Divine King Of All Directions - 119
Divine King Of All Directions - 119
เมื่อมองไปยังสีหน้าของหลินเทียนแล้วนางก็ได้แต่แสดงท่าทางที่หมดคำพูดออกมา เจ้านี่มันพูดเรื่องฆ่าแกงคนกันได้สบายใจแบบนี้เลย ?
"ไม่มีปัญหาอะไรจริงๆงั้นหรอ ? "
นางได้ถามออกมา
นางรู้ดีว่าความแค้นของหลินเทียนและตระกูลโม่นั้นไม่มีทางแก้ปมได้แล้วและมีเพียงฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องสูญสิ้นเท่านั้น
"ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก "
หลินเทียนได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
"ได้ เอาตามที่เจ้าต้องการแล้วกันเพราะถึงอย่างไรเจ้าก็ถือตราแม่ทัพอยู่และการจะกวาดล้างตระกูลโม่ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยด้วย "
ซูชูวได้พูดต่อว่า
"ส่วนเรื่องซี่เอ๋อนั้นข้าจะไปดูแลให้เหมือนกับน้องสาวแท้ๆของข้าเอง "
หลินเทียนได้พยักหน้าพร้อมกับเดินไปทางที่พักของตัวเองอย่างรวดเร็ว
เช้าวันรุ่งขึ้นข่าวเรื่องที่สำนักเป่ยหยานมาเลือกศิษย์หน้าใหม่ซึ่งคือหลินเทียนไปนั้นก็ได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งสำนัก
"นี่.........."
"ซูมู่หยาง ? ไม่ใช่ว่าเขาเป็นศิษย์ภายในลำดับที่ 1 ? "
"ไม่มีการทดสอบด้วย ? "
"แปลกแหะ "
"แต่หลินเทียนนั้นมีคุณสมบัตินี้จริงๆนั่นแหละ "
ศิษย์หลายๆคนในสำนักต่างพากันแลกเปลี่ยนความคิดเห็น
ปกติแล้วทุกครั้งที่สำนักเป่ยหยานส่งคนมาก็จะจัดการประลองกันซึ่งศิษย์ภายในทั้งหมดจะเป็นผู้เข้าร่วมแต่การเลือกเลยครั้งนี้มันทำให้ผู้คนถึงกับประหลาดใจเพราะว่าหลายๆคนคิดว่าซูมู่หยางนั้นเป็นคนที่มีคุณสมบัติพอจะแย่งกับหลินเทียนแต่ไม่มีใครรู้เลยว่าซูมู่หยางได้ตกตายไปแล้ว
ศิษย์ภายในอย่างเถาไป่และคนอื่นๆกลับไม่รู้สึกประหลาดใจนัก
"อายุ 16 ปี เขตแดนชีพจรเทวะระดับ 2 ปรมาจารย์ด้านข่ายอาคมระดับ 3 ครั้งนี้มันเป็นของน้องชายหลินจริงๆนั่นแหละ "
"ใช่ "
เถาไป่และเทียนเซอต่างพากันพูดออกมา
คงฮางได้พยักหน้าพร้อมกับพูดออกมาว่า
"ใช่ เขาแข็งแกร่งมากๆ "
เรื่องนี้ได้ฮือฮาอยู่เพียงไม่กี่วันเพราะว่าผลลัพธ์มันก็เป็นอย่างที่ทุกคนได้คาดเอาไว้แล้วและอีกอย่างคือถึงอย่างไรสิ่งเหล่านี้มันก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรต่อพวกเขาไม่ว่าหลินเทียนหรือซูมู่หยางจะได้ไปก็ตาม
.......
แน่นอนว่าหลินเทียนได้ยินข่าวพวกนี้ดีแต่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจอะไรนัก
ณ ตอนนี้เขายังคงนั่งบ่มเพาะพลังตัวเองอยู่บนที่พัก
"บึ้สสสส ! "
พลังฉีได้ถาโถมเข้ามาจากโดยรอบก่อนที่จะไหลเวียนไปทั่วร่างกายของเขา
ตอนนี้หลินเทียนเริ่มการก่อจุดชีพจรเทวะจุดที่ 3 แล้ว และเขาเลือกจุดตั้งแต่ศีรษะลงมาที่ขาซ้ายซึ่งมันเป็นขั้นตอนที่กินเวลานานมากๆ ไม่เพียงแต่มันจะยาวนานแต่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
การบ่มเพาะเป็นอยู่อย่างนี้ไปตลอดทั้งคืนก่อนที่เขาจะกลับไปที่ข่ายอาคมคลื่นยักษ์ในตอนเช้า
หลังจากที่ไปถึงแล้วเขาก็ตรงดิ่งเข้าไปในเขตระดับที่ 6 โดยทันที
"ทักษะก้าวย่างแห่งสวรรค์ ! "
เขาได้ตั้งสติก่อนที่จะสำแดงทักษะออกมา
ช่วงหลังจากนั้นหลินเทียนใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการหล่อหลอมดวงวิญญาณและก่อสร้างจุดชีพจรเทวะ บางครั้งเขาก็จะเข้าไปในข่ายอาคมสังหารเพื่อวัดความแข็งแกร่งของตัวเองบ้างและหลังจากที่ผ่านไปได้หนึ่งอาทิตย์แล้วหลินเทียนก็สามารถสังหารสัตว์ร้ายที่มีพลังเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 3 ได้แล้ว
วันนี้เขาได้ตื่นขึ้นก่อนที่จะมีประกายเย็นยะเยือกอยู่ในดวงตา
"ถึงเวลาแล้ว "
เขาได้ยืนขึ้นพร้อมทั้งกระโดดลงไปด้านล่างก่อนที่จะเดินออกไปนอกสำนัก
อีกหน่อยก็เกือบจะเป็นช่วงบ่ายแล้วดังนั้นตามถนนถึงได้มีผู้คนมากมาย
หลินเทียนที่เดินผ่านตามถนนไปนั้นทำให้หลายๆคนได้แต่มองเขาด้วยสีหน้าที่หวั่นเกรงแต่สำหรับเขาแล้วกลับมีสีหน้าที่ราบเรียบเป็นอย่างมาก
ไม่นานเขาก็ได้ไปถึงหน้าตำหนักใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งด้านหน้าประตูมีตัวอักษะตัวใหญ่สลักเอาไว้ว่า ตระกูลโม่
ผู้เชี่ยวชาญ 2 คนก็ยังคงเฝ้าอยู่ที่หน้าประตูเช่นเคย
เมื่อมาถึงที่นี่แล้วท่าทางของหลินเทียนก็ยังคงสุขุมอยู่เช่นเคย
"ใครกัน ! หยุดเดี๋ยวนี้ ! "
หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญได้คำรามออกมาอย่างดัง
ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ข้างๆเขาเห็นได้ถึงรูปลักษณ์ของหลินเทียนอย่างชัดเจนดังนั้นท่าทางของเขาถึงเปลี่ยนไปอย่างมากพร้อมทั้งตะโกนว่า
"มันคือหลินเทียน ! ขวางมันเอาไว้ !"
พวกเขาได้ยกหอกขึ้นด้วยท่าทางที่ไม่มีความสุภาพเลยแม้แต่น้อย
หลินเทียนได้มองไปที่พวกเขาด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ก่อนที่จะเตะอัดพวกเขาเข้าไปก่อนที่จะหยิบเอาหอกแทงไปที่ห้าท้องของผู้เชี่ยวชาญอีกคน
"!"
ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นได้ส่งเสียงโห่ร้องออกมาอย่างน่าสังเวช
ตอนนี้เองที่มันทำให้ทุกคนที่อยู่ด้านหน้าตระกูลโม่มีท่าทางเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
"อะไร ? นี่มันอะไรกัน ? "
"เขาคือหลินเทียน ! ได้ยินมาว่ามีความแค้นกับตระกูลโม่ "
"นี่.......... เข้าไปทางหน้าประตูทั้งๆแบบนั้นเลยรึ ! "
หลายๆคนได้แต่จ้องมองด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
ตระกูลโม่นั้นเป็นตระกูลผู้บ่มเพาะเดียวในเมืองนี้ซึ่งยืนหยัดปักฐานมานานและน่ากลัวมากๆ ชาวบ้านธรรมดาๆไม่มีใครกล้าต่อกรกับพวกเขาแต่ตอนนี้เด็กหนุ่มอายุ 16 ปีกลับบุกไปทางหน้าประตูบ้านหลักตระกูลโม่ซะงั้น !
"พระเจ้า !"
หลายๆคนได้แต่แข็งค้างไป
ชายคนเดียวบุกมากวาดล้างทั้งตระกูล !
หลินเทียนไม่ได้มีความสนใจคนรอบข้างว่าจะคิดอย่างไรแม้แต่น้อยและเขาอยากให้ทุกคนได้เห็นว่าเขากวาดล้างตระกูลโม่อย่างไรเพราะหลังจากนี้อีกไม่กี่วันเขาก็ต้องไปจากเมืองนี้แล้ว มีเพียงการกวาดล้างตระกูลโม่เท่านั้นที่จะทิ้งความกลัวเอาไว้ให้ทุกคน ! ทุกคนจะได้รู้ว่าผลลัพธ์ของการล่วงเกินชายที่ชื่อหลินเทียนมันเป็นอย่างไร !
เพื่อหลินซี่ที่อยู่ที่เมืองนี้จะได้ปลอดภัย
หลินเทียนได้ก้าวเท้าออกไปพร้อมทั้งเดินเข้าไปในตระกูลโม่ทันที
ณ ตอนนี้มีรุ่นเยาว์ของตระกูลโม่อยู่มากมายเต็มลานบ้านและหลังจากที่เห็นการปรากฏตัวของหลินเทียนแล้วก็ทำให้พวกเขาโกรธเป็นอย่างมากแม้ว่าจากกลิ่นอายของหลินเทียนนั้นจะไม่มีใครสู้ได้แต่การกล้าบุกเข้ามาคนเดียวนี่มันทำให้พวกเขาโกรธถึงขีดสุด !
"ไม่เชื่อหรอกว่าเรารุมมันแล้วจะจัดการมันไม่ได้ !"
หนึ่งในพวกเขาได้ตะโกนออกมา
"รุมมัน !"
คนที่อยู่ข้างๆได้พูดออกมา
ทันใดนั้นเองที่เหล่าศิษย์มากมายได้กระโจนเข้าใส่เขาด้วยคมกระบี่มากมายนับไม่ถ้วน
ตรงนี้มีรุ่นเยาว์ตระกูลโม่อยู่กว่า 50 คน !
หลินเทียนได้เรียกเอากระบี่คืนสู่หยวนออกมาพร้อมทั้งกวัดแกว่งออกไปด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก
"พุฟฟฟฟ !"
"พุฟฟฟ !"
"พุฟฟฟ ! "
ทุกคนที่อยู่ตรงหน้าเขาได้แต่นอนกองลงกับพื้นขณะที่ตายจนไม่รู้จะตายอย่างไรแล้ว
จริงๆแล้วสำหรับตระกูลเสี่ยวนั้นเขานั้นสามารถไว้รุ่นเยาว์พวกมันได้แต่สำหรับตระกูลโม่มันต่างกัน พวกมันกล้าใช้กองกำลังทั้งตระกูลไล่ล่าเขาครั้งแล้วครั้งเล่าแม้ว่าจะรู้ดีอยู่เต็มอกว่าเขาถือครองตราแม่ทัพแต่ก็ยังกล้าส่งคนไปฆ่าเขา แล้วมันจะเป็นไปได้ไงที่จะให้เขาไว้ชีวิตคนเหล่านี้ ?
และตอนนี้เขาก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่โหดเหี้ยมของคนเหล่านี้ได้อย่างชัดเจน แม้ว่าความโกรธจะบังความรู้สึกเหล่านี้เอาไว้แต่เขาก็สัมผัสถึงมันได้อยู่ดีซึ่งเขาไม่สามารถไว้ชีวิตคนที่จะเป็นภัยอันตรายกับหลินซี่ต่อไปได้
"แกร๊ง ! "
กระบี่ในมือของเขาได้สั่นไหวก่อนที่คลื่นกระบี่มากมายจะกวาดได้รอบทิศทาง
ด้วยระดับพลังเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 2 แล้วรุ่นเยาว์ธรรมดาจะสามารถต่อกรได้อย่างไร พริบตาเดียวพื้นที่แถบนี้แทบทั้งหมดได้ถูกย้อมไปด้วยเลือดและโครงกระดูกมากมาย
"พระเจ้า...."
"น่ากลัวเกินไปแล้ว !"
"บ้าไปแล้ว !"
ชาวบ้านโดยรอบต่างมองเข้าไปในตระกูลโม่พลางอดกลืนน้ำลายไม่ได้
พริบตาเดียวเรื่องเหล่านี้ก็แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมือง
..........
"อะไรนะ ? "
มู่ชิงและฉีดงที่อยู่ภายในสำนักเองก็ถึงกับผงะไปพร้อมทั้งรีบยืนขึ้นโดยทันที
"ไปกันเร็ว ! "
มู่ชิงได้รีบพูดออกมา
หลินเทียนนั้นเป็นถึงสมบัติของสำนักแถมยังเป็นผู้ถูกเลือกไปยังสำนักเป่ยหยานที่เมืองหลังดังนั้นห้ามเกิดอะไรขึ้นกับเขาโดยเด็ดขาด ณ ตอนนี้มู่ชิงและฉีดงต่างพากันพุ่งออกไปทางตระกูลโม่อย่างรวดเร็ว
อีกมุมหนึ่งของสำนัก
"เจ้านี่ ! "
ซูชูวได้แต่แข็งค้างไป
หลินเทียนบอกกับนางว่าจะจัดการตระกูลโม่แต่ไม่คิดเลยว่าจะบ้าบิ่นถึงขั้นไปซึ่งๆหน้าแบบนี้ นี่มันบ้าเกินไปแล้ว !
"โง่จริงๆ ! มีตราแม่ทัพอยู่แล้วทำไมไม่ส่งกองกำลังทหารมากวาดล้างเล่า ! "
ซูชูวได้พูดออกมาด้วยท่าทางหงุดหงิด
...........
ตำหนักแลกสมบัติ.....
"เจ้านี่........."
ดวงตาอันงดงามของซินเหยาได้เป็นประกาย
พูชิได้ฝืนยิ้มออกมาพร้อมกับพูดว่า
"น้องชายนี่ทำอะไรไม่มีเหตุผลจริงๆ "
"ใช่ ข้าว่าเราไปดูกันดีกว่า "
ซินเหยาได้พูดออกมา
ในเมื่อรู้ถึงสถานะที่แท้จริงของหลินเทียนแล้วซินเหยาและพูชิก็รู้เกี่ยวกับเขาแทบจะทุกเรื่องดังนั้นเรื่องความแค้นของหลินเทียนและตระกูลโม่นั้นสามารถบอกได้ว่ามันเป็นตระกูลโม่ที่ยั่วยุหลินเทียนก่อนเอง การที่มาถึงจุดนี้ได้มันเป็นสิ่งที่ตระกูลโม่ทำทั้งนั้น นี่มันเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่หลินเทียนเปิดฉากโจมตีก่อนเอง
"พู ไปดูแล้วหากว่ามีอะไรก็ช่วยเขาซะ "
ซินเหยาได้พูดออกมา
พูชิได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า
"เอาตามที่แม่นางว่าแล้วกัน "
ตระกูลโม่นั้นเป็นขุมพลังใหญ่ของเมืองนี้ก็จริงแต่สำหรับพูชิและซินเหยาแล้วมันไม่ถือว่ามีค่าพอจะมองด้วยซ้ำ
ณ ตอนนี้พวกเขาได้รีบเดินทางไปที่ตระกูลโม่อย่างรวดเร็ว
................
ตำหนักเจ้าเมือง
"อะไรนะ ! เกิดเรื่องแบบนี้งั้นรึ ! "
ต๊วนหยานที่ได้รับรายงานจากลูกน้องได้ยืนขึ้นโดยทันที
ณ ตอนนี้เขาไม่ได้สนใจตระกูลโม่เลยแม้แต่น้อยแต่กังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของหลินเทียนที่สุด
หลินเทียนนั้นเป็นผู้ที่ถือครองตราแม่ทัพและหากเกิดอะไร ึ้นกับเขาที่เมืองนี้ก็บอกได้เลยว่าเขาที่เป็นเจ้าเมืองคงไม่รอดอย่างแน่นอน
"ไปเตรียมม้าและกองกำลังไปที่ตระกูลโม่ให้เร็ว ! "
ต๊วนหยานได้คำรามออกมาอย่างดัง
หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็พุ่งออกไปทันที
ณ ตอนนี้ในเวลาเดียวกันไม่ว่าจะเป็นขุมกำลังน้อยใหญ่ในเมืองต่างตื่นตัวกับข่าวนี้ ทุกคนล้วนตรงไปยังตระกูลโม่ด้วยกันทั้งหมด
"แกร๊ง ! "
เสียงกระบี่คำรามยังคงดังไม่หยุดอยู่ภายในพร้อมกับเลือดที่สาดกระจายไปทั่วพื้นที่เป็นพักๆ
หลินเทียนยังคงก้าวเดินเข้าไปเรื่อยๆด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ทุกๆก้าวเขาจะฆ่าทุกคนโดยที่ไม่มีใครสามารถขวางทางของเขาเอาไว้ได้
"ระยำ ! "
ณ ตอนนี้เองที่มีเสียงคำรามดังขึ้น
หลังจากนั้นชายวัยกลางคน 3 คนได้ปรากฏตัวออกมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารและในเวลาเดียวกันนี้เองที่ผู้เชี่ยวชาญกว่า 200 คนได้วิ่งออกมาจากด้านนอกและล้อมรอบหลินเทียนเอาไว้
สำหรับหลินเทียนแล้วตอนนี้เขายังคงไม่รู้สึกถึงแรงกดดันอะไรแม้แต่น้อย
"ในที่สุดก็ยอมออกมาแล้วงั้นหรอ ? ข้าคิดว่าจะกลัวจนหัวหดหมดแล้วเสียอีก "
เขาได้แสยะออกมาอย่างเย็นชา