Divine King Of All Directions - 180
Divine King Of All Directions - 180
หลินเทียนได้มองกลับไปตรงหน้าผาน้ำตกที่อยู่ด้านหลังก่อนที่จะหันกลับมามองเจียงเหลินเหวินและคนอื่นๆด้วยสีหน้าที่เย็นชา
"ยอมจำนงแล้วตายซะดีๆ ! "
ต๊วนเหวินโปได้ส่งเสียงออกมา
เจียงเหลินเหวินเองก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่ดุร้ายออกมาก่อนที่จะฟาดฟันคลื่นกระบี่ออกไป
ผู้เชี่ยวชาญกว่าสิบคนเองก็ได้ก้าวออกไปทางหลินเทียน
ในเวลาเดียวกันนี้เส้นทางหนีทั้งหมดได้ถูกปิดเอาไว้หมดแล้ว
หลินเทียนได้แต่กวาดตามองไปรอบๆก่อนที่จะพบว่าเหนือศีรษะของเขาก็ยังมีสัตว์อสูรหลายตัวที่มีผู้เชี่ยวชาญตระกูลต๊วนขี่มันอยู่ในอากาศ
เขาได้หันกลับไปมองที่ผู้เชี่ยวชาญและเจียงเหลินเหวินด้วยสีหน้าที่ราบเรียบอีกครั้ง
"ชีวิตข้ามันเอาไปไม่ง่ายแบบนั้นหรอก ! "
หลินเทียนได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก
หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็ได้ก้าวถอยหลังกลับไปเรื่อยๆจนถึงขอบหน้าผาแล้วกระโดดลงไปทันที
พริบตานี้เองที่ร่างของเขาได้หายไปจากระยะสายตาของทุกคน
ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายเองก็ได้มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันทีเพราะพวกเขาไม่คิดเลยว่าหลินเทียนจะเคลื่อนไหวแบบนี้
"เขารู้อยู่แล้วว่าตัวเองต้องตายแต่ไม่อยากได้รับความอับอายดังนั้นถึงได้ฆ่าตัวตาย "
ต๊วนเหวินโปได้พูดออกมา
"ขี้ขลาด ! "
เจียงเหลินเหวินได้ส่งเสียงออกมาอย่างเย็นชา , การที่เขาไม่สามารถลงมือสังหารหลินเทียนด้วยตัวเองนั้นทำให้เขาไม่มีความสุขอย่างมาก
เขาได้แสยะออกมาก่อนที่จะเก็บกระบี่แล้วหันหลังเดินกลับไป
ต๊วนเหวินโปเองก็ได้แต่ส่ายศีรษะก่อนที่จะเดินจากไปพร้อมๆกับเหล็งเฟิง
เหล็งเฟิงได้จ้องมองลงไปยังน้ำตกด้านล่างพลางขมวดคิ้วด้วยความรู้สึกที่ยังไม่โล่งใจ , ถึงอย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้เขาเคยต้อนหลินเทียนเข้าไปในป่าพิษแต่มันก็ยังกลับออกมาอย่างไร้รอยขีดข่วนทว่าตอนนี้เขาก็ได้ส่ายศีรษะอีกครั้งเพราะว่าก่อนหน้านี้มันเป็นเพราะหลินเทียนมียาต้านพิษแต่การโดดในครั้งนี้หากไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดินภาแล้วจะรอดได้อย่างไรกัน ?
ผานี้ลึกมากๆ
"กลับกัน ! "
เขาได้พูดกับผู้เชี่ยวชาญตระกูลเหล็ง
"ได้ขอรับนายน้อย ! "
ผู้เชี่ยวชาญตระกูลเหล็งได้ตอบรับ
ผู้คนกว่าสิบพร้อมใจกันแยกย้ายกลับไป
.....................
เสียงลมกระแทกหูพร้อมกับภาพการดิ่งลงจากสวรรค์
หลินเทียนกำลังดิ่งลงด้วยความเร็วที่สูงขึ้นเรื่อยๆขณะที่เขารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดจากลมที่ต้านใบหน้าของเขา
เขาได้แต่กัดฟันก่อนที่จะเหวี่ยงกระบี่แทงไปยังหิน , ก่อนหน้านี้เขาพยายามกระโดดลงให้ใกล้กันขอบผาที่สุดเพื่อจะได้อาศัยการใช้กระบี่แทงพนังผาเพื่อลดความเร็วในการดิ่งลงจะได้มีโอกาสรอดชีวิตเพิ่มขึ้น
มันเป็นทางเลือกของเขาและหากคิดดูแล้วมันเป็นทางเลือกที่ถูกต้องมากๆเพราะว่าหากปะทะกันกับเหล่าผู้เชี่ยวชาญซึ่งๆหน้านั้นก็คงไม่มีหวังที่จะฝ่าออกไปได้แน่นอนแต่การกระโดดผาลงมานี้ยังพอจะมีโอกาสเอาตัวรอดอยู่บ้าง
"ซู้วววว ! "
เสียงลมต้านยังคงดังก้องอยู่ในหูขณะที่กระบี่ของเขาได้เหวี่ยงออกไป
กระบี่ยาวได้แทงเข้าไปในเนื้อผนังผาขณะที่ลากไปกว่า 30 เมตรก่อนที่จะหยุดลง
"โชคดีนะที่เป็นอาวุธวิญญาณขั้นสูงไม่งั้นคงไม่สามารถทนการใช้งานแบบนี้ได้ "
หลินเทียนได้พูดอยู่กับตัวเอง
หลังจากที่มองลงไปแล้วก็พบกับไอเย็นและเมื่อหันหน้ากลับขึ้นไปก็มองไม่เห็นอะไรแท้แต่น้อย ดูเหมือนว่าเขาดำดิ่งลงมาลึกมากๆ
"จะไต่กลับขึ้นไปหรือลงไปดี ? "
หลินเทียนได้แสดงสีหน้าที่ลังเลออกมา
หลังจากที่คิดอยู่หลายลมหายใจแล้วเขาก็ตัดสินใจที่จะลงไปด้านล่างเพราะการไต่กลับขึ้นไปมันเป็นปัญหามากๆและอีกอย่างคือเขาไม่แน่ใจว่าผู้เชี่ยวชาญนั้นกลับออกไปหรือยัง หากว่าพวกมันยังคงเฝ้าอยู่รอบๆก็จะเป็นปัญหากับเขามากๆแต่หากไต่ลงไปก็จะปลอดภัยกว่า
เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้แล้วเขาก็ไม่ลังเลเลยที่จะจับไปที่ผนังแล้วดึงกระบี่ออกมาเพื่อดำดิ่งลงไปอีกครั้ง , เขาอาศัยวิธีการแบบเดิมในการชะลอความเร็วลงเพื่อย่นระยะเวลาไต่ด้วยเช่นกัน
และไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนก่อนที่เขาจะพบแ งสะท้อนอยู่เบื่องล่าง
"ผิวน้ำ ? "
ดวงตาของเขาได้เป็นประกายขึ้นมาทันที
มีเพียงผิวน้ำเท่านั้นที่สะท้อนแสงแบบนั้น
หลินเทียนได้แต่แสดงสีหน้าที่มีความสุขออกมาเพราะว่าเมื่อเห็นการสะท้อนแบบนี้ก็แสดงให้เห็นว่าเขากำลังจะถึงก้นผาแล้ว
เขาได้ตั้งสติก่อนที่จะไม่ทำการชะลอความเร็วลงอีกแล้ว
"พุฟฟฟ ฉ่า.... "
น้ำสาดกระจายไปทั่วขณะที่ร่างของเขาได้ตกลงมากระแทกกับผิวน้ำ
หลินเทียนรู้สึกได้ว่าร่างกายของเขากำลังจมอยู่ในน้ำก่อนที่จะรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั้งตัวเหมือนร่างกายกำลังถูกห่อหุ้มไว้ด้วยน้ำแข็ง , เขาได้แต่รีบว่ายกลับขึ้นมาเหนือผิวน้ำด้วยร่างกายที่สั่นเทาเพราะความเย็น
"อะไรกันน่ะน้ำนี่ ? "
เขาได้ผงะไป
หากมองดูดีๆแล้วแอ่งน้ำนี้ก็ไม่ได้มีขนาดใหญ่หรือเล็กมากแต่อุณหภูมิของน้ำนี่มันเย็นจนน่ากลัว , ต้องรู้ก่อนนะว่าเขาอยู่ในเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 7 ซึ่งสามารถต้านทานความเย็นได้สูงมากและหากว่าเป็นคนธรรมดาก็คงจะตกตายลงไปแล้ว
เมื่อคิดถึงจุดนี้หลินเทียนก็ยังคงว่ายต่อไปจนถึงฝั่งอย่างรวดเร็ว
ณ ตอนนี้แอ่งน้ำได้เกิดการสั่นไหวขณะที่ห่างออกไปได้มีน้ำสาดกระจายออกมา
หลินเทียนรู้สึกเพียงแค่ว่าบรรยากาศโดยรอบเริ่มเย็นลงกว่าเก่าก่อนที่จะหันไปพบกับอสรพิษเยือกแข็งที่กำลังพุ่งออกมาจากผิวน้ำ
"อสรพิษเยือกแข็ง ! "
สีหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
มันเป็นสัตว์อสูรระดับ 7 ซึ่งมีระดับพลังเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญเขตแดนผู้รอบรู้ !
ใบหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปเป็นซีดเผือดขณะที่ความเร็วในการว่ายของเขาเพิ่มขึ้นก่อนที่จะรีบไปถึงฝั่งอย่างรวดเร็ว , เขาไม่กล้าจะอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้วพร้อมกับสำแดงทักษะก้าวย่างแห่งสวรรค์ออกมาเพื่อหนีไปจากจุดนี้
อสรพิษเยือกแข็งได้ส่งเสียงคำรามออกมาก่อนที่สายน้ำจะพุ่งไปทางหลินเทียน
ท่าทางของหลินเทียนเองก็เปลี่ยนไปอย่างมากก่อนที่จะสำแดงทักษะก้าวย่างแห่งสวรรค์ออกมาถึงขีดสุด
ณ ตอนนี้เขารู้ได้เลยว่าสายน้ำเหล่านั้นมันไม่ธรรมดา นั่นมันเป็นการโจมตีที่สัตว์อสูรระดับ 7 ส่งออกมาและสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 7 ธรรมดาๆได้อย่างสบายๆ , แค่เพียงเพราะว่าร่างกายของเขาแข็งแกร่งกว่าผู้เชี่ยวชาญระดับเดียวกันแต่ก็ไม่จำเป็นต้องลองพลังทำลายของการโจมตีนี้
มันได้ส่งเสียงร้องออกมาอีกครั้งก่อนที่บรรยากาศโดยรอบจะเย็นตัวลงกว่าเดิมหลายสิบเท่า
หลินเทียนรู้สึกปวดไปทั้งหูและไม่กล้าที่จะหยุดเคลื่อนไหวแม้แต่น้อยก่อนที่จะพยายามเคลื่อนที่ไปข้างหน้าให้เร็วที่สุด
และไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนที่กลิ่นอายของอีกฝ่ายได้เจือจางล เหมือนว่ามันไม่ได้ไล่ตามเขามาแล้ว
เขาได้หยุดเท้าลง
"ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมแอ่งน้ำนั่นถึงได้เย็นขนาดนั้น ที่แท้มันก็เป็นรังของสัตว์อสูรระดับ 7 นี่เอง "
เขาได้แต่คิดอยู่ภายในใจ
หลังจากที่สูดหายใจแล้วเขาได้กวาดตามองไปรอบๆเพื่อสำรวจสภาพพื้นที่และพบว่ามันไม่มีต้นไม้ใหญ่ ดอกไม้ ไม้เลื้อยหรืออะไรเลย พื้นที่โดยรอบมีสภาพเหมือนพื้นดินที่แห้งแล้งซึ่งเต็มไปด้วยลอยแตกของดิน , เขาได้ก้าวเดินออกไปด้านหน้าเรื่อยๆก่อนที่จะหยุดเท้าลงด้วยท่าทางที่แข็งค้างไป
"นั่นมัน ............... "
เมื่อมองออกไปแล้วเขารู้สึกได้ถึงการไหลเวียนของพลังฉี
มันเป็นการไหลเวียนอ่อนๆซึ่งคนธรรมดาไม่สามารถสัมผัสได้อย่างแน่นอนแต่เขาสำเร็จเคล็ดวิชาหนึ่งวิญญาณสวรรค์ถึงได้สามารถส่งจิตสัมผัสออกไปได้
"ลองไปดูหน่อยแล้วกัน"
เขาได้พูดอยู่กับตัวเอง
หลังจากที่ลังเลอยู่เล็กน้อยเขาก็ได้ก้าวออกไปช้าๆ
ยิ่งเขาเข้าใกล้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่าอุณหภูมิโดยรอบค่อยเพิ่มสูงขึ้นเหมือนด้านหน้าเขามีเพลิงนรกอยู่และทำให้เขารู้สึกระมัดระวังอย่างมากทว่าก็ไม่ได้ทำให้เขาหยุดเคลื่อนไหว
ไม่นานเสื้อผ้าของเขาก็ได้ชโลมไปด้วยหยาดเหงื่อมากมาย
ท้ายที่สุดหลังจากที่ผ่านไปไม่กี่ลมหายใจเขาก็ได้หยุดเท้าลง
"นั่นมัน ? "
เมื่อจ้องมองออกไปแล้วนัยน์ตาของเขาก็อดไม่ได้ที่จะหดเล็กลงโดยทันที
ตอนนี้เขาพบว่าที่ผนังหินด้านหน้านั้นมีรอยแยกอยู่ซึ่งรอบๆรอยแยกนั้นต่างดำเป็นถ่านเหมือนถูกบางอย่างเผาด้วยเพลิงนรกและเมื่อมองออกไปตรงใจกลางของมันแล้วก็จะพบว่ามีกลุ่มความร้อนขนาดพอๆกับกำปั้นอยู่ภายใน
เขาได้แต่หยุดยิ่งพร้อมกับจ้องมองออกไปด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
"คริสตัลเพลิง ? "
เขาได้แต่พูดอยู่กับตัวเอง
มันเป็นคริสตัลเพลิง ! มันเป็นคริสตัลเพลิงที่ก่อเกิดจากการรวมตัวกันของไอความร้อนของโลกที่ไม่ได้บ่มพลังฉีเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงพลังความร้อนที่รุนแรงซึ่งถือได้ว่าเป็นสมบัติในสมบัติอีกที หญ้าวิญญาณสีฟ้าก่อนหน้านี้มันไม่ค่าเลยด้วยซ้ำหากเทียบกับของชิ้นนี้
"ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมสภาพโดยรอบถึงได้แห้งแล้งแบบนี้ ที่แท้ก็เพราะมันนี่เอง "
หลินเทียนได้วิเคราะห์อยู่ภายในใจ
อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาได้แต่จ้องมองไปด้านหน้าด้วยความรู้สึกตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด
มันเป็นสมบัติ !
เมื่อตั้งสติได้แล้วเขาก็ไม่ลังเลเลยที่จะก้าวเข้าไปหามัน
มันเป็นสมบัติที่ก่อเกิดจากธรรมชาติซึ่งกักเก็บพลังฉีและพลังเพลิงเอาไว้อย่างมหาศาลและไม่ได้เป็นเหมือนกับหญ้าวิญญาณสีฟ้าดังนั้นด้วยกลิ่นอายความร้อนที่แผดออกมานั้นจึงทำให้ร้อยข้างไม่มีการคงอยู่ของสัตว์อสูรและทำให้เขาไม่ต้องระมัดระวังอะไร
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้เดินเข้าไปเรื่อยๆ
ระหว่างที่กำลังเข้าไปใกล้ขึ้นนั้นเขาก็รู้สึกเพียงแค่ความร้อนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนทำให้ผิวหนังของเขาเริ่มแดงขึ้นแถมเลือดที่อยู่ภายในร่างเองก็เดือดปุดๆด้วยความรู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัว
"บึ้สสสสส ! "
ทันใดนั้นเองที่กางเกงของเขาได้ถูกเผาจนวอด
สีหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปทันทีก่อนที่จะรีบก้าวถอยกลับมาเพื่อดับไฟที่หว่างข้า
"เข้าใกล้ยากจริงๆ "
เขาได้จ้องมองออกไปและอดที่จะยิ้มอย่างขมขื่นออกมาไม่ได้ ระยะห่างระหว่างเขาและคริสตัลเพลิงนั้นอยู่เพียงไม่กี่สิบเมตรทว่าด้วยความร้อนนี้ส่งผลให้เสื้อผ้าของเขาไหม้เป็นจุณ , หากว่าเข้าไปใกล้กว่านี้มีหวังคงโดยเผาไม่เหลือซากและมันทำให้เขาได้แต่โกรธจัด