Divine King Of All Directions - 147
Divine King Of All Directions - 147
เหล็งเฟิงนั้นเป็นศิษย์ตำหนักราชาภายในสำนักนี้แถมยังอยู่ติด 1 ใน 3 ของตำหนักด้วย , ระดับพลังของเขาในตอนนี้นั้นอยู่ในเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 7 ซึ่งวันนี้ที่เหล็งเฟิงมาที่นี่ก็เพื่อหลินเทียนโดยเฉพาะเพราะเขาต้องการจะดูว่าหลินเทียนจะอยู่ในระดับไหนกันเพราะว่าหลินเทียนมันเป็นคนที่ลงมือสังหารน้องชายของเขา
"สายตาของเจ้านี่มันเย็นชามากๆเลยแหะ "
ซินเชิงหยุนได้ส่งเสียงกระซิบออกมา
หลินเทียนได้มองตามไปยังทางที่ซินเชิงหยุนพูดก่อนที่จะพบกับเหล็งเฟิงที่กังจ้องมองมาทางเขาด้วยสายตาที่เย็นยะเยือก
"เหอะ "
หลินเทียนได้แสยะออกมาอย่างเย็นชาพร้อมทั้งจ้องมองกลับไปด้วยสายตาเดียวกัน
เขาจะต้องฆ่ามันอย่างแน่นอน !
ณ ตอนนี้มีเสียงฮือฮาดังขึ้นกว่าตอนที่เหล็งเฟิงมาถึงที่นี่มาก
"จี่หยู ! หญิงงามมากความสามารถคนนี้มาที่นี่ด้วย ! "
หลายๆคนได้พูดออกมาพลางมองไปทางเดียวกัน
หลินเทียนก็ได้หันหน้ากลับไปพร้อมพบกับหญิงสาวในชุดสีขาวกำลังเดินมา
จี่หยู !
ทางสำนักนี้ห้ามมิให้คนภายนอกเข้ามาอย่างเด็ดขาดทว่าจี่หยูนั้นอยู่เหนือกฎเกณฑ์นี้และทางสำนักเองก็อยากจะให้นางเข้าๆออกๆที่นี่ทุกวันด้วยซ้ำเพราะต้องรู้ก่อนนะว่ามีผู้อาวุโสในสำนักหลายคนได้ขอร้องให้นางเข้าเป็นศิษย์ที่นี่
จี่หยูที่อยู่ห่างออกไปเองก็ได้กวาดสายตามองเหมือนกำลังหาอะไรบางอย่างก่อนที่จะพบกับหลินเทียนพร้อมทั้งยิ้มออกมาอย่างน่ารักแล้วโบกมือให้กับเขา นางรู้ว่าวันนี้เป็นวันทดสอบดังนั้นถึงได้มาที่นี่ด้วยตัวเองเพื่อที่จะดูว่าหลินเทียนจะมีความสามารถระดับไหนกัน
หลินเทียนก็ได้แต่ผงะไปและตระหนักได้ว่านางมาที่นี่เพื่อเขา
"ดูๆแล้วบรรยากาศแบบนี้มันแปลกๆพิกลแหะ "
เขาได้พูดกับตัวเอง
เขารู้ดีว่ามารยาทของเขาคงไม่ได้น่าหลงใหลขณะทำให้หญิงงามอันดับ 1 ของเมืองหลวงยอมสยบให้กับเขาแต่เพราะอะไรเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน , ดูเหมือนว่านางจะปฏิบัติต่อเขาต่างจากคนอื่นและมันทำให้เขารู้สึกแปลกๆมาก
ซินเชิงหยุนได้พูดออกมาด้วยความตื่นเต้นโดยทันทีว่า
"พี่เขย ! พี่เขย ! นั่นหลานสาวของท่านแม่ทัพ ! นางกำลังมองมาทางข้า ! แถมยังโบกมือให้ข้าด้วย "
หลินเทียน
"................"
"โอ้พี่เขย ท่านไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือไง ? ดูสินางกำลังมองมาทางข้า ! ท่านว่านางสนใจข้าหรือเปล่า ? นี่.............. นี่คือสิ่งที่เรียกว่าตกหลุมรักในตำนานสินะ ! "
ซินเชิงหยุนได้พูดออกมาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำด้วยความเขินอาย
หลินเทียนได้แต่หมดคำพูดไปพร้อมกับพูดว่า
"ไอ้หนู อายุเท่าไหร่กัน ? กล้าพูดเรื่องความรักนี่ได้ไปส่องกระจกดูบ้างไหม ? "
ซินเชิงหยุนได้ตอบกลับด้วยท่าทางหงุดหงิดโดยทันทีว่า
"พี่เขย ! ท่านพูดแบบนี้ไม่ถูกนะเพราะท่านเองก็แก่กว่าข้าไม่กี่เดือนเท่านั้นเพราะฉะนั้นไม่สามารถเรียกข้าว่าเด็กได้ ข้าเองก็เชื่อมั่นในหน้าตาของตัวเองมากๆไม่จำเป็นต้องส่องกระจกหรอก ดูตั้งแต่หัวจรดเท้าข้านี่มันหล่อจริงๆ หญิงคนไหนไม่ตกหลุมรักบ้าง ! "
หลินเทียน
"ไปไกลๆเลยไป ! "
เหล็งเฟิงที่อยู่ห่างออกไปเองก็ได้มองไปทางจี่หยูด้วยสายตาที่เย็นชากว่าเก่า มันเป็นเพราะผู้หญิงคนนี้ถึงได้ทำให้น้องชายของเขาได้เป็นศัตรูกับหลินเทียน ทำให้เขาต้องไล่ล่าหลินเทียนและสุดท้ายน้องชายของเขาก็ตกตายลงด้วยเงื้อมมือของหลินเทียน
"หลินเทียน !"
เหล็งเฟิงได้แต่กัดฟันพูดออกมาด้วยท่าทางเย็นชา
ณ ตอนนี้เองที่รอบๆพื้นที่ได้มีเสียงฮือฮาดังขึ้นอีกครั้ง
"ดูสิๆ นั่นมู่จี่เซียง เซ่าฉีซี่ เต็งซิงและหลุยเก่าหยาน พวกเขาทั้ง 4 ที่เป็นศิษย์ตำหนักในมาที่นี่ด้วย ! "
"พวกเขาเป็น 1 ใน 20 อันดับของตำหนักใน !"
"สุดยอดไปเลย !"
หลายๆนได้ส่งเสียงออกมา
หลินเทียนและซินเชิงหยุนได้มองออกไปและพบว่ามันมีมู่จี่เซียงก็จริงๆแต่อีก 3 คนที่เหลือนั้นอยู่ห่างจากเขาอยู่ระยะหนึ่ง
"ดูเหมือนไอ้โง่นั่นมันจะไปสร้างเรื่องเอาไว้มากมายนะถึงได้ไม่มีใครอยากคบ "
ซินเชิงหยุนได้พูดออกมาด้วยสีหน้าที่สะใจ
หลินเทียนได้พยักหน้าออกมาเพราะสำหรับเขาแล้วคนที่ชอบติเตียนคนอื่นอย่างมู่จี่เซียงนั้นมันเป็นไอ้โง่ที่ไม่มีใครอยากจะเป็นเพื่อนด้วยอยู่แล้ว
ณ ตอนนี้ตรงหน้าหอคอยได้มีเจ้าหน้าที่ดูแลของทางสำนักยืนอยู่
ชายคนนั้นเป็นชายวัยกลางคนที่อยู่ในเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 6 และหลังจากที่กวาดตามองไปที่ผู้คนแล้วเขาก็ได้พูดออกมาว่า
"การทดสอบจะเริ่มขึ้น ณ บัดนี้ ให้เข้าไปรอบละ 20 คนซึ่งคนที่ต้องการจะทดสอบก็ให้เตรียมตัวได้แล้ว ! "
หลังจากที่เสียงของเขาได้จบลงก็มีคนก้าวออกมาทันที
มู่จี่เซียงเป็นหนึ่งในคนเหล่านั้น
"ไม่รู้เลยว่าครั้งนี้จะดูใครดี "
"แต่หลายๆคนก็เลื่อนระดับทุกครั้งนะ ดูเหมือนจะแข็งแกร่งดีด้วย "
ศิษย์เก่าหลายๆคนได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
หลินเทียนและซินเชิงหยุนอดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะออกมาเพราะว่าเจ้ามู่จี่เซียงนี่มันโด่งดังจริงๆ
จะว่าไปแล้วมู่จี่เซียงก็ไม่ได้เป็นคนชั่วช้าอะไรเพียงแต่แค่คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่กว่าคนอื่นเท่านั้นถึงได้กล้าติเตียนคนไปทั่วถึงได้ทำให้ทุกคนมองเขาด้วยสายตาที่รังเกียจและไม่สบอารมณ์
"เอาล่ะ เริ่มการทดสอบได้ "
ผู้ดูแลได้ส่งเสียงออกมา
ทันใดนั้นเองที่มู่จี่เซียงและศิษย์อีก 19 คนก็ได้ก้าวเข้าไปภายในข่ายอาคมสังหารโดยทันที
ภายในนั้นถูกวางข่ายอาคมสังหารขนาดใหญ่เอาไว้ซึ่งแต่ละคนก็จะถูกส่งไปคนละมิติกันซึ่งในมิติเหล่านั้นก็จะมีสัตว์อสูรตั้งแต่ระดับ 1 – 6 และหลังจากที่ฆ่าพวกมันแล้วก็จะคำนวณออกมาเป็นลำดับซึ่งเรียกได้ว่ามันคำนวณจากความเร็ว จำนวน ความแข็งแกร่ง จิตสัมผัส พลังฉีและปัจจัยอื่นๆรวมกัน
ด้านนอกหอคอยได้ส่องแสงออกมาพร้อมๆกับศิษย์ที่เข้าไปเหตุผลก็เพราะถ้าไม่ตายด้านในก็พลังฉีหมดแต่สรุปแล้วคนเหล่านี้ก็ไม่สามารถยืนหยัดอยู่ภายในหอคอยได้เป็นเวลานานดังนั้นอันดับที่พวกเขาทำได้ก็จะไม่สูงมาก
"อย่างไรก็ตามพวกเขาก็เป็นเพียงศิษย์ใหม่ล่ะนะ "
"อื่มใช่ "
ศิษย์เก่าหลายคนได้พูดออกมา
การทดสอบรอบแรก 20 คนนั้นนอกจากมู่จี่เซียงและศิษย์เก่าอีก 3 คนแล้วที่เหลือก็เป็นศิษย์ใหม่ทั้งหมด
หลังจากที่ผ่านไปได้ 30 นาทีนั้นศิษย์ใหม่ก็ได้ถูกส่งออกมาทั้งหมด
"เหลือ 4 คนเท่านั้น ! "
"แม้ว่าพวกนี้จะดูน่ารังเกียจแต่ก็แข็งแกร่งนะ "
"อื้ม "
หลายๆคนได้พูดออกมา
การทดสอบยังคงดำเนินต่อไปขณะที่ได้ผ่านการทดสอบรอบที่ 2 ไปแต่ลำดับของเซ่าฉีซี่ เต็งซิงและหลุยเก่าหยานทั้ง 3 คนก็ยังคงไม่เพิ่มแถมเซ่าฉีซี่เองก็ยังตกลงมาอยู่ลำดับที่ 46 จาก 45 ด้วย
มู่จี่เซียงที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลได้ส่ายศีรษะพร้อมกับพูดว่า
"เป็นเพราะความเกียจคร้านถึงได้กลายเป็นแบบนี้ไงล่ะ "
"เจ้าว่าอะไรนะ ! "
เซ่าฉีซี่นั้นไม่ได้อ่อนแอดังนั้นเขาสามารถได้ยินสิ่งที่มู่จี่เซียงพูดได้อย่างชัดเจน
มู่จี่เซียงได้แสยะออกมาพร้อมกับพูดว่า
"ก็บอกว่าเจ้าที่มีความแข็งแกร่งนิดหน่อยกลับไม่พยายามให้มากขึ้นข้าพูดผิดตรงไหนกัน ? เจ้ามักจะไปที่ร้านนางบำเรอเพื่อเที่ยวเล่นอยู่ตลอดถึงไม่ได้บ่มเพาะดังนั้นจึงตกอันดับมาแล้วข้าแซงไปไงล่ะ ข้าเตือนเพราะหวังดีเท่านั้น"
"เจ้า ! "
เซ่าฉีซี่ได้โกรธจัดไปและอยากจะคว้าเอากระบี่ออกมาอย่างมากแต่ก็ถูกห้ามเอาไว้โดยคนที่เหลือซึ่งพวกเขานั้นอยู่ในลำดับที่ 48และ49
"ไม่ต้องไปสนใจมันหรอก "
"ไปกัน "
เมื่อมองไปยังมู่จี่เซียงแล้วเซ่าฉีซี่ก็ได้เดินออกไปพร้อมๆกับเต็งซิงและหลุยเก่าหยานอย่างรวดเร็ว
มู่จี่เซียงที่มองออกไปก็ได้แต่ส่ายศีรษะพร้อมทั้งพูดว่า
"ไม่รู้จักความหวังดีก็อยู่ไปแบบนั้นแล้วกัน"
ศิษย์หลายๆคนก็ได้แต่ตีตัวออกห่างจากจุดของมู่จี่เซียงอย่างรวดเร็ว
"พี่เขย เจ้านี่มันสุดๆจริงๆ "
ซินเชิงหยุนได้แต่แข็งค้างไป
หลินเทียนในตอนนี้กำลังแสดงสีหน้าที่อับอายออกมาเพราะว่าดูเหมือนสมองเจ้านี่มันจะมีปัญหาแล้วจริงๆ
"คนที่จะทดสอบรอบ 3 ให้ก้าวออกมา "
ชายวัยกลางคนได้ส่งเสียงออกมา
หลินเทียนคิดอยู่ก่อนที่จะไม่ลังเลเลยที่จะก้าวออกไป
"ข้าไปล่ะ "
หลินเทียนได้พูดออกมากับซินเชิงหยุน
"ได้ท่านพี่เขย "
ซินเชิงหยุนได้รีบพยักหน้าตอบ
หลังจากที่ได้อยู่ด้วยกันมาหลายวันแล้วเขาก็เริ่มชินกับชื่อเรียกนี้ไปแล้วถึงไม่จำเป็นต้องให้ซินเชิงหยุนแก้ไขอะไร เขาได้ก้าวเดินออกไปก่อนที่จะหันกลับไปมองทางจี่หยู
จี่หยูที่เห็นว่าหลินเทียนกำลังมองมาทางนางเองก็ได้ยิ้มออกมาและขยับปากเหมือนพูดอะไรบางอย่าง
หลินเทียนอยู่ในเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 4 ดังนั้นถึงสามารถอ่านปากของนางออกได้ว่า 'สู้ๆนะ', เขาได้แต่ตบศีรษะตัวเองก่อนที่จะก้าวเดินออกไปทันที
มู่จี่เซียงที่กำลังจะเดินจากไปเองก็ได้หยุดเท้าลงหลังจากทีเห็นหลินเทียนก่อนที่จะพูดออกมาว่า
"ไอ้หนูที่ไม่รู้จักกฎการปฏิบัติ , ข้าเองก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าเจ้าจะไปได้ถึงไหนกัน "
"เริ่มได้ ! "
หลังจากที่ชายวัยกลางคนได้ส่งเสียงออกมานั้นหลินเทียนและศิษย์อีก 19 คนที่เหลือก็ได้ก้าวออกไปทันที
เมื่อก้าวเข้ามาแล้วภาพตรงหน้าของเขาได้เปลี่ยนไปโดยทันที , ณ ตอนนี่หลินเทียนพบว่าตัวเองกำลังอยู่ท่ามกลางสัตว์อสูรนับฝูงที่กำลังจ้องมองมาทางเขา
"โฮ๊ก ! "
มันได้ส่งเสียงร้องออกมาก่อนที่สัตว์อสูรนับโหลจะกระโจนเข้าใส่เขาอย่างรวดเร็ว
"ดูเหมือนจริงเลยแหะ "
เขาได้พูดออกมาด้วยท่าทางประหลาดใจ
หลังจากที่พูดกับตัวเองแล้วก็ได้ฟาดฟันออกไปด้วยกระบี่ในมือของเขา
กระบี่นี้คมอย่างมากแต่มันเป็นเพียงกระบี่ธรรมดาๆเท่านั้น มันเป็นเพราะว่าวันนี้เป็นการทดสอบดังนั้นต้องเท่าเทียมถึงได้ให้ศิษย์ทั้งหมดใช้อาวุธระดับเดียวกันที่ทางสำนักเตรียมไว้ให้
"พุฟฟฟ ! "
เลือดได้สาดกระจายออกมาขณะที่สัตว์อสูรได้ถูกปาดคอพร้อมทั้งทรุดลงกับพื้น
อย่างไรก็ตามเหตุการณ์นี้ก็ไม่ได้ทำให้สัตว์อสูรตัวที่เหลือถอยหนีไปแต่ยังคงกระโจนเข้าใส่เขา , สัตว์อสูรพวกนี้มันเป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้นโดยข่ายอาคมสังหารดังนั้นถึงไม่มีสติปัญญาและไม่รู้จักความกลัว ความโกรธและความสุข พวกมันไม่ได้ต่างอะไรไปจากหุ่นเชิดด้วยซ้ำ