Divine King Of All Directions - 127
Divine King Of All Directions - 127
ชายหนุ่มทั้งหลายที่อยู่ด้านหลังเหล็งอี้ทงเองก็ได้แต่ชะงักไปขณะที่มองไปทางหลินเทียนเพราะว่าการที่สามารถได้รับการดูแลจากหญิงงามอันดับ 1 ของจักรวรรดินั้นมันต้องมีเบื้องหลังที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
"แขก ? รู้สึกเหมือนเจ้าไม่เคยดูแลแขกมาก่อน ? "
คิ้วของเหล็งอี้ทงได้ขมวดเข้ามากกว่าเดิม
จี่หยูได้ส่ายศีรษะก่อนที่จะตอบกลับไปว่า
"เขาต่างออกไป "
เหล็งอี้ทงได้มองไปยังหลินเทียนพร้อมกับพูดด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยมีความสุขว่า
"เพื่อน เจ้าเป็นใครกัน ? "
"เกี่ยวอะไรกับเจ้า ? "
หลินเทียนได้ถามกลับไป
ท่าทางของเหล็งอีเทงได้เปลี่ยนไปอย่างมากเพราะว่าในเมืองนี้มันมีคนกล้าพูดกับเขาแบบนี้ด้วย ?
"ข้ามีชื่อว่าเหล็งอี้ทงเป็นคนจากตระกูลเหล็ง ไม่ทราบว่าเจ้ามีชื่อว่าอะไร ? "
เหล็งอี้ทงได้ถามออกมา
ชายหนุ่มหลายๆคนเองก็มีท่าทางเปลี่ยนไปเช่นกันและมันเป็นเพราะว่าพวกเขารู้จักกันมานานถึงเข้าใจว่าตอนนี้เหล็งอี้ทงกำลังโกรธเป็นอย่างมาก
"ไม่ยักจะเคยได้ยิน "
หลินเทียนได้ตอบกลับด้วยท่าทางราบเรียบพร้อมกับมองไปทางจี่หยูแล้วถามว่า
"กลับกันเลยไหม ? "
จี่หยูได้ชะงักไปก่อนที่จะยิ้มออกมาแล้วตอบว่า
"ได้ "
หลังจากที่พูดจบแล้วนางก็เดินตามหลังหลินเทียนกลับไปทางถนน
ท่าทางของเหล็งอี้ทงได้เปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกก่อนที่จะจ้องมองไปทางหลินเทียนแล้วพูดว่า
"ข้ากำลังถามเจ้าอยู่นะ ! "
ระหว่างที่จ้องมองไปทางหลินเทียนนั้นเขาก็ได้ปลดปล่อยกลิ่นอายที่เย็นชาออกมา
หลินเทียนได้หันหน้ากลับไปสำรวจพร้อมกับรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเพราะก่อนหน้านี้ตอนที่ได้พบกับเหล็งอี้ทงนั้นอยู่ในเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 5 เท่านั้นแต่ตอนนี้มันอยู่ในเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 2 แล้วเหมือนกัน ความเร็วในการบ่มเพาะระดับนี้มันเวอร์มากๆและเขาเองก็ไม่รู้เลยว่าตระกูลเหล็งนี่มือสมบัติหรือยาล้ำค่าอะไรที่สามารถสร้างผู้เชี่ยวชาญเขตแดนชีพจรเทวะออกมาได้แบบนี้
"เหล็งอี้ทง ข้าบอกไปก่อนแล้วนะว่าเขาเป็นแขกของข้า อย่าทำตัวไม่สุภาพ ! "
จี่หยูได้พูดออกมาด้วยท่าทางที่ไม่ดีนัก
"ขอโทษหยูเอ๋อด้วยแล้วกัน หลังจากนี้ข้าจะขอโทษอีกครั้ง "
เหล็งอี้ทงได้มองไปทางหลินเทียนด้วยสายตาที่เย็นชาพร้อมกับพูดว่า
"ข้าขอถามอีกรอบแล้วกันว่าเจ้ามีชื่อว่าอะไร ? เราจะได้เป็นเพื่อนกันเพราะอย่างน้อยเจ้าก็เป็นถึงแขกของหยูเอ๋อ "
"ไม่ต้องหรอก ข้าไม่อยากจะเป็นเพื่อนกับเจ้า "
หลินเทียนได้ตอบกลับอย่างราบเรียบ
จี่หยูเองก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาเพราะว่าก่อนหน้านี้หลินเทียนดูเป็นคนที่มารยาทดีมากๆแต่ตอนนี้กลับทำตัวแปลกไปแบบนี้
ชายหนุ่มด้านหลังเองก็ได้แต่สูดหายใจเข้าลึก เหล็งอี้ทงนั้นเป็นถึงนายน้อยของตระกูลขุนนางที่มีอำนาจมากมายแล้วในเมืองนี้มีกี่คนกันที่กล้าทำตัวเสียมารยาทต่อหน้าเขา ? แต่ตอนนี้ชายหนุ่มที่ดูธรรมดาๆกลับกล้าที่จะพูดแบบนั้น
เหล็งอี้ทงได้แสดงสีหน้าที่น่าเกลียดออกมาพร้อมกับสายตาที่หม่นหมองก่อนที่จะพูดว่า
"แต่ข้ามีความสนใจอยากเป็นเพื่อนกับเจ้า ! "
หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็ได้พูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า
"ในเมืองหลวงนี้ไม่มีใครกล้าไม่ให้เกียรติข้าดังนั้นข้าจะให้โอกาสเจ้าพูดอีกรอบ "
จี่หยูได้ขมวดคิ้วโดยทันทีเพราะนี่มันเป็นการข่มขู่กันซึ่งๆหน้า
เมื่อนางกำลังจะพูดอะไรบางอย่างนั้นหลินเทียนก็ได้พูดออกไปก่อนว่า
"ไม่ให้เกียรติเจ้า ? แสดงว่าเจ้าโชคดีแ ้วไงที่ตอนนี้กำลังมีคนทำอย่างว่าอยู่ตรงหน้า "
หลินเทียนได้พูดออกมาอย่างไม่แยแส
ชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังเหล็งอี้ทงได้แต่มีดวงตาเบิกกว้างไปทันที
นี่มันเป็นใครกัน ? ทำไมมันถึงได้บ้าขนาดนี้ ?
หลินเทียนได้กวาดตามองเขาพร้อมกับพูดกับจี่หยูว่า
"ไปกัน "
จี่หยูที่ได้ยินเช่นนั้นเองก็ได้เดินตามเขาไปด้วยสีหน้าแปลกๆเพราะว่านางเป็นคนนำเขามาที่นี่แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าหลินเทียนจะเปลี่ยนเป็นคนนำไปแล้ว
"หยุด ! "
เหล็งอี้ทงได้แสดงสีหน้าที่เย็นชาออกมาพร้อมกับขวางทางเขาเอาไว้อีกครั้ง
เมื่อจ้องมองไปทางหลินเทียนแล้วกลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมานั้นแฝงไปด้วยจิตสังหาร
หลินเทียนได้แสดงสายตาที่เย็นยะเยือกออกมาพร้อมกับพูดว่า
"เรากำลังจะไปกันแล้ว ถ้ากล้าก็ลองขวางอีกรอบดูสิ "
หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็ได้เดินผ่านหน้าเหล็งอี้ทงไป
เหล็งอี้ทงได้แสยะออกมาพร้อมกับพุ่งไปขวางหน้าเขาอีกครั้งพลางพูดว่า
"ในเมืองนี้ไม่มีใครกล้า......."
น้ำเสียงที่เย็นชาของเขาเพิ่งพูดออกไปยันไม่ทันจะจบแต่น่าเสียดายที่ฝ่ามือได้กระแทกกับใบหน้าของเขาไปแล้ว
เสียงตบดังก้องได้ถูกส่งออกมาก่อนที่ร่างของเหล็งอี้ทงจะปลิวไปไกล
"สุนัขที่ดีจะไม่ขวางทาง ไม่เคยได้ยินคำนี้กันหรือไง "
หลินเทียนได้ดึงมือกลับมาพร้อมกับพูดออกมา
ชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังเองก็ต่างจ้องมองเขาด้วยดวงตาที่เบิกกว้างไปตามๆกัน เจ้าหนุ่มนี่มันกล้ามาจากไหนกัน! ขนาดนายน้อยเหล็งที่มาจากตระกูลมีอำนาจยังกล้าตบจนปลิว นี่มันไม่รู้หรือไงว่าคำว่าตายเขียนอย่างไร ?
ชาวบ้านที่อยู่โดยรอบเองก็ต่างแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงไปตามๆกัน แม้ว่าพวกเขาจะเป็นชาวบ้านธรรมดาๆแต่หลายๆคนก็รู้จักสถานะของเหล็งอี้ทงดีแต่หลินเทียนก็ยังกล้าตบเขาจนปลิว
"หยาบคาย !"
"โอหัง !! "
ชายหนุ่มหลายคนได้คำรามออกมาอย่างดัง
ชายหนุ่มเหล่านี้นั้นมีสถานะด้อยกว่าเหล็งอี้ทงและเมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้นแล้วพวกเขาก็ต้องออกหน้าแ ะเป็นธรรมดาที่ในเมื่อมีจี่หยูยืนอยู่ด้วยพวกเขาถึงไม่กล้าทำอะไรเกินเลยถึงได้แต่ก่นด่าออกมาแทน
หลินเทียนได้หันหน้ากลับไปพร้อมกับมองไปทางพวกเขาด้วยสายตาที่เย็นชา
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสายตาเช่นนั้นแล้วพวกเขาก็ได้แต่แข็งค้างไปและอดที่จะก้าวถอยกลับไปไม่ได้
หลินเทียนนั้นอยู่ในเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 2 แถมมือทั้งสองข้างยังชโลมไปด้วยเลือดของผู้คนมาแล้วมากมายดังนั้นเมื่อส่งสายตาอันเย็นชาไปยังชายหนุ่มที่อยู่ในเขตแดนหล่อหลอมร่างกายก็ไม่แปลกที่พวกเขาจะต้านทานไม่ไหว
พวกเขาได้แต่แสดงสีหน้าที่น่าเกลียดออกมาตามๆกัน
ณ ตอนนี้กลิ่นอายอันรุนแรงได้ปะทุออกมาพร้อมๆกับจิตสังหารอันบ้าคลั่ง
เหล็งอี้ทงได้ยืนขึ้นก่อนที่จะจ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสายตาชั่วร้ายเหมือนดั่งอสรพิษพลางพูดว่า
"กล้าตบข้างั้นรึ ! ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใครก็ตามแต่อย่าหวังจะได้ไปจากตรงนี้เลย ! ข้าจะให้เจ้าได้ตายไร้หลุมฝังศพ ! "
หลังจากที่พูดจบแล้วเหล็งอี้ทงก็ได้พุ่งเข้าประชิดหลินเทียนด้วยความเร็วดั่งปีศาจ
พริบตาเดียวก็ย่นระยะไปกว่าหลายเมตร
"ทักษะของตระกูลเหล็ง ทักษะไล่ล่าวิญญาณ "
ท่าทางของจี่หยูได้เปลี่ยนไปและกำลังคิดจะยื่นมือเข้าช่วยแต่น่าเสียดายที่หลินเทียนได้ยกมือขึ้นมาจับแขนของเหล็งอี้ทงเอาไว้อย่างรวดเร็ว
นี่มันทำให้นางได้แต่มีท่าทางเปลี่ยนไปทันที
ชายหนุ่มหลายคนที่อยู่ด้านหลังก็ไม่ต่างกัน
"เป็นไปได้ไงกัน ? "
ตระกูลเหล็งนั้นเป็น1 ใน 3 ตระกูลผู้บ่มเพาะที่ทรงอำนาจของเมืองนี้ถึงได้มีทักษะมากมายซึ่งทักษะไล่ล่าวิญญาณนี้ก็เป็นทักษะเลื่องชื่อของตระกูลเพราะว่ามันเป็นทักษะเคลื่อนไหวที่ไร้ที่ติ หลังจากที่ผู้คนตระกูลเหล็งได้สำแดงทักษะนี้แล้วผู้คนธรรมดาล้วนตกตายลงโดยไม่ทันได้เห็นการเคลื่อนไหวด้วยซ้ำ
ณ ตอนนี้ทักษะของเขากลับถูกทำลายอย่างง่ายดายจะไม่ให้คนอื่นตกตะลึงได้อย่างไรกัน
เมื่อจ้องมองไปทางหลินเทียนแล้วเหล็งอี้ทงก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา
"กร๊อบ ! "
เสียงแตกหักได้ดังขึ้นก่อนที่เขาจะรู้สึกถึงความเจ็บปวดที่ข้อมือ แขนของเขาถูกหักโดยหลินเทียนนั่นเอง
"เจ้า ! "
เขาได้แต่จ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยใบหน้าที่ดุร้าย
หลินเทียนได้แสยะออกมาอย่างเย็นชาก่อนที่จะยกเท้าเตะไปที่หน้าท้องของเหล็งอี้ทงอย่างจัง
โครม ! ร่างของเหล็งอี้ทงได้ปลิวออกไปอีกครั้ง
ลูกเตะนี้หลินเทียนไม่ได้ออมแรงเลยแม้แต่น้อยและมันทำให้เหล็งอี้ทงไม่สามารถลุกขึ้นมาได้อีกครั้ง
"ไปกัน "
เขาได้หันหน้ากลับไปหาจี่หยู
"โอ้ ได้"
จี่หยูได้พยักหน้า
แน่นอนว่าด้วยความที่นางเป็นถึงหลานของแม่ทัพถึงไม่ต้องสนใจเรื่องอำนาจที่หนุนหลังเหล็งอี้ทงนักแต่นางก็ได้แต่จ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยใบหน้าที่แปลกๆเพราะว่าก่อนหน้านี้หลินเทียนเป็นคนที่ดูอ่อนโยนแต่ทำไมอยู่ดีๆถึงได้ดูดุร้ายแบบนี้ ?
ยิ่งไปกว่านั้นคือแข็งแกร่งมากๆ !
"มองอะไร ? "
หลินเทียนได้ถามออกมา
"เปล่าหนิ "
นางได้ส่ายศีรษะ
หลินเทียนได้ยิ้มออกมาก่อนที่จะเดินผ่านเขตชนบทไปพร้อมกับนางโดยที่ไม่ได้พูดอะไรต่อ
.............
ตอนนี้เหล็งอี้ทงอยู่ในสภาพดูไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ริมฝีปากของเขากลบไปด้วยเลือดมากมาย
"นายน้อยเหล็ง ! "
ชายหนุ่มหลายคนได้แต่แสดงสีหน้าตกตะลึงออกมาพร้อมกับรีบวิ่งไปพยุงร่างของเหล็งอีเทงขึ้นมา
ท่าทางของเหล็งอี้ทงในตอนนี้หม่นหมองอย่างมาก เขาได้แต่จ้องมองไปยังทิศทางที่หลินเทียนเดินหายไปด้วยสายตาเหมือนดั่งอสรพิษ
"นายน้อยเหล็งเป็นอย่างไรบ้าง ? "
หนึ่งในพวกเขาได้ถามออกมาอย่างระมัดระวัง
เหล็งอี้ทงได้แสดงสีหน้าที่เย็นชาออกมาก่อนที่จะสลัดพวกเขาออก
"ไปหาข้อมูลมันมาให้หมด ! ไม่ ่ามันจะเป็นใครข้าต้องการให้มันตาย ! "
เหล็งอี้ทงได้พูดออกมา
"ได้ขอรับนายน้อยเหล็ง !"
ชายหนุ่มได้รีบพูดออกมาทันที
ตอนนี้ใบหน้าของเหล็งอี้ทงนั้นเต็มไปด้วยความดุร้ายและจิตสังหาร
ชาวบ้านโดยรอบที่มองไปยังท่าทางของเหล็งอี้ทงเองก็ได้แต่ถอยห่างกันออกไปเพราะกลัวว่าจะถูกดึงเข้าไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย
ณ ตอนนี้หลินเทียนและจี่หยูได้เดินออกมานอกเขตชนบทแล้ว
"ไปไหนอีก ? "
จี่หยูได้ถามออกมา
"นี่มันเย็นแล้วด้วย ข้าว่าข้าจะกลับล่ะเพราะข้าเช่าห้องไว้ที่ร้านอาหาร "
หลินเทียนได้พูดออกมา
จี่หยูได้ชะงักไปพร้อมกับถามออกมาว่า
"เจ้าอยากจะกลับแล้ว ? "
"ใช่ ทำไม ? "
หลินเทียนได้ถามออกมาด้วยท่าทางที่สงสัย
"ไม่ได้ ! ท่านปู่สั่งเอาไว้ว่าต้องรั้งเจ้าไว้ให้ได้ "
จี่หยูได้มองไปทางเขาพร้อมกับพูดต่อว่า
"ที่คฤหาสน์เองก็มีห้องว่างอยู่เยอะแยะ วันนี้นอนที่นี่แหละเพราะหากว่าวันนี้เจ้าจากไปแล้วข้าก็ต้องโดยท่านปู่ดุแน่ๆ "
หลินเทียนได้แต่แสดงสีหน้าที่อับอายออกมาพร้อมกับพูดว่า
"ดูท่านออกจะเอ็นดูเจ้าขนาดนี้แล้วจะดุเจ้าได้อย่างไรกัน ? "
"ถึงอย่างไรก็ห้ามไปไหนทั้งนั้น ! "
จี่หยูได้พูดออกมา
หลินเทียน
"............."
ทำไมหญิงสาวคนนี้ถึงได้แสดงท่าทางแปลกๆออกมา ?
ท้ายที่สุดเขาก็ต้องยอมกลับไปที่คฤหาสน์กับนางอย่างจนใจ
จี่หยวนฉาน องก็ได้กลับมาด้วยสีหน้าที่โล่งใจเป็นอย่างมาก
"น้องชาย หยูเอ๋อดูแลเจ้าดีไหม ? "
จี่หยวนฉานได้ถามออกมาด้วยรอยยิ้ม
"ดีมากๆ "
หลินเทียนได้ตอบกลับไป
จี่หยวนฉานเองก็ได้แสดงสีหน้าที่มีความสุขออกมาพร้อมกับมองไปทางจี่หยูแล้วพูดว่า
"เฒ่าคนนี้ภูมิใจที่สุดในชีวิตเลยล่ะที่มีหลานสาวแบบนี้ "
วันนั้นหลินเทียนได้อยู่ดื่มกับจี่หยวนฉานไปมากและหลับจนถึงเช้าของอีกวัน
...........
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่เหล็งอี้ทงที่อยู่ในบ้านหลักตระกูลเหล็งเองก็ได้รับจดหมายหนึ่ง
"หลินเทียน อายุ 16 ปี ศิษย์สำนักจิ่วหยางเมืองเฟิงเจียนซึ่งเป็นคนที่ช่วยชีวิตหลานสาวท่านแม่ทัพเอาไว้แถมยังถือครองตราแม่ทัพ มาที่เมืองหลวงเพื่อฝากตัวเข้าเป็นศิษย์สำนักเป่ยหยาน "
หลังจากที่อ่านข้อความต่างๆแล้วท่าทางของเขาได้เปลี่ยนเป็นหมองหม่นอย่างมากและอดที่จะขยี้มันพลางพูดออกมาว่า
"เป็นมัน !!! ไอ้ระยำนั่นเอง ! "
หลังจากนั้นเขาก็ได้แสยะออกมาว่า
"เข้าเป็นศิษย์สำนักเป่ยหยาน ? น่าสนใจจริงๆ ! ข้าจะเตรียมของขวัญอย่างดีรอเจ้าเอาไว้เลยล่ะ ! "