Divine King Of All Directions - 116
Divine King Of All Directions - 116
ในช่วงเช้ามู่ชิงและฉีดงกำลังปรึกษาบางอย่างกันอยู่ในตำหนักผู้อาวุโสก่อนที่จะได้รับแจ้งเตือนจากเจ้าหน้าที่ว่าศิษย์ภายในที่ชื่อว่าหลินเทียนมาขอเข้าพบ
มู่ชิงและฉีดงได้มองไปที่กันและกันด้วยท่าทางแปลกๆพร้อมทั้งพูดว่า
"ให้เขาเข้ามา "
"ได้ขอรับ "
เจ้าหน้าที่ได้ตอบรับ
ไม่นานหลินเทียนก็ได้เข้ามาถึงภายในห้องภายใต้การนำของเจ้าหน้าที่
หลังจากที่นำหลินเทียนมาส่งแล้วเจ้าหน้าที่ก็ปลีกตัวออกไปทันที
"เจ้าหนูมีเรื่องอะไรงั้นหรอ ? "
มู่ชิงได้ถามออกมาด้วยรอยยิ้ม
หลินเทียนได้พยักหน้าตอบก่อนที่จะโค้งคำนับแล้วพูดว่า
"ท่านผู้อาวุโส มันมีอยู่ว่า............."
ตอนนี้หลินเทียนได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นในป่าทมิฬออกไป
"อะไรนะ ! "
มู่ชิงและฉีดงได้มีท่าทางเปลี่ยนไปพร้อมทั้งยืนขึ้นทันที
ใบหน้าของฉีดงได้เปลี่ยนเป็นซีดเผือดพร้อมทั้งทุบโต๊ะอย่างดังแล้วคำรามออกมาว่า
"โม่จี่ ตระกูลโม่!! พวกมันกล้านักนะ !! "
ก่อนหน้านี้ทางสำนักก็ได้เตือนตระกูลโม่เรื่องการลอบสังหารหลินเทียนไปหลายครั้งแล้วและตอนนี้แม้จะรู้ว่าหลินเทียนถือครองตราแม่ทัพแต่ยังกล้าลงมือนี่มันทำให้พวกเขาโกรธจัดมากๆ
หลินเทียนได้โค้งคำนับอีกครั้งพร้อมกับพูดว่า
"ต้องขออภัยเรื่องของซูมู่หยางด้วย "
มู่ชิงและฉีดงได้แต่มองไปที่กันและกันก่อนที่จะถอนหายใจออกมา
"ไม่เป็นไร มันต้องโทษตัวเองแล้วล่ะ "
มู่ชิงได้ถอยหายใจออกมา
ฉีดงได้พูดออกมาทันทีว่า
"เรื่องนี้มันมีต้นตอมาจากตระกูลโม่ดังนั้นพวกมันต้องให้คำอธิบายเรื่องนี้กับพวกเรา ! "
มู่ชิงเองก็ได้แสดงแววตาที่เย็นชาออกมาโดยทันที
ณ ตอนนี้หลินเทียนได้พูดขึ้นว่า
"ท่านผู้อาวุโสทั้งสองโปรดให้ข้าเป็นคนจัดการเรื่องความแค้นนี้เองด้วยเถอะขอรับ "
"ตระกูลโม่นั้นเป็นตระกูลผู้บ่มเพาะและแม้ว่าจะเป็นตระกูลธรรมดาๆแต่เจ้าก็ยังไม่สามารถต่อกรได้ในตอนนี้ เจ้าจะจัดการอย่างไร ? "
ฉีดงได้ขมวดคิ้วของเขาพร้อมกับถามออกมา
"ท่านผู้อาวุโสไม่ต้องเป็นกังวลไป หลินเทียนมั่นใจในเรื่องนี้ "
หลินเทียนได้พูดออกมา
ฉีดงและมู่ชิงได้มองไปที่กันและกันด้วยท่าทางที่ลังเลก่อนที่จะส่ายศีรษะพร้อมๆกัน
"ได้ เอาตามที่เจ้าว่าแล้วกัน "
ฉีดงได้พูดออกมาด้วยท่าทางหมดคำพูด
พวกเขารู้ดีว่าหลินเทียนนั้นไม่ธรรมดาและยังไม่ต้องพูดถึงอาจารย์อันแข็งแกร่งเพราะว่าแค่เพียงหลินเทียนคนเดียวก็สามารถสังหารโม่จี่และซูมู่หยางได้แล้วและนี่ก็อธิบายได้ว่าหลินเทียนมีการเตรียมการไม่น้อยถึงไม่ต้องเป็นห่วงอะไร
"ต้องขออภัยที่มารบกวนผู้อาวุโสทั้งสอง หลินเทียนขอตัวลา "
หลินเทียนได้พูดออกมา
หลังจากที่ได้อธิบายเรื่องราวทั้งหมดไปแล้วเขาก็เตรียมตัวจะไปทำอย่างอื่นต่อ
"รอก่อน ! "
มู่ชิงได้หยุดหลินเทียนเอาไว้
หลินเทียนได้หยุดเท้าลงพร้อมกับหันหน้ากลับมาถามว่า
"ท่านผู้อาวุโสมีอะไรงั้นรึ? "
มู่ชิงได้พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า
"อีกสิบกว่าวันทางสำนักเป่ยหยานจากเมืองหลวงจะส่งคนมาคัดเลือกศิษย์ภายในของเรา เจ้าก็เตรียมตัวไว้ด้วยแล้วกัน ในเมื่อซูมู่หยางตายไปแล้วงั้นก็คงเหลือแค่เจ้าแล้วล่ะ "
หลินเทียนได้แต่ผงะไป สิบกว่าวัน ?
"ไม่จำเป็นต้องทำการทดสอบ ? "
ฉีดงได้แต่กรอกตาพร้อมกับพูดออกมาว่า
"เจ้าหนู เจ้าอายุ 16 ปีมีพรสวรรค์ระดับ 9 ดารา เขตแดนชีพจรเทวะระดับ 2 ปรมาจารย์ด้านข่ายอาคมระดับ 3 อย่าว่าแต่จักรวรรดินี้เลย จะมีใครในสำนักนี้อีกที่มีความสามารถเทียบเคียงเจ้า ? "
หลินเทียนได้แสดงรอยยิ้มที่อึดอัดและอับอายออกมาอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตามนี่ถือว่าเป็นข่าวดีมากๆ
"เอาล่ะ ไปได้"
มู่ชิงได้พูดออกมา
หลินเทียนได้ทำความเคารพพวกเขาอีกครั้งพร้อมทั้งก้าวออกไปช้าๆแล้วปิดประตู
แม้ว่าการกระทำนี้อาจดูเล็กน้อยแต่ก็ทำให้ผู้อาวุโสทั้งสองคนต้องพยักหน้าไปตามๆกัน
"เจ้าหนูนี่มีพรสวรรค์มากๆแถมไหวพริบยังระดับสัตว์ประหลาด ถือครองตราแม่ทัพและมีอาจารย์ที่น่ากลัวขนาดนั้นแต่กลับเป็นคนนิสัยสุภาพอ่อนโยนนี่พวกลูกหลานตระกูลเล็กๆที่อวดดีหยิ่งผยองไปวันๆไม่สามารถเทียบได้เลยด้วยซ้ำ "
ฉีดงได้พูดออกมา
"แต่ละคนก็ต่างกัน เจ้าหนูนี่ถูกกำหนดมาให้เป็นมังกรในหมู่ผู้คน "
มู่ชิงได้พูดออกมา
......
พริบตาเดียวก็ผ่านไปถึงสามวัน
ที่ตระกูลโม่ในตอนนี้
ผู้นำตระกูลโม่ได้แต่เดินไปเดินมาอยู่ภายในห้องโถงใหญ่ด้วยท่าทางที่กระวนกระวาย
เรื่องโม่จี่ออกไปลอบสังหารหลินเทียนนั้นเขารู้ดีถึงได้ส่งผู้เชี่ยวชาญของตระกูลออกไปช่วยด้วยแต่ตอนนี้ก็ผ่านไปสามวันแล้วทว่ากลับไม่ได้ข่าวอะไรเลย โม่จี่และคนอื่นๆก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
หลังจากที่ส่งคนออกไปสืบสวนแล้วก็ได้แต่รอด้วยท่าทางกระวนกระวาย
"ท่านผู้นำตระกูล ! "
หนึ่งในคนตระกูลโม่ได้พุ่งเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าซีดเผือด
"พูดมา ! "
ผู้นำตระกูลโม่ได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
รุ่นเยาว์คนนั้นได้พูดออกมาอย่างตะกุกตะกักว่า
"นะ........หลินเทียนได้กลับไปที่สำนักอย่างไร้รอยขีดข่วนขอรับ "
ผู้นำตระกูลโม่ได้แต่สั่นสะท้านไปด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด
ณ ตอนนี้มีเสียงดังใกล้เข้ามาก่อนที่ชายวัยกลางคนจะคุกเข่าลงแล้วพูดด้วยริมฝีปากที่สั่นระริกว่า
"ท่านผู้นำตระกูล.......นายน้อยและนายท่านหก......... ตายหมดแล้วขอรับ "
โครม !
หลังจากที่คำพูดนี้จบลงก็ทำให้โลกทั้งใบของเขาปั่นป่วนไปหมด
"เจ้าพูดว่าอะไรนะ !! พูดอีกทีสิ ! "
ผู้นำตระกูลโม่ได้พูดออกมาด้วยท่าทางโกรธจัด
ชายวัยกลางคนได้พูดออกมาด้วยร่ายกายที่สั่นสะท้านว่า
"เราได้พบศพของนายน้อยและนายท่านหกในป่าทมิฬ....."
ขณะที่พูดออกมาชายคนนั้นก็ได้แต่มองไปที่ใบหน้าของผู้นำตระกูลโม่
หลังจากนั้นร่างไร้วิญญาณสองร่างที่ถูกห่อด้วยผ้าขาวได้ถูกยกเข้ามาภายในห้อง
ใบหน้าของผู้นำตระกูลโม่ได้เปลี่ยนสีไปทันทีพร้อมกับก้าวเดินออกไปด้วยร่างกายที่สั่นสะท้าน
เขาได้ยกผ้าขาวขึ้นก่อนที่จะพบกับใบหน้าของชายวัยกลางคนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญของตระกูลโม่ก่อนที่จะยกมือสั่นๆไปเปิดผ้าขาวอีกผืนพร้อมทั้งกระอักเลือดออกมาทันที
"!!!! "
ดวงตาของเขาได้เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำโดยทันที
ภายใต้ผ้าสีขาวนั้นเป็นร่างไร้ศีรษะของโม่จี่และศีรษะที่ยังคงมีดวงตาเบิกกว้าง
"หลินเทียน !! ระยำ!! ข้าจะฆ่าเจ้าให้ได้ !! ต้องฆ่าเจ้าให้ได้ !!! "
ผู้นำตระกูลโม่ได้คำรามออกมาด้วยความโกรธถึงขีดสุด
ลูกชายคนเล็กถูกหลินเทียนฆ่าไปแล้วตอนนี้ลูกชายคนโตของเขาก็ไม่ต่างกันนี่มันทำให้เขาปลดปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างบ้าคลั่ง
................
ช่วงค่ำ, สำนักจิ่วหยาง
หลินเทียนยังคงนั่งอยู่ใจกลางข่ายอาคมรวมพลังวิญญาณสองม้วนพร้อมกับดูดกลืนพลังฉีจากโดยรอบ
"บึ้สสส ! "
แรงจากหมู่ดาวได้ห่อหุ้มร่างกายของเขาเอาไว้
สามารถสัมผัสได้ทันทีว่าร่ายกายของเขาแข็งแกร่งขึ้นอย่างมาก
หลังจากนั้นก็ผ่านไปกว่า 4 ชั่วโมง
ณ ตอนนี้เป็นช่วงเที่ยงคืนพอดี
ดวงตาของเขาได้เปิดขึ้นก่อนที่พลังฉีโดยรอบจะสลายหายไป
"ถึงเวลาแล้วล่ะ "
เขาได้พูดอยู่กับตัวเองพร้อมกับดวงตาที่เป็นประกายเย็นยะเยือก
เขาได้ลงมาจากที่พักพร้อมทั้งเดินเข้าไปเปิดประตูห้องหลินซี่และเห็นว่านางกำลังพักผ่อนอย่างสบายใจ
เขาได้ยิ้มออกมาก่อนที่จะปิดประตูเบาๆแล้วเปิดทำงานข่ายอาคมลมกระโชกพลางสลายหายไปเป็นความมืด
หลังจากที่เขาออกมาจากสำนักแล้วเขาก็หยุดอยู่ที่หน้าตำหนักใหญ่แห่งหนึ่ง
บนยอดประตูได้สลักตัวอักษรตัวโตเอาไว้ว่า ตระกูลโม่ !
ณ ตอนนี้ด้านหน้าของตระกูลโม่มีผู้เชี่ยวชาญคอยดูแลความปลอดภัยอยู่สองคนซึ่งพวกเขาอยู่ในเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 6
หลินเทียนไม่ได้สนใจพวกเขาแม้แต่น้อยก่อนที่จะแสยะออกมาอย่างเย็นชาแล้วกระโดดข้ามกำแพงไป หากเทียบกับตระกูลเสี่ยวแล้วภายในบ้านหลักตระกูลโม่นั้นเต็มไปด้วยอาวุธมากมายไม่ว่าจะเป็นกระบี่ หอก ง้าวหรืออาวุธอื่นๆ
"เริ่มกันเลย"
หลินเทียนได้แสยะออกมา
คืนนั้นไม่มีใครในตระกูลโม่รู้เลยว่ามีปีศาจแฝงตัวอยู่ภายในเงามืดซึ่งได้ไปกลับทุกซอกทุกมุมของตระกูลพวกเขาหมดแล้ว
ช่วงเวลากลางคืนได้หมดไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นหลินเทียนก็ได้แอบออกมาอย่างเงียบๆพร้อมทั้งกลับไปยังที่พักภายในสำนัก
"เรียบร้อย"
เขาได้พูดกับตัวเอง
หลังจากที่กลับมาถึงที่พักแล้วเขาก็ไม่คิดจะทำอะไรเลยพลางพุ่งตรงไปนอนทันที
เขาได้พักผ่อนจนถึงช่วงบ่ายวันนั้น
เมื่อตื่นขึ้นอีกครั้งเขาก็พบว่าที่โต๊ะด้านข้างมีอาหารถูกจัดเตรียมเอาไว้แล้วเหมือนเดิม
เมื่อมองไปยังอาหารเดิมๆที่คุ้นเคยแล้วเขาก็ได้แต่แสดงสีหน้าอับอายออกมาเพราะว่าเขาที่เป็นถึงพี่ชายกลับให้น้องสาวต้องมาดูแล
เขาได้แต่ส่ายศีรษะก่อนที่จะเดินออกไปอาบน้ำแล้วทานอาหารเสร็จก็เก็บกวาดโต๊ะ, หลังจากนั้นเขาได้ตรงออกไปด้านนอกสำนักอย่างรวดเร็ว จริงๆมันเป็นเพราะว่าเขาได้ทานอาหารปี่กู่มาก่อนแล้วดังนั้นถึงไม่ได้รู้สึกหิวเลยแม้แต่น้อยทว่าในเมื่อหลินซี่เตรียมอาหารให้แล้วจะให้เขาทิ้งมันได้อย่างไรกัน
.............
ตำหนักแลกสมบัติยังคงเต็มไปด้วยผู้คนมากมายซึ่งแต่ละคนเองก็ล้วนเป็นพวกกระเป๋าหนักทั้งนั้น
หลังจากที่เดินออกมาจากสำนักแล้วหลินเทียนก็ตรงไปทางตำหนักแลกสมบัติโดยทันที
"ยินดีต้อนรับน้องชายหลิน"
พูชิได้หัวเราะออกมา
"พู"
หลินเทียนได้ทักทายออกไป
ซินเหยาเองก็อยู่ที่นี่และเมื่อเห็นว่าเขาทักทายพูชิคนเดียวจึงอดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลงแล้วพูดออกมาด้วยท่าทางที่น่าหลงใหลว่า
"น้องชาย พี่สาวออกจะสวยขนาดนี้แต่เจ้ามองไม่เห็นหัวข้าเลยรึ ? "
หลินเทียน
"........"
เขาอยากจะตอบกลับไปมากว่าตรงหน้าเขาเห็นเพียงแต่ตัวปัญหาเท่านั้น !
เขาได้แต่ส่ายศีรษะด้วยความรู้สึกหมดหนทางแล้วโบกมือเรียกเอาม้วนอาคม 6 ม้วนส่งให้พูชิ
"นี่คือ ?"
พูชิได้ชะงักไป
หลินเทียนได้พูดออกมาว่า
"ข่ายอาคมลมกระโชก "
หลินเทียนได้สร้างข่ายอาคมลมกระโชกมาทั้งหมด 13 ม้วนซึ่งหลังจากที่กลับจากตระกูลโม่ก็ใช้ไปทั้งหมด 5 ม้วนแล้วและตอนนี้ก็เหลืออยู่ 8 ดังนั้นถึงได้เอาให้พูชิไปเลย 6 ม้วนแล้วตัวเองเก็บเอาไว้ 2 ม้วน
"ข่ายอาคมลมกระโชก ! ที่ก่อนหน้านี้น้องชายบอกว่ามีคุณสมบัติทำให้หายตัวและเพิ่มความเร็วในการเคลื่อนไหวได้ ? "
พูชิได้พูดออกมาด้วยท่าทางตื่นเต้น
"อื้ม"
หลินเทียนได้พยักหน้าตอบกลับไป
พูชิและซินเหยาได้แต่มองไปที่กันและกันก่อนที่จะแสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมา
หลังจากที่ดึงสติกลับมาแล้วพูชิก็ได้มองไปทางหลินเทียนพร้อมกับพูดออกมาด้วยท่าทางจริงจังว่า
"ขอบคุณน้องชายมากๆ ! เราจะให้ราคาที่น่าพอใจอย่างแน่นอน 4หมื่นเหรียญเป็นไง ? "
หลินเทียนได้ชะงักไป 4หมื่นนี่มันก็เป็นเงินที่สูงมากๆ
เขาได้ส่ายศีรษะพร้อมทั้งตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มว่า
"ไม่เป็นไรหรอก ก่อนหน้านี้อุส่าขายแหวนมิติให้ข้าในราคา 7 แสนเท่านั้น อย่างน้อยก็เสียกำไรไปเป็นล้านดังนั้นของแค่นี้ข้าจะเรียกเก็บเงินได้ไงกัน "
"นี่....."
พูชิเองก็เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ตรงไปตรงมาดังนั้นเขาถึงไม่สามารถปฏิเสธหลินเทียนได้
ซินเหยาได้สำรวจร่างกายของหลินเทียนพร้อมทั้งเดินเข้าไปกอดแขนเขาเอาไว้แล้วพูดออกมาอย่างน่ารักว่า
"ดีมากน้องชาย ไม่เสียแรงที่พี่สาวดูแลอย่างดี "
หลังจากที่พูดจบแล้วนางก็ได้หยิบเอาตราสีเงินส่งให้เขาแล้วพูดต่อว่า
"ด้วยความสามารถของเจ้าแล้วอีกหน่อยคงจะเข้าไปที่เมืองหลวงดังนั้นนี่เป็นของขวัญของพี่ ในอนาคตมันจะมีประโยชน์กับเจ้ามากๆ "