Divine King Of All Directions - 123
Divine King Of All Directions - 123
เมื่อมองไปยังสัตว์อสูรม้านิลมังกรแล้วหลินเทียนก็ได้แต่รู้สึกแปลกใจเอามากๆเพราะว่ามันเป็นถึงสัตว์อสูรระดับ 3 ตอนปลายซึ่งมีร่างกายที่แข็งแรงอย่างน่าเหลือเชื่อ หลังจากที่แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาแล้วเขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าช่วง 3 วันมานี้นางหายไปไหน ที่แท้นางก็ใช้เวลากับการฝึกสัตว์อสูรนี้เพื่อให้เขาขี่ไปแทนการเดินนี่เอง
"เฒ่ามู่ ดูเหมือนว่าหัวใจของลูกศิษย์สุดที่รักของเจ้าจะมีเจ้าของแล้วนะ"
ฉีดงได้หยอกล้อออกมา
มู่ชิงได้แต่ส่ายศีรษะพร้อมกับยิ้มออกมา
ซูชูวได้แต่แสดงสีหน้าที่อับอายพร้อมกับจ้องมองไปทางฉีดงด้วยท่าทางไม่พอใจ
หลินเทียนได้มองไปทางนางพร้อมกับพูดออกมาว่า
"ขอบคุณมากๆเลยนะ จริงๆแล้วข้าติดค้างเจ้าเยอะมากๆ "
หลังจากนั้นเขาก็ได้หยิบเอาแหวนมิติที่ซื้อจากตำหนักแลกสมบัติออกมาส่งให้แล้วพูดว่า
"ข้าให้เจ้าแล้วกัน ภายในมีของอย่างอื่นอยู่ด้วย "
ท่าทางของมู่ชิงเองก็เปลี่ยนไปพร้อมกับพูดว่า
"นี่มัน เกินไปหรือเปล่า ? "
มู่ชิงและฉีดงนั้นรู้ดีว่ามันคืออะไร อย่างน้อยๆแหวนมิติก็มีมูลค่าเกินกว่าล้านเหรียญ
"เพื่อนางแล้วนี่มันไม่ถือว่ามากอะไรเลย "
หลินเทียนได้ส่ายศีรษะของเขา
ซูชูวเองก็เป็นศิษย์ของมู่ชิงดังนั้นถึงรู้ดีว่าแหวนมิติคืออะไรถึงได้รับมาอย่างเต็มใจ
"แหมจำน้องสาวได้ดีแต่ลืมพี่สาวแล้วงั้นรึ ? "
ซินเหยาได้แสยะออกมา
หลินเทียนได้แต่แสดงสีหน้าอับอายพร้อมทั้งพูดว่า
"พี่สาวซินเหยาไม่น่าจะขาดแคลนของพวกนี้และข้าเองก็ไม่มีอะไรดีกว่านี้จะให้แล้วด้วย งั้นเอาเป็นว่าหลังจากนี้มีเรื่องอะไรก็บอกข้าแล้วกัน ข้าจะทำอย่างเต็มที่ "
ซินเหยานั้นดีกับเขาจริงๆดังนั้นแน่นอนว่าเขาจำมันขึ้นใจ
ดวงตาของซินเหยาได้เปล่งประกายออกมาพร้อมกับพูดว่า
"นี่เจ้าเป็นคนพูดเองนะ ห้ามผิดสัญญาเด็ดขาด ! "
"ไม่แน่นอน "
หลินเทียนได้ตอบกลับไป
ซินเหยาได้จ้องมองที่ใบหน้าของเขาพร้อมกับพูดว่า
"แต่งงานกับพี่สาวหน่อยสิ "
หลินเทียนได้แต่แข็งค้างไปและไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี
"เอาล่ะๆ หยอกเจ้าเฉยๆ "
ซินเหยาได้หัวเราะคิกๆออกมาอีกครั้ง
หลินเทียนได้แต่แสดงสีหน้าอึดอัดออกมาก่อนที่จะมองไปทางหลินซี่แล้วย่อตัวลงพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและเอ็นดูว่า
"ช่วงที่พี่ไม่อยู่ต้องฟังพี่สาวซูชูวนะ หลังจากที่พี่บ่มเพาะไปถึงระดับนึงแล้วจะกลับมา "
เมื่อมองไปยังใบหน้าของน้องสาวแล้วสายตาของเขาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกรักและรู้สึกผิด
มู่ชิงและคนอื่นๆที่กำลังมองไปทางหลินเทียนเองก็ได้แต่พยักหน้าตามเพราะว่าเขาเป็นพี่ชายที่อ่อนโยนจริงๆ
"อื้ม ! ซี่เอ๋อจะฟังคำพูดของพี่สาว ไม่มีซี่เอ๋ออยู่ด้วยท่านพี่ต้องดูแลตัวเองดีๆนะ "
หลินซี่ได้พูดออกมาอย่างชาญฉลาด
หลินเทียนได้แต่รู้สึกตาชื้นพร้อมทั้งอยากจะร้องไห้ออกมา
หลังจากที่กอดนานได้สิบลมหายใจแล้วเขาก็ปล่อยนางแล้วยืนขึ้น
"ฝากน้องสาวข้าด้วยนะ "
เขาได้พูดออกมากับซูชูวด้วยสีหน้าที่จริงจัง
"ไม่ต้องเป็นห่วง "
ซูชูวได้พยักหน้าพร้อมกับจูงมือของหลินซี่แล้วพูดต่อว่า
"ข้าจะดูแลนางให้เหมือนเป็นน้องสาวแท้ๆของตัวเองเลยล่ะ "
"ไม่ต้องห่วงเพราะว่าสาวน้อยอยู่ในสำนักเราดังนั้นไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรแล้ว "
มู่ชิงได้พูดออกมาเช่นกัน
สำหรับนิสัยและความสามารถของหลินเทียนนั้นทำให้มู่ชิงและฉีดงพึงพอใจอย่างมาก
"ขอขอบคุณท่านผู้อาวุโส "
หลินเทียนได้ทำความเคารพพวกเขาก่อนที่จะพยักหน้าให้กับคนอื่นๆ
เขาได้ขึ้นขี่ม้านิลมังกรก่อนที่จะมองไปยังใบหน้าของหลินซี่อีกครั้งแล้วออกเดินทางโดยทันที
ฝุ่นตลบไปทั่วเพราะว่าความเร็วของม้านิลมังกรนั้นมันไม่ใช่อะไรที่ม้าชั้นดีจะเทียบได้ด้วยซ้ำ ไม่นานหลินเทียนก็หายไปจากวิสัยทัศน์ของทุกคน
ซูชูวได้แต่มองไปยังเงาของหลินเทียนที่กำลังจางหายไปพร้อมกับรู้สึกว่ามือซ้ายของนางเย็นยะเยือกถึงได้หันหน้าลงไปมองและเห็นว่าหลินซี่ที่กำลังจับมือกับนางนั้นร้องไห้ไม่หยุดขณะที่มองไปยังเงาของหลินเทียนที่กำลังจางหายไปโดยที่น้ำตาของหลินซี่ได้หยดลงบนมือของนาง
ซูชูซได้ชะงักไปก่อนที่จะย่อตัวลงแล้วกอดนาง
ถึงจะเป็นเช่นนั้นแต่หลินซี่ก็ยังร้องไห้ออกมาอยู่ดี
"ท่านพี่ ฮึม.... ท่านพี่ ท่านพี่........"
หลินซี่ได้ร้องไห้ออกมา
ตั้งแต่ที่พ่อแม่ได้หายตัวไปนั้นพวกเขาสองพี่น้องก็อยู่ด้วยกันไม่เคยห่างแต่อยู่ดีๆตอนนี้ก็เหลือเพียงนางตัวคนเดียวแล้วจะให้นางไม่รู้สึกเศร้าได้อย่างไรกัน
"ซี่เอ๋อไม่ต้องร้องนะ ยังมีพี่สาวอยู่นะ "
ซูชูวได้ปลอบนาง
นางได้แต่ลูบหลังของหลินซี่เบาๆพร้อมกับรู้ดีว่าหลินเทียนนั้นไปเมืองหลวงเพียงคนเดียวก็เพราะเป็นห่วงความปลอดภัยของน้องสาวแต่หลินซี่เองก็ไม่อยากจะให้พี่ชายเป็นห่วงดังนั้นถึงได้ไม่แสดงอาการอะไรออกมาเพื่อให้พี่ชายได้ไปบ่มเพาะอย่างหมดห่วงถึงได้ร้องไห้ออกมาหลังจากที่หลินเทียนได้จากไปแล้ว
ซูชูวได้แต่คิดว่าสองพี่น้องคู่นี้นี่มีความรักที่ลึกซึ้งเป็นอย่างมาก
.............
จากเมืองเฟิงเจียนไปถึงเมืองหลวงนั้นไม่ใช่ระยะทางใกล้ๆเลย ม้าธรรมดาๆต้องใช้เวลาอย่างน้อยๆก็ 1 อาทิตย์เต็มแต่ม้านิลมังกรนั้นต่างออกไปเพราะมันเป็นถึงสัตว์อสูรระดับ 3 ตอนปลายถึงได้ใช้เวลาเพียงแค่ 3 วันก็พอแล้ว
ก่อนที่จะออกเดินทางนั้นเขาเตรียมสิ่งของมามากมายไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหรือสบู่ต่างๆส่วนเรื่องเงินนั้นเขามีบัตรเงินสด 5 ล้านเหรียญจากตระกูลโม่อยู่ถึงไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรแม้แต่น้อยและเรื่องความหิวเองเขาก็ยังมีอาหารปี่กู่อยู่ 5 ชิ้นถึงได้เพียงพอสำหรับใช้เดินทางไปถึงเมืองหลวง
พริบตาเดียวก็ได้ผ่านไป 3 วันอย่างรวดเร็ว
ไม่นานตรงหน้าของเขาก็พบกับประตูบานใหญ่ยักษ์ให้ความรู้สึกน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก
"นี่คือเมืองหลวง ? ไม่ธรรมดาจริงๆ ! "
เขาได้คิดอยู่ภายในใจ
หลังจากที่เดินเข้าไปแล้วเขาก็พบกับผู้คนมากมายต มท้องถนน
หลินเทียนให้ความสนใจกับบทสนทนาของผู้คนโดยรอบมากๆและพบว่ามีผู้เชี่ยวชาญเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 8-9 อยู่มากมายซึ่งเปลี่ยนความคิดของเขาไปทันที ต้องรู้ก่อนนะว่าในเมืองเฟิงเจียนนั้นผู้เชี่ยวชาญระดับนี้สามารถเข้าเป็นศิษย์ในของสำนักจิ่วหยางได้เลยแต่ในเมืองหลวงกับมีผู้เชี่ยวชาญระดับนี้อยู่จำนวนมาก
"สมแล้วที่เป็นเมืองหลวงซึ่งเป็นศูนย์รวมของสายลมและหมู่เมฆ "
หลินเทียนได้พูดออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ไม่นานเขาก็ได้เดินทางไปถึงร้านอาหารซึ่งมันดูธรรมดาๆมากๆสำหรับเมืองหลวงแห่งนี้แต่หากเทียบกับเมืองเฟิงเจียนแล้วยังดีกว่าร้านอาหารที่ดีที่สุดด้วยซ้ำ
ภายในมีพนักงานชายคอยต้อนรับ
"คุณลูกค้าต้องการทานอาหารหรือว่าเช่าที่พักขอรับ ? "
พนักงานชายได้ถามออกมาอย่างสุภาพ
"ที่พัก "
ณ ตอนนี้มันเป็นช่วงค่ำแล้วแถมยังเหลือเวลาอีก 2 วันกว่าจะต้องไปรายงานตัวเขาถึงได้หาที่พักก่อนแล้วมอบหน้าที่ดูแลม้านิลมังกรให้กับพนักงานคนนั้นพลางพูดว่า
"ช่วยดูแลม้านิลมังกรของข้าให้ด้วย เอาอาหารที่ดีที่สุดให้มันเข้าใจไหม ? "
เมื่อมองไปยังม้านิลมังกรของหลินเทียนแล้วท่าทางของพนักงานชายถึงกับเปลี่ยนไปโดยทันทีเพราะว่านี่มันเป็นสัตว์อสูรระดับ 3 ตอนปลายแต่กลับถูกนำมาใช้เป็นพาหนะเท่านั้น !
"ได้ขอรับ ไม่ต้องเป็นห่วงแต่อย่างไรก็ตามคุณลูกค้านี่โชคดีมากๆเลยนะเพราะว่าช่วงนี้มีคนเข้ามาที่เมืองหลวงเยอะมากๆแถมที่นี่ยังเหลือห้องพักเพียงห้องเดียวด้วย ท่านไม่สามารถหาที่พักที่อื่นได้อีกแล้ว"
หลังจากที่เห็นม้านิลมังกรแล้วท่าทางของพนักงานชายคนนี้ก็สุภาพขึ้นมาก การที่สามารถกำราบสัตว์อสูรระดับ 3 ตอนปลายมาใช้ขี่ได้นั้นอย่างน้อยๆก็ต้องไม่อ่อนแออย่างแน่นอน อาจจะอยู่ในเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 9 ก็เป็นไปได้ ตัวตนระดับนี้มันไม่ใช่อะไรที่เขาจะช่วงเกินได้ถึงได้พยายามบริการอย่างดีที่สุด
หลังจากนั้นเขาก็เรียกพนักงานอีกคนมาพร้อมทั้งให้นำม้านิลมังกรไปหลังร้านอย่างระมัดระวัง
"ค่าที่พักและดูแลม้าทั้งหมด 80 เหรียญต่อวันขอรับ "
พนักงานคนนั้นได้พูดออกมา
หลินเทียนได้แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจเพราะว่าหากใช้เงิน 80 เหรียญที่เมืองเฟิงเจียนนั้นมันเพียงพอจะอยู่ได้ทั้งเดือนเต็มๆแต่ที่นี่กลับอยู่ได้เพียงวันเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้สนใจเรื่องเศษเงินเล็กน้อยพวกนี้อยู่แล้วถึงได้หยิบเอาเงินออกมา 300 เหรียญพร้อมกับพูดว่า
"พักสองวันแล้วก็เตรียมอาหารกับเหล้ามาให้ข้าด้วย แค่นี้น่าจะพอ ? "
"แน่นอนขอรับ ! "
พนักงานชายคนนั้นได้พูดออกมามันที
หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็เตรียมจะนำ างหลินเทียนไปที่ห้องพัก
และตอนนี้เองที่มีกลุ่มคนได้เดินเข้ามาซึ่งชายคนนี้สวมชุดสีม่วงดูๆแล้วอายุราว 17 ปีแต่ท่าทางอวดดีและหยิ่งผยองซึ่งข้างๆของเขาก็มีชายอีกคนอายุราวๆ 18 ปีมีใบหน้าเหมือนลิงซึ่งหลังจากที่เข้ามาแล้วก็ได้ตะโกนออกมาว่า
"ใครก็ได้ไปเตรียมห้องพักที่ดีที่สุดให้ห้องนึง ! "
พนักงานชายที่กำลังจะนำทางหลินเทียนไปด้านบนเองก็ได้เดินเข้าไปต้องรับชายทั้งสองคนด้วยท่าทางสุภาพว่า
"ต้องขออภัยด้วยแต่ว่าห้องพักสุดท้ายได้ถูกเช่าไปแล้วและหากว่าท่านทั้งสองต้องการดื่มหรือทานอาหารข้าน้อยก็จะไปเรียกพนักงานมาต้อนรับทันที "
เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้วชายหนุ่มหน้าลิงก็ได้พูดออกมาว่า
"นายน้อยตระกูลข้าต้องการที่พักแต่เจ้ากล้าที่จะปฏิเสธงั้นรึ !!! "
เขาได้จ้องมองไปทางหลินเทียนพร้อมกับแสยะออกมาว่า
"มันยังไม่ได้เข้าห้องไปไม่ใช่หรือไง ? ไปเอากุญแจมาเราจะจ่ายให้สองเท่า "
"นี่ ......"
พนักงานชายคนนั้นได้พูดออกมาด้วยท่าทางอึดอัด
สองเท่านี่มันทำให้เขาตื่นเต้นมากๆแล้วจะต้องไล่หลินเทียนไปงั้นรึ ? แต่ดูจากการแต่งกายของสองคนนี้แล้วต้องไม่ใช่คนธรรมดาๆอย่างแน่นอนซึ่งเขาไม่สามารถล่วงเกินได้ถึงไม่รู้ว่าจะจัดการอย่างไรดี
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ชายหนุ่มเสื้อม่วงได้พูดออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ว่า
"หลี่ฮ้วน เร็วๆเข้าสิ ! "
ชายหนุ่มหน้าลิงมีชื่อว่าหลี่ฮ้วนและหลังจากที่ได้ยินเช่นนั้นแล้วเขาก็ได้พูดเชิงประจบออกมาว่า
"ทันทีเลยขอรับนายน้อย ! "
หลังจากนั้นเขาได้หยิบเอาเงินโยนไปที่เท้าหลินเทียนแล้วพูดว่า
"นี่เป็นเงิน 500 เหรียญ เอาไปแล้วรีบๆไสหัวไปซะ ถ่วงเวลาพักผ่อนของนายน้อยข้าระวังหัวจะหลุดออกจากบ่านะ "
หลินเทียนได้กวาดตามองเขาพร้อมกับมองไปที่พนักงานแล้วพูดว่า
"ห้องไหน นำทางไป "
เขาไม่อยากจะก่อเรื่องทันทีที่เข้ามาในเมืองหลวง
พนักงานชายที่กำลังจะขยับเองก็ได้แข็งข้างไปหลังจากที่ต้องเผชิญหน้ากับสายตาของหลี่ฮ้วน เขาทำงานที่นี่มานานดังนั้นถึงรู้ดีว่าคนประเภทหลี่ฮ้วนนี่ไม่สามารถล่วงเกินได้
เหอะ ! หลี่ฮ้วนได้แสยะออกมาพร้อมกับพูดว่า
"ไอ้หนู พูดไม่รู้ฟัง !"
หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็ได้ยื่นมือออกจับไหล่หาหลินเทียนเพื่อที่จะให้บทเรียนสั่งสอน
หลินเทียนได้แหงนหน้ามองด้วยสายตาที่เย็นชาโดยทันที
เขายกมือขึ้นมาจับมือของหลี่ฮ้วนเอาไว้พร้อมกับยกออกจากไหล่ตัวเองช้าๆ
"เจ้าหนู ....."
ท่าทางของหลี่ฮ้วนได้เปลี่ยนไปทันทีพร้อมกับความรู้สึกเจ็บไปทั่วข้อมือโดยที่ไม่สามารถดึงมือตัวเองกลับมาได้
"ไปให้พ้น ! "
หลินเทียนได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาพร้อมทั้งยกเท้าถีบอัดหน้าท้องของหลี่ฮ้วนออกไปไกล
โครม !! หลี่ฮ้วนได้โห่ร้องออกมาก่อนที่ร่างของเขาจะลอยออกนอกร้านอาหารไปทันที