Divine King Of All Directions - 160
Divine King Of All Directions - 160
ซินเชิงหยุนได้แต่ผงะไปขณะที่หลินเทียนได้อ้าแขนรับพิษร้ายซึ่งๆหน้าจึงเป็นเหตุให้ซินเชิงหยุนถึงกับมีท่าทางเปลี่ยนไปทันที
"พี่เขย ! "
ซินเชิงหยุนอดไม่ได้ที่จะโห่ร้องออกมา
ณ ตอนนี้เสียงคำรามของกระบี่ได้ดังขึ้นก่อนที่จะได้ยินเสียงกรีดร้องของงูหลามอสูรทมิฬ
กลุ่มหมอกพิษสีดำได้จางหายไปอย่างรวดเร็วและเห็นเพียงแค่รอยแผลยาวกว่า 7 ฟุตตามตัวของงูหลามอสูรทมิฬที่กำลังมีเลือดทะลักออกมาไม่หยุดแต่หลินเทียนกลับไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อยแม้ว่ากลุ่มควันเหล่านั้นจะถูกสูดเข้าไปในจมูกของเขาก็ตาม
"นี่พิษนั่นไม่มีผลกับพี่เขย ? ! "
ซินเชิงหยุนได้แต่ผงะไปเพราะว่าพิษร้ายของงูหลามอสูรทมิฬนั้นรุนแรงอย่างมาก ขนาดผู้เชี่ยวชาญเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 7 โดนไปยังไม่สามารถต้านทานได้แต่หลินเทียนกลับสามารถยืนอยู่ใจกลางพิษนั้นโดยไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย
ไม่เพียงแต่ซินเชิงหยุนเท่านั้นที่ตกตะลึง กวนเยวี่ยที่อยู่ข้างๆก็มีสีหน้าไม่ต่างกัน
หลินเทียนที่กำลังถือกระบี่อยู่เองก็ได้ก้าวเท้าออกไปพร้อมทั้งพูดว่า
"หนังหนานักนะ แปลกมากที่ตัดไม่ขาด "
ดวงตาของงูหลามอสูรทมิฬยังคงแดงก่ำขณะที่จ้องมองไปยังร่างของหลินเทียนด้วยท่าทางเหมือนประหลาดใจเพราะว่ามนุษย์ตนนี้กลับไม่ได้รับบาดเจ็บจากพิษของมันเลยแม้แต่น้อย เมื่อเห็นว่าหลินเทียนกำลังเดินใกล้เข้ามานั้นมันก็ได้แต่ส่งเสียงคำรามออกมาก่อนที่จะพ่นพิษสีดำออกมาอีกครั้ง
หลินเทียนได้หรี่ตาลงเล็กน้อยก่อนที่จะพุ่งเข้าไปซึ่งๆหน้าเพื่อรับการโจมตีจากพิษของมันเพราะว่าขนาดพิษของกิ้งก่าเพลิงที่เป็นสัตว์อสูรระดับ 7 ยังทนมาแล้วดังนั้นกับแค่พิษของสัตว์อสูรระดับ 5 ธรรมดาๆจะไปทำอะไรเขาได้อย่างไรกัน
"แกร๊ง ! "
เสียงกระบี่ได้ดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่จะฟาดฟันลงไปบนร่างของงูหลามอสูรทมิฬ
งูหลามอสูรทมิฬได้สะบัดหางของมันเข้าใส่เขาด้วยความเร็วสูงจนทำให้มิติสั่นสะท้าน
หลินเทียนได้ยกกระบี่ในมือขึ้นมาเปลี่ยนไปไว้มือซ้ายก่อนที่จะกำหมัดขวาแน่นแล้วต่อยออกไป
โครม ! หมัดและหางของงูหลามอสูรทมิฬได้ปะทะกันซึ่งแม้ว่าจะดูเหมือนหางของอีกฝ่ายจะไม่ได้รับความเสียหายอะไรแต่มันกลับส่งเสียงร้องออกมา
"หมัดทลายฟ้า ! เอาอีกรอบๆ !"
หลินเทียนได้พึมพำอยู่ภายในใจ
หนังของมันเหนียวมากดังนั้นเขาถึงได้เปลี่ยนจากการสร้างความเสียหายภายนอกเป็นภายในด้วยทักษะหมัดทลายฟ้าแทน มันเป็นทักษะระดับต่ำเขตแดนชีพจรเทวะซึ่งสามารถรวมพลังร่างกายและพลังฉีเข้าด้วยกันเพื่อสร้างความเสียหายให้กับอวัยวะภายในของศัตรู
งูหลามอสูรทมิฬได้โกรธถึงขีดสุดพร้อมทั้งพุ่งเข้าใส่หลินเทียนอย่างรวดเร็ว
และตอนนี้เองที่ประกายตาของหลินเทียนได้เปลี่ยนไปก่อนที่จะเปลี่ยนกระบี่กลับมาไว้ที่มือขวาแล้วเหวี่ยงหมัดออกไปด้วยมือซ้าย
"โครม ! "
เส้นแสงได้พุ่งออกจากหมัดของเขาก่อนที่จะทะลุร่างของงูหลามอสูรทมิฬไปจนเกิดเป็นรูที่มีเลือดทะลักออกมา
ทักษะหมัดสังหาร !
โครม! ร่างของงูหลามอสูรทมิฬได้กระแทกกับพื้นก่อนที่จะกระตุกอยู่หลายครั้งแล้วแน่นิ่งไป
ซินเชิงหยุนได้แต่มองไปข้างหน้าด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
"สัตว์อสูรที่มีพลังเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 6 ตอนปลายกลับถูกฆ่าตายง่ายๆแบบนี้ ? "
กวยเยวี่ยได้แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา
หลินเทียนที่อยู่ห่างออกไปเองก็ได้พยักหน้าให้กับพวกเขาเพื่อให้เดินตามมา
ซินเชิงหยุนรีบแหวกกอไม้ออกพร้อมทั้งวิ่งออกมาด้วยสีหน้าที่ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
"พี่เขย ท่านนี่มันสุดยอดไปเลย ! "
"แน่นอน "
หลินเทียนได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
หลังจากที่เอาแก่นอสูรออกมาแล้วเขาก็ได้เดินเข้าไปภายในหุบเขาเพื่อที่จะเอาหญ้าวิญญาณสีฟ้า , ตอนนี้ยิ่งเดินเข้าไปใกล้เขาก็ยิ่งรู้สึกว่ากลิ่นที่ส่งออกมามันหอมขึ้นกว่าเก่า
"งดงามจริงๆ กลิ่นหอมเหมือนกลิ่นตัวของหญิงสาวเลย "
ซินเชิงหยุนได้พูดออกมา
ริมฝีปากของหลินเทียนกระตุกอยู่หลายครั้งก่อนที่จะตบหัวของเจ้านี่ไปทีนึง
ซินเชิงหยุนได้แต่จับที่หัวตัวเองพร้อมทั้งพูดออกมาหลังจากที่หัวเราะแห้งๆว่า
"แต่เรื่องที่สำคัญที่สุดคือรากของมันอยู่ใต้ดินและต้นนี้น่าจะยังโตไม่เต็มวันดังนั้นข้าว่าเราต้องรออย่างน้อยอีก 2 ชั่วโมงแล้วถึงจะเก็บเกี่ยวมันได้ "
หลินเทียนได้แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาพร้อมกับพูดว่า
"ไม่คิดเลยนะว่าเจ้าจะมีความรู้ขนาดนี้ "
"นี่มันแน่นอนอยู่แล้ว "
ซินเชิงหยุนได้พูดออกมาด้วยใบหน้าที่ภูมิใจ
สำหรับหลินเทียนแล้วเขาเลิกให้ความสนใจไปทันทีก่อนที่จะเดินไปทางหินที่อยู่ใกล้ๆเพื่อนั่งลงแล้วปกป้องที่นี่
"มีอยู่ 3 ต้นดังนั้นก็แบ่งกันคนละต้นพอดีเลย ! "
กวนเยวี่ยได้พูดออกมาด้วยใบหน้าที่ตื่นเต้น
ซินเชิงหยุนได้แต่ขมวดคิ้วไปพร้อมกับมองไปทางหลินเทียนแล้วพูดว่า
"พี่เขย ท่านเอาพวกมันไปดูดกลืนให้หมดเลยเพราะว่าไม่งั้นต้องมีคนมารังควานท่านอีกมากดังนั้นถึงต้องรีบเพิ่มความแข็งแกร่งให้เร็วที่สุดอย่างน้อยๆถ้าดูดกลืนทั้ง 3 ต้นนี้ก็น่าจะตัดผ่านไปยังเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 6 ได้ "
หลินเทียนเองก็ได้แต่เงียบไปเพราะเขาเองก็คิดแบบนั้นเช่นกัน ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำคือบ่มเพาะให้เร็วที่สุด
กวนเยวี่ยได้มองไปทางซินเชิงหยุนพร้อมกับพูดว่า
"เจ้าหมายความว่าไง ? ให้เขาดูดกลืนให้หมด ? ข้าเองก็ใกล้จะตัดผ่านไประดับ 5 แล้วเหมือนกัน เจ้ายกของเจ้าให้เขาได้ก็เรื่องของเจ้าแต่ของข้าล่ะ "
ซินเชิงหยุนได้แสดงสีหน้าที่หงุดหงิดออกมาทันที ของมันอะไร ? นี่เป็นของที่หลินเทียนพบแถมยังเอาชนะงูหลามอสูรทมิฬมาด้วยกำลังของตัวเองแล้วมันยังกล้าพูดคำนี้อีก ?
เมื่อมองไปทางกวนเยวี่ยแล้วซินเชิงหยุนก็ได้พูดออกมาว่า
"สหายกวน ข้าบอกไปแล้วว่าของสิ่งนี้มันสำคัญต่อพี่เขยข้ามากๆดังนั้นอย่าแย่งได้ไหม ? เจ้าเองก็ไม่ได้ทำอะไรแต่ก่อนหน้านี้พี่เขยข้ายังอุส่าแบ่งแก่นอสูรให้ก็ถือว่ามีน้ำใจมากแล้ว"
"เจ้าเองก็ไม่ได้ทำอะไร เป็นเพียงแค่ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 9 เท่านั้นแต่เขาก็ยังแบ่งแก่นอสูรให้เจ้าเหมือนกัน ! หญ้าวิญญาณสีฟ้านี่ก็เป็นของที่พวกเราพบด้วยกันดังนั้นก็ต้องแบ่งกันไม่ใช่รึไง ? "
"พบด้วยกัน ? ของสิ่งนี้มันเป็นของที่พี่เขยข้าพบ ! "
ซินเชิงหยุนได้พูดออกมาด้วยท่าทางที่ไม่พอใจอย่างมาก
ณ ตอนนี้เองที่หลินเทียนได้พูดออกมาพลางโบกมือว่า
"เอาล่ะไม่ต้องเถียงกันแล้ว "
ซินเชิงหยุนนั้นรู้สึกไม่พอใจอย่างมากแต่ในเมื่อหลินเทียนเอ่ยปากแล้วเขาก็ไม่อยากจะพูดอะไรอีก
"สหายหลินนี่หลักแหลมที่สุดแล้ว"
กวนเยวี่ยได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะมองไปทางซินเชิงหยุนพลางพูดว่า
"ไม่เหมือนบางคนที่เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญเขตแดนหล่อหลอมร่างกายแต่ยังอุส่าเข้ามาเป็นศิษย์สำนักเราได้ "
ซินเชิงหยุนได้คำรามออกมาด้วยความโกรธโดยทันทีว่า
"พ่อคนนี้จะเข้าสำนักนี้แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้า ? ! "
หลินเทียนเองก็ได้ขมวดคิ้วพร้อมทั้งพูดออกมาว่า
"ข้าว่าคำพูดของสหายกวนมันเกินไปหน่อยดังนั้นก็ควรจะขอโทษเพื่อนของข้านะ "
เมื่อได้ยินคำพูดของหลินเทียนแล้วกวนเยวี่ยเองก็ได้แสดงสีหน้าที่น่าเกลียดออกมาพลางพูดอย่างรวดเร็วว่า
"ทำไม ! "
"มันเป็นเพราะว่าเจ้าพูดคำพูดที่ไม่ควรจะพูด "
หลินเทียนได้ตอบกลับไป
ซินเชิงหยุนนั้นเป็นน้องชายของซินเหยาซึ่งเป็นเพื่อนที่ดีของเขาและเป็นเพื่อนเพียงไม่กี่คนในเมืองหลวงนี้ดังนั้นคำพูดดูถูกก่อนหน้านี้จะทำเป็นมองข้ามไม่ได้เด็ดขาด
"หากว่าข้าไม่ขอโทษล่ะ! "
กวนเยวี่ยได้พูดออกมาด้วยท่าทางที่ตกต่ำลง
"ข้าสามารถแบ่งหญ้าวิญญาณสีฟ้าให้เจ้าได้ดังนั้นเจ้าก็ควรจะขอโทษเขาซะ "
หลินเทียนได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
ท่าทางของกวนเยวี่ยได้เปลี่ยนเป็นน่าเกลียดโดยทันที
"ข้าเข้าใจแล้ว ! มันเป็นเพราะว่าเจ้าไม่อยากจะแบ่งหญ้าวิญญาณสีฟ้าให้ข้าดังนั้นถึงได้จงใจทำแบบนี้ งั้นข้าไม่ขออยู่ที่นี่อีกแล้ว ! "
กวนเยวี่ยได้พูดออกมาด้วยท่าทางน่าเกลียดก่อนที่จะยืนขึ้นแล้วเดินออกไป
หลินเทียนได้แต่ขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
"เป็นดั่งที่เขาว่าไว้ว่า หากว่ารังใหญ่พอก็จะพบนกได้ทุกชนิดจริงๆ "
ซินเชิงหยุนรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมากเพราะว่านี่เป็นของที่หลินเทียนค้นพบและหลังจากที่จัดการกับงูหลามอสูรทมิฬแล้วเพราะเรื่องตระกูลเหล็งถึงได้คิดว่าควรจะให้หลินเทียนดูดกลืนให้หมดน่าจะเหมาะที่สุดแต่กวนเยวี่ยกลับยังรั้นที่จะแบ่งส่วนของเขาซึ่งความหน้าหนานี้มันให้เขาโกรธเป็นอย่างมาก
"เอาล่ะไม่เป็นไรหรอก ต่างตนต่างนิสัย "
หลินเทียนได้แต่ส่ายศีรษะของเขา
"มันไปได้แล้วก็ดี"
ซินเชิงหยุนได้แสยะออกมาพร้อมกับมองไปทางหลินเทียนแล้วพูดต่อว่า
"หลังจากที่มันโตเต็มวัยแล้วเราก็จะได้เก็บเกี่ยวมันและรอให้กลับไปถึงที่พักก่อนจะได้ดูดกลืนมัน หลังจากนี้พี่เขยจะได้สามารถต่อกรกับไอ้เหล็งเฟิงนั้นได้แบบสบายๆ "
"หากว่าเจ้าใช้มันก็จะสามารถตัดผ่านเขตแดนชีพจรเทวะได้เหมือนกันนะ "
หลินเทียนได้พูดออกมา
"ไม่เป็นไร ท่านฟังที่ข้าพูดเถอะเพราะว่าข้าไม่ได้เร่งรีบที่จะตัดผ่าน ข้าไม่อยากเห็นท่านถูกกดขี่โดยไอ้ระยำเหล็งเฟิงนั่นอีกแล้ว "
ซินเชิงหยุนได้ส่ายศีรษะซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนที่จะพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
"ยิ่งไปกว่านั้นคือยิ่งท่านแข็งแกร่งก็จะยิ่งสามารถคุ้มกะลาหัวข้าได้มากขึ้น "
"แต่......"
"พอเถอะ อย่าทำเหมือนเราเป็นคนอื่นคนไกลกันสิ "
ซินเชิงหยุนได้พูดออกมาด้วยสีหน้าที่จริงจัง
หลินเทียนได้แต่ยิ้มออกมาพร้อมทั้งพูดว่า
"ก็ได้ เอาตามที่เจ้าว่าแล้วกัน "
เมื่อมองไปทางซินเชิงหยุนแล้วเขาก็รู้สึกอบอุ่นเป็นอย่างมากเพราะว่าเจ้านี่มันเป็นคนที่ซื่อสัตย์มากๆ
พวกเขาอยู่ที่นี่ไปกว่า 2 ชั่วโมงซึ่งในระยะเวลานี้ก็ไม่ได้มีใครมารบกวนพวกเขาแม้แต่น้อย
"เอาล่ะ ได้แล้วท่านพี่ "
ซินเชิงหยุนได้พูดออกมา
หลินเทียนได้พยักหน้าตอบพร้อมทั้งยืนขึ้นจากพื้น
ณ ตอนนี้ห่างออกไปไม่ไกลได้มีร่างของผู้คนกำลังเดินเข้ามา
"เป็นหญ้าวิญญาณสีฟ้าจริงๆด้วย ! "
ชายร่างผอมได้พูดออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
ข้างๆชายคนนั้นก็มีชายชุดดำอยู่อีกคนที่กำลังยิ้มออกมาด้วยสีหน้าที่ไม่แยแส
หลินเทียนได้มองไปทางพวกเขาทั้ง 3 คนก่อนที่ประกายตาจะเปลี่ยนเป็นเย็นชาเพราะว่า 1 ในพวกมันคือกวนเยวี่ย ! ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องถามอะไรอีกแล้วเพราะว่าหลังจากที่มันได้กลับออกไปก็น่าจะไปเรียกคนมาแน่นอน
"ศิษย์พี่ซูซู หลี่หลาน ข้าไม่ได้โกหกพวกท่านเลยเห็นไหม "
กวนเยวี่ยได้พูดออกมา
ชายรูปร่างผอมนั้นมีชื่อว่าซูซูส่วนชายชุดดำมีชื่อว่าหลี่หลาน
"กวนเยวี่ย ไอ้ชั้นต่ำ พวกเราช่วยเจ้าเอาไว้แถมยังแบ่งแก่นอสูรให้แต่เจ้ากลับกล้าหักหลังเรางั้นรึ ! "
ซินเชิงหยุนได้สาปแช่งออกมาด้วยความโกรธ
กวนเยวี่ยได้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
"ไม่แบ่งหญ้าวิญญาณสีฟ้าให้ข้าเองดังนั้นก็อย่าหวังว่าจะมีใครได้ไป ! "