Divine King Of All Directions - 173
Divine King Of All Directions - 173
ฮานเฮอได้แต่แสดงสีหน้าที่น่าเกลียดออกมาเพราะว่าสำนักเป่ยหยานนั้นถือเป็นสำนักระดับสูงสุดในจักรวรรดินี้แต่ตระกูลเจียงกลับกล้าที่จะส่งคนเข้ามาลอบสังหารซึ่งถือเป็นการดูหมื่นศักดิ์ศรีของทางสำนักอย่างมาก
"หลินเทียน เรื่องนี้ปล่อยให้พวกเราจัดการเอง เจ้าก็พยายามบ่มเพาะไปแล้วกัน "
ฮานเฮอได้พูดออกมา
"แล้วจะจัดการอย่างไร ? "
หลินเทียนได้ถามออกมา
เมื่อได้ยืนคำถามของหลินเทียนแล้วพวกเขาก็ได้แต่เงียบไป
เขาไม่ได้ถามอะไรต่อเพราะรู้ดีว่าฮานเฮอและหลุยหลานมันทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว อย่างมากก็ทำได้แค่การเตือนตระกูลเจียงเท่านั้น
"เชิญผู้อาวุโสทั้งสองกลับ "
เขาได้พูดออกมา
ฮานเฮอและหลุยหลานต่างถอนหายใจออกมาก่อนที่จะเดินออกไปด้านนอกแล้วแบกเอาร่างไร้วิญญาณไปด้วย
ผู้คนมากมายที่อยู่ๆรอบนอกต่างให้ความสนใจกับที่พักของหลินเทียนเป็นอย่างมาก
"ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นฝีมือของเจ้าคนโหดนั่นนะ แต่ชายวัยกลางคนนั้นเป็นใครกัน ? "
"เดายากตรงไหน ? ก่อนหน้านี้เพิ่งเกิดเรื่องอะไรไปล่ะ ? "
"ก่อนหน้านี้...."
หลายๆคนได้ขมวดคิ้วพร้อมกับพูดออกมาด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปว่า
"ตระกูลเจียง ? "
"น่าจะ"
"นี่มัน.........อวดดีเกินไปไหม ? "
"ใครใช้ให้ที่ตระกูลของพวกเขามีคนที่ได้เข้าร่วมกับนิกายกันล่ะ ไม่อวดดีก็คงไม่ใช่แล้ว "
ผู้คนโดยรอบต่างแสดงความคิดเห็นออกมา
หลายๆคนได้จ้องมองไปทางที่พักของหลินเทียนพลางสูดหายใจเข้าลึกไปตามๆกันไม่ได้
"เป็นคนที่น่ากลัวจริงๆ "
หนึ่งในพวกเขาได้พูดออกมา
หลินเทียนเองก็ได้ยินเสียงสนทนาของพวกเขาดีแต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรแล้วเริ่มเช็ดคราบเลือดในบ้านเพราะถึงอย่างไรก็ตามที่นี่มันก็เป็นที่อยู่ของเขาถึงต้องจัดการกับคราบตามพื้นให้สะอาด
หลังจากที่เก็บกวาดเสร็จเรียบร้อยแล้วเขาก็ได้เปิดการทำงานของข่ายอาคมรวมพลังวิญญาณทั้ง 2 ม้วนโดยทันที
"บึ้ส ! "
พลังฉีได้ห่อหุ้มร่างกายของเขาเอาไว้อย่างรวดเร็ว
เมื่อผ่านไปได้ 4 ชั่วโมงแล้วก็ได้ยินเสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่ร่างๆหนึ่งจะวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
"พี่เขย ! พี่เขย !"
น้ำเสียงที่คุ้นเคยได้ดังขึ้น
หลินเทียนลืมตาของเขากลับขึ้นมาก่อนที่จะพบกับซินเชิงหยุนที่อยู่ด้านหน้า
"มีเรื่องอะไรถึงได้กระวนกระวายแบบนั้น ? "
หลินเทียนได้ถามออกมา
ซินเชิงหยุนได้ตอบกลับไปว่า
"ข้ามาที่นี่ก็เพราะว่าข้าได้ยินว่าท่านสังหารชายวัยกลางคนไป มันเป็นคนของตระกูลเจียง ? "
หลินเทียนได้พยักหน้าตอบ
"แม่เจ้า ! ไอ้ตระกูลนี้มันกล้าส่งคนเข้ามาในสำนักเลยงั้นรึ "
ซินเชิงหยุนได้พูดออกมาด้วยความโกรธก่อนที่จะจ้องมองกลับไปทางหลินเทียนแล้วพูดต่อด้วยท่าทางตกตะลึงว่า
"นี่พี่เขย คนที่ตระกูลเจียงส่งมาก็ไม่น่าจะอ่อนแอเพราะพี่เป็นคนที่สามารถทำให้เจียงเหลินเหวินบาดเจ็บหนักได้ พวกมันน่าจะส่งผู้เชี่ยวชาญเขตแดนชีพจรเทวะตอนปลายมาใช่ไหม ? "
"โอ้เจ้าหนูซินฉลาดจริงๆ "
หลินเทียนได้หยอกล้อออกมา
"แน่นอนว่าข้าฉลาดอยู่แล้ว "
ซินเชิงหยุนได้กรอกตาของเขาก่อนที่จะพูดต่อว่า
"ไหนว่ามาหน่อยสิว่าท่านจัดการกับมือสังหารเขตแดนชีพจรเทวะตอนปลายที่เข้ามาลอบสังหารในยามค่ำคืนได้อย่างไรกัน ? "
"ใช้มีดสั้นไง "
หลินเทียนได้ตอบกลับไป
ซินเชิงหยุนได้แสดงสีหน้าที่จริงจังออกมาก่อนที่จะพูดว่า
"พี่เขยตอบข้าดีๆสิ ! "
หลินเทียน
"............"
"ฆ่ายังไง ! นั่นน่ะมันผู้เชี่ยวชาญเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 9 ตอนปลายเลยนะ "
ซินเชิงหยุนได้ตั้งคำถามออกมา
หลินเทียนได้แต่ตอบกลับด้วยสีหน้าที่หมดหนทางว่า
"ก็ใช้มีดสั้นไง ! อย่าถามเถอะ เอางี้ ในที่พักของข้าถ้าไม่ใช่เขตแดนผู้รอบรู้บุกมาก็ต้องตายทั้งหมด "
ซินเชิงหยุนได้ผงะไปก่อนที่จะพูดว่า
"ถึงว่าจะไม่เข้าใจแต่รู้สึกว่ามันสุดยอดมากๆ ! "
หลินเทียน
".........."
เมื่อเงียบไปพักหนึ่งเขาก็ได้หยิบเอาข่ายอาคมรวมพลังวิญญาณหลายม้วนออกมาส่งให้ซินเชิงหยุนพลางพูดว่า
"นับจากวันนี้ก็ไม่ต้องมาที่นี่ในตอนเย็นแล้ว กลับไปบ่มเพาะพลังที่บ้านซะ เจ้าเก็บข่ายอาคมพวกนี้เอาไว้และมันน่าจะเพียงพอสำหรับครึ่งเดือน เจ้าน่าจะได้ตัดผ่านไปเขตแดนชีพจรเทวะเสียที "
ซินเชิงหยุนได้รับม้วนอาคมมาก่อนที่จะขมวดคิ้วแล้วพูดว่า
"แต่หากข้าไม่อยู่ท่านก็เหงาแย่สิ "
หลินเทียนได้แต่ทำหน้าบูดก่อนที่จะตะโกนออกมาว่า
"ไสหัวไปเลย !"
.............
บ้านหลักตระกูลเจียง , เมืองหลวง
"ระยำ ! "
ผู้นำตระกูลเจียงที่อยู่ภายในห้องโถงนั้นมีสีหน้าที่ดุร้ายอย่างมากเพราะว่าตอนนี้บนพื้นห้องมีร่างของชายวัยกลางคนที่เขาส่งไปลอบสังหารหลินเทียนถูกวางเอาไว้แถมฮานเฮอและหลุยหลานยังทิ้งท้ายคำพูดเอาไว้ว่า......... อย่าให้มันมากเกินไป !
ผู้นำตระกูลเจียงไม่คิดเลยว่าผู้เชี่ยวชาญเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 9 ตอนปลายกลับถูกสังหารโดยผู้เชี่ยวชาญเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 6 ! ระดับพลังของชายวัยกลางคนนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลยซึ่งถือว่าเป็นคนที่มีค่าของทางตระกูลแต่ตอนนี้กลับตกตายไปแล้วถึงได้ทำให้ความแข็งแกร่งของตระกูลเขาลดลง
"แล้วเราจะเอาอย่างไรดีล่ะท่านผู้นำตระกู, ? ทางฝั่งสำนักเป่ยหยานเองก็......"
มีคนหนึ่งถามออกมา
"สำนักเป่ยหยานมันทำไม ! ต่อให้เป็นทางราชวงก็ไม่กล้าทำอะไรตระกูลข้า ! อย่างไรก็ต้องฆ่าไอ้สัตว์น้อยนี่ ! "
ผู้นำตระกูลเจียงได้แสยะออกมาด้วยดวงตาที่เย็นยะเยือก
"แต่ช่วงนี้ก็ไว้หน้าทางสำนักหน่อยแล้วกัน เราสืบสวนเรื่องของมันให้ถี่ถ้วนก่อนแล้วครั้งหน้าจะได้ไม่พลาด !"
"ขอรับ "
มีเสียงตอบรับดังขึ้น
.............
ซินเชิงหยุนได้ออกไปจากที่พักของหลินเทียนซึ่งหลังจากนั้นหลินเทียนก็ได้พักผ่อนอยู่ 4 ชั่วโมงแล้วมุ่งหน้าไปทางลานฝึกอย่างรวดเร็ว
ครั้งนี้เขายังคงต้องการเข้าไปในถ้ำข่ายอาคมสังหารเช่นเดิม
"บึ้ส ! "
เมื่อเข้าไปแล้วภายในก็ได้เปล่งแสงออกมาก่อนที่ร่างโคลนของเขาจะปรากฏออกมาตรงหน้า
หลังจากที่มันก่อตัวเป็นร่างแล้วก็ได้กระโจนเข้าใส่เขาโดยทันที
ท่าทางของหลินเทียนในตอนนี้ยังคงราบเรียบก่อนที่จะเคลื่อนที่ออกไป
กระบี่ได้ปรากฏขึ้นในมือของร่างโคลนก่อนที่กระบี่ของทั้งสองจะปะทะเข้าใส่กันและกันทำให้เกิดเสียง แกร๊ง แกร๊ง แกร๊ง ออกมา , นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของหลินเทียนที่ต้องสู้กับร่างโคลนของตัวเองดังนั้นตอนนี้เขาถึงได้พยายามหาจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้าม
ครั้งนี้เขาไม่รีบลงมือสังหารอีกฝ่ายแต่กลับใช้เวลาปะทะกันนานกว่า 4ชั่วโมงซึ่งหลังจากที่เขาได้กวัดแกว่งกระบี่ออกไปแล้วก็พบว่าได้มีคลื่นกระบี่สายฟ้าปรากฏขึ้นด้านหลังตัวเองก่อนที่จะพุ่งแทงไปยังร่างโคลนของเขา
เวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วก่อนที่ไม่นานร่างโคลนของเขาจะสลายหายไป
"ทักษะโจมตีและเคลื่อนไหวได้พัฒนาขึ้นอีกขั้น ทุกครั้งที่ใช้ทักษะต่างๆก็จะผลาญพลังฉีน้อยลงแถมการควบคุมมันยังง่ายขึ้น "
เขาได้พูดกับตัวเอง
หลังจากที่ออกมาจากข่ายอาคมสังหารแล้วก็ได้ตรงไปยังวังน้ำวนอีกครั้ง เขาเอาร่างตัวเองจุ่มลงไปในน้ำเย็นฉ่ำเพื่อที่จะเสริมความแข็งแกร่งของร่างกายก่อนที่ระยะห่างระหว่างเขากับจุดแกนหลังเหลืออยู่เพียงแค่ 90 เมตรเท่านั้นและนี่ก็ทำให้ผู้คนที่อยู่โดยรอบต่างแสดงสีหน้าที่โง่งมออกมาตามๆกัน
"นั่นคือเจ้าศิษย์ใหม่หลินเทียน ? "
"ร่างกายของเขานี่มัน.."
"ผิดมนุษย์เกินไปแล้ว ! "
หลายๆคนได้แต่ส่ายศีรษะไปตามๆกัน
หลังจากที่ผ่านไปอีก 6 ชั่วโมงนั้นหลินเทียนก็ได้เดินออกมาจากวังน้ำวนพร้อมทั้งรีบกลับไปยังที่พักตัวเอง , เมื่อพักผ่อนเสร็จแล้วเขาก็ได้ตื่นขึ้นอีกครั้งเพื่อที่จะเตรียมรับมือกับการลอบสังหารของตระกูลเจียงในตอนกลางคืน เมื่อถึงช่วงเย็นแล้วเขาก็ได้เปิดการทำงานของข่ายอาคมรวมพลังวิญญาณเพื่อบ่มเพาะพลัง
ไม่นานก็ได้ผ่านไปอีก 5 วัน
วันนี้หลินเทียนได้รีบตื่นขึ้นแต่เช้าเพื่อมุ่งหน้าไปยังลานฝึกแล้วเข้าไปในถ้ำรวมพลังฉีเพราะเดือนใหม่ได้มาถึงแล้วดังนั้นถึงได้สิทธิฝึกเพิ่งของเดือนนี้และเขาคิดไว้ว่าจะใช้โควต้าให้หมดทีเดียวทั้ง 10 วันเลย , แต่ละวันเขาจะใช้เวลาอยู่ภายในนี้ 12 ชั่วโมงเพื่อที่จะก่อจุดชีพจรเทวะจุดที่ 7 โดยอาศัยที่นี่ หญ้าวิญญาณสีฟ้าและข่ายอาคมรวมพลังวิญญาณช่วย , เขาจะต้องตัดผ่านไปสู่เขตแดนชีพจรเทวะระดับ 7 ให้ได้ !
"เห้อ ! "
เมื่อตั้งสติได้แล้วหลินเทียนก็ได้เปิดข่ายอาคมรวมพลังวิญญาณม้วนที่ 3 เพื่อเริ่มการก่อจุดชีพจรเทวะที่ 7
ระหว่างที่ข่ายอาคมกำลังทำงานอยู่นั้นพลังฉีโดยรอบต่างหนาแน่นขึ้นอย่างมากทว่าศิษย์ตำหนักในที่เข้าใช้อยู่ในถ้ำอื่นๆอีก 9 ถ้ำต่างแสดงสีหน้าที่แปลกประหลาดออกมา
"รู้สึกเหมือนพลังฉีมันลดน้อยลง ? "
หนึ่งในผู้ใช้ได้พูดออกมา
เขาได้ส่ายศีรษะก่อนที่จะพยายามบ่มเพาะอย่างตั้งใจอีกครั้งเพราะว่าที่นี่มีเวลาจำกัดดังนั้นถ้าจะเอาเวลามานั่งสนใจกับเรื่องพลังฉีที่เบาบางลง สู้เอาเวลาไปใช้บ่มเพาะอย่างตั้งใจดีกว่า
ณ ตอนนี้หลินเทียนที่อยู่ภายในเองก็ได้ถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยพลังฉีที่หนาแน่น
"บึ้สสส ! "
แสงสีเงินเข้มได้เปล่งออกมาจากร่างของเขาขณะที่หลินเทียนยังคงหลับตาของเขาเอาไว้ , จุดชีพจรเทวะจุดที่ 7 ที่เขาเลือกนั้นคือจุดระหว่างศีรษะลงไปที่อวัยวะภายในและตอนนี้หลังจากที่ใช้ประโยชน์จากพลังฉีอันหนาแน่นแล้วเขาก็ได้เริ่มเชื่อมต่อจุดพลังต่างๆเขาด้วยกัน
ไม่นานก็หมดวัน
"ก่อได้ประมาณ 1/12 ส่วนแล้ว หากว่ารวมกับหญ้าวิญญาณสีฟ้าด้วยก็น่าจะใช้เวลา 10 วันพอดีในการตัดผ่าน ! "
หลินเทียนได้พูดออกมาด้วยประกายตาที่เปลี่ยนไป
หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็ได้เดินออกนอกถ้ำไปอย่างรวดเร็ว
............
ช่วงเวลาหลังจากนั้นเขามักจะหมกตัวอยู่ภายในถ้ำรวมพลังฉีเพื่อที่จะก่อจุดชีพจรเทวะจุดต่อไปของเขา เมื่อผ่านไปถึงวันที่ 10 แล้วตอนนี้จุดชีพจรเทวะจุดที่ 7 ของเขาก็ได้ก่อตัวขึ้น 9/10 ส่วนแล้ว
"อีกนิดเดียวเท่านั้น "
หลินเทียนได้พูดกับตัวเอง
ณ ตอนนี้เองที่เขาได้หยิบเอาหญ้าวิญญาณสีฟ้าออกมาจากแหวนมิติ
เขาไม่ลังเลเลยที่จะโยนมันใส่ปากเพื่อเคี้ยวแล้วกลืนลงท้องไป
ในตอนนี้เองที่พลังฉีที่รุนแรงได้ปะทุออกมาจากร่างของเขา
"เริ่มได้ ! "
ประกายตาของหลินเทียนได้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
เคล็ดวิชาซือจี่ได้หมุนวนอย่างบ้าคลั่งขณะที่เขาพยายามถ่ายเทพลังฉีทั้งหมดไปที่จุดชีพจรเทวะที่ 7 ของเขา , ขั้นตอนเหล่านี้เต็มไปด้วยความเจ็บปวดแต่สำหรับเขาแล้วมันก็ไม่ถือว่ารู้สึกอะไรด้วยซ้ำ สีหน้าของเขายังคงราบเรียบขณะที่เริ่มเชื่อมต่อจุดต่างๆเข้าด้วยกัน
ไม่นานกลิ่นอายของเขาก็เริ่มแข็งแกร่งขึ้นและแข็งแกร่งขึ้น
"โครม ! "
ผ่านไปได้ 4 ชั่วโมงก่อนที่พลังมหาศาลจะปะทุออกมาจากร่างของเขา
หลินเทียนได้ลืมตาที่เป็นประกายสีเงินกลับขึ้นมา
"เขตแดนชีพจรเทวะระดับ 7 "
เขาได้พูดกับตัวเอง
หลังจากที่ตั้งสติแล้วเขาก็ได้หลับตาลงอีกครั้งเพื่อที่จะดูดกลืนพลังฉีส่วนที่เหลือของหญ้าวิญญาณสีฟ้าเพื่อทำให้รากฐานมั่นคงขึ้น