Divine King Of All Directions - 133
Divine King Of All Directions - 133
อากาศโดยรอบต่างปกคลุมไปด้วยกลุ่มหมอกสีม่วงเข้มซึ่งหลินเทียนเองก็ได้มองออกไปยังต้นไม้ที่มีอยู่น้อยนิดก่อนที่จะสัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันตรายอย่างแท้จริง เขาได้หันหลังกลับไปมองที่เหล็งเฟิงพร้อมกับเห็นจากสายตาของฝ่ายตรงข้ามว่าหวั่นเกรงพื้นที่ตรงหน้ามากๆ
"อย่าขัดขืน !"
เหล็งเฟิงได้พูดออกมา
"คงจะเป็นไปได้อยู่หรอก "
หลินเทียนได้แสยะออกมาอย่างเย็นชาพร้อมกับพูดว่า
"ข้าเองก็รอจะจัดการกับพวกเจ้าสองพี่น้องอยู่เหมือนกัน "
ประกายตาของเหล็งเฟิงได้เปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกขณะที่ไม่พูดอะไรต่อพร้อมทั้งฟาดฟันออกไปทางหลินเทียนโดยทันที
กระบี่อาวุธวิญญาณระดับสูงได้ปรากฏขึ้นในมือของเขาซึ่งมันเป็นสิ่งของที่ยึดมาจากศพของซูมู่หยาง เขาได้สำแดงทักษะกระบี่สายฟ้ามรกตขั้นสูงสุดออกมาพร้อมทั้งส่งคลื่นสายฟ้าอันรุนแรงออกไป
"โครม ! "
กระบี่ทั้งสองได้ปะทะกันก่อนที่จะทำให้คลื่นอากาศระเบิดออกไปรอบที่ทาง
หลินเทียนได้รับแรงกระแทกถอยกลับไปหลายก้าวและรู้สึกได้ว่าอวัยวะภายในเคลื่อนไปหมดแล้ว
เหล็งเฟิงนั้นยังคงไม่ขยับไปไหนแม้แต่น้อยแต่สายตาของเขากลับเปลี่ยนไป เขตแดนชีพจรเทวะระดับ 2 กลับสามารถมีพลังแกร่งกล้าขนาดนี้แถมยังสังหารผู้เชี่ยวชาญตระกูลเขาไปเป็นสิบๆคนนี่มันทำให้จิตสังหารของเขาพวยพุ่งออกมาเข้มข้นกว่าเก่า
"วิ้ส !"
"วิ้ส !"
"วิ้ส !"
ณ ตอนนี้มีเสียงพุ่งมาจากทางด้านหลังก่อนที่ผู้เชี่ยวชาญตระกูลเหล็งทั้งหมดจะมาถึง
เหล็งอี้ทงได้มองไปตรงหน้าพร้อมกับพูดออกมาด้วยท่าทาแสยะว่า
"หนีอีกสิ ! ทำไมไม่หนี ? "
แน่นอนว่าเขารู้ดีว่าป่าด้านหน้านั้นคืออะไร
หลินเทียนที่กำกระบี่อยู่เองก็ได้มองไปรอบๆพร้อมกับเห็นว่าเส้นทางเบื้องหน้าได้ถูกปิดไว้หมดแล้วแถมเหล็งเฟิงยังยืนอยู่ตรงกลางซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะฝ่าออกไปได้ มีเพียงเส้นทางด้านหลังที่รอเขาอยู่เท่านั้น
หลังจากที่กวาดตามองไปยังกลุ่มหมอกสีม่วงเข้มแล้วเขาก็รู้สึกเหมือนกำลังเผชิญอยู่กับสิ่งชั่วร้ายโดยทันที
"เหล็งอี้ทง เหล็งเฟิง พวกเจ้าภาวนาให้ข้าได้ตายไว้เถอะ หากว่าข้าไม่ตายก็บอกได้เลยว่าตระกูลเจ้าจะต้องล่มสลาย ! "
หลินเทียนได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก
หลังจากนั้นเขาก็ได้เก็บกระบี่กลับไปพร้อมทั้งหันหลังแล้วพุ่งเข้าไปในป่าพิษอย่างรวดเร็ว
เหล็งเฟิงได้แต่ชะงักไปพร้อมกับขมวดคิ้วแต่หลังจากนั้นมันก็คลายออกอย่างรวดเร็ว
คนที่เข้าไปต่อให้เป็นเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 9 ก็ยังไม่สามารถรอดออกมาได้ มันจะต้องตายด้วยพิษร้ายและสัตว์อสูรที่อยู่ด้านในนั้น
สรุปว่าเรื่องวันนี้ก็ได้เสร็จลงตรงนี้
"โง่จริงๆ ขนาดที่แบบนั้นยังกล้าเข้าไป "
เหล็งอี้ทงได้แสยะออกมา
เหล็งเฟิงเองก็ได้สั่งให้ผู้เชี่ยวชาญตระกูลเขากลับไปก่อนที่จะจากไปอย่างรวดเร็ว
เหล็งอี้ทงได้แต่มองเข้าไปในป่าพิษพร้อมกับพึมพำออกมาว่า
"นี่แหละจุดจบของการล่วงเกินข้า "
หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็ได้หันหลังกลับแล้วเดินจากไป
........
ภายในป่าพิษนั้นเต็มไปด้วยหมอกสีม่วงเข้มที่หนาแน่น
หลินเทียนที่เดินเข้าไปได้ไม่ไกลเองก็ถึงกับสั่นสะท้านไปก่อนที่ความเจ็บปวดจะแผดไปทั่วร่างกายของเขา ในเวลาเดียวกันนี้เองที่วิสัยทัศน์ของเขาเริ่มจางลงก่อนที่จะรู้สึกวิงเวียงศีรษะเหมือนจะเป็นลม
"นี่คือพิษ ? "
หัวใจของเขาได้ตกลงไปที่ตาตุ่มเพราะว่าเพิ่งจะเดินเข้ามาได้ไม่ไกลแต่ก็ได้รับการตอบสนองแบบนี้แล้ว
เขาได้หยุดเท้าลงก่อนที่จะนั่งขัดสมาธิแล้วเริ่มหมุนวนเคล็ดวิชาซือจี่
แสงสีเงินได้เปล่งออกมาจากร่างกายของเขาขณะที่ร่างกายได้ดูดเอาพลังฉีและกลุ่มหมอกเข้ามาในร่างซึ่งมันทำให้เขาได้สั่นสะท้านไปทันที หลังจากนั้นเขาได้แต่กระอักเลือดสีดำออกมาไม่หยุด
ดวงตาของเขาได้หดเล็กลงก่อนที่จะพบว่าเขาได้รับพิษเข้ามาแล้ว !
เมื่อตั้งสติแล้วสิ่งแรกที่เขาคิดคือการขับพิษออกไปแต่ตอนนี้เขารู้สึกได้เพียงแค่ว่าร่างกายของเขากำลังถูกเฉือนโดยใบมีดก่อนที่จะเริ่มทำลายอวัยวะภายในของเขา
ความเจ็บปวดได้แผดออกไปขณะที่เขารู้สึกว่าภาพตรงหน้าเริ่มเลือนรางขึ้นเรื่อยๆ
"บึ้สสส ! "
ณ ตอนนี้เองที่ภายในป่าพิษได้เปล่งแสงออกมา
จิตวิญญาณของเขาได้สั่นสะท้านก่อนที่จะก้มหน้าลงไปมองที่สัญลักษณ์รูปกระบี่ที่มือขวาซึ่งตอนนี้เองที่เขาสัมผัสได้ว่ากลุ่มหมอกสีม่วงที่อยู่ภายในร่างของเขาได้สลายหายไปก่อนที่ความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อผ่านไปได้ 15 นาทีนั้นสัญลักษณ์ก็ได้หม่นหมองลงก่อนที่จะจางหายไป
หลินเทียนในตอนนี้รู้สึกเพียงแค่ว่าร่างกายของเขาได้ถูกชำระล้างซึ่งเมื่อยืนขึ้นแล้วจึงได้พยายามสูดอากาศเข้าไปก่อนที่จะพบว่าพิษเหล่านี้ไม่มีผลอะไรกับเขาอีกต่อไปแล้ว
"สุดยอดไปเลย "
เมื่อมองไปยังสัญลักษณ์ที่มือแล้วดวงตาของเขาก็ได้แต่เปล่งประกายออกมาเพราะว่าของสิ่งนี้มันทำได้แม้กระทั่งขับพิษ !
ณ ตอนนี้กลุ่มหมอกได้โถมเข้ามาเหมือนเกลียวคลื่นซึ่งแม้จะเป็นเขาที่มีภูมิต้านทานก็ยังอดไม่ได้ที่จะสำลักออกมาหลายครั้งก่อนที่จะมองออกไปไกลพลางขมวดคิ้ว
"ภายในมีอะไรอยู่หรือเปล่า ? "
เขาได้พึมพำออกมา
หลังจากที่ยืนอยู่กับที่ได้สักพักเขาก็ได้แต่กัดฟันพร้อมทั้งรวบรวมความกล้าเพื่อมุ่งหน้าเข้าไปยังพื้นที่ส่วนลึก
สภาพพื้นดินภายในเขตนี้เปียกแฉะกว่าที่อื่นและเขาพบว่าไม่มีที่นี่จะมีต้นไม้อยู่น้อยมากๆแต่เกือบทั้งหมดนั้นเป็นต้นไม้ที่เหี่ยวแห้งไปหมด
หลังจากที่เดินตามกลุ่มหมอกเข้าไปอย่างระมัดระวังนั้นเขาก็ได้พบกับโครงกระดูกของสัตว์อสูรมากมายซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นของระดับ 3 และ 2 ที่เพิ่งตาย
ยิ่งเดินเข้าไปเรื่อยๆก็ยิ่งมีหมอกมากขึ้นซึ่งตรงหน้าของเขาได้พบกับแอ่งน้ำแห่งหนึ่ง
"นี่มัน ? ! "
ดวงตาของเขาได้หดเล็กลงโดยทันที
หลังจากที่ทอดสายตาออกไปแล้วเขาก็พบกับซากศพของสัตว์อสูรซึ่งกำลังขึ้นอืดอยู่เหนือบ่อความกว้างหลายสิบเมตร
เขาอดไม่ได้เลยที่จะสูดหายใจเข้าลึกพร้อมกับพูดว่า
"สัตว์อสูรระดับ 7 กิ้งก่าดวงอาทิตย์ "
สัตว์อสูรระดับ 7 นั้นมีพลังเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญเขตแดนผู้รอบรู้แต่กลับมาตายตรงนี้ ! และเขาก็ตระหนักได้ทันทีเลยว่าทำไมถึงได้มีหมอกอยู่ที่นี่ มันเป็นเพราะว่ากิ้งก่าตัวนี้ได้รับพิษจนตายซึ่งหลังจากที่มันตายแล้วพิษก็ยิ่งทวีคูณความรุนแรงและแผดไปทั่วพื้นที่ป่านี้
เมื่อจ้องมองไปยังซากศพของมันแล้วดวงตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้นโดยทันที
เขาได้กระโดดออกไปอยู่บนหัวของมันก่อนที่จะพบว่าหมอกตรงจุดนี้เข้มข้นมากๆแต่เขาก็ไม่ได้กังวลอะไร หลังจากที่หยิบเอามีดสั้นออกมาแล้วเขาก็ได้ชำแหละศีรษะของมันพร้อมทั้งทนกับกลิ่นไม่พึงประสงค์ก่อนที่จะล้วงเข้าไปแล้วแสดงสีหน้าที่มีความสุขออกมาในที่สุด
"ยังอยู่ ! "
เขาได้พูดกับตัวเองก่อนที่จะถอนมือกลับมาพร้อมๆกับแก่นอสูรขนาดพอๆกับกำปั้น
เมื่อจ้องมองไปที่แก่นอสูรนี้แล้วใบหน้าของเขาก็ได้แสดงออกถึงความประหลาดใจโดยทันที
แก่นอสูรของสัตว์อสูรระดับ 7 มันเป็นของดีอยู่แล้ว !
"โชคดีกับโชคร้ายตามๆกันมา ดูเหมือนว่าพระเจ้าไม่ได้ทิ้งข้า "
หลินเทียนได้หัวเราะออกมา
หากว่าดูดกลืนแก่นสัตว์อสูรระดับ 7นั้นอย่างน้อยๆเขาก็น่าจะตัดผ่านไปยังเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 3 ได้
"เหล็งเฟิง เหล็งอี้ทง พวกเจ้ารอก่อนเถอะ ! "
เขาได้แสยะออกมาพร้อมทั้งกระโดดออกจากร่างของมันแล้วไปนั่งอยู่ด้านใต้ต้นไม้เพื่อเริ่มดูดกลืนมัน
หลังจากที่ส่งความคิดออกไปแล้วสัญลักษณ์ก็เปล่งแสงออกมาทันทีก่อนที่จะดูดกลืนพลังงานจากแก่นอสูรในมือของเขาอย่างรวดเร็ว
หลินเทียนรู้สึกเพียงแต่ว่าร่างกายของเขากำลังมีพลังฉีมากมายโถมเข้ามาซึ่งความรู้สึกสบายนี้ทำให้เขาอดครางออกมาไม่ได้ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มหมุนวนเคล็ดวิชาซือจี่เพื่อขับเคลื่อนเอาพลังเข้าไปก่อจุดชีพจรเทวะที่ 3 ขึ้น
ขั้นตอนนี้เป็นไปอย่างราบรื่นซึ่งความเจ็บปวดครั้งนี้ลดลงกว่าครั้งก่อนมาก
"สมแล้วที่เป็นแก่นอสูรระดับ 7 "
หลินเทียนได้คิดอยู่ภายในใจ
ยิ่งระดับสูงไม่ใช่แค่จะทำให้บ่มเพาะได้ราบรื่นขึ้นแต่จะช่วยลดความเจ็บปวดลงด้วย
"บึ้สสส ! "
สามารถเห็นแสงสีเงินภายนอกร่างกายของเขาได้อย่างชุดเจนขณะที่มันค่อยๆห่อหุ้มร่างของเขาช้าๆก่อนทีกลิ่นอายจะสูงขึ้นเรื่อยๆ
หลินเทียนได้ทำจิตใจให้ว่างเปล่าก่อนที่จะเริ่มบ่มเพาะอย่างสงบ
ไม่นานก็ผ่านไปกว่า 6 ชั่วโมง
หลังจากที่ผ่านไป 6 ชั่วโมงแล้วก็เกิดเสียงดังขึ้น คลื่นลมแรงได้ปะทุออกมาจากร่างของเขาก่อนที่จะกวาดเอาใบไม้ที่แห้งเหี่ยวทั้งหมดกระเด็นออกไปไกล
"เขตแดนชีพจรเทวะระดับ 3 ! "
เขาได้ลืมตาที่เปล่งประกายขึ้นมา
เมื่อตั้งสติได้แล้วเขาก็ได้หลับตาลงอีกครั้งเพื่อเริ่มบ่มเพาะต่อไป
แก่นอสูรระดับ 7นั้นอุดมไปด้วยพลังฉีมากมายซึ่งหลังจากที่เขาตัดผ่านไปได้แล้วพลังฉีก็ยังคงไหลเวียนเข้าสู่ร่างกายของเขาไม่หยุดและทำให้เขาไม่สามารถปล่อยมันไปอย่างเสียเปล่าได้ เขาเริ่มหมุนวนเคล็ดวิชาซือจี่อีกครั้งก่อนที่จะก่อจุดชีพจรเทวะจุดที่ 4 ขึ้นตั้งแต่ศีรษะลงมาถึงขาขวา
เวลาได้ผ่านไปอย่างรวดเร็วกว่า 2 ชั่วโมง
หลังจากที่ผ่านมา 2 ชั่วโมงแล้วแก่นอสูรในมือของเขาก็เริ่มหมองลง
เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเขาก็ลุกขึ้นยืนโดยทันที
เขาได้กำหมัดเพื่อประเมินความแข็งแกร่งของตัวเองและพบว่าร่างกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว
"เขตแดนชีพจรเทวะระดับ 3 แถมยังก่อจุดชีพจรเทวะที่ 4 ไปกว่าครึ่งแล้วด้วย "
ริมฝีปากได้ยกตัวขึ้นเป็นรอยยิ้มเพราะว่าการเข้ามาที่นี่มันเป็นเรื่องที่ดีจริงๆ
เขาได้มองกลับขึ้นไปบนฟ้าพร้อมพบว่าระยะสายตาของเขาสั้นลงอย่างมากเนื่องจากการบดบังของกลุ่มหมอกแต่เขาคิดว่าที่นี่ถือเป็นม่านพลังธรรมชาติเลยก็ว่าได้เพราะว่าไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องการบุกรุกเข้ามาของสัตว์อสูรเลยแม้แต่น้อยแถมเหล็งเฟิงเองก็ไม่สามารถขี่นกยักษ์มาแกะรอยเขาได้อีก
"งั้นรออยู่ตรงนี้จนกว่าจะจบการทดสอบแล้วกัน "
เขาได้พูดอยู่กับตัวเอง
หลังจากนั้นเขาก็ได้เริ่มฝึกฝนทักษะกระบี่สายฟ้ามรกตอีกครั้ง ตอนนี้เขาเรียนรู้มันไปได้ 40% แล้วและยังเหลืออีก 20% ที่ยังไม่บรรลุ ตอนนี้มันเป็นเวลาที่เขาต้องฝึกมัน
แกร๊ง ,กระบี่ได้ส่งเสียงคำรามออกมาอย่างดังก่อนที่คลื่นสายฟ้าจะกวาดไปรอบทิศทาง
การฝึกฝนทักษะเพลงกระบี่สายฟ้ามรกตนี้มีความยากมากๆ มันไม่ใช่อะไรที่เพลงกระบี่วายุสะท้านจะเทียบได้เลยด้วยซ้ำซึ่งตรงจุดนี้เขาก็เข้าใจดี , 30% แรกนั้นเขาพอจะฝึกได้อย่างสบายๆแต่หลังจากที่ถึง 40% แล้วมันยากมากๆ นี่ยังไม่ต้องพูดถึง 50% เลยด้วยซ้ำ