ตอนที่แล้วDivine King Of All Directions - 118
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDivine King Of All Directions - 120

Divine King Of All Directions - 119


Divine King Of All Directions - 119

 

เมื่อมองไปยังสีหน้าของหลินเทียนแล้วนางก็ได้แต่แสดงท่าทางที่หมดคำพูดออกมา เจ้านี่มันพูดเรื่องฆ่าแกงคนกันได้สบายใจแบบนี้เลย ?

"ไม่มีปัญหาอะไรจริงๆงั้นหรอ ? "

นางได้ถามออกมา

นางรู้ดีว่าความแค้นของหลินเทียนและตระกูลโม่นั้นไม่มีทางแก้ปมได้แล้วและมีเพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องสูญสิ้นเท่านั้น

"ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก "

หลินเทียนได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

"ได้ เอาตามที่เจ้าต้องการแล้วกันเพราะถึงอย่างไรเจ้าก็ถือตราแม่ทัพอยู่และการจะกวาดล้างตระกูลโม่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยด้วย "

ซูชูวได้พูดต่อว่า

"ส่วนเรื่องซี่เอ๋อนั้นข้าจะไปดูแลให้เหมือนกับน้องสาวแท้ๆของข้าเอง "

หลินเทียนได้พยักหน้าพร้อมกับเดินไปทางที่พักของตัวเองอย่างรวดเร็ว

เช้าวันรุ่งขึ้นข่าวเรื่องที่สำนักเป่ยหยานมาเลือกศิษย์หน้าใหม่ซึ่งคือหลินเทียนไปนั้นก็ได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งสำนัก

"นี่.........."

"ซูมู่หยาง ? ไม่ใช่ว่าเขาเป็นศิษย์ภายในลำดับที่ 1 ? "

"ไม่มีการทดสอบด้วย ? "

"แปลกแหะ "

"แต่หลินเทียนนั้นมีคุณสมบัตินี้จริงๆนั่นแหละ "

ศิษย์หลายๆคนในสำนักต่างพากันแลกเปลี่ยนความคิดเห็น

ปกติแล้วทุกครั้งที่สำนักเป่ยหยานส่งคนมาก็จะจัดการประลองกันซึ่งศิษย์ภายในทั้งหมดจะเป็นผู้เข้าร่วมแต่การเลือกเลยครั้งนี้มันทำให้ผู้คนถึงกับประหลาดใจเพราะว่าหลายๆคนคิดว่าซูมู่หยางนั้นเป็นคนที่มีคุณสมบัติพอจะแย่งกับหลินเทียนแต่ไม่มีใครรู้เลยว่าซูมู่หยางได้ตกตายไปแล้ว

ศิษย์ภายในอย่างเถาไป่และคนอื่นๆกลับไม่รู้สึกประหลาดใจนัก

"อายุ 16 ปี เขตแดนชีพจรเทวะระดับ 2 ปรมาจารย์ด้านข่ายอาคมระดับ 3 ครั้งนี้มันเป็นของน้องชายหลินจริงๆนั่นแหละ "

"ใช่ "

เถาไป่และเทียนเซอต่างพากันพูดออกมา

คงฮางได้พยักหน้าพร้อมกับพูดออกมาว่า

"ใช่ เขาแข็งแกร่งมากๆ "

เรื่องนี้ได้ฮือฮาอยู่เพียงไม่กี่วันเพราะว่าผลลัพธ์มันก็เป็นอย่างที่ทุกคนได้คาดเอาไว้แล้วและอีกอย่างคือถึงอย่างไรสิ่งเหล่านี้มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อพวกเขาไม่ว่าหลินเทียนหรือซูมู่หยางจะได้ไปก็ตาม

.......

แน่นอนว่าหลินเทียนได้ยินข่าวพวกนี้ดีแต่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรนัก

ณ ตอนนี้เขายังคงนั่งบ่มเพาะพลังตัวเองอยู่บนที่พัก

"บึ้สสสส ! "

พลังฉีได้ถาโถมเข้ามาจากโดยรอบก่อนที่จะไหลเวียนไปทั่วร่างกายของเขา

ตอนนี้หลินเทียนเริ่มการก่อจุดชีพจรเทวะจุดที่ 3 แล้ว และเขาเลือกจุดตั้งแต่ศีรษะลงมาที่ขาซ้ายซึ่งมันเป็นขั้นตอนที่กินเวลานานมากๆ ไม่เพียงแต่มันจะยาวนานแต่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด

การบ่มเพาะเป็นอยู่อย่างนี้ไปตลอดทั้งคืนก่อนที่เขาจะกลับไปที่ข่ายอาคมคลื่นยักษ์ในตอนเช้า

หลังจากที่ไปถึงแล้วเขาก็ตรงดิ่งเข้าไปในเขตระดับที่ 6 โดยทันที

"ทักษะก้าวย่างแห่งสวรรค์ ! "

เขาได้ตั้งสติก่อนที่จะสำแดงทักษะออกมา

ช่วงหลังจากนั้นหลินเทียนใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการหล่อหลอมดวงวิญญาณและก่อสร้างจุดชีพจรเทวะ บางครั้งเขาก็จะเข้าไปในข่ายอาคมสังหารเพื่อวัดความแข็งแกร่งของตัวเองบ้างและหลังจากที่ผ่านไปได้หนึ่งอาทิตย์แล้วหลินเทียนก็สามารถสังหารสัตว์ร้ายที่มีพลังเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 3 ได้แล้ว

วันนี้เขาได้ตื่นขึ้นก่อนที่จะมีประกายเย็นยะเยือกอยู่ในดวงตา

"ถึงเวลาแล้ว "

เขาได้ยืนขึ้นพร้อมทั้งกระโดดลงไปด้านล่างก่อนที่จะเดินออกไปนอกสำนัก

อีกหน่อยก็เกือบจะเป็นช่วงบ่ายแล้วดังนั้นตามถนนถึงได้มีผู้คนมากมาย

หลินเทียนที่เดินผ่านตามถนนไปนั้นทำให้หลายๆคนได้แต่มองเขาด้วยสีหน้าที่หวั่นเกรงแต่สำหรับเขาแล้วกลับมีสีหน้าที่ราบเรียบเป็นอย่างมาก

ไม่นานเขาก็ได้ไปถึงหน้าตำหนักใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งด้านหน้าประตูมีตัวอักษะตัวใหญ่สลักเอาไว้ว่า ตระกูลโม่

ผู้เชี่ยวชาญ 2 คนก็ยังคงเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูเช่นเคย

เมื่อมาถึงที่นี่แล้วท่าทางของหลินเทียนก็ยังคงสุขุมอยู่เช่นเคย

"ใครกัน ! หยุดเดี๋ยวนี้ ! "

หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญได้คำรามออกมาอย่างดัง

ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ข้างๆเขาเห็นได้ถึงรูปลักษณ์ของหลินเทียนอย่างชัดเจนดังนั้นท่าทางของเขาถึงเปลี่ยนไปอย่างมากพร้อมทั้งตะโกนว่า

"มันคือหลินเทียน ! ขวางมันเอาไว้ !"

พวกเขาได้ยกหอกขึ้นด้วยท่าทางที่ไม่มีความสุภาพเลยแม้แต่น้อย

หลินเทียนได้มองไปที่พวกเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ก่อนที่จะเตะอัดพวกเขาเข้าไปก่อนที่จะหยิบเอาหอกแทงไปที่ห้าท้องของผู้เชี่ยวชาญอีกคน

"!"

ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นได้ส่งเสียงโห่ร้องออกมาอย่างน่าสังเวช

ตอนนี้เองที่มันทำให้ทุกคนที่อยู่ด้านหน้าตระกูลโม่มีท่าทางเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

"อะไร ? นี่มันอะไรกัน ? "

"เขาคือหลินเทียน ! ได้ยินมาว่ามีความแค้นกับตระกูลโม่ "

"นี่.......... เข้าไปทางหน้าประตูทั้งๆแบบนั้นเลยรึ ! "

หลายๆคนได้แต่จ้องมองด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง

ตระกูลโม่นั้นเป็นตระกูลผู้บ่มเพาะเดียวในเมืองนี้ซึ่งยืนหยัดปักฐานมานานและน่ากลัวมากๆ ชาวบ้านธรรมดาๆไม่มีใครกล้าต่อกรกับพวกเขาแต่ตอนนี้เด็กหนุ่มอายุ 16 ปีกลับบุกไปทางหน้าประตูบ้านหลักตระกูลโม่ซะงั้น !

"พระเจ้า !"

หลายๆคนได้แต่แข็งค้างไป

ชายคนเดียวบุกมากวาดล้างทั้งตระกูล !

หลินเทียนไม่ได้มีความสนใจคนรอบข้างว่าจะคิดอย่างไรแม้แต่น้อยและเขาอยากให้ทุกคนได้เห็นว่าเขากวาดล้างตระกูลโม่อย่างไรเพราะหลังจากนี้อีกไม่กี่วันเขาก็ต้องไปจากเมืองนี้แล้ว มีเพียงการกวาดล้างตระกูลโม่เท่านั้นที่จะทิ้งความกลัวเอาไว้ให้ทุกคน ! ทุกคนจะได้รู้ว่าผลลัพธ์ของการล่วงเกินชายที่ชื่อหลินเทียนมันเป็นอย่างไร !

เพื่อหลินซี่ที่อยู่ที่เมืองนี้จะได้ปลอดภัย

หลินเทียนได้ก้าวเท้าออกไปพร้อมทั้งเดินเข้าไปในตระกูลโม่ทันที

ณ ตอนนี้มีรุ่นเยาว์ของตระกูลโม่อยู่มากมายเต็มลานบ้านและหลังจากที่เห็นการปรากฏตัวของหลินเทียนแล้วก็ทำให้พวกเขาโกรธเป็นอย่างมากแม้ว่าจากกลิ่นอายของหลินเทียนนั้นจะไม่มีใครสู้ได้แต่การกล้าบุกเข้ามาคนเดียวนี่มันทำให้พวกเขาโกรธถึงขีดสุด !

"ไม่เชื่อหรอกว่าเรารุมมันแล้วจะจัดการมันไม่ได้ !"

หนึ่งในพวกเขาได้ตะโกนออกมา

"รุมมัน !"

คนที่อยู่ข้างๆได้พูดออกมา

ทันใดนั้นเองที่เหล่าศิษย์มากมายได้กระโจนเข้าใส่เขาด้วยคมกระบี่มากมายนับไม่ถ้วน

ตรงนี้มีรุ่นเยาว์ตระกูลโม่อยู่กว่า 50 คน !

หลินเทียนได้เรียกเอากระบี่คืนสู่หยวนออกมาพร้อมทั้งกวัดแกว่งออกไปด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

"พุฟฟฟฟ !"

"พุฟฟฟ !"

"พุฟฟฟ ! "

ทุกคนที่อยู่ตรงหน้าเขาได้แต่นอนกองลงกับพื้นขณะที่ตายจนไม่รู้จะตายอย่างไรแล้ว

จริงๆแล้วสำหรับตระกูลเสี่ยวนั้นเขานั้นสามารถไว้รุ่นเยาว์พวกมันได้แต่สำหรับตระกูลโม่มันต่างกัน พวกมันกล้าใช้กองกำลังทั้งตระกูลไล่ล่าเขาครั้งแล้วครั้งเล่าแม้ว่าจะรู้ดีอยู่เต็มอกว่าเขาถือครองตราแม่ทัพแต่ก็ยังกล้าส่งคนไปฆ่าเขา แล้วมันจะเป็นไปได้ไงที่จะให้เขาไว้ชีวิตคนเหล่านี้ ?

และตอนนี้เขาก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่โหดเหี้ยมของคนเหล่านี้ได้อย่างชัดเจน แม้ว่าความโกรธจะบังความรู้สึกเหล่านี้เอาไว้แต่เขาก็สัมผัสถึงมันได้อยู่ดีซึ่งเขาไม่สามารถไว้ชีวิตคนที่จะเป็นภัยอันตรายกับหลินซี่ต่อไปได้

"แกร๊ง ! "

กระบี่ในมือของเขาได้สั่นไหวก่อนที่คลื่นกระบี่มากมายจะกวาดได้รอบทิศทาง

ด้วยระดับพลังเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 2 แล้วรุ่นเยาว์ธรรมดาจะสามารถต่อกรได้อย่างไร พริบตาเดียวพื้นที่แถบนี้แทบทั้งหมดได้ถูกย้อมไปด้วยเลือดและโครงกระดูกมากมาย

"พระเจ้า...."

"น่ากลัวเกินไปแล้ว !"

"บ้าไปแล้ว !"

ชาวบ้านโดยรอบต่างมองเข้าไปในตระกูลโม่พลางอดกลืนน้ำลายไม่ได้

พริบตาเดียวเรื่องเหล่านี้ก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมือง

..........

"อะไรนะ ? "

มู่ชิงและฉีดงที่อยู่ภายในสำนักเองก็ถึงกับผงะไปพร้อมทั้งรีบยืนขึ้นโดยทันที

"ไปกันเร็ว ! "

มู่ชิงได้รีบพูดออกมา

หลินเทียนนั้นเป็นถึงสมบัติของสำนักแถมยังเป็นผู้ถูกเลือกไปยังสำนักเป่ยหยานที่เมืองหลังดังนั้นห้ามเกิดอะไรขึ้นกับเขาโดยเด็ดขาด ณ ตอนนี้มู่ชิงและฉีดงต่างพากันพุ่งออกไปทางตระกูลโม่อย่างรวดเร็ว

อีกมุมหนึ่งของสำนัก

"เจ้านี่ ! "

ซูชูวได้แต่แข็งค้างไป

หลินเทียนบอกกับนางว่าจะจัดการตระกูลโม่แต่ไม่คิดเลยว่าจะบ้าบิ่นถึงขั้นไปซึ่งๆหน้าแบบนี้ นี่มันบ้าเกินไปแล้ว !

"โง่จริงๆ ! มีตราแม่ทัพอยู่แล้วทำไมไม่ส่งกองกำลังทหารมากวาดล้างเล่า ! "

ซูชูวได้พูดออกมาด้วยท่าทางหงุดหงิด

...........

ตำหนักแลกสมบัติ.....

"เจ้านี่........."

ดวงตาอันงดงามของซินเหยาได้เป็นประกาย

พูชิได้ฝืนยิ้มออกมาพร้อมกับพูดว่า

"น้องชายนี่ทำอะไรไม่มีเหตุผลจริงๆ "

"ใช่ ข้าว่าเราไปดูกันดีกว่า "

ซินเหยาได้พูดออกมา

ในเมื่อรู้ถึงสถานะที่แท้จริงของหลินเทียนแล้วซินเหยาและพูชิก็รู้เกี่ยวกับเขาแทบจะทุกเรื่องดังนั้นเรื่องความแค้นของหลินเทียนและตระกูลโม่นั้นสามารถบอกได้ว่ามันเป็นตระกูลโม่ที่ยั่วยุหลินเทียนก่อนเอง การที่มาถึงจุดนี้ได้มันเป็นสิ่งที่ตระกูลโม่ทำทั้งนั้น นี่มันเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่หลินเทียนเปิดฉากโจมตีก่อนเอง

"พู ไปดูแล้วหากว่ามีอะไรก็ช่วยเขาซะ "

ซินเหยาได้พูดออกมา

พูชิได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า

"เอาตามที่แม่นางว่าแล้วกัน "

ตระกูลโม่นั้นเป็นขุมพลังใหญ่ของเมืองนี้ก็จริงแต่สำหรับพูชิและซินเหยาแล้วมันไม่ถือว่ามีค่าพอจะมองด้วยซ้ำ

ณ ตอนนี้พวกเขาได้รีบเดินทางไปที่ตระกูลโม่อย่างรวดเร็ว

................

ตำหนักเจ้าเมือง

"อะไรนะ ! เกิดเรื่องแบบนี้งั้นรึ ! "

ต๊วนหยานที่ได้รับรายงานจากลูกน้องได้ยืนขึ้นโดยทันที

ณ ตอนนี้เขาไม่ได้สนใจตระกูลโม่เลยแม้แต่น้อยแต่กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของหลินเทียนที่สุด

หลินเทียนนั้นเป็นผู้ที่ถือครองตราแม่ทัพและหากเกิดอะไร ึ้นกับเขาที่เมืองนี้ก็บอกได้เลยว่าเขาที่เป็นเจ้าเมืองคงไม่รอดอย่างแน่นอน

"ไปเตรียมม้าและกองกำลังไปที่ตระกูลโม่ให้เร็ว ! "

ต๊วนหยานได้คำรามออกมาอย่างดัง

หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็พุ่งออกไปทันที

ณ ตอนนี้ในเวลาเดียวกันไม่ว่าจะเป็นขุมกำลังน้อยใหญ่ในเมืองต่างตื่นตัวกับข่าวนี้ ทุกคนล้วนตรงไปยังตระกูลโม่ด้วยกันทั้งหมด

"แกร๊ง ! "

เสียงกระบี่คำรามยังคงดังไม่หยุดอยู่ภายในพร้อมกับเลือดที่สาดกระจายไปทั่วพื้นที่เป็นพักๆ

หลินเทียนยังคงก้าวเดินเข้าไปเรื่อยๆด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ทุกๆก้าวเขาจะฆ่าทุกคนโดยที่ไม่มีใครสามารถขวางทางของเขาเอาไว้ได้

"ระยำ ! "

ณ ตอนนี้เองที่มีเสียงคำรามดังขึ้น

หลังจากนั้นชายวัยกลางคน 3 คนได้ปรากฏตัวออกมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารและในเวลาเดียวกันนี้เองที่ผู้เชี่ยวชาญกว่า 200 คนได้วิ่งออกมาจากด้านนอกและล้อมรอบหลินเทียนเอาไว้

สำหรับหลินเทียนแล้วตอนนี้เขายังคงไม่รู้สึกถึงแรงกดดันอะไรแม้แต่น้อย

"ในที่สุดก็ยอมออกมาแล้วงั้นหรอ ? ข้าคิดว่าจะกลัวจนหัวหดหมดแล้วเสียอีก "

เขาได้แสยะออกมาอย่างเย็นชา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด