ตอนที่แล้วDivine King Of All Directions - 136
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDivine King Of All Directions - 138

Divine King Of All Directions - 137


Divine King Of All Directions - 137

 

ก่อนหน้านี้ตอนที่หลินเทียนได้หยิบเอาตราสัญลักษณ์ประจำตัวออกมานั้นมันแสดงเพียงแค่ว่าเขาเป็นศิษย์ใหม่ของสำนักเท่านั้นดังนั้นฮานเฮอและหลุยหลานถึงได้ไม่รู้ถึงสถานะที่แท้จริงของหลินเทียน หลังจากที่พวกเขาได้ยินคำพูดของซูโจวแล้วถึงได้ตอบสนองโดยทันที

"นี่......."

พวกเขาได้แต่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ไอ้เจ้านี่คือผู้มีพรสวรรค์ระดับสัตว์ประหลาดจากเมืองเฟิงเจียน ?

จัดการยากจริงๆ !

แกร๊ง ! จิตสังหารยังคงพวยพุ่งออกมาขณะที่เหล็งเฟิงค่อยๆเข้าไปใกล้หลินเทียน

"หยุดนะเหล็งเฟิง ! "

ฮานเฮอได้พูดออกมา

ใบหน้าของเหล็งเฟิงได้เปลี่ยนเป็นหม่นหมองก่อนที่จะพูดออกมาว่า

"มันสังหารน้องชายข้า ! "

แม้ว่าเหล็งอี้ทงจะไม่มีพรสวรรค์อะไรมากนักแต่ก็ยังเป็นน้องชายของเขาอยู่ดี เขาจะทนดูน้องชายถูกฆ่าต่อหน้าต่อตาได้อย่างไรกัน

"แต่เขามีตรามังกร ! "

หลุยหลานได้พูดออกมา

คำพูดนี้ทำให้ท่าทางของผู้คนรอบข้างเปลี่ยนไปอย่างมาก

งั้นแสดงว่าหลินเทียนจะไม่มีความผิด ?

อย่างไรก็ตามหลังจากที่คิดดูแล้วพวกเขาก็ได้แต่โล่งอกเพราะว่าตรานั้นเป็นตัวแทนของราชวงซึ่งสามารถลบล้างความผิดทั้งหมดได้ 1 ครั้งและแต่ให้เป็นสำนักเป่ยหยานก็ต้องไว้หน้าพวกเขา แน่นอนว่าทุกคนไม่รู้เลยว่าฮานเฮอกำลังรู้สึกสองจิตสองใจ

อายุ 16 ปี พรสวรรค์ระดับ 9 ดารา ปรมาจารย์ด้านข่ายอาคมระดับ 3 พรสวรรค์สัตว์ประหลาดแบบนี้จะฆ่าทิ้งได้อย่างไรกัน

หากว่าลงโทษเขาก็จะเป็นการสูญเสียอย่างใหญ่หลวง !

เหล็งเฟิงได้แต่กำกระบี่ของเขาเอาไว้กับที่พร้อมทั้งจ้องมองไปยังหลินเทียนด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร เขารู้อยู่เต็มอกแล้วว่าตรามังกรคือสัญลักษณ์ตัวแทนของราชวงซึ่งแม้ว่าเขาไม่รู้ว่าหลินเทียนไปได้มันมาได้อย่างไรแต่หากว่าเขาลงมือสังหารหลินเทียนตรงนี้ก็จะทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายและทำให้ทางราชวงเสียหน้าได้ซึ่งมันถือเป็นหายนะสำหรับตระกูลของเขาที่กล้าขัดขืนอำนาจของราชวง

หลังจากที่เห็นว่าเหล็งเฟิงได้หยุดเท้าลงแล้วฮานเฮอก็ได้พยักหน้าออกมา

ฮานเฮอได้เดินไปหาหลินเทียนพร้อมกับพูดว่า

"ในเมื่อเจ้าถือครองตรามังกรงั้นก็จบเรื่องตรงนี้แต่ว่าครั้งหน้ามันจะใช้ไม่ได้อีกต่อไป "

"เขา "

หลินเทียนได้พูดออกมาขณะที่มองไปมาทางเหล็งเฟิง

"อะไร ? "

ฮานเฮอได้ถามออกมา

หลินเทียนได้พูดต่อว่า

"เรื่องที่เขานำกองกำลังผู้เชี่ยวชาญของตระกูลตัวเองบุกเข้าไปลอบสังหารข้าในป่าระหว่างการทดสอบนี่ทางสำนักจะลงโทษอย่างไร ? "

"ไม่ใช่ว่าเจ้าสังหารเหล็งอี้ทงไปแล้ว ? "

หลุยหลานได้พูดออกมาพลางขมวดคิ้ว

"ใช่ ข้าสังหารเหล็งอี้ทงไปก็จริงดังนั้นข้าถึงได้ใช้ตรามังกรนี่ลบล้างความผิดไปแต่เหล็งเฟิงเองก็ยังมีโทษที่คิดสังหารศิษย์ร่วมสำนักอยู่ เขาจะได้รับโทษอะไร ? "

หลินเทียนได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก

เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้วคนรอบข้างถึงกับสูดหายใจเข้าลึกไปตามๆกัน

"เจ้านี่มันบ้าไปแล้ว !"

"ฆ่าเหล็งอี้ทงโดยอาศัยตราแม่ทัพแถมยังจะให้.........ทางสำนักลงโทษเหล็งเฟิง ? "

"ก้าวร้าวจริงๆ "

ศิษย์เก่าหลายคนได้แต่แสดงสีหน้าที่โง่งมออกมา

ศิษย์ใหม่ทั้งหลายเองก็ได้แต่จ้องมองด้วยดวงตาที่เบิกกว้างเพราะว่านี่มันบ้าชัดๆ !

"ไอ้คนโอหัง ! "

เซี่ยหวูได้พูดออกมาด้วยสีหน้าที่หมองคล้ำ

ตูฮงซิงที่อยู่ห่างออกไปเองก็ได้แสยะออกมาอย่างเย็นชาขณะที่มองไปทางหลินเทียนด้วยสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์เพราะว่าเขาเป็นคนที่แย่งชิงเกียรติยศของตัวเองไป

ฮานเฮอเองก็ได้แต่ขมวดคิ้วพร้อมกับไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี

"นี่......"

หากพูดตามความจริงแล้วทางสำนักต้องจัดการกับเหล็งเฟิงแต่มันเป็นเพราะว่าอีกฝ่ายเป็นนายน้อยคนโตของตระกูลเหล็งแถมยังอยู่ในอันดับที่ 7 ของตารางสายลมและหมู่เมฆดังนั้นในเมื่อเหล็งอี้ทงเพิ่งจะตายไปแล้วจะให้จัดการกับเหล็งเฟิงอีกมันก็ดูแปลกๆ

เหล็งเฟิงที่อยู่บนเวทีเองก็ได้แต่จ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยจิตสังหารที่เข้มข้น

"มาสิ ประลองเป็นตายกันเจ้าน่าจะพอใจ ? "

เหล็งเฟิงได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

หลินเทียนได้แสดงสีหน้าที่ดูถูกออกมาพร้อมกับตอบกลับไปว่า

"ประลองเป็นตาย ? ทำไม ? เจ้ากล้าที่จะคิดลอบสังหารศิษย์ร่วมสำนักแล้วยังมีหน้ามาท้าประลองเป็นตายกับข้าอีก ? ดูเหมือนว่าหนังหน้าตระกูลเจ้าจะหนาไม่ใช่น้อยเลยนะ "

ท่าทางของเหล็งเฟิงได้เปลี่ยนเป็นเย็นชากว่าเก่าพร้อมกับจิตสังหารที่พวยพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง

"พอได้แล้ว ! "

ฮานเฮอได้คำรามออกมาพร้อมกับมองไปทางหลินเทียนแล้วพูดว่า

"เรื่องนี้จะฟังจากเจ้าฝ่ายเดียวไม่ได้ดังนั้นทางเราต้องสืบสวนให้ดีเสียก่อนแล้วค่อยสรุปกันอีกที "

"จะหาข้ออ้างยื้อเวลา ? "

หลินเทียนได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มแห้งๆ

"เจ้า...."

ใบหน้าของฮานเฮอในตอนนี้ซีดลงอย่างมากด้วยความโกรธ เจ้าหนูนี่มันบ้าจริงๆที่ไม่ไว้หน้าเขาแม้แต่น้อย

เขาไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อแล้วดังนั้นก็ได้แต่ส่ายศีรษะไป

"ได้ ไม่ว่าทางสำนักจะจัดการกับเขาอย่างไรก็ช่างแต่ข้าเป็นคนที่ชอบจัดการแก้ปัญหาของตัวเองอยู่แล้ว "

เขาได้มองไปทางเหล็งเฟิงอย่างเย็นชาพร้อมกับพูดว่า

"ข้าจะทำให้เจ้าได้รู้ว่าจุดจบเจ้าจะเป็นอย่างไรเมื่อมาล่วงเกินข้า วันนี้เหล็งอี้ทงนอนกองอยู่กับพื้นไปแล้วและอีกไม่นานก็จะถึงคราวของเจ้า "

ผู้คนโดยรอบได้แต่แสดงสีหน้าที่โง่งมออกมา

"เขา.....ชื่อว่าหลินเทียนใช่ไหม ? "

"ไม่ใช่ว่าเจ้าหนูนี่มันเป็นเจ้าชายองค์ไหนของราชวงที่แอบมาเล่นที่สำนักนี้หรอกใช่ไหม ? "

"บ้าเกินไปแล้ว ! "

ฆ่าเหล็งอี้ทงไปยังไม่พอแต่ยังข่มขู่ฆ่าเหล็งเฟิงอีกซึ่งๆหน้านี่มันบ้าเกินไปแล้ว ความบ้านี้มันทำให้ผู้ชมรอบข้างต่างอ้าปากค้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อไปตามๆกัน

ท่าทางของเหล็งเฟิงได้ตกต่ำลงอย่างมาก ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดจากความอับอายที่ได้รับนี้เพราะตั้งแต่เกิดมาไม่เคยมีใครสร้างความอับอายให้เขาได้เท่าหลินเทียน ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกหลินเทียนตบหน้าซ้ำๆอยู่เรื่อยๆและหากว่าไม่ได้เป็นเพราะในมือของหลินเทียนมีตรามังกรแล้วเขาก็คงจะกระโจนออกไปฉีกร่างของมันออกเป็นชิ้นๆ

ฮานเฮอได้แต่มองไปที่กันและกันพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างขมขื่น

"ผู้อาวุโส งั้นก็ถือว่าข้าเข้าเป็นศิษย์สำนักเต็มตัวแล้วสินะ ? "

หลินเทียนได้ถามออกมา

ณ ตอนนี้หลินเทียนไม่ได้ตอบสนองเหล็งเฟิงเลยแม้แต่น้อย หากว่าเขาแข็งแกร่งในตอนนี้เขาก็คงจะลงมือสังหารเหล็งเฟิงไปด้วยแล้วแต่น่าเสียดายที่เขายังรู้สึกว่ายังห่างชั้นกับฝ่ายตรงข้ามอยู่

"แน่นอน จะไม่ใช่ได้อย่างไรกัน ? "

ฮานเฮอได้พูดออกมาด้วยใบหน้าที่จริงจัง

สัตว์ประหลาดแบบนี้ใครจะไม่เอา ?

"แล้วอันดับ ? "

"ไม่ต้องสู้กันแล้ว การประลองได้จบลงแล้วและเจ้าได้รับอันดับที่ 3 ! "

หลุยหลานได้พูดออกมาด้วยใบหน้าที่จริงจังก่อนที่จะมองไปทางซูโจวที่อยู่ด้านล่างว่า

"เจ้าดูแลคนที่เจ้าไปเอามาก่อนแล้วกัน นำเขาไปข้างในแล้วอธิบายเรื่องราวต่างๆให้เขาฟังซะ "

เรื่องเหล็งอี้ทงถูกสังหารนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆดังนั้นเขาถึงต้องไปจัดการอย่างรอบคอบ

"ขอรับ ! "

ซูโจวได้พยักหน้าซ้ำๆ

ฮานเฮอได้มองไปทางหลินเทียนพร้อมกับพูดว่า

"เอาล่ะ ไปกับซูโจวซะ "

หลินเทียนได้พยักหน้าออกมาพร้อมกับกวาดตามองไปยังเหล็งเฟิงด้วยสีหน้าที่เย็นชาแล้วกระโดดลงเวทีไป

"ต้องขอรบกวนท่านผู้อาวุโสด้วย "

เขาได้พูดออกมา

ซูโจวได้แต่ส่ายศีรษะพร้อมทั้งเดินนำหลินเทียนออกไป

ทั่วทั้งลานประลองได้ตกลงสู่ความเงียบสงบขณะที่จ้องมองไปยังร่างของหลินเทียนที่กำลังเดินจากไป ในดวงตาของเหล็งเฟิงนั้นต่างเต็มไปด้วยจิตสังหารที่เข้มข้นขณะที่กำหมัดแน่น ตัวเขาอยากจะกลืนหลินเทียนเข้าไปทั้งตัวด้วยซ้ำ , ฮานเฮอและหลุยหลานที่อยู่ข้างๆเองก็ได้แต่มองไปยังสีหน้าของเหล็งเฟิงก่อนที่จะกวาดตามองไปยังศพของเหล็งอี้ทงพลางยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ดูเหมือนว่าเรื่องนี้มันยังไม่จบอย่างแน่นอน

"เขาคือ เขาคือหลินเทียนใช่ไหม ? หล่อมาก ! สุดยอดไปเลย ! "

ศิษย์ที่เป็นผู้หญิงทั้งหลายต่างจ้องมองด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย

หลายๆคนได้แต่จ้องมองไปทางที่ร่างของหลินเทียนได้เดินจากไปขณะที่ภาพเหตุการณ์สังหารเหล็งอี้ทงและเอาตรามังกรออกมายังคงวนเวียนอยู่ในสมองของพวกเขา

.........

ณ ตอนนี้หลินเทียนได้เดินจากไปไกลแล้ว

"เจ้าบรรพบุรุษตัวน้อยนี่มันสุดๆไปเลยนะ เพิ่งเข้ามาแท้ๆแต่กลับสร้างเรื่องใหญ่ขนาดนี้ "

ซูโจวได้พูดออกมาด้วยใบหน้าที่ตะแหง่วๆ

นายน้อยคนรองของตระกูลเหล็งได้ถูกสังหารโดยหลินเทียนต่อหน้าทุกคนนั้นเป็นเรื่องใหญ่อย่างแน่นอน

"ช่วยไม่ได้หนิ ก็มันอยากจะสังหารข้าดังนั้นข้าก็ทำได้เพียงตอบโต้กลับไปเท่านั้น "

หลินเทียนได้ส่ายศีรษะของเขา

ซูโจวเองก็ได้พูดออกมาว่า

"แต่ที่นี่เป็นเมืองหลวงนะ มังกรก็ไม่สามารถต่อกรกับงูเจ้าถิ่นได้ดังนั้นอย่าพูดถึงขุมพลังที่แข็งแกร่งอย่างตระกูลเหล็งเลย น่าจะปรองดองกันไว้นะ"

"พวกมันต้องการฆ่าข้าแล้วจะให้ปรองดอง ? หากว่าครั้งนี้ปล่อยไปแล้วก็ต้องมีครั้งต่อไป "

หลินเทียนได้พูดออกมา

ซูโจวเองก็ได้ผงะไปพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างขมขื่นพลางตอบว่า

"ที่เจ้าพูดก็ถูก "

หลังจากที่เขาส่ายศีรษะแล้วก็ได้พูดต่อว่า

"เอาล่ะ มู่ชิงและฉีดงก็ยังไม่กังวลเรื่องของเจ้าดังนั้นข้าก็ไม่กังวลเหมือนกัน มา ข้าจะนำเจ้าไปเลือกที่พักก่อนแล้วจะนำเที่ยวชมสำนักเรา"

"ได้ ต้องรบกวนท่านด้วย "

"รบกวนอะไรกันล่ะ การที่ข้าสามารถดึงเอาสัตว์ประหลาดแบบเจ้ามาได้นี่ทำให้ข้าได้รางวัลไม่น้อยเลยนะ "

ซูโจวได้หัวเราะออกมา

สำนักเป่ยหยานนั้นเป็นสำนักสูงสุดในจักรวรรดินี้ซึ่งกินพื้นที่กว้างขวางเป็นอย่างมาก หลินเทียนและซูโจวได้เดินไปถึงเขตที่พักของศิษย์สำนักอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งพบกับบ้านพักที่ดูใหญ่โตและรายล้อมไปด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบ

"สมแล้วที่เป็นสำนักเป่ยหยาน "

หลินเทียนได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

ที่นี่ดีกว่าที่พักของศิษย์ภายในสำนักจิ่วหยางเสียอีกด้วยซ้ำแถมระยะห่างระหว่างบ้านพักแต่ละหลังเองก็ไม่ใช่น้อยๆดังนั้นถึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครมาแอบมองอะไร

"ศิษย์ส่วนใหญ่อาศัยกันอยู่ที่นี่ เจ้าเลือกได้ตามสบาย "

ซูโจวได้พูดออกมา

"ได้"

หลินเทียนได้พยักหน้าตอบ

หลังจากที่กวาดตามองไปรอบๆแล้วเขาก็ได้เลือกที่พักตามใจชอบ

หลังจากที่เลือกเสร็จแล้วเขาก็ได้เชิญซูโจวเข้ามาภายในห้องพร้อมทั้งถามออกมาว่า

"ผู้อาวุโส ท่านบอกว่าศิษย์ส่วนใหญ่พักที่นี่แล้วยังมีที่อื่นอีก ? "

สำหรับคำถามนี้ซูโจวก็ได้ตอบกลับไปว่า

"ใช่แล้ว สำนักนี้มีความเป็นมายาวนานมากๆดังนั้นถึงได้แบ่งออกเป็นศิษย์ตำหนักนอก ตำหนักใน และตำหนักราชา ซึ่งแต่ละระดับนี้ก็จะแยกส่วนของที่พักออกจากกัน ที่นี่เป็นส่วนของตำหนักนอก "

"ตำหนักนอก ตำหนักใน ตำหนักราชา เป็นเช่นนี้นี่เอง "

หลินเทียนได้พยักหน้าก่อนที่จะถามต่อว่า

"สำนักสามารถเลื่อนระดับจาศิษย์ตำหนักนอกเป็นตำหนักในได้แล้วเราจะเลื่อนเป็นตำหนักราชาได้อย่างไรกัน ? "

หลินเทียนนั้นผ่านสำนักจิ่วหยางมาแล้วถึงได้รู้ว่ายิ่งอยู่ในระดับที่สูงขึ้นก็จะยิ่งได้รับผลประโยชน์มากขึ้นดังนั้นเขาถึงจำเป็นต้องถามเรื่องนี้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด