Divine King Of All Directions - 162
Divine King Of All Directions - 162
หลินเทียนและซินเชิงหยุนได้กลับออกไปจากพื้นที่นี้ก่อนที่จะเดินออกไปถึงพื้นที่โล่งกว้างและเมื่อเขามองไปยังสีหน้าที่เหม่อลอยของซินเชิงหยุนแล้วถึงได้อดหยุดฝีเท้าไม่ได้
"เป็นอะไร ? "
เขาได้ถามออกมา
ซินเชิงหยุนได้ตอบกลับไปว่า
"พี่เขย เราซวยแล้วล่ะ"
"เป็นเพราะเจียงเหลินเหวินนั่นน่ะรึ ? "
หลินเทียนได้พูดออกมา
"ใช่แล้ว เพราะเขานั่นแหละ "
ซินเชิงหยุนได้พยักหน้าของเขา
หลินเทียนได้มองไปทางเขาก่อนที่จะเงียบไปแล้วเดินไปนั่งพลางพูดว่า
"ไหนว่ามาหน่อยสิว่าอีกฝ่ายมีอะไรที่ทำให้เจ้าต้องกลัว ? พรสวรรค์ระดับ 9 ดาราก็ไม่เห็นจะยิ่งใหญ่อะไร อายุ 18 ปีอยู่ในเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 9 ตอนปลายก็ไม่ใช่เรื่องอะไรส่วนลำดับที่ 1 ในตารางสายลมและหมู่เมฆนั้นก็ไม่ได้ใหญ่มากพอที่จะทำให้เจ้าหวั่นเกรงด้วย "
เมื่อฟังจากคำพูดของหลินเทียนแล้วซินเชิงหยุนก็ได้แต่หมดคำพูดไปทันที พรสวรรค์ระดับ 9 ดาราไม่ได้ถือว่ายิ่งใหญ่อะไร ? อายุ 18 ปีแล้วอยู่ในเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 9 ตอนปลายก็ไม่เท่าไหร่ ? ลำดับที่ 1 ในตารางสายลมและหมู่เมฆยังไม่ได้มีค่าอะไรมาก ? เมื่อคิดแล้วเขาก็อดที่จะกรอกตาไม่ได้กับความรู้สึกที่สบายอารมณ์ของหลินเทียนในตอนนี้
เขาได้ถอนหายใจออกมาพร้อมกับนั่งลงแล้วพูดว่า
"ก่อนหน้านี้ที่ข้ายังไม่ได้พูดคืออีกฝ่ายยังมีอีกสถานะที่ทำให้แม้แต่ทางตระกูลใหญ่และจักรพรรดิต้องหวั่นเกรง "
"สถานะอะไร ? "
หลินเทียนได้ถามออกมา
ก่อนหน้านี้เขาก็พอได้ยินที่ซินเชิงหยุนพูดอยู่บ้างแต่มันเป็นเพราะว่าถูกขัดจังหวะเสียก่อน
ซินเชิงหยุนได้มองไปทางหลินเทียนพร้อมทั้งพูดว่า
"ได้ยินมาว่าเจ้านั่นได้เข้าร่วมกับทางนิกายบางแห่ง "
หลินเทียนได้พูดออกมาด้วยท่าทางสงสัยว่า
"นิกาย ? "
เมื่อมองไปยังสีหน้าของหลินเทียนแล้วซินเชิงหยุนก็ได้พูดออกมาด้วยท่าทางที่ประหลาดใจว่า
"นี่พี่เขยไม่รู้จักตัวตนของนิกาย ? "
หลินเทียนได้แต่ส่ายศีรษะไปเพราะเขานี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคำนี้
"ข้าเองก็คิดว่าท่านจะรู้อยู่ก่อนแล้วแต่การที่ไม่รู้ก็ไม่ได้แปลกอะไรเพราะว่ามันเป็นเรื่องที่ทางตระกูลใหญ่เท่านั้นที่จะพอรู้ "
ซินเชิงหยุนได้จ้องมองไปทางหลินเทียนพร้อมกับพูดออกมาว่า
"นิกายนั้นไม่เปิดเผยตัวตนแต่อำนาจยิ่งใหญ่เกินกว่าจักรวรรดิอย่างมากแถมทุกคนที่อยู่ภายในนิก ยเองก็ล้วนเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งมีแม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดินภาด้วยซ้ำ ! ได้ยินมาว่าหากทางนิกายต้องการจะทำลายประเทศนั้นง่ายพอๆกับดื่มน้ำเลยด้วยซ้ำ "
หลินเทียนเองก็ได้ชะงักไปพร้อมกับพูดว่า
"แข็งแกร่งขนาดนั้นเลย ? "
นิกายมันมีผู้เชี่ยวชาญเขตแดนจักรพรรดินภาเลยงั้นรึ ! เขารู้มาว่าผู้ปกป้องของจักรวรรดินั้นอยู่ในเขตแดนผู้รอบรู้ระดับ 7 เท่านั้นแต่ยังได้รับการสรรเสริญแบบเดียวกับเทพทว่าในนิกายกลับมีตัวตนอย่างจักรพรรดินภาอยู่ด้วย !
"แข็งแกร่งมากๆ ! โดยรวมแล้วสรุปได้ว่าน่ากลัวเลยล่ะ มันเกินกว่าที่คนธรรมดาอย่างเราจะคาดเดาได้ "
ซินเชิงหยุนได้พูดต่อว่า
"ได้ยินมาว่าเมื่อ 1 ปีก่อนนั้นเจียงเหลินเหวินได้ไปพบเข้ากับผู้อาวุโสของนิกายหนึ่งเข้าและหลังจากที่เขาอายุได้ 19 ปีแล้วก็จะไปจากจักรวรรดินี้เพื่อไปบ่มเพาะพลังที่นิกายและเมื่อเขาถือเป็นคนของนิกายแล้วก็ถือว่าอยู่คนละระดับกับเราอย่างสิ้นเชิง แม้แต่ทางราชวงเองยังต้องหวั่นเกรงเขาเลยด้วยซ้ำ "
หลินเทียนเองก็ได้เงียบไปและไม่แปลกใจเลยที่ทำไมซินเชิงหยุนถึงได้แสดงสีหน้าหวาดหวั่นออกมา
"แล้วเจ้ารู้ไหมว่ามันมีนิกายอยู่กี่นิกาย ? แล้วเจียงเหลินเหวินมันไปเข้านิกายไหน ?"
เขาได้ถามออกมา
"นี่ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันแต่ที่แน่ๆมันมีมากกว่านิกายเดียวแต่ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาไปเข้านิกายไหนเพราะมันเป็นความลับที่มีเพียงแค่พวกราชวงเท่านั้นที่รับรู้ "
ซินเชิงหยุนได้พูดออกมา
"แค่นี้ ? "
หลินเทียนได้พยักหน้าของเขา
"แค่นี้ ? "
ซินเชิงหยุนได้แสดงสีหน้าที่เหมือนได้รับความไม่ยุติธรรมพร้อมกับพูดว่า
"พี่เขย ข้าถึงได้บอกไปแล้วไงว่าให้เอาของพวกนั้นให้กับสองคนนั้นไปแต่เจ้าเจีงเหลินเหวินนั้นหยิ่งยโสเป็นอย่างมากดังนั้นต้องไม่ปล่อยท่านไว้แน่ "
หลินเทียนเองก็ถึงกับหมดคำพูดไปกับสีหน้าของซินเชิงหยุน
"เอาล่ะไม่ต้องไปสนใจมันหรอก ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรมาก "
เขาได้ตอบกลับไป
เขารู้ดีว่าซินเชิงหยุนนั้นเป็นห่วงเขา
ซินเชิงหยุนได้แต่กรอกตาพร้อมทั้งพูดว่า
"ไม่ยิ่งใหญ่อะไร ? "
"แน่นอน เจ้าคิดดูสิว่าหากข้ามาที่เมืองหลวงนี้ก่อนหน้านี้แล้วมันจะไปมีเจียงเหลินเหวินอะไรนั่นอีก ? บอกได้เลยว่าผู้อาวุโสอะไรนั่นต้องชอบข้ามากกว่ามันอย่างแน่นอน "
หลินเทียนได้หยอกล้อออกมา
ซินเชิงหยุนเองก็ได้ตอบกลับด้วยดวงตาที่เปล่งประกายว่า
"เป็นเหตุผลที่ดีแหละ ! "
หลังจากนั้นเขาก็ได้พูดต่อว่า
"แต่ข้าว่าทำไมท่านถึงได้ดูหลงตัวแปลกๆ ? "
"มันเรียกว่าความมั่นใจในตัวเองต่างหาก ! "
หลินเทียนได้พูดแก้ออกไป
"มั่นใจในตัวเองก็ได้ ! แต่ความมั่นใจมันก็ไร้ประโยชน์เพราะว่าท่านมีระดับพลังต่ำกว่าอีกฝ่ายถึงหลายระดับ "
ซินเชิงหยุนได้พูดออกมา
หลินเทียนได้ตอบกลับไปว่า
"ดังนั้นตอนนี้ข้าถึงต้องพยายามให้มากขึ้นไงล่ะ "
"เพิ่มประสบการณ์ ? จะไม่กลับไปสักพัก ? "
ซินเชิงหยุนได้พูดออกมา
"เราเพิ่งมาที่นี่ได้ 2 วันเองจะรีบร้อนไปทำไม อยู่สักอีกครึ่งเดือนแล้วกัน "
หลินเทียนได้ตอบกลับไป
หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็ได้ยืนขึ้นพร้อมทั้งเดินออกไปทางหนึ่ง
"รอด้วยสิพี่เขย ! "
ซินเชิงหยุนได้รีบวิ่งตามเขาไปทันที
หลังจากนั้นหลินเทียนก็ใช้เวลาไปกับการเพิ่มประสบการณ์ของตัวเองส่วนซินเชิงหยุนก็ได้แต่ทำหน้าที่ผู้สังเกตการณ์เท่านั้น หลินเทียนนั้นพุ่งเป้าเพียงแค่สัตว์อสูรระดับ 5 เท่านั้นและบางครั้งก็จะต่อกรกับระดับ 6 บ้างซึ่งจะปล่อยให้ซินเชิงหยุนเป็นคนชำแหละเอาแก่นอสูรพวกมันออกมา
หลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์พวกเขาก็ได้พบกับถ้ำขนาดไม่เล็กมาก
"ไปพักที่นั่นกันเถอะ "
หลินเทียนได้พูดออกมา
ซินเชิงหยุนเองก็ได้มองตามออกไป ตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่คอยเฝ้าสังเกตการณ์หลินเทียนนั้นทำเลือดเขาเดือดพล่านซึ่งการที่สามารถพักผ่อนในตอนนี้เป็นสิ่งที่เขาชอบมากๆ
ภายในถ้ำมันชื้นเล็กน้อย , หลังจากที่เข้าไปกันแล้วหลินเทียนก็ได้หยุดนั่งอยู่บนหินก้อนหนึ่ง
เขาได้กวาดตามองไปรอบๆก่อนที่จะหยิบเอาหญ้าวิญญาณสีฟ้าออกมาจากแหวนมิติ
"พี่เขย ท่านจะทำอะไร ? "
ซินเชิงหยุนได้ถามออกมาด้วยสีหน้าที่สงสัย
"ดูดกลืนมันไง "
หลินเทียนได้ตอบกลับไป
ซินเชิงหยุนรีบจับหลินเทียนเอาไว้อย่างรวดเร็วพร้อมทั้งพูดว่า
"ไม่ใช่แล้วพี่เขย ! เก็บมันเอาไว้ก่อนและบางทีหลังจากนี้อาจจะเอาไปมอบให้เจียงเหลินเหวินเพื่อปรับความเข้าใจกันได้ หากว่าท่านดูดกลืนมันตอนนี้แล้วมันก็จะไม่มีหนทางอื่นอีกแล้วนะ "
หลินเทียนได้จ้องมองไปทางซินเชิงหยุนพร้อมกับพูดว่า
"เจ้าคิดว่าข้าเหมือนคนที่จะ อมประนีประนอมกับคนอื่น ? "
"ไม่เหมือน "
ซินเชิงหยุนได้รีบส่ายศีรษะของเขาอย่างไม่ลังเล
"งั้นก็ไม่ต้องมาห้าม "
หลินเทียนได้พูดออกมา
อย่าว่าแต่เจียงเหลินเหวินเลย ต่อให้เป็นคนของนิกายมาที่นี่เพื่อแย่งชิงของๆเขา เขาก็ไม่มีทางยอมเด็ดขาด, แน่นอนว่าคนเราต้องรู้จักว่าอะไรควรจะถอยแต่ตัวเขาไม่อยากทำแบบนั้นเพราะว่าเขาไม่ชอบที่จะถูกคนอื่นรังแก
"แน่.."
"เอาล่ะไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว ให้เวลาข้าหน่อยแล้วข้าจะจัดการกับเจียงเหลินเหวินเอง "
ซินเชิงหยุนเองก็อยากจะพูดอะไรบางอย่างทว่าก็ถูกหลินเทียนขัดเอาไว้
เขาได้แต่กรอกตาด้วยสีหน้าที่หมดหนทางพลางพูดว่า
"พี่เขย ท่านที่ก็พูดเกินไปหน่อยนะ พี่สาวข้าชอบท่านมากๆ"
หลินเทียน
"............"
เขาให้ซินเชิงหยุนรับหน้าที่ตรวจตราพื้นที่รอบๆก่อนที่จะเริ่มหมุนวนเคล็ดวิชาซือจี่เพื่อดูดเอาพลังฉีที่อยู่โดยรอบเข้ามาและตอนนี้เองที่เขาได้หยิบหญ้าวิญญาณสีฟ้ายัดใส่ปากก่อนที่จะเคี้ยวแล้วกลืนมันลงท้องไป
ผ่านไปประมาณสิบกว่าลมหายใจ , ร่างกายของเขาสั่นไปทั้งตัวขณะที่รู้สึกว่าพลังฉีมากมายกำลังโถมไปทั่วร่างแถมเหมือนว่ามันมีจิตสำนึกของตัวเองพร้อมทั้งไหวเวียนไปทั่วเส้นพลังของเขา
"นี่......"
หลินเทียนเองก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมา
สมแล้วจริงๆที่เป็นถึงของที่มีมูลค่าหลายล้านเหรียญ ! ไม่ธรรมดาจริงๆ !
เมื่อเก็บความรู้สึกตกตะลึงกลับไปแล้วเขาก็ได้เรียกสติกลับมาพร้อมทั้งเริ่มเชื่อมต่อเส้นพลังต่างๆแล้วก่อจุดชีพจรเทวะที่ 6 ซึ่งมันจุดตั้งแต่ศีรษะลงมาที่อวัยวะภายในทั้ง 5
"บึ้สสสส ! "
ร่างกายของเขาได้เปล่งแสงออกมาขณะที่กลิ่นอายเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
ซินเชิงหยุนที่อยู่ข้างๆเองก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาอย่างอดไม่ได้
"แข็งแกร่งจริงๆ "
เขาได้จ้องมองไปทางหลินเทียนไม่หยุดเพราะจากความรู้ของเขาแล้วกลิ่นอายระดับนี้มันเทียบเท่ากับผู้เชี่ยวชาญเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 6 !
ภายนอกร่างหลินเทียนนั้นเปล่งประกายออกมามากกว่าเก่าขณะที่จุดชีพจรเทวะจุดที่ 6 ก่อตัวได้เกือบจะสมบูรณ์แล้วและตอนนี้เองที่หญ้าวิญญาณสีฟ้าต้นแรกได้ถูกดูดกลืนไปจนหมดดังนั้นถึงได้หยิบเอาต้นที่สองออกมาแล้วหมุนวนเคล็ดวิชาซือจี่พลางโยนหญ้าใส่ปากต่อไป
ทันใดนั้นเองที่พลังฉีอันเข้มข้นได้โถมกระหน่ำเข้ามาอีกครั้ง
ณ ตอนนี้เองที่แสงภายนอกร่างของเขาเข้มข้นขึ้นเป็นอย่างมาก
"เกือบแล้ว "
หลินเทียนได้พูดกับตัวเอง
ปกติแล้วเมื่อก่อจุดชีพจรเทวะนั้นจะได้รับความเจ็บปวดทางร่างกายอย่างมากทว่าครั้งนี้กลับต่างออกไปเพราะเขาสัมผัสไม่ได้ถึงความเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อยและตอนนี้เขาก็ได้ก่อจุดชีพจรเทวะที่ 6 ไปกว่า 90% แล้วด้วย !
"สู้ๆนะพี่เขย ! "
ซินเชิงหยุนได้พูดออกมาเพราะเขาเองก็สัมผัสได้ว่าหลินเทียนอยู่ในช่วงคอขวดระหว่างการตัดผ่านแล้ว !
หลินเทียนได้หลับตาของเขาลงก่อนที่จะเริ่มจดจ่อกับการบ่มเพาะ
ไม่นานก็ได้ผ่านไปกว่า 1 ชั่วโมง
"โครม ! "
ณ ตอนนี้พลังฉีอันรุนแรงได้ปะทุออกมาจากร่างของเขาเหมือนดั่งคลื่นพายุอันบ้าคลั่ง
เสื้อผ้าของซินเชิงหยุนที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลเองก็ถึงกับปลิวไสวขณะที่ต้องยกมือขึ้นมาบังหน้าเอาไว้
จนถึงช่วงที่ผ่านไปได้ไม่กี่ลมหายใจแล้วพายุก็ได้จางหายไป
หลินเทียนลืมตาของเขากลับขึ้นมาพร้อมทั้งลุกจากที่นั่งพลางกำหมัดก่อนที่จะยิ้มออกมาด้วยใบหน้าที่มีความสุข
"เป็นไงบ้างพี่เขย ? "
ซินเชิงหยุนได้รีบวิ่งเข้ามาหาเขา
"เขตแดนชีพจรเทวะระดับ 6 "
หลินเทียนได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
ซินเชิงหยุนเองก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่มีความสุขออกมาพลางพูดว่า
"ดีมาก ! ด้วยระดับความแข็งแกร่งของพี่แล้วอย่างน้อยๆก็ไม่ต้องกลัวเวลาเผชิญหน้ากับไอ้เหล็งเฟิงนั่น "
หลินเทียนได้พยักหน้าของเขาเพราะตอนนี้ตัวเองสามารถปะทะกับเหล็งเฟิงได้สบายๆแล้ว
ที่ยิ่งกว่านั้นคือเขาเป็นฝ่ายที่อยู่เหนือกว่า
"แต่เจ้าเจียงเหลินเหวินนั่นแหละตัวปัญหาใหญ่เลย "
ซินเชิงหยุนได้พูดต่อท้ายออกมา