Divine King Of All Directions - 141
Divine King Of All Directions - 141
ยังเหลือเวลาอีกเยอะกว่าจะค่ำดังนั้นหลินเทียนถึงได้คิดที่จะกลับไปที่ลานฝึกเพื่อจะเข้าไปในวังน้ำวน
"ข้าไปด้วย ! "
ซินเชิงหยุนได้พูดออกมา
หลินเทียนเองก็ไม่ได้พูดอะไรพร้อมทั้งเดินกลับไปที่ลานฝึกเพื่อจะเขาไปยังวังน้ำวน
โครม !
หลังจากที่ก้าวเท้าเข้าไปนั้นมันก็มีเสียงดังส่งกลับมาก่อนที่น้ำสีแดงปนเขียวจะพุ่งเข้ามาจากทุกทิศทาง
"ดูเหมือนว่าข้าจะช่วยเจ้าไม่ได้นะ เจ้าจะออกไปก่อน ? "
หลินเทียนได้ถามออกมา
ซินเชิงหยุนได้แต่กลืนน้ำลายไปเพราะว่าไม่เพียงแค่สายน้ำที่รุนแรงเท่านั้นแต่มันยังแฝงไปด้วยความเย็นยะเยือกซึ่งอดไม่ได้ที่จะทำให้เขาสั่นไปทั้งตัว
"นี่ ข้าเพิ่งนึกได้ว่าข้ามีเรื่องต้องกลับไปจัดการดังนั้นข้ากลับบ้านก่อนแล้วกัน ! "
หลินเทียน
"......"
"พี่เขย ข้าไปล่ะ ! "
ซินเชิงหยุนได้พูดออกมาก่อนที่จะโบกมือให้กับเขาแล้ววิ่งหนีหายไปทันที
หลินเทียนได้แต่ส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้มเพราะว่าพูดตามตรงแล้วเขตแดนหล่อหลอมร่างกายไม่สามารถทนอยู่ในที่แบบนี้ได้แน่นอน
เมื่อมองออกไปด้านหน้าแล้วเขาก็พบว่าคลื่นน้ำกำลังสาดไปทั่วก่อนที่จะพบกับศิษย์มากมายที่กำลังบ่มเพาะอยู่ภายใน
"สุดยอดไปเลยแหะ "
เขาได้พูดอยู่กับตัวเอง
หลังจากนั้นเขาก็ไม่ลังเลเลยที่จะแหวกว่ายออกไป
คลื่นเหล่านี้ดูน่ากลัวอย่างมากแต่มันกลับไม่ได้ลึกอะไรเพราะมันมีความสูงเพียงแค่หน้าท้องของเขาเท่านั้นแต่มันเป็นน้ำที่เย็นอย่างมาก ขนาดเขาในตอนนี้ยังรู้สึกว่าอวัยวะภายในกำลังถูกแช่แข็งและไอเย็นกำลังลุกล้ำเข้าไปในกระดูกของเขา
"ดูเหมือนว่าน้ำพวกนี้จะช่วยในการเสริมความแข็งแกร่งของร่างกายได้อย่างดีเลยนะ "
หลินเทียนได้คิดอยู่ภายในใจของเขา
มันเหมือนกำลังถูกแส้ฟาดไปตามร่างกายและแม้แต่เขาเองยังรู้สึกเจ็บปวดที่คนธรรมดาไม่สามารถทนได้ด้วยซ้ำจนอดไม่ได้ที่จะสั่นสะท้านไปแต่จากที่เขาเข้าใจคือมันมีใจกลางอยู่สามจุดซึ่งหากจากที่เขาอยู่ไป 900 เมตรและแน่นอนว่ากระแสน้ำของมันจะเชี่ยวและเย็นมากกว่าเก่า
"ด้วยสถานการณ์แบบนี้แล้วอย่าน้อยๆต้องอยู่ในเขตแดนชีพจรเทวะถึงจะบ่มเพาะที่นี่ได้แต่หากว่าจะไปยังใจกลางต้องอยู่ในเขตแดนผู้รอบรู้ "
หลังจากที่คิดได้แล้วเขาก็ได้แต่ส่ายศีรษะไป
เมื่อตั้งสติแล้วเขาเริ่มที่จะหม่นวนเคล็ดวิชาซือตี่ก่อนที่จะพยายามส่งพลังออกมาเพื่อต้านทานกระแสน้ำที่เย็นยะเยือกหลังจากนั้นเขาก็รวมที่จะถ่ายเทพลังไปตามหลักการฝึกทักษะหมัดสังหารที่เพิ่งได้มา
"หมัดสังหาร รวมพลังไปที่กำปั้นพร้อมกับส่งลำแสงออกไปทำลายทุกอย่างที่อยู่ในเส้นทางของมัน "
หลินเทียนได้พึมพำออกมา
เขาได้ถ่ายเทพลังไปตามที่ตำราได้แนะนำเอาไว้ก่อนที่ความเจ็บปวดมากมายจะแผดออกมาโดยรอบพร้อมกับพบว่าตอนนี้กำปั้นของเขาไม่ต่างอะไรไปจากลูกโป่งที่กำลังจะระเบิดออก
นี่มันทำให้ท่าทางของเขาเปลี่ยนไปก่อนที่จะหยุดโดยทันที
"สภาพร่างกายของเราตอนนี้เทียบเท่ากับเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 7 แต่ยังฝึกทักษะนี้ลำบากมาก แค่จะรวมพลังยังไม่ได้เลย "
เขาได้ส่ายศีรษะพร้อมกับพูดต่อว่า
"ดูเหมือนว่าเราต้องทำให้ร่างกายของเราแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้อีก "
หลังจากที่คิดได้แล้วหลินเทียนก็ละทิ้งการฝึกทักษะไปก่อนที่จะเริ่มขัดเกลาร่างกายอย่างเต็มที่ เขาได้แผดพลังฉีออกไปพร้อมกับตั้งรับกระแสน้ำที่รุนแรงและเดินหน้าออกไปเรื่อยๆ
โครม !
หลังจากที่มาถึงจุดนี้แล้วกระแสน้ำยิ่งรุนแรงและเย็นขึ้นกว่าเก่ามาก
หลินเทียนได้ตั้งสติก่อนที่จะหมุนวนเคล็ดวิชาซือจี่เร็วขึ้นกว่าเก่าพร้อมทั้งมุ่งหน้าต่อไป
ภายในสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยผู้คนดังนั้นศิษย์เก่าหลายๆคนได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาทันที
"เจ้านั่นมันใครกัน ? ขนาดเดินไปได้ขนาดนั้นแล้วยังยืนนิ่งอยู่เลย ! "
"ดูหน้าตาคุ้นๆนะ "
"เป็นศิษย์ใหม่ ? "
"ศิษย์ใหม่ ? มีหมู่ศิษย์ใหม่มีคนที่แข็งแกร่งขนาดนี้ด้วย ? "
"ร่างกายผิดมนุษย์เกินไปแล้ว ! "
หลายๆคนได้แต่ผงะไป
ต้องรู้ก่อนนะว่าตรงจุดนั้นอย่างน้อยๆก็ต้องมีระดับพลังอยู่ในเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 5
หลินเทียนไม่ได้สนใจกับเสียงรอบข้างแม้แต่น้อยก่อนที่จะกัดฟันพร้อมทั้งก้าวต่อไปจนห่างจากใจกลางแรกเพียงแค่ 300 เมตรและตอนนี้เองที่เขารู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาลจนทำให้เขาไม่สามารถก้าวไปต่อได้
"ที่นี่แหละ "
เขาได้พูดกับตัวเอง
เคล็ดวิชาซือจี่ได้หมุนวนพร้อมทั้งทำเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดอย่างการฝังตัวเองลงไปในน้ำทั้งตัว
"นี่มันทำอะไรกัน ? "
"ไม่สลบ ? "
"บ้าไปแล้ว คิดว่าเป็นเรือดำน้ำหรือไงกัน ! "
ศิษย์เก่าหลายๆคนถึงกับผวาไปทันที
เวลาได้ผ่านไปหนึ่งนาทีอย่างรวดเร็ว
ไม่นานก็ผ่านไปกว่า 30 นาที
"ยังไม่สลบ ? "
"ผ่านไป 30 นาทีเองจะกระวนกระวายไปทำไมกัน เขตแดนชีพจรเทวสามารถกลั้นหายใจได้ 1 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย "
"แต่ที่นี่มันในวังน้ำวนนะ มันไม่สามารถเทียบกับด้านนอกได้ ! ยิ่งไปกว่านั้นเจ้านั่นยังอยู่เกือบจะถึงจุดใจกลางแรกแล้วด้วย "
หลายๆคนได้ส่งเสียงออกมา
และตอนนี้มีหลายคนที่คิดว่าหลินเทียนได้สลบไปแล้วด้วยซ้ำหลังจากที่ผ่านไปอีก 30 นาทีแต่ตอนนี้เองที่ร่างของหลินเทียนก็ได้ยืนกลับขึ้นมาและภาพเหล่านั้นทำให้ศิษย์เก่าหลายคนถึงกับผงะไป
"1 ชั่วโมง ! เจ้านั่นดำลงไปทั้งตัวและยังสามารถทนได้ตั้ง 1 ชั่วโมงเต็ม ! "
"ใช่ศิษย์ใหม่แน่งั้นรึ ? ผิดมนุษย์เกินไปแล้ว ! "
"สภาพร่างกายนั้นมันพอๆกับเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 7 เลยนะ ! "
หลายๆคนได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา
หลินเทียนไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้แม้แต่น้อยก่อนที่จะสัมผัสได้ว่าความปวดได้กระจายไปทั่วร่างของเขา
"ดูเหมือนว่าจะถึงขีดจำกัดแล้วสินะ"
เขาได้พูดอยู่กับตัวเอง
เขาได้เงียบไป เมื่อดำลงไปแล้วกระแสน้ำได้ชำระล้างร่างกายของเขาและความเจ็บปวดมันโลดแล่นไปทั่วร่างเหมือนว่ากำลังถูกกรีดตามจุดต่างๆด้วยของมีคม ภายใต้สภาพแบบนี้เขาสามารถทนอยู่ได้เพียงแค่ 1 ชั่วโมงแต่หากว่าเทียบกับยืนเฉยๆแล้วเขาจะสามารถทนได้อยู่ 6 ชั่วโมงเต็ม
เมื่อได้สติกลับมาแล้วเขาก็ย่อตัวลงพร้อมทั้งกระโดดออกไปอย่างไกล
วิ้ส ! ร่างของเขาได้ไปโผล่ที่ชายฝั่งในพริบตา
"กระโดดไกลขนาดนั้นเลย ! นี่มัน ........"
"สุดยอดเกินไปแล้ว ! "
การกระทำของเขาได้เรียกความสนใจจากผู้คนมากมาย
หลังจากที่ออกมาแล้วเขารู้สึกได้เลยว่าร่างกายของเขาดีขึ้นมาก ตอนนี้เขาไม่รู้สึกเย็นอีกแล้วแถมการหายใจยังราบรื่นกว่าเดิม
ไม่นานเขาก็ได้กลับไปถึงที่พักและตอนนี่มันเป็นช่วงเย็นแล้วดังนั้นถึงได้อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ก่อนที่จะนั่งขัดสมาธิแล้วเปิดการทำงานของข่ายอาคมรวมพลังวิญญาณ 2 ม้วนเพื่อเริ่มการบ่มเพาะ
"บึ้ส !"
แสงสีเงินได้เปล่งประกายออกมาโดยรอบร่างกายของเขาเหมือนดั่งทวยเทพ
ไม่นานช่วงกลางคนก็ได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วซึ่งทุกวันนี้หลินเทียนก็มักจะใช้เวลาไปกับการบ่มเพาะภายในวังน้ำวนอยู่ทุกวัน และพบว่ามันไม่เพียงแต่ช่วยเสริมความแข็งแกร่งของร่างกายเท่านั้นแต่ความเย็นจะช่วยชำระล้างจุดพลังต่างๆทำให้ก่อจุดชีพจรเทวะได้ง่ายขึ้น
พริบตาเดียวก็ผ่านไปกว่า 5 วัน
ในวันนี้หลินเทียนได้เดินออกมาจากที่พักและเตรียมตัวมุ่งหน้าไปยังวังน้ำวนเช่นเคย ขารู้สึกได้เลนว่าอีกไม่นานร่างกายของเขาจะแกร่งพอที่จะฝึกฝนทักษะหมัดสังหาร, เขาคาดหวังการโจมตีที่รวมพลังเอาไว้ที่กำปั้นแล้วส่งออกไปอย่างมาก !
"แย่แล้วพี่เขย ! แย่แล้วพี่เขย ! "
ณ ตอนนี้ซินเชิงหยุนที่ไม่ได้เจอกันหลายวันได้รีบวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
"มีอะไร ? "
หลินเทียนได้ถามออกมาด้วยท่าทางแปลกๆ
ซินเชิงหยุนได้พูดออกมาด้วยท่าทางที่ดูไม่ได้ว่า
"พี่เขย ม้านิลมังกรมัน........."
หลินเทียนได้ขมวดคิ้วพร้อมกับรู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาทันที เขาไม่ถามซินเชิงหยุนแม้แต่น้อยก่อนที่จะเดินออกไปทางคอกม้าอย่างรวดเร็ว เมื่อเขามาถึงแล้วก็พบว่าตรงหน้าเต็มไปด้วยผู้คนมากมายกำลังแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันตรงจุดที่เขาฝากม้านิลมังกรเอาไว้ หลังจากที่เขาแหวกผู้คนแล้วแล้วท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไปโดยทันที
ตรงหน้าเขาเห็นเพียงแต่ว่าม้านิลม งกรกำลังนอนอยู่ที่พื้นขณะที่ร่างกายของมันกระตุกไม่หยุดและชโลมไปด้วยเลือด ตามร่างของมันเต็มไปด้วยรอยกระบี่ ขาทั้งหมดของมันถูกตัด, เขาได้เดินเข้าไปหามันก่อนที่จะหยุดอยู่ข้างๆและเมื่อมันรับรู้ว่าเจ้านายของมันมาแล้วก็พยายามที่จะลุกขึ้นมาแต่ก็ทำไม่ได้
หลินเทียนได้ย่อตัวลงลูบหัวมัน , ตอนนี้เขาสัมผัสได้ว่าพลังชีวิตของมันกำลังเผาผลาญอย่างรวดเร็วและเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรอดชีวิตได้ เขาได้กวาดสายตาไปโดยรอบและพบว่ามันไม่เพียงแต่จะถูกตัดขาเท่านั้นทว่าอวัยวะภายในยังถูกควักออกมาจนทำให้พื้นเจิ่งนอกไปด้วยเลือด
มันพยายามจะอ้าปากเหมือนต้องการส่งเสียงออกมาทว่าเลือดก็ยังคงทะลักออกมาไม่หยุด
หลินเทียนได้แต่กำหมัดด้วยสายตาที่น่ากลัว
"พักซะเถอะนะ ! "
เขาได้พูดออกมาก่อนที่จะจะเรียกเอามีดสั้นพร้อมทั้งปาดไปที่ลำคอของมันเพื่อปลิดชีวิตเฮือกสุดท้ายด้วยตัวเอง ขาถูกตัดแถมอวัยวะยังถูกควักออกดังนั้นถึงเป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะมีชีวิตต่อและเขาคิดว่ามันไม่มีค่าอะไรที่จะปล่อยให้มันต้องทนทรมานอยู่อย่างนี้
เขาได้ยืนขึ้นก่อนที่จะกวาดสายตาไปโดยรอบพร้อมกับแผดจิตสังหารออกมาอย่างบ้าคลั่ง
"ใครเป็นคนทำ ! "
เขาจ้องมองไปทางผู้คนพร้อมกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่น่าสยดสยอง
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายตาของเขาแล้วผู้คนทั้งหลายถึงกับแสดงสีหน้าที่หวาดกลัวก่อนที่จะถอยหลังออกไป
หลินเทียนได้เดินไปยังคนที่อยู่หน้าสุดพร้อมทั้งกระชากคอเสื้อมาแล้วถามว่า
"ข้าถามว่าใคร ! "
เมื่อต้องเผชิญกับสายตาที่น่ากลัวของหลินเทียนในระยะประชิดแบบนี้จึงทำให้ใบหน้าของศิษย์คนนั้นซีดเผือดลงจนเกือบจะหมดสติไป
"ซะ........เซี่ยหวู....."
ศิษย์ใหม่คนนี้จำได้ว่าเป็นเซี่ยหวู