Divine King Of All Directions - 134
Divine King Of All Directions - 134
จริงๆมันไม่ใช่รถม้านะ แอดไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไรอะ มันเป็นที่นั่งที่คนรับใช้แบกไปไหนมาไหนที่จะเห็นได้ในหนังจีนงะ
.......................................................................................................................................................................................
ภายในป่าลึกนั้นเสียงคำรามของสายฟ้าได้ถูกส่งออกมาไม่หยุดขณะที่หลินเทียนผู้ซึ่งกำกระบี่เอาไว้ในมือยังคงฝึกทักษะเพลงกระบี่สายฟ้ามรกตของเขา
"!"
"!"
"!"
คลื่นสายฟ้าได้ถูกส่งออกมาจากร่างกายของเขาก่อนที่จะห่อหุ้มเอาไว้เหมือนดั่งเทพสายฟ้า
หลินเทียนได้เคลื่อนไหวก่อนที่จะกวัดแกว่งกระบี่ออกไปเหมือนเป็นการส่งสายฟ้าลงมายังพื้นโลก
แกร๊ง ! ต้นไม้เหี่ยวที่อยู่ห่างออกไปได้ระเบิดออกเป็นผุยผงก่อนที่โคนของมันจะถูกเผาจนเกรียมเหมือนโดยฟ้าผ่า
เขาได้ลืมตาขึ้นมาก่อนที่จะสูดหายใจเข้า
แม้ว่ามันเป็นเพียงการฟาดฟันธรรมดาๆแต่เมื่อมองไปยังผลลัพธ์ตรงหน้าแล้วก็ทำให้เขาพอใจอย่างมาก
"มาต่อกันเลย"
เขาได้พูดออกมาก่อนที่คลื่นกระบี่ของเขาจะรุนแรงขึ้น
ทุกการฟาดฟันของเขาทำให้พื้นที่มืดๆจุดประกายขึ้นมาเหมือนกระแสไฟฟ้าที่ส่งแรงกดดันที่น่าเกรงขามออกมา
"สะบั้นแรก ! "
ทั้งสองมือได้กำกระบี่เอาไว้พร้อมทั้งฟาดฟันออกไปอย่างจัง
ในสถานที่แห่งนี้เขาไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรดังนั้นถึงได้ฝึกฝนอย่างบ้าคลั่ง
เมื่อมีพลังเต็มเปี่ยมเขาก็จะลุกขึ้นมากวัดแกว่งกระบี่อย่างบ้าคลั่ง เมื่อหิวเขาก็จะเดินไปหยิบเอาเนื้อของสัตว์อสูรมาปิ้งทาน เมื่อเหนื่อยเขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลด้วยซ้ำว่าจะมีสัตว์อสูรเข้ามาจู่โจมเขา
และมันก็เป็นอยู่อย่างนั้นกว่าครึ่งเดือน
........
และตอนนี้ในเวลาเช้าตรู่นั้นศิษย์ใหม่ทั้งหลายก็ได้พากันออกมาจากภายในป่า
ชายวัยกลางคนที่รับหน้าที่ดูแลการทดสอบนี้ได้มองไปยังเหล็งเฟิงและศิษย์เก่าคนอื่นๆ
"ดีมาก "
เขาได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
ชายคนนี้มีชื่อว่าฮานเฮอเป็นผู้อาวุโสของสำนักเป่ยหยาน
ณ ตอนนี้มีผู้คนมากมายยืนรออยู่โดยรอบป่า หลายๆคนมาเพื่อดูสถานการณ์ต่างๆแต่ที่มุมๆหนึ่งนั้นมีรถม้าคันหนึ่งจอดอยู่ซึ่งสายตาของจี่หยูได้แต่จับจ้องไปในป่าอย่างราบเรียบเหมือนกำลังรออะไรบางอย่าง
"เหล็งเฟิง น้องชายเจ้าออกมาแล้ว"
ชายข้างๆเขาได้พูดขึ้น
เหล็งเฟิงเองก็ได้มองไปทางเหล็งอี้ทงอย่างไม่แยแสนัก
เหล็งอี้ทงได้ยิ้มออกมาพร้อมกับมองไปทางรถม้าก่อนที่จะเดินไปทักทายโดยทันที
"หยูเอ๋อ มาทำอะไรงั้นรึ ? "
เหล็งอี้ทงได้พูดออกมา
"รอ "
จี่หยูได้ตอบกลับไป
"ใคร ? "
หัวใจของเขารู้สึกเย็นยะเยือกก่อนที่จะพูดออกมาว่า
"ข้างั้นรึ ? เป็นเกียรติจริงๆ "
จี่หยูเองก็ไม่ได้พูดอะไรต่อพร้อมทั้งหันหน้าไปมองที่ป่าอีกครั้ง
หลายๆคนก็ได้แต่จ้องมองมาทางนาง
"งดงามจริงๆ ! "
"นี่หญิงงามอันดับที่ 1 มารอนายน้อยเหล็งด้วยตัวเองเลย ? "
"สุดยอดไปเลย หากว่าข้าได้เกิดในตระกูลมีอำนาจแบบนั้นบ้างก็ดีสินะ "
"ต่อให้อายุขัยลดลง 20 ปีข้าก็ยอม "
"ไปไกลๆเลนไป "
หลายๆคนได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันออกมาขณะที่จ้องมองไปยังรถม้า
แน่นอนว่าไม่มีใครเดินออกมาจากป่าอีกแล้ว
239 คนที่เข้าไป มี 221 คนที่รอดออกมา
"เอาล่ะ น่าจะได้เวลาแล้ว "
ฮานเฮอได้พูดออกมา
จี่หยูเองก็ได้แต่มองเข้าไปในป่าจนถึงช่วงที่ผ่านไปได้กว่า 2 ชั่วโมงก็ยังไม่เห็นร่างของหลินเทียน
"เขา ? "
จี่หยูได้ถามออกมา
"ใคร ? "
เหล็งอี้ทงได้พูดออกมาด้วยความจงใจ
"หลินเทียนไง เจ้าก็น่าจะรู้ "
ในหัวใจของเขารู้สึกไม่มีความสึกอย่างมากแต่ก็ไม่ได้แสดงอะไรออกมาพร้อมทั้งพูดว่า
"แค่พวกกระโปกจากบ้านนอกเท่านั้น ข้าว่าน่าจะตายอยู่ในป่าแล้วล่ะ "
"เขาแข็งแกร่งกว่าเจ้า ในเมื่อเจ้ายังอยู่ดังนั้นเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะตาย "
จี่หยูได้ตอบกลับไป
ประกายตาของเหล็งอี้ทงได้เปลี่ยนเป็นเย็นชาพร้อมกับกำหมัดแน่น
"ใครจะรู้กันล่ะ บางทีอาจจะไปเผชิญเข้ากับสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งก็เป็นได้ "
หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็ได้หันหลังแล้วเดินจากไปทันที
ฮานเฮอเองก็ได้สั่งให้ศิษย์ใหม่ทั้งหลายกลับไปที่สำนักซึ่งเหล็งอี้ทงนั้นก็เป็นหนึ่งในศิษย์ใหม่ถึงไม่สามารถขัดคำสั่งได้
"ขอแสดงความยินดีด้วยที่ได้เป็นศิษย์ของสำนักเรา อีก 8 วันจะถึงวันวัดระดับความแข็งแกร่งของพวกเจ้า มันเป็นเพราะว่าหลังจากนี้อันดับจะเป็นตัวแบ่งจำนวนทรัพยากรบ่มเพาะที่พวกเจ้าแต่ละคนจะได้รับ "
ฮานเฮอได้พูดอธิบายออกมา
ศิษย์ใหม่ทั้งหลายได้แต่กำหมัดแน่น ตอนนี้หลังจากที่เพิ่งออกมาจากป่านั้นพวกเขายังรู้สึกมุ่งมั่นอย่างมาก
"เอาล่ะ วิ่งกลับไปที่สำนักเราได้แล้ว "
ฮานเฮอได้ตะโกนออกมาอย่างดัง
"ขอรับ ! "
ศิษย์ใหม่ทั้งหลายพากันวิ่งออกไปทิ้งไว้เพียงเศษฝุ่น
"เด็กหนุ่มเหล่านั้นจะเป็นเสาหลักของเราในอนาคต "
"221 คนที่เป็นผู้มีพรสวรรค์ น่าอิจฉาจริงๆ "
เมื่อจ้องมองไปยังศิษย์ใหม่ทั้งหลายแล้วชาวบ้านก็ได้แต่แสดงดวงตาที่เปล่งประกายออกมา
แน่นอนว่าหลังจากนั้นกลุ่มคนก็เริ่มแยกย้ายกันไปจนทำให้พื้นที่นี้เงียบสงบลงมาก
ณ ตอนนี้มีเพียงจี่หยูเท่านั้นที่ยังคงจ้องมองไปในป่าลึกด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
"แม่นาง เราจะกลับกันเลยไหม ? "
คนรับใช้ได้ถามออกมา
ชายชราคนนี้เป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งมากๆ เขามีชื่อว่าหลุยเหวินซึ่งอยู่ในเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 7
"ลุงหลุย ท่านกลับไปก่อนเถอะ "
จี่หยูได้ส่ายศีรษะของนาง
..........
หลินเทียนที่อยู่ภายในป่าเองก็ยังคงกวัดแกว่งกระบี่ของเขาต่อไปอย่างบ้าคลั่ง
"แกร๊ง ! "
กระบี่ของเขาได้ส่งคลื่นสายฟ้าออกไปก่อนที่พื้นดินจะถูกเชือดเฉือนออก
เขาได้พยายามฝึกฝนอย่างตั้งใจโดยที่ลืมไปแล้วว่าเวลามันผ่านไปนานแค่ไหน
ในเวลาครึ่งเดือนนี้เขาสามารถบรรลุทักษะได้ถึง 55% และทุกการฟาดฟันของเขาจะนำพามาซึ่งลมพายุที่รุนแรง
"เกือบจะได้ครบ 60% แล้ว "
เขาได้พูดอยู่กับตัวเอง
มือขวาของเขาได้สั่นเล็กน้อยก่อนที่จะส่งเสียงคลื่นสายฟ้าออกมาอีกครั้ง
พริบตาเดียวก็ผ่านไปได้ถึง 7 วัน
ช่วงเช้าตรู่เขาได้หยุดการฝึกฝนเพราะในที่สุดเขาก็สามารถบรรลุทักษะเพลงกระบี่สายฟ้ามรกตได้ทั้ง 60% แล้วและหลังจากนั้นจุดชีพจรเทวะจุดที่ 4 ของเขาก็ขาดอยู่เพียงแค่เสี้ยวเดียวเท่านั้น
หลังจากที่เก็บกระบี่แล้วเขาก็ได้มองออกไปทางป่าใหญ่
"ถึงเวลาต้องไปแล้วสิ"
เขาได้พูดอยู่กับตัวเองแล้วก้าวออกไปทันที
เมื่อเดินออกมาจากเขตป่าพิษแล้วเขาก็เดินกลับไปทางเก่าและพบว่ามันระงมไปด้วยเสียงคำรามของสัตว์อสูรโดยที่ไม่มีแม้แต่เงาของคน
"โฮ๊ก ! "
สัตว์อสูรระดับ 4 ตอนปลายได้กระโจนเข้าใส่เขาซึ่งร่างกายของมันสูงถึง 10 เมตรพร้อมทั้งอ้าปากกว้างเพื่อจะกัดเขา
หลินเทียนได้แหงนหน้ากลับไปมองพร้อมทั้งเหวี่ยงหมัดออกไปปะทะ
มันได้ส่งเสียงร้องออกมาก่อนที่จะลอยออกไปไกล
"พอดีเลย การทดสอบต้องฆ่าสัตว์อสูรระดับ 4 ตอนปลายด้วยสิ "
เขาได้พุ่งออกไป
หลังจากนั้นไม่กี่ลมหายใจสัตว์อสูรก็ตายลงก่อนที่เขาจะชำแหละเอาแก่นอสูรออกมาแล้วเดินออกไปที่ทางออกของป่า
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้พบกับพื้นที่โล่งกว้างอยู่ตรงหน้า
"ดูเหมือนว่าจะลืมเวลาไปแล้วแหะ "
เขาได้คิดอยู่ภายในใจ
เขาไม่ได้โง่ดังนั้นถึงได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้ออกมาก่อนเวลาแน่นอน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้วเขาก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก ทางสำนักบอกว่าให้อยู่ครึ่งเดือนเท่านั้นไม่ได้บอกว่าห้ามเกินกว่านั้น
เมื่อคิดถึงจุดนี้แล้วเขาก็ได้เดินมุ่งหน้าไปทางเมืองหลวงโดยทันที
"หลินเทียน "
น้ำเสียงที่คุ้นเคยได้ดังขึ้น
หลินเทียนได้แต่ชะงักไปก่อนที่จะมองออกไปยังหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงพื้นที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล
จี่หยู
"เจ้า........"
เขาได้มองไปที่นางด้วยท่าทางที่ประหลาดใจ
อย่างไรก็ตามเขาได้ระลึกถึงบางสิ่งก่อนที่จะรู้สึกอบอุ่นเป็นอย่างมาก
"เจ้ารออยู่นี่นานแค่ไหนแล้ว ? "
เขาได้ถามออกไป
"ไม่นานหรอก แค่อาทิตย์เดียวเอง "
จี่หยูได้เดินเข้ามาหาเขา
หลินเทียนได้แต่ฝืนยิ้มออกมา อาทิตย์นึงเต็มๆยังบอกว่าไม่นาน ? หากว่ามีคนรู้เข้าว่าเขาปล่อยให้สาวงามอันดับ 1 ของเมืองรอเขากว่าอาทิตย์นี่คงจะโดนคนรุมกระทืบจนตาย
หลังจากที่เงียบไปเขาก็ได้ถามออกมาว่า
"การทดสอบจบไปอาทิตย์นึงแล้ว ? "
จี่หยูได้พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า
"แล้วทำไมเจ้าออกมาช้าจัง ? "
อาทิตย์ก่อนฮานเฮอได้สั่งให้ศิษย์ใหม่ทุกคนกลับไปที่สำนักซึ่งนางเองก็เชื่อว่าหลินเทียนไม่มีทางตายแน่นอนถึงได้รออยู่ที่นี่และตอนนี้หลังจากที่ได้เห็นว่าเขายังปลอดภัยนั้นนางก็มีความสุขเป็นอย่างมากแต่มันก็ผสมไปด้วยความสงสัยมากมายเช่นกัน
"พอดีว่าไปเจอเรื่องบางอย่างเขาถึงได้.........ลืมเวลาไปน่ะ "
หลินเทียนได้พูดออกมาด้วยท่าทางแปลกๆ
จี่หยูได้แต่ชะงักไปและอดไม่ได้ที่จะกรอกตาพลางพูดว่า
"มีที่ไหนกัน ฝึกฝนจนลืมเวลาน่ะ ! "
เมื่อ ห็นนางแสดงท่าทางแบบนั้นแล้วเขาก็ได้แต่ชะงักไป เขาเป็นชายหนุ่มและเมื่อต้องเผชิญกับหญิงงามแบบนี้จะให้ไม่รู้สึกอะไรเลยก็เป็นไปไม่ได้
"มองอะไร ? "
จี่หยูได้กระพริบตาวิ้งๆ
"เปล่า "
หลินเทียนได้รีบหลบสายตาทันที
จี่หยูได้หัวเราะคิกๆออกมาพร้อมกับพึมพำว่า
"เจ้าคนซื่อบื้อ !"
หลินเทียนที่เดินออกมาจากป่าแล้วจึงมุ่งหน้าไปทางสำนักโดยทันที หลังจากที่ผ่านไปประมาณ 4 ชั่วโมงแล้วเขาก็ได้หยุดส่งจี่หยูที่หน้าคฤหาสน์แม่ทัพ
"ข้าไม่ไปส่งเจ้าที่สำนักนะ เดินทางระวังๆด้วยล่ะ "
จี่หยูได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
ด้วยความที่นางเป็นหลานสาวของแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่แถมยังมีพรสวรรค์ที่สูงส่งทำให้ทางสำนักเชิญนางไปร่วมเป็นศิษย์หลายครั้งแต่น่าเสียดายที่นางปฏิเสธไป เหตุผลก็เพราะว่านางไม่ชอบแต่ถึงอย่างไรนางก็ไม่ได้อ่อนแอเลย แม้ว่านางจะเป็นหญิงงามอันดับที่ 1 แต่ความแข็งแกร่งในตารางสายลมและหมู่เมฆของนางนั้นอยู่สูงถึงอันดับที่ 6
"อื้ม ขอบคุณมาก "
หลินเทียนได้พยักหน้าตอบ
จี่หยูได้โบกมือให้กับเขาอย่างอ่อนโยนก่อนที่จะเดินเข้าไปในคฤหาสน์
ทหารยามเองก็ได้กวาดตามองไปยังนายหญิงพร้อมกับจ้องไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่เร่าร้อน
"."
หลินเทียนได้แต่แสดงสีหน้าอึดอัดออกมาก่อนที่จะกระแอมแล้วรีบเดินไปทางสำนักอย่างรวดเร็ว
คฤหาสน์แม่ทัพและสำนักเป่ยหยานนั้นอยู่ห่างกันไกลพอประมาณ หลังจากที่ผ่านไปได้ 2 ชั่วโมงแล้วหลินเทียนก็ได้ไปถึงที่หน้าประตูทางเข้าซึ่ง ณ ตอนนี้มันเต็มไปด้วยฝูงชนเพราะว่ามันเป็นวันประลองจัดอันดับศิษย์ใหม่ แน่นอนว่าผู้ชมเองก็มีทั้งศิษย์เก่าและอาจารย์มากมาย
"เหล็งเฟิง เหล็งอี้ทง ข้าหลินเทียนคนนี้กลับมาแล้ว ! "
เขาได้ยิ้มออกมาอย่างเย็นยะเยือก
หลังจากที่หยิบตราสัญลักษณ์ออกมาส่งให้ทหารแล้วหลินเทียนก็ได้เดินเข้าไปภายในอย่างราบเรียบเพียงแต่สายตาในตอนนี้ของเขาเย็นยะเยือกเหมือนคมกระบี่