือทักษะแต่การที่ทำให้ร่างกายมีอายุขัยอยู่นับแสนปีนี่มันก็น่าเหลือเชื่อจริงๆ
เฒ่าขี้เมาได้ยิ้มออกมาพร้อมกับจ้องมองไปยังหลินเทียนแล้วพูดว่า
"เจ้าหนู รู้ไหมว่าเป้าหมายสูงสุดของผู้บ่มเพาะคืออะไร ? "
"แข็งแกร่งขึ้นและแข็งแกร่งขึ้นไปอีก "
หลินเทียนได้ตอบกลับไป
"ที่เจ้าพูดก็ถูกเหมือนกัน "
เฒ่าขี้เมาได้พยักหน้าพร้อมกับมองไปทางหลินเทียนแล้วพูดต่อด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า
"เจ้าหนู เป้าหมายสูงสุดของผู้บ่มเพาะอย่างเราจริงๆก็คือ...........ชีวิตที่เป็นนิรันด์ ! "
หลินเทียนถึงกับผงะไป ชีวิตนิรันด์ ?!
มนุษย์สามารถเป็นอมตะได้ ?
เฒ่าขี้เมาได้ยักไหล่ของเขาก่อนที่จะพูดว่า
"ครั้งหนึ่งมีตัวตนที่อยู่ในเขตแดนโกลาหลได้พูดเอาไว้ว่า สวรรค์ไม่เคยถล่ม ไม่เคยล่มจมแล้วทำไมมนุษย์อย่างเราถึงไม่สามารถก้าวไปถึงจุดสิ้นสุดได้ ? มันไม่ยุติธรรม !"
หลินเทียนได้เงียบไปและพูดอะไรไม่ออกอีกพักหนึ่ง
สวรรค์ไม่เคยถล่ม
ไม่เลยล่มจม
ก็จริงว่าแล้วทำไมมนุษย์ถึงไม่สามารถก้าวไปถึงจุดสิ้นสุดได้ ?
"แล้วมีบันทึกของคนที่มีชีวิตเป็นนิรันด์ ? "
เขาได้ถามออกมา
เฒ่าขี้เมาได้ส่ายศีรษะของเขาพร้อมกับพูดว่า
"ตราบใดที่เป็นผู้บ่มเพาะที่แข็งแกร่งก็หวังว่าจะคว้าความเป็นอมตะเอาไว้เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีใครอยากตายอย่างแน่นอน เพราะตายไปแล้วมันไม่เหลืออะไรแต่ถึงอย่างนั้นกาลเวลาเนิ่นนานมายังไม่มีใครเป็นอมตะอย่างแท้จริง ทุกคนล้วนสลายไปตามกาลเวลา "
ตรงนี้เองที่เขาได้มองไปยังท้องฟ้าก่อนที่จะพูดออกมาว่า
"รู้ไหมเจ้าหนู มันมีตำนานที่โด่งดังไปทั่วทั้งสวรรค์ 10 ชั้นว่าตราบใดที่ก้าวข้ามไปยังชั้นที่ 10 ได้ก็จะสามารถอยู่เหนือกาลเวลาและได้เป็นนิรัดน์ "
หลินเทียนเองก็ได้แต่มองขึ้นไปพร้อมกับพูดว่า
"สวรรค์ชั้นที่ 10 "
"ไม่ต้องมองไปหรอก มันมีอยู่จริงๆแต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครก้าวข้ามไปได้ "
เฒ่าขี้มาได้ส่ายศีรษะของเขา
หลินเทียนเองก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่เพราะมันยังห่างชั้นกับเขาในปัจจุบันอยู่ไกลมาก
เขาได้แต่มองขึ้นไปด้วยดวงตาที่เป็นประกาย , สวรรค์ชั้นที่ 10 มันมีอยู่จริงและในเมื่อก้าวข้ามไปแล้วสามารถเป็นอมตะเขาก็จะต้องเห็นด้วยตาตัวเอง ! ก่อนหน้านี้เป้าหมายสูงสุดของการบ่มเพาะของเขาคือปลายทางเขาการบ่มเพาะแต่ในตอนนี้มันเปลี่ยนเป็นชีวิตนิรันด์ !
เฒ่าขี้เมาได้ตระหนักถึงท่าทางของเขาดีดังนั้นถึงได้พูดออกมาว่า
"เจ้าหนู มีความทะเยอทะยานดีหนิ "
หลินเทียนไม่ได้สนใจเขาก่อนที่จะคิดถึงคำพูดก่อนหน้านี้แล้วถามว่า
"ท่านบอกว่าประตูมิติชั้นที่ 1 และ 2 มีปัญหาและต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญที่อยู่เหนือเขตแดนจักรพรรดินภาถึงก้าวข้ามไปได้แสดงว่าต้องเป็นเขตแดนวิญญาณนิรันด์ แล้วในโลกชั้นนี้มันมีผู้เชี่ยวชาญเขตแดนนั้นด้วย ? "
"ขอโทษด้วยแต่ไม่เคยได้ยินเหมือนกัน "
เฒ่าขี้เมาได้ยักไหล่ของเขา
หลินเทียนได้แต่ขมวดคิ้วไปเพราะคำตอบนี้มันไม่น่าพอใจเท่าไหร่
เฒ่าขี้เมาเองก็ตระหนักได้ว่าหลินเทียนกำลังคิดอะไรดังนั้นถึงได้แตะไหล่เขาแล้วพูดว่า
"อย่าเพิ่งคิดมาก รอให้ประตูมิติกลับมาคงที่ก่อนแล้วก้าวข้ามไปแล้วกัน "
หลินเทียนได้หันหน้าไปมองเขาพร้อมกับท่าทางที่ไม่อยากจะพูดอะไร
ณ ตอนนี้เฒ่าขี้เมาถูมือไม่หยุดพร้อมกับพูดออกมาว่า
"อ่อใช่เจ้าหนู เรื่องที่เราคุยกันเมื่อครู่ล่ะ ? เป็นไง ? สนใจจะเป็นศิษย์ข้าไหม ? จะไปบ่มเพาะที่นิกายกับข้า ? ไม่ต้องเป็นห่วงเพราะว่าทรัพยากรบ่มเพาะของที่นี่ไม่สามารถเทียบกับที่นั่นได้เลยแม้แต่น้อย มันเปรียบได้ดั่งสวรรค์และพื้นโลกเลยล่ะ "
ดวงตาของเขาได้เปล่งประกายออกมาขณะที่พูดเพราะเมล็ดพันธ์ที่ดีขนาดหลินเทียนมันหาได้ยากยิ่ง
หลินเทียนได้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบกลับไปว่า
"ได้"
แน่นอนว่าเขาต้องการจะไปบ่มเพาะที่นิกายเพราะเขาไม่ใช่คนโง่
"จริงๆงั้นรึ ? "
เฒ่าขี้เมาได้ถามออกมาด้วยสีหน้าที่มีความสุข
"จริงสิ "
หลินเทียนได้ตอบกลับไป
"ดีมาก ! "
เฒ่าขี้เมาหัวเราะ ย่างมีความสุขสุดๆ
หลินเทียนในตอนนี้รู้สึกแปลกอย่างมากเหมือนว่าเพิ่งทำสัญญาบางอย่างไปกับอีกฝ่าย
หลังจากนั้นเขาก็ได้ถามต่อไปว่า
"แล้วไม่ต้องทำพิธีฝากตัวเป็นศิษย์ ? "
"ไม่"
เฒ่าขี้เมาส่ายศีรษะของตนก่อนที่จะพูดต่อว่า
"เรื่องธรรมเนียมแบบนั้นช่างมันเถอะ หลังจากนี้ไม่ต้องเรียกข้าว่าอาจารย์ด้วยมันไม่สะดวกเท่าไหร่ เรียกข้าว่าเฒ่าขี้เมาแทนแล้วกัน ข้าชอบเหล้า ชื่อนี้ถือว่าดีมากๆ "
หลินเทียนได้พยักหน้าตามเพราะเขาเองก็ไม่ชอบเรียกคนอื่นว่าอาจารย์เหมือนกัน
หลังจากนั้นเขาก็ได้จ้องมองไปยังเฒ่าขี้เมาแล้วพูดว่า
"แล้วไม่คิดจะให้ของขวัญรับศิษย์หน่อย ? "
เขาได้จ้องมองไปยังเฒ่าขี้เมาอย่างไม่วางตา
เฒ่าขี้เมาเองก็ได้แต่ยิ้มออกมาพร้อมกับพูดว่า
"เจ้าหนู อยากจะให้ข้าพลิกแผ่นดินจักรวรรดิเป่ยหยานให้งั้นรึ ? "
หลินเทียนยังคงจ้องมองไปทางเขาด้วยสีหน้าที่ไม่ได้เห็นด้วยหรือปฏิเสธ
"เอาล่ะ อย่าได้คิดเรื่องแบบนั้นอีกเพราะข้าบอกไว้แล้วว่าข้าจะไม่ช่วยเจ้าฆ่าคนแต่แน่นอนว่าหากเจ้าบุกไปที่ราชวังข้าก็จะรับประกันความปลอดภัยของเจ้าอยู่แล้ว "
เฒ่าขี้เมาได้ส่ายศีรษะของเขาก่อนที่จะยกขวดเหล้าขึ้นมาเขย่าเพื่อเอาเหล้าออกมาอาบกระบี่ไว้พลางพูดว่า
"มาเจ้าศิษย์รัก อ้าปากซะ แม้ว่าข้าจะไม่ช่วยเจ้าฆ่าคนแต่ก็ต้องให้ของขวัญอยู่ดี "
"ข้าไม่ชอบดื่ม "
หลินเทียนได้พูดออกมา
"พูดมากทำไม ข้าบอกให้อ้าปากก็อ้า กลืนไปซะ ! "
เฒ่าขี้เมาได้พูดออกมา
หลินเทียนได้แสดงสีหน้าที่ลังเลออกมาก่อนที่จะอ้าปากตามคำพูดของอีกฝ่าย
เฒ่าขี้เมาได้พยักหน้าพร้อมกับยกกระบี่ขึ้นมาแล้วหยดมันลงในปากของหลินเทียน
"กลืน "
เขาได้พูดออกมา
สัมผัสแรกที่หลินเทียนรับรู้ได้คือความร้อนที่ช่องปาก , เขาได้แต่ขมวดคิ้วก่อนที่จะกลืนมันลงท้องไปด้วยความรู้สึกเหมือนมีเปลวเพลิงถูกจุดขึ้นในช่องท้องและทำให้ผิวของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความรู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัว , ระหว่างที่เขาต้องการจะพูดอะไรบางอย่างนั้นก็รู้สึกได้ว่า ่างกายกำลังสั่นสะท้านขณะที่พลังฉีมากมายได้ทะลักออกมาไม่หยุด
"นี่มัน.."
เขาได้แต่จ้องมองไปทางเฒ่าขี้เมาด้วยสีหน้าที่ตกตะลึง
"บอกแล้วว่าเหล้านี่มันมีค่าสำหรับอาจารย์มากๆ รีบๆดูดกลืนไปแล้วกัน "
เฒ่าขี้เมาได้พูดออกมา
หลินเทียนได้พยักหน้าของเขาก่อนที่จะเริ่มการหมุนวนเคล็ดวิชาซือจี่อย่างราดเร็วเพื่อดูดกลืนพลังฉีมากมายที่ทะลักออกมานี้ แม้ว่ามันจะให้ความรู้สึกร้อนเหมือนเพลิงนรกแต่เขาก็ปรับตัวเข้ากับมันได้อย่างรวดเร็วเพราะไม่นานมานี้เขาก็เพิ่งดูดกลืนพลังงานความร้อนจากคริสตัลเพลิงไปหมาดๆ
"บึ้สสส ! "
แสงสีเงินได้ทะลักออกมาขณะที่เขาเริ่มก่อจุดชีพจรเทวะที่ 9
ตอนนี้เองที่ภายในห้องนี้อัดแน่นไปด้วยแรงกดดันมหาศาล
เฒ่าขี้เมาที่นั่งอยู่ข้างๆเองก็ได้แต่มองไปทางหลินเทียนด้วยนัยน์ตาที่หดเล็กลง
"เจ้าหนูนี่มันบ่มเพาะด้วยเคล็ดวิชาอะไรกัน ไม่ธรรมดาจริงๆ ดูเหมือนว่ามันจะลึกซึ้งยิ่งกว่าเคล็ดวิชาบ่มเพาะสูงสุดของนิกายเราอีก แปลกดีแหะ "
เขาได้ส่ายศีรษะก่อนที่จะนั่งปกป้องหลินเทียนโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาต่อ
...........
ณ ตอนนี้ทั่วทั้งเมืองหลวงต่างฮือฮาเป็นอย่างมาก
จักรพรรดิองค์ใหม่ที่วางแผนจะประหารจี่หยวนฉานหลังการเดินขบวนได้ถูกเด็กอายุ 16 ปีขวางงานเอาไว้แถมยังสามารถชิงตัวจี่หยวนฉานไปได้ภายใต้จมูกของผู้เชี่ยวชาญเขตแดนผู้รอบรู้ถึง 3 คนแถมยังสังหารเหล็งเฟิงและต๊วนเหวินโปที่เป็นผู้สืบทอดสองตระกูลใหญ่ไปอีกทำให้ราชวงเสียหน้าเป็นอย่างมาก
"ผู้มีพรสวรรค์ไร้เทียมทาน ! "
หลายๆคนได้แต่พูดถึงเรื่องเหล่านี้
วันนี้เหล่าขุมพลังต่างๆในเมืองหลวงต่างตกตะลึงไปตามๆกันเพราะไม่คิดเลยว่าเด็กอายุ 16 ปีจะสามารถทำเรื่องแบบนั้นได้ , ขัดบัญชาของราชวงและเรียกได้ว่าตั้งตนเป็นศัตรูกับทั้งจักรวรรดิเลยก็ว่าได้
ตำหนักรวมสมบัติ
ดวงตาของซินเจิ้งเย่ได้เปล่งประกายออกมาพร้อมกับพูดว่า
"เกิดมาคุ้มค่าแล้วจริงๆ "
ซินเชิงหยุนที่อยู่ข้างๆเองก็ได้พูดออกมาด้วยท่าทางตื่นเต้นผสมกับกังวลว่า
"สมแล้วที่เป็นพี่เขย สุดยอดเกินไปแล้ว "
หลังจากที่รู้ข่าวว่าหลินเทียนยังมีชีวิตอยู่นั้นมันก็ทำให้เขามีความสุขอย่างมากแต่หลังจากที่ได้ยินเรื่องที่หลินเทียนชิงตัวจี่หยวนฉานไปต่อหน้าต่อตาจักรพรรดิองค์ใหม่แถมยังต้องการลอบสังหารนั้นมันทำให้เขาเป็นกังวลอย่างมาก
ซินเจิ้งเย่ได้หันหน้าไปมองซินเชิงหยุนพร้อมกับส่ายศีรษะกับคำพูดที่ว่า พี่เขย , แต่ถึงอย่างไรเขาเองก็คิดว่าหากหลินเทียนลงเอยกับซินเหยาได้จริงๆก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีมากๆแต่อย่างน้อยๆหลินเทียนก็ต้องรอดไปจากสถานการณ์ปัจจุบันก่อน
ราชวงมันสามารถลบหลู่ได้ที่ไหนกัน ?
...........
วันนี้ที่ตระกูลเหล็ง
"ไอ้ระยำ ! "
ผู้นำตระกูลเหล็งได้คำรามออกมาอย่างดัง
ตอนแรกก็เหล็งอี้ทงหลังจากนั้นก็เหล็งเฟิง ลูกชายทั้งสองของเขากลับถูกหลินเทียนสังหารจนหมดและเมื่อจ้องมองไปยังซากศพของเหล็งเฟิงในตอนนี้เขาก็ได้แต่คำรามออกมาด้วยดวงตาสีแดงก่ำ
"ท่านผู้นำตระกูลขอรับ เราได้ข่าวมาว่าไอ้สัตว์น้อยนั่นมันหลบอยู่ในคฤหาสน์เจ้าเมือง ! "
คนที่อยู่ข้างๆเขาได้รายงานออกมา
ผู้นำตระกูลเหล็งได้แต่ปลดปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างบ้าคลั่งก่อนที่จะคำรามออกมาว่า
"ไปเตรียมผู้เชี่ยวชาญเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 8 มาให้หมด ถึงอย่างไรก็ต้องฆ่าไอ้เด็กเวรนั่นให้ได้ ! ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม ! "