Divine King Of All Directions - 163
Divine King Of All Directions - 163
เจียงเหลินเหวินนั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมากแถมศักยภาพยังเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบและสิ่งที่สำคัญที่สุดคือยังมีนิกายคอยหนุนหลังอยู่อีกซึ่งในความคิดของซินเชิงหยุนแล้วการที่หลินเทียนไปล่วงเกินอีกฝ่ายนั้นเขาก็ไม่รู้ว่าควรจะให้กำลังใจอย่างไรดีแม้ว่าหลินเทียนจะตัดผ่านเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 6
"ไม่ต้องกังวลไปหรอก เชื่อใจข้าเถอะ "
หลินเทียนได้พูดออกมา
"ข้าเชื่อใจท่านเหมือนกับที่เชื่อในตัวพี่สาวข้าอยู่แล้ว แน่มันเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายมันแข็งแกร่งเกินไป "
ซินเชิงหยุนได้พูดออกมา
หลินเทียนได้แต่ส่ายศีรษะพร้อมทั้งแสดงสีหน้าที่ไม่สนใจอะไร
หลังจากนั้นเขาได้หยิบเอาหญ้าวิญญาณสีฟ้าต้นสุดท้ายออกมาส่งให้ซินเชิงหยุนพลางพูดว่า
"ยังเหลืออยู่ต้นนึง เจ้าเก็บไว้ดูดกลืนแล้วกันน่าจะเพียงพอตัดผ่านเขตแดนชีพจรเทวะได้ "
ซินเชิงหยุนได้มองออกไปพลางส่ายศีรษะของเขา
"เป็นอะไรไป ? "
หลินเทียนได้ถามออกมาด้วยท่าทางประหลาดใจ
ซินเชิงหยุนได้ตอบกลับไปว่า
"อย่างน้อยยังเหลือก็ยังดี พี่เขยเก็บเอาไว้แบบนี้แล้วอย่างน้อยก็น่าจะพอบรรเทาความโกรธของเจียงเหลินเหวินได้บ้าง เจ้านั่นมันน่ากลัวมากขนาดจักรพรรดิยังกลัวมันเลย"
"เอาหน่า ข้าไม่สนใจหรอก "
หลินเทียนได้พูดออกมา
"แต่ข้าสนใจ ! พี่สาวข้าเองก็สนใจเหมือนกัน ! อย่างน้อยๆก็ยังพอเหลือความหวังเอาไว้ได้บ้างและหากพี่ข้ารู้ว่าข้าเป็นคนดูดกลืนความหวังอันริบหรี่นี้ไปแล้วพี่ข้าต้องกระทืบข้าตายแน่ๆ พี่สาวข้าเองก็ดุร้ายมากๆนะ ! "
ซินเชิงหยุนได้พูดออกมา
หลินเทียนเองก็ถึงกับหมดคำพูดไปและไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อดี
ท้ายที่สุดเขาก็เก็บหญ้าวิญญาณสีฟ้ากลับไป
"พี่เขย เราจะกลับกันเลย ? "
หลินเทียนได้ส่ายศีรษะของเขาพร้อมทั้งพูดว่า
"ยังก่อน ข้าว่าจะอยู่ต่ออีกสักพักเพื่อปรับสภาพรากฐานบ่มเพาะให้เข้าที่เสียก่อน "
เขาคิดว่าใช้เวลาเพียง 2 เดือนแล้วตัดผ่านนี่มันเร็วเกินไปหน่อย
"ได้ !"
ซินเชิงหยุนได้พยักหน้าตอบ
ให้พูดตามตรงแล้วเขาไม่อยากจะกลับไปที่สำนักเช่นกันเพราะว่ามันคงไม่ใช่เรื่องที่ดีเท่าไหร่นัก
หลินเทียนเองก็พอเดาความคิดเขาได้ก่อนที่จะเดินไปแตะไหล่เขาแล้วพูดว่า
"ไม่ต้องไปคิดมากหรอก "
หลังจากนั้นเขาและซินเชิงหยุนก็ได้มุ่งหน้ากับต่อไปเพื่อค้นหาสัตว์อสูรในป่าลึก
"พี่เขย ท่านระวังด้วยนะ "
ซินเชิงหยุนได้ส่งเสียงกระซิบออกมาเพราะว่าในช่วงหลายวันมานี้หลินเทียนเอาแต่ต่อสู้กับสัตว์อสูรระดับ 5 ขึ้นไปทั้งนั้นและมันทำให้เขารู้สึกกลัว
"ไม่มีอะไรหรอก "
หลินเทียนได้พูดออกมา
ผ่านไปอีก 2 ชั่วโมง .....
"โครม ! "
หลินเทียนได้พบเข้ากับสัตว์อสูรระดับ 6 ดังนั้นถึงได้กระโจนเข้าใส่มันทันที
ซินเชิงหยุนได้แต่หลบอยู่ห่างๆพร้อมกับมองไปรอบๆพื้นที่ๆเต็มไปด้วยกลิ่นอายอสูรอันเข้มข้นก่อนที่จะมองไปยังฉากการต่อสู้ของหลินเทียนที่ทำให้เขาเหงื่อตกเพราะว่ามันมีพลังเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 7 ตอนปลาย !
หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงร้องอันน่าสังเวชถูกส่งออกมาก่อนที่จะล้มกระแทกลงกับพื้น
"ชำแหละเอาแก่นมัน "
หลินเทียนได้พูดออกมา
สัตว์อสูรระดับ 6 มดสายฟ้า , หลังจากที่เผชิญหน้ากับมันแล้วเขาก็ได้อาศัยทักษะหมัดสังหารเพื่อปลิดชีวิตมันอย่างรวดเร็ว
"พี่เขย ! ไหนว่าจะไปเรื่อยๆไง ! ทำไมถึงได้มองหาแต่สัตว์อสูรระดับ 6 กัน ! "
ซินเชิงหยุนได้แต่แสดงสีหน้าที่เปลี่ยนไป
หลินเทียนได้พูดออกมาว่า
"ข้าอยู่ในเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 6 แล้วดังนั้นการที่มองหาสัตว์อสูรระดับ 6 ที่มีพลังเทียบเท่าเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 7 เพื่อฝึกทักษะก็ถือเป็นเรื่องธรรมดาๆมากๆ ? "
ซินเชิงหยุน
"..........."
หลังจากที่เงียบไปเขาก็ได้พูดออกมาว่า
"พี่เขย ข้าว่าท่านเชี่ยวชาญทักษะก่อนหน้านี้ขึ้นมากแล้วนะ "
ในช่วงนี้เขามักจะได้เห็นทักษะหมัดสังหารของหลินเทียนอยู่บ่อยๆดังนั้นถึงได้ทำความเข้าใจกับมันแล้ว
"ตอนนี้ข้าสามารถฝึกฝนมันได้ 70% แล้วล่ะ "
หลินเทียนได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
"70% ? เร็วขนาดนั้นเลย ? นี่มันเป็นทักษะระดับสูงเขตแดนชีพจรเทวะเลยนะ ! "
ซินเชิงหยุนได้พูดออกมาด้วยท่าทางที่ตกตะลึง
หลินเทียนได้ยิ้มตอบพลางพูดว่า
"อื้ม "
ตอนนี้เขาสามารถควบคุมการถ่ายเทพลังฉีได้ระดับหนึ่งเพราะถึงอย่างไรก็ตามเขาก็เชี่ยวชาญทักษะนี้ได้เพียงแค่ 70% เท่านั้นแถมหลังจากที่ถ่ายเทพลังออกไปยังอวัยวะต่างๆแล้วก็ยังทำให้เขารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอยู่
หลังจากนั้นเขาก็ยังคงมุ่งหน้าเข้าไปในพื้นที่ส่วนลึกต่อ
"โครม ! "
การต่อสู้ได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง
เพื่อที่จะปรับสภาพรากฐานเขาถึงได้เลือกเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรระดับ 6 เท่านั้นและตอนนี้ก็รู้สึกได้ว่าจิตสัมผัสของตัวเองกล้าแกร่งขึ้นอย่างมาก
ไม่นานก็ได้ผ่านไปกว่าครึ่งเดือนอย่างรวดเร็ว
วันนี้หลินเทียนและซินเชิงหยุนก็ได้มาถึงสุดเขตทางออกของป่าสัตว์อสูร
"ในที่สุดก็ได้ออกมาแล้ว ! "
ซินเชิงหยุนได้แต่สูดหายใจเข้าลึกเพื่อระบายความรู้สึกออกมา การที่ต้องหาประสบการณกับหลินเทียนอยู่กว่าครึ่งเดือนนั้นเขารู้สึกตื่นเต้นและหวาดกลัวในเวลาเดียวกันเพราะว่าหลินเทียนมักจะเลือกคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่าอย่างสัตว์อสูรระดับ 5 – 6 เสมอแถมนี่ยังไม่นับรวมที่หลินเทียนได้ไปปะทะเข้ากับสัตว์อสูรระดับ 6 ตอนปลายที่มีพลังเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 9 อีกด้วย ตอนนั้นเขาแทบจะหยุดหายใจแต่ยังโชคดีที่พากันหนีออกมาได้
หลินเทียนได้ยิ้มออกมาพร้อมกับพูดว่า
"ไปกัน เรากลับไปที่ๆพักกันเถอะ "
เก็บเกี่ยวประสบการณ์มากว่าครึ่งเดือนมันทำให้ระดับพลังของเขาสมดุลอย่างสมบูรณ์แถมทักษะหมัดสังหารของเขายังเชี่ยวชาญได้กว่า 80% แล้วอีกด้วย
ไม่นานพวกเขาก็ได้กลับไปถึงสำนักเป่ยหยาน
หลังจากที่เดินเข้าไปแล้วก็พบว่าสายตาที่ผู้คนมองมาทางเขาแปลกมากๆแถมยังมีหลายคนกระซิบกัน
"เจ้าหลินเทียนนั่นกลับมาแล้ว !"
"ครั้งนี้ซวยของเจ้านี่แล้วล่ะ "
"อื้ม ก็เล่นไปล่วงเกินชายคนนั้นหนิ "
หลายๆคนได้แสดงความคิดเห็นกันออกมา
ตอนนี้ระดับพลังของหลินเทียนสูงมากๆดังนั้นถึงสามารถได้ยินบทสนทนาของพวกเขาแม้มันจะเบามากก็ตามและมันก็ทำให้เขาได้แต่ขมวดคิ้วออกมา
"เป็นอะไรไปรึพี่เขย ? "
ซินเชิงหยุนได้ถามออกมา
"เปล่าหรอก "
หลินเทียนได้ส่ายศีรษะกลับไป
ซินเชิงหยุนได้มองไปรอบๆก่อนที่จะเงียบไปแล้วเข้าใกล้เขาพลางพูดด้วยเสียงกระซิบว่า
"นี่พี่ ข้ารู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีเท่าไหร่เลย ยิ่งไปกว่านั้นข้าว่าสายตาคนอื่นกำลังมองมาที่เราด้วยความรู้สึกสงสารยังไงแปลกๆ ? "
"ความรู้สึกของเจ้าถูกแล้ว "
หลินเทียนได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
หลังจากนั้นหลินเทียนก็ได้นำซินเชิงหยุนกลับไปยังที่พักของเขา
เมื่อเขาเพิ่งเปิดประตูเข้าไปได้ไม่นานซูโจวก็ได้รีบตามมาที่นี่อย่างรวดเร็ว
"เจ้าหนู ครั้งนี้กลาไปล่วงเกินเจียงเหลินเหวินงั้นรึ ! "
ซูโจวได้พูดออกมา
หลินเทียนไม่ได้สนใจแม้แต่น้อยแต่ซินเชิงหยุนได้ถามออกมาว่า
"ท่านอาจารย์รู้เรื่องนี้ด้วย ? "
"ไร้สาระ ! ทำไมข้าจะไม่รู้ ! ก่อนหน้านี้เมื่อสิบวันก่อนเจียงเหลินเหวินได้ประกาศให้หลินเทียนไปพบเขาเพื่อเอาของๆเขาไปคืน "
ซูโจวได้มองไปทางหลินเทียนพร้อมกับพูดออกมาด้วยสีหน้ากระวนระวายว่า
"เจ้าไปแย่งของๆเขามาจริงๆ ? "
หลินเทียนที่ได้ยินเช่นนั้นเองก็ได้ยิ้มออกมาพร้อมทั้งพูดด้วยสีหน้าดูถูกว่า
"ของมัน ? เอาคืนมัน ? "
"อื้ม ทำไม ? "
เมื่อเห็นท่าทางแบบนั้นของหลินเทียนแล้วซูโจวก็อดแสดงสีหน้าที่สงสัยออกมาไม่ได้
"มันเป็นแบบนี้ ...."
ซินเชิงหยุนได้อธิบายเรื่องราวทั้งหมดให้เขาได้ฟัง
หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้นแล้วซูโจวเองก็ได้แต่เงียบไป
"แล้วหญ้าวิญญาณสีฟ้านั่นล่ะ ? "
ซูโจวได้ถามออกมา
"ยังเหลือยู่ต้นนึง"
หลินเทียนได้ตอบกลับไป
ซูโวได้แตะไหล่ของเขาเอาไว้พร้อมกับพูดว่า
"เจ้าหนู แม้ว่าสิ่งที่ข้ากำลังจะพูดอาจทำให้เจ้ารู้สึกไม่พอใจแต่ ้าว่าเอาหญ้าวิญญาณสีฟ้านั้นไปให้เขาซะ อย่างน้อยๆเขาก็จะได้ปล่อยเจ้าไป "
หลินเทียนได้ขมวดคิ้วพร้อมกับพูดว่า
"แต่มันเป็นของๆข้า "
"ข้ารู้ แต่นั่นมันเจียงเหลินเหวินนะ ! "
ซูโจวได้พูดออกมา
"แล้วมันทำไม ? มันเป็นจักรพรรดิหรือไง ? ถึงได้สามารถสั่งให้ข้ามอบของๆข้าให้มันได้ ? "
หลินเทียนได้พูดออกมา
ซูโจวเองก็ได้แต่ฝืนยิ้มพลางตอบกลับไปว่า
"ข้ารู้นิสัยของเจ้าดีอยู่แล้ว ดูเหมือนว่าการมาของข้ามันเปล่าประโยชน์จริงๆ ทำตามใจเจ้าเถอะ "
หลังจากนั้นเขาก็ได้แต่ส่ายศีรษะพร้อมกับเดินจากไป
ไม่นานหลังจากทีเขาได้กลับไปแล้วฮานเฮอและหลุยหลานก็ตามกันมา
"หลินเทียน นี่มันเรื่องอะไรกัน ? เจ้าไปล่วงเกินเจียงเหลินเหวินได้ไง ? "
พวกเขามาถึงก็พูดประเด็นหลักออกมาทันที
เมื่อเห็นการมาถึงของทั้งคู่แล้วหลินเทียนก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
"ดูเหมือนว่าอำนาจของมันจะยิ่งใหญ่จริงๆเลยนะ "
ฮานเฮอได้ถามซ้ำต่อว่า
"นี่มันเรื่องอะไรกัน ? "
หลังจากนั้นหลินเทียนก็ได้อธิบายเรื่องราวต่างๆออกไปจนหมด
ใบหน้าของฮานเฮอและหลุยหลานได้หม่นหมองลงแต่ก็แนะนำแบบเดียวกับซูโจวพลางถามว่า
"ยังมีหญ้าวิญญาณสีฟ้าเหลืออยู่รึไม่ ? หากว่าคิดจะเอาไปมอบให้เขาพวกเราก็จะไปกับเจ้า ข้าเชื่อว่าเขาต้องไม่กดขี่เจ้าอย่างแน่นอน "
พวกเขามีความคาดหวังกับหลินเทียนมากดังนั้นถึงไม่อยากให้หลินเทียนได้รับอันตรายใดๆ
หลินเทียนได้จ้องมองไปทางพวกเขาและรู้ดีว่าพวกเขาหวังดีแต่ก็ยังคงส่ายศีรษะออกมา
จะให้เขาเอาของๆเขาไปมอบให้นี่มันเป็นไปไม่ได้ !
ฮานเฮอได้แต่พูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำว่า
"ตั้งแต่ก่อตั้งสำนักมามันมีกฎเหล็กอยู่ว่าห้ามสังหารศิษย์ร่วมสำนักก็จริงซึ่งเจ้าเองก็ได้ฆ่าคนไป 2 คนแล้วแต่อาศัยประโยชน์จากตรามังกรและคำขอร้องขององค์ชาย 9 ถึงได้รอดมาได้ไม่งั้นตอนนี้เจ้าก็ต้องตายจากบทสรุปของกฎนี้ "
ตรงนี้เองที่ฮานเฮอได้พูดออกมาว่า
"อย่างไรก็ตามเขานั้นต่างออกไปเพราะว่ากฎของทางสำนักไม่มีผลอะไรกับเขา เขาจะฆ่าใครในสำนักเราก็ได้และเราเองก็ไม่สามารถเอาความกับเขาและแม้แต่ทางราชวงเองก็ยังได้แต่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ข้าว่าเจ้าน่าจะเข้าใจที่ข้าจะสื่อใช่ไหม ? "
"หมายความว่าต่อให้มันลงมือสังหารข้าในสำนักนี้และพวกท่านรู้เห็นแต่ก็จะไม่หยุดยั้ง ?"
หลินเทียนได้ถามออกมาอย่างราบเรียบ
ฮานเฮอและหลุยหลานเองก็ไม่ได้หลบเลี่ยงอะไรพลางพยักหน้าออกมา
หลังจากที่ได้รับคำตอบจากทั้งคู่แล้วหลินเทียนก็ได้แต่ยิ้มตอบ
"ข้าก็ไม่อยากจะพูดว่านี่มันไม่ยุติธรรมเพราะว่าโลกนี้มันไม่มีอะไรที่ยุติธรรมอยู่แต่แรกแล้ว ข้าจะไม่บอกว่าสำนักนี้หนุนหลังเขาและไม่ได้จะเอาความอะไรแต่ข้าแค่อยากจะถามว่า........"
หลินเทียนได้จ้องมองไปทางฮานเฮอและหลุยหลานพร้อมทั้งพูดว่า
"แล้วหากว่าข้าจะฆ่าเขาล่ะ พวกท่านจะทำไง ? "