Divine King Of All Directions - 140
Divine King Of All Directions - 140
หลินเทียนได้มองตามเสียงไปก่อนที่จะพบกับชายหนุ่มชุดม่วง , เซี่ยหวู
"มีอะไร ? "
เขาได้ถามออกไปด้วยท่าทางไม่แยแส
เซี่ยหวูได้แสยะออกมาพร้อมกับพูดว่า
"ไม่คิดเลยนะว่าเจ้าจะเป็นศิษย์ใหม่ของสำนักนี้ด้วย "
หลินเทียนได้หรี่ตาลงพร้อมกับตอบว่า
"นี่เรียกข้าเพราะเรื่องแค่นี้ ? "
หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็ได้ส่ายศีรษะพร้อมกับเดินจากไปกับซินเชิงหยุน
"หยุด ! "
เซี่ยหวูได้ตะโกนออกมา
ที่นี่นั้นเป็นลายฝึกดังนั้นศิษย์หลายๆคนถึงได้จับจ้องไปทางพวกเขา
หลินเทียนและเซี่ยหวูนั้นเป็นศิษย์ใหม่ไฟแรงผู้โด่งดัง
หลินเทียนเองก็ไม่อยากจะตอบสนองอะไรแต่ซินเชิงหยุนได้ตอบโต้กลับไปว่า
"ไอ้หัวหอมกล้าดียังไง ! "
หลังจากนั้นเขาก็ได้มองไปยังหลินเทียนพร้อมกับพูดว่า
"นี่พี่เขย เขาเป็นคนรู้จักของพี่ ? "
"อื้ม ก่อนหน้านี้มีปากเสียงกันนิดหน่อย "
หลินเทียนได้ยิ้มออกมาแห้งๆ
"อื้ม ? มีปากเสียงกันนิดหน่อย ? ทำไมดูท่าทางเขาเกลียดท่านจัง ? "
ซินเชิงหยุนได้พูดออกมา
"หากว่าข้าไม่รู้จักพี่สาวเจ้าแล้วข้าเตะเจ้าออกนอกร้านอาหารเจ้าจะเกลียดข้าไหม ? "
หลินเทียนได้พูดออกมา
ซินเชิงหยุนได้แต่ชะงักไปก่อนที่จะยกนิ้วแล้วพูดว่า
"พี่เขย ท่านนี่สุดยอดไปเลย ! "
พวกเขาสนทนากันโดยไม่สนใจคนรอบข้างแม้แต่น้อยดังนั้นทำให้ใบหน้าของเซี่ยหวูเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำด้วยความโกรธโดยทันทีเพราะว่าเรื่องในวันนั้นมันทำลายชื่อเสียงของเขาเป็นอย่างมากแถมในตอนนี้ศิษย์ทั้งหลายเองก็ยังจับจ้องมาที่เขา
"เป็นอย่างงี้นี่เอง ! "
"สมแล้วที่เป็นคนกล้าสังหารเหล็งอี้ทง ไม่คิดเลยว่าตอนที่เพิ่งเข้ามาเมืองหลวงก็เตะนายน้อยตระกูลเซี่ยไปแล้ว "
"สุดยอดไปเลย ! "
หลายๆคนที่อยู่รอบข้างได้พูดออกมา
เซี่ยหวูรู้สึกได้เพียงแค่ว่าใบหน้าของตัวเองกำลังร้อนผ่าวด้วยความโกรธ เขาได้หยิบเอากระบี่ชี้ไปทางหลินเทียนพร้อมกับพูดว่า
"หากว่าในวันนั้นเจ้าไม่ได้โจมตีทีเผลอก็อย่าหวังเลยว่าข้าจะแพ้เจ้า ! เรื่องพละกำลังนั้นเจ้าด้อยกว่าข้า ! "
"แล้วไง ? "
หลินเทียนได้พูดออกมาอย่างไม่แยแส
เซี่ยหวูได้พูดต่อด้วยท่าทางเย็นชาว่า
"กล้าประลองเป็นตายกันไหม ! "
วันที่หลินเทียนเตะเขาออกนอกร้านอาหารนั้นทำให้เขาเกลียดชังเป็นอย่างมาก เขาเชื่อว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่าหลินเทียน !
วิ้ส !
เมื่อได้ยินคำว่าประลองเป็นตายนั้นศิษย์ทั้งหลายโดยรอบต่างรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ยิ่งไปกว่านั้นนี่เป็นการฆ่ากันระหว่างดาวรุ่งศิษย์ใหม่
"น่าเบื่อ "
หลินเทียนได้ส่ายศีรษะพร้อมทั้งพูดกับซินเชิงหยุนแล้วเดินออกไปทางนอกสำนัก
"เจ้าไม่กล้า ? ! "
เซี่ยหวูได้แสยะออกมาพร้อมกับชี้กระบี่ไปทางหลินเทียน
"มันเป็นเพราะเจ้าไม่คู่ควรต่างหาก "
หลินเทียนได้ตอบกลับด้วยท่าทางไม่แยแสเช่นเคย
หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็ไม่สนใจใครพร้อมทั้งเดินออกไปด้านนอกสำนักโดยทันทีโดยที่ทิ้งเซี่ยหวูให้ยืนหน้าซีดอยู่กับที่ด้วยสีหน้าที่ดุร้าย
.......
หลินเทียนและซินเชิงหยุนได้เดินออกไปด้านนอกสำนักด้วยกัน
"นี่พี่เขย ทำไมตอนเข้าเมืองมาพี่ถึงได้เตะเจ้านั่นล่ะ ? "
ซฺนเชิงหยุนได้ถามออกมา
"มันเป็นเพราะว่าเขาอยากจะแย่งห้องนอนของข้า "
หลินเทียนได้พูดออกมา
ซินเชิงหยุนถึงกับผงะไปพร้อมกับพูดว่า
"ห้องนอนก็เหมือนกับสตรี ไอ้ระยำนั่นกล้าที่จะแย่งห้องนอนพี่ ? รนหาที่ตายชัดๆ ! "
หลินเทียน
"......."
หลักการแบบนี้มันมาจากไหนกัน ?!
เมืองหลวงนั้นหรูหราเป็นอย่างมากขณะที่ซินเชิงหยุนได้บอกเขาว่าต้องการจะชวนเขาไปทานอาหารเย็นด้วยแต่น่าเสียดายที่หลินเทียนได้ปฏิเสธไป
"พี่เขย ทำไมยังไม่ถึงห้องพี่อีก ? อีกไกลแค่ไหนเนี่ย ? "
หลังจากที่เดินมาได้ 2 ชั่วโมงซินเชิงหยุนก็ได้บ่นออกมาขณะที่รู้สึกปวดเท้า
"ไม่น่าพามาด้วยเลย "
หลินเทียนถึงกับหมดคำพูดไปทันทีก่อนที่จะพูดต่อว่า
"เอาล่ะ อย่าเรียกข้าว่าพี่เขยด้วย !"
"ได้ พี่เขย !"
ซินเชิงหยุนได้พยักหน้าตอบ
หลินเทียนถึงกับหน้างิ้วและอยากจะตบเจ้านี่สักที
หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ได้ไปถึงร้านอาหารกันและหลังจากที่เดินไปถึงหลังร้านแล้วก็พบกับม้านิลมังกรที่รีบเดินเข้ามาหาเขาด้วยท่าทางที่ตื่นเต้น
หลินเทียนได้เดินเข้าไปลูบหัวมัน
หลังจากที่เห็นว่ามันดูแข็งแรงขึ้นมากนั้นเขาก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
"สัตว์อสูรระดับ 3 ตอนปลาย ? พี่เขยนี่สุดยอดไปเลยที่เอามันมาเป็นสัตว์ขี่ได้ "
ซินเชิงหยุนได้พูดออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
"เพื่อนให้มาน่ะ "
หลินเทียนได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
หลังจากที่จ่ายเงินแล้วเขาก็ได้นำม้านิลมังกรเดินกลับไปทางเก่า
ระหว่างทางนั้นมีหลายคนที่จ้องหยุดมองม้านิลมังกรของเขาเพราะต้องรู้ก่อนนะว่ามันเป็นถึงสัตว์อสูรระดับ 3 ตอนปลายซึ่งมีระดับพลังเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 9 ที่คนธรรมดาๆไม่สามารถกำราบมันได้ การที่จะขี่มันได้นั้นก็แสดงให้เห็นว่าเจ้าของต้องแข็งแกร่งมากๆ
"พี่เขย ใหห้ข้าขี่หน่อยได้ไหม ? "
ซฺนเชิงหยุนได้พูดออกมาด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
"ได้"
หลินเทียนได้พูดออกมา
ในเมื่อเป็นน้องชายของซินเหยาดังนั้นเขาจะขี้เหนียวไม่ได้
ซินเชิงหยุนได้แสดงสีหน้าที่มีความสุขออกมาก่อนที่จะรีบวิ่งไปหาม้านิลมังกรแล้วกระโดดขึ้นไปขี่ ในขณะที่กำลังจะถึงนั้นม้านิลมังกรได้โกรธจัดพร้อมทั้งส่งเสียงคำรามออกมาแล้วเหวี่ยงร่างเขาออกไป
โครม ! ซินเชิงหยุนได้ตกลงมากระแทกกับพื้นพร้อมโอดครวญออกมา
"พี่เขย........... มัน"
ซินเชิงหยุนได้ชี้ไปทางม้านิลมังกรด้วยน้ำเสียงที่สั่นสะท้าน
หลินเทียนได้มองไปหามันพร้อมกับหัวเราะออกมาเพราะว่ามีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถขี่มันได้
"เจ้าหนูของข้า "
หลินเทียนได้ลูบมันเพราะเขาโปรดปรานมันมากๆ
ซินเชิงหยุนได้แต่จ้องมองไปที่มันและส่ายศีรษะด้วยท่าทางที่หมดหนทาง
พวกเขาได้เดินด้วยกันจนไปถึงที่สำนักซึ่งตลอดทางซินเชิงหยุนนั้นพูดไม่หยุดแม้แต่น้อย
"อ่อใช่ พี่เขยช่วงนี้ทางสำนักจะครึกครื้นกว่าปกติเพราะว่าการประลองจะมีมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นได้ยินว่ามีเจ้าชายมาเข้าเป็นศิษย์สำนักด้วย"
ซินเชิงหยุนได้พูดออกมา
หลินเทียนได้ชะงักไปพร้อมกับถามว่า
"นี่เจ้าชายก็มาฝึกฝนด้วย ? "
จากความรู้ของเขาคือทางราชวงเองก็มีผู้เชี่ยวชาญอยู่มากมายที่คอยฝึกสอนบรรดาเจ้าชายได้
"แน่นอนว่าปกติมันไม่ต้องแต่ใครจะไปรู้ใจของเจ้าชายกันล่ะ ? บางทีอาจจะคิดว่าบ่มเพาะอยู่ในราชวังมันน่าเบื่อถึงได้ออกมาเล่นที่โลกภายนอก "
ซินเชิงหยุนได้พูดออกมา
หลินเทียนเองก็ได้พยักหน้าด้วยท่าทางที่ไม่มีความสนใจเลย
ไม่นานพวกเขาก็ได้กลับไปสู่สำนักอีกครั้ง
ที่นี่เต็มไปด้วยผู้มีพรสวรรค์มากมายดังนั้นไม่ใช่เพียงเขาคนเดียวที่มีสัตว์ขี่จึงมีคอกสำหรับพวกมันไว้อยู่แล้ว หลังจากที่นำม้านิลมังกรไปเก็บและลูบมันแล้วเขาก็ได้จากไป , ตอนที่อยู่ในป่านั้นเขาได้บรรลุทั้ง 60% ของทักษะเพลงกระบี่สายฟ้ามรกตแล้วและตอนนี้ถึงได้เตรียมตัวไปที่ตำหนักตำราเพื่อที่จะเลือกทักษะใหม่ เพราะถึงอย่างไรก็ตามการมีทักษะมากก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหายอะไร
"เจ้าจะไปไหนต่อ ? "
หลินเทียนได้ถามออกมา
"พี่เขยไปไหนข้าก็ไปที่นั่นแหละ ! "
ซินเชิงหยุนได้พูดออกมา
หลินเทียนถึงกับหมดคำพูดไปทันทีเพราะว่าเจ้านี่มันพยายามจะเกาะติดเขาตลอดเวลา !
สำหนักแห่งนี้กว้างมากๆแต่ตอนนี้เขาก็คุ้นเคยกับมันมากขึ้นแล้ว หลังจากนั้นไม่นานก็ไปถึงที่หน้าตำหนักตำราและหากกวาดตามองไปรอบๆแล้วจะพบว่ามันมีอยู่ทั้งหมด 4 ชั้นที่มองดูแล้วให้ความรู้สึกน่าเกรงขามมากๆ
เมื่อเดินเข้าไปแล้วหลินเทียนและซินเชิงหยุนก็ได้ส่งตราประจำตัวให้กับผู้ดูแลก่อนที่จะได้รับคำตอบกลับมาว่า
"ไปที่ชั้น 2 แล้วอยากจะเลือกทักษะและเคล็ดวิชาบ่มเพาะอะไรก็ได้ ระยะเวลาจำกัด 2 ชั่วโมง"
ตอนนี้ตราประจำตัวของทางสำนักได้ทำการปรับเปลี่ยนแล้ว ตอนนี้หากผู้ดูแลถ่ายเทพลังฉีลงไปก็จะสามารถรู้ข้อมูลทั้งหมดได้ทันที
หลินเทียนได้รับตรากลับมาพร้อมทั้งเดินขึ้นไปที่ชั้น 2
"พี่เขยรอข้าด้วย ! "
ซินเชิงหยุนได้พูดออกมา
เมื่อพวกเขาได้ไปถึงชั้น 2 แล้วพบกับตำราเคล็ดวิชาบ่มเพาะและทักษะมากมายนั้นก็เริ่มที่จะหยิบขึ้นมาศึกษา
"เคล็ดวิชาหยางบริสุทธิ์ "
"เคล็ดวิชาเทียนฉุย "
"เคล็ดวิชาเยือกแข็ง "
หลินเทียนได้กวาดตามองเคล็ดวิชาบ่มเบาะก่อนที่จะพบว่าสำนักจิ่วหยางไม่สามารถเทียบกับที่นี่ได้แม้แต่น้อย แน่นอนว่าเคล็ดวิชาบ่มเพาะของที่นี่ก็ยังไม่สามารถเทียบกับเคล็ดวิชาซือจี่ของเขาได้อยู่ดี
หลังจากที่เดินผ่านส่วนของเคล็ดวิชาบ่มเพาะมาแล้วเขาก็ได้เดินไปถึงตำราทักษะ
"9 นิ้วหยิน !"
"กระบี่เพลิงสีคราม !"
"หมัดหลัวลี่ !"
หลินเทียนได้เดินผ่านตำราทักษะหลายเล่มก่อนที่จะส่ายศีรษะไปมา
เขามีทักษะเพลงกระบี่สายฟ้ามรกตอยู่ซึ่งมันแข็งแกร่งมากๆ เพียงแค่ 60% ในตอนนี้ก็เทียบเท่ากับทักษะระดับสูงเขตแดนชีพจรเทวะแล้วดังนั้นเขาไม่จำเป็นต้องฝึกทักษะเพลงกระบี่อีกสักระยะ ครั้งนี้ที่เขามาก็อยากจะหาทักษะการโจมตีที่รุนแรงอย่างฉับพลังเหมือนกระบี่สายฟ้าแต่ระดับความแข็งแกร่งของมันเทียบเท่าทักษะระดับกลางเขตแดนหล่อหลอมร่างกายเท่านั้นดังนั้นเขาถึงอยากจะได้ทักษะรุนแรงอย่างเฉียบพลันทักษะใหม่
"ทลายฟากฟ้า ! "
"ธนูเปลวเพลิง ! "
เขาได้กวาดตามองไปรอบๆก่อนที่จะส่ายศีรษะซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หลังจากนั้นสายตาของเขาก็จดจ่ออยู่ที่ทักษะหมัดที่ชื่อว่า หมัดสังหาร !
"หมัดสังหาร , ทักษะระดับสูงเขตแดนชีพจรเทวะ มีเพียงกระบวนท่าด้วยคือการรวมพลังไปที่กำปั้นซึ่งทักษะนี้จะเผาผลาญพลังฉีเป็นอย่างมากแถมยังเป็นเรื่องยากที่จะสำเร็จ ผู้ฝึกจำเป็นต้องมีร่างกายที่แข็งแกร่งไม่งั้นก็จะไม่สามารถต้านทานพลังของมันได้ "
หลินเทียนได้กวาดสายตาอ่านบทแนะนำพร้อมกับดวงตาที่เปล่งประกายอย่างฉับพลัน ดูเหมือนว่าทักษะนี้จะดีมากๆ
หลังจากที่คิดแล้วเขาก็เลือกทักษะนี้โดยทันที !
"เลือกแล้ว ? "
หลังจากที่ได้ทักษะแล้วเขาก็ถามออกไป
"ใช่ "
ซินเชิงหยุนได้ตอบกลับ
หลินเทียนได้หันไปมองพร้อมกับพบว่าอีกฝ่ายได้เลือกเคล็ดวิชาบ่มเพาะหยางบริสุทธิ์และทักษะการเคลื่อนไหวที่ชื่อว่าทักษะร้อยมายา
"ดีมาก เคล็ดวิชาหยางบริสุทธิ์จะช่วยทำให้พลังฉีของเจ้าบริสุทธิ์ขึ้นส่วนทักษะร้อยมายาก็จะช่วยเพิ่มความเร็วให้กับเจ้าและหลังจากที่ตัดผ่านเขตแดนชีพจรเทวะก็ค่อยเลือกทักษะเพลงกระบี่ต่อ "
หลินเทียนได้พูดออกมา
ซินเชิงหยุนได้แสดงสีหน้าที่พึงพอใจออกมาพร้อมกับพูดว่า
"นี่พี่เขย ท่านคิดว่าข้าฉลาดมากใช่ไหมล่ะ ? "
หลินเทียนได้แต่กรอกตา
หลังจากที่เดินกลับลงมาแล้วเขาก็ได้ส่งตราประจำตัวให้ทางผู้ดูแลบันทึกข้อมูลลงไปแล้วเดินออกไปทันที
"พี่เขยจะไปที่ไหนต่อ ? "
ซินเชิงหยุนได้ถามออกมา
"จะที่ไหนได้อีกล่ะ บ่มเพาะสิ "
หลินเทียนถึงกับหมดคำพูดไปทันที