Divine King Of All Directions - 110
Divine King Of All Directions - 110
พลังฉีภายในร่างของเขาได้เดือดพล่านไปทั่วอยู่หลายลมหายใจ
หลังจากนั้นไม่นานแก่นอสูรระดับ 5 ทั้ง 2 ในมือของหลินเทียนก็ดูหมองลงก่อนที่จะกลายสภาพไปเป็นเศษหินธรรมดาๆแทน
ณ ตอนนี้หลินเทียนได้ลืมตาขึ้นอีกครั้ง
"เขตแดนชีพจรเทวะระดับ 2 ! "
เขาได้ส่งเสียงกระซิบออกมาขณะที่ดวงตาของเขาได้เปล่งประกาย
หลังจากทีกำหมัดแล้วเขาก็รู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งที่เพิ่มมากขึ้น ตอนนี้ชีพจรเทวะของแขนทั้งสองข้างได้ก่อตัวอย่างสมบูรณ์แล้วถึงได้ทำให้แขนทั้งสองเขาเขาแข็งแกร่งเหมือนดั่งเพชร
เขาได้สูดหายใจเข้าลึกก่อนที่จะทิ้งแก่นอสูรในมือลง
เขาต้องมาไล่ล่าโคเกราะวิญญาณแต่ไม่คิดเลยว่าจะได้พบกับการต่อสู้แลกชีวิตกันของสัตว์อสูรระดับ 5 ตอนปลายแถมยังได้รับผลประโยชน์มาอีก นี่มันทำให้เขาได้แต่พึงระลึกว่าโชคของตัวเองมันดีขนาดไหน
"ไม่รู้เลยว่าแถวๆนี้จะมีโคเกราะวิญญาณไหมแต่ผ่านไปตั้งนานแล้วมันน่าจะกลับมาแล้วมั้ง "
หลินเทียนได้พูดกับตัวเอง
ที่อยู่ของโคเกราะวิญญาณนั้นอยู่ห่างออกไปไม่ไกลดังนั้นหลังจากที่เดินออกไปไม่นานก็พบกับพวกมันถึง 3 ตัว
ริมฝีปากของเขาได้ยกตัวขึ้นเป็นรอยยิ้มก่อนที่จะก้าวเดินออกไป
การต่อสู้อันดุเดือดได้เริ่มต้นขึ้นโดยที่เขาไม่ใช้ทักษะเคลื่อนไหวหรือเพลงกระบี่แม้แต่น้อย เขาจัดการพวกมันทั้ง 3 ตัวโดยอาศัยทักษะเพลงหมัดทลายฟ้าเท่านั้นซึ่งขั้นตอนนี้กินเวลาไปประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าพวกมันจะหมดสภาพโดยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บภายนอกแม้แต่น้อยทว่าอวัยวะภายในทั้งหมดกลับแหลกสลายเป็นผุยผง
"แข็งแกร่งขึ้นแล้วก็สามารถสำแดงทักษะนี้ได้ดีขึ้น "
หลินเทียนได้กำหมัดของเขา
หลังจากที่ตัดผ่านมายังเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 2 นั้นร่างกายของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นไม่น้อยเลย
หลังจากนั้นประมาณหนึ่งชั่วโมงเขาก็ได้หาตัวสุนัขจิ้งจอกหินพร้อมทั้งไล่ล่าอย่างรวดเร็ว
ร่างกายของมันใหญ่มากแต่การเคลื่อนไหวกลับหมดจดไม่ต่างอะไรไปจากวานรเลยด้วยซ้ำ หางทั้งสามของมันแหลมคมเหมือนใบมีดให้ความรู้สึกน่ากลัวอย่างมาก
อย่างไรก็ตามสำหรับเขาแล้วมันไม่ได้มีผลอะไรเลย
"โครม ! "
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ต่อยอัดร่างของมันจนส่งเสียงร้องออกมาและทรุดลงไปกับพื้น
หลินเทียนได้มองไปยังร่างของมันสลับกับกำปั้นตัวเองพร้อมกับยิ้มออกมา พลังทำลายของมันน่าพอใจมากๆแม้จะโจมตีจากภายนอกแต่กลับสร้างความเสียหายภายในอย่างไร้ร่อยรอย
เขาได้เก็บเกี่ยวข้อมูลของมันพร้อมทั้งเอาแก่นอสูรของมันไปก่อนที่จะหันหลังเดินจากไป
หลังจากนั้นหลินเทียนก็ได้เดินออกไปถึงขึ้นนอกของป่าทมิฬซึ่งระหว่างทางก็ได้ปะทะกับสัตว์อสูรหลายตัวเพื่อขัดเกลาร่างกาย
"โครม !"
"โครม !"
"โครม !"
เสียงการปะทะกันของกล้ามเนื้อได้ดังอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงร้องของสัตว์อสูร
หลังจากนั้นไม่นานหลินเทียนก็เดินออกไปถึงด้านนอกป่าทมิฬแล้วตรงกลับไปที่เมือง
ภารกิจทั้ง 4 ได้เสร็จอย่างรวดเร็วแถมยังช่วยขัดเกลาร่างกายของเขาเล็กน้อยด้วยแต่หลังจากที่เสร็จภารกิจนี้แล้วเขาก็ยังต้องรับภารกิจเพิ่มเพราะแต้มที่ใช้แลกเป็นหยาดจันทรานั้นสูงมากๆอย่างน้อยๆเขาก็ต้องมีเป็นพันๆแต้มถึงจะพอใช้
หลังจากนั้น 2 ชั่วโมงเขาก็กลับไปถึงตัวเมืองขณะที่เผชิญหน้ากับผู้ดูแลประตูเมืองที่มองมาทางเขาด้วยท่าทางเกรงกลัว หลังจากที่ตัดผ่านเขตแดนชีพจรเทวะมาแล้วความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นมากดังนั้นแม้ว่าก่อนหน้านี้การไปกลับระหว่างตัวเมืองและป่าทมิฬจะกินเวลามากมายหลายชั่วโมงแต่ตอนนี้มันไม่ได้นานขนาดนั้นแล้ว
หลังจากที่เดินเข้าไปในเมืองเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ
"ดูเหมือนว่ากำลังจะค่ำแล้วงั้นค่อยไปทำภารกิจต่อในวันพรุ่งนี้แล้วกัน "
หลินเทียนได้พูดอยู่กับตัวเอง
เขาก้าวเดินออกไปอย่างนุ่มนวลก่อนที่จะเดินไปถึงสมาคมอย่างรวดเร็ว
ณ ตอนนี้หลินเทียนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันรุนแรงกำลังจ้องมาทางเขาด้วยท่าทางปฏิปักษ์ถึงได้ตรงดิ่งไปยังสมาคมก่อนที่จะหันหน้ากลับไปมองและพบว่าบนตำหนักสูงแห่งหนึ่งมีสายตาอันเย็นยะเยือกกำลังจับจ้องมาที่เขา
"เหอะ ! "
เขาได้แสยะออกมาเพราะเขาตระหนักได้ถึงบางสิ่งอย่างชัดเจน
เมื่อเข้าไปในสมาคมแล้วเขาก็ได้ส่งหญ้าเขี้ยววิญญาณ แก่นเลือดพยัคฆ์หางเพลิง โคเกราะวิญญาณ และข้อมูลเกี่ยวกับสุนัขจิ้งจอกหิน
"ท่านนี่จัดการได้เร็วจริงๆ ! "
พนักงานได้แต่พูดออกมาด้วยท่าทางประหลาดใจ ในภารกิจทั้ง 4 นี้การเก็บเกี่ยวหญ้าเขี้ยววิญญาณเป็นเรื่องที่ธรรมดาๆแต่อีก 3 ภารกิจนั้นไม่ง่ายเลยเพราะมันต้องจัดการสัตว์อสูรระดับ 4 ที่ถือว่าเป็นภารกิจที่ยากแต่หลินเทียนกลับทำสำเร็จทั้งหมดภายในวันเดียว
"อื้ม"
หลินเทียนได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
พนักงานได้ยิ้มออกมาพร้อมกับยืนยันภารกิจแล้วพูดว่า
"ทั้งหมด 200 แต้ม ท่านจะเอาไปแลกเลยหรือว่าสะสมไว้ก่อนคะ ? "
"สะสมไว้ก่อนแล้วกัน"
หลินเทียนได้ยิ้มออกมาก่อนที่จะหยิบเอาใบรายการส่งให้นางแล้วพูดว่า
"ช่วยเตรียมของพวกนี้ให้หน่อยสิ "
"ไม่มีปัญหาค่ะ "
นางได้รีบตอบกลับอย่างเร็ว
หลังจากที่รับใบรายการมาแล้วนางก็รีบวิ่งออกไปทันที
ไม่นานนางก็กลับมาพร้อมกับพูดว่า
"นี่คือของที่ท่านต้องการค่ะ "
"อื้ม ขอบคุณมาก "
หลินเทียนได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็ได้ขยับมือขวาเล็กน้อยพร้อมทั้งส่งมันเข้าไปในแหวนมิติ
ท่าทางของพนักงานต้อนรับเปลี่ยนเป็นตกตะลึงขณะที่จ้องมองหลินเทียนไม่หยุดพลางคิดว่าเขาทำได้อย่างไรกัน ? ถุงหายไปไหน ?
"มันหายไปอยู่ในมิติเล็กๆน่ะ "
หลินเทียนได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะยกนิ้วกลางขึ้นมาให้ดูแหวนที่สวมอยู่
"ลึกลับจริงๆ "
นางได้แต่กระพริบตาปริบๆ
นางเป็นเพียงพนักงานเท่านั้นถึงไม่รู้จักสมบัติเช่นแหวนมิติ
หลินเทียนได้เก็บของพร้อมทั้งบอกลาอย่างรวดเร็ว
"เดินทางกลับดีๆนะคะ "
พนักงานได้เดินไปส่งเขาที่ทางเขาด้วยตัวเอง
ไม่ว่าจะเป็นใครที่เดินเข้ามาในสมาคมนางก็มักจะปฏิบัติต่อพวกเขาด้วยความสุภาพและเคารพแต่กับหลินเทียนนั้นมันต่างออกไปเล็กน้อยเพราะมันมาจากความเคารพที่อยู่ลึกลงไปในจิตใจ มันไม่ใช่เพราะสถานะของเขาที่เป็นปรมาจารย์แต่มันเป็นเพราะความอ่อนโยนที่เขาปฏิบัติต่อคนอื่นๆ
หลังจากที่เดินออกมาแล้วหลินเทียนก็กลับไปยังสำนักอย่างรวดเร็ว
ณ ตอนนี้เป็นช่วงค่ำแล้วดังนั้นเขาถึงได้ทานอาหารปี่กู่เข้าไปแล้วกลับขึ้นไปบนยอดพลางหยิบเอาวัตถุดิบออกมาเพื่อสร้างข่ายอาคมรวมพลังวิญญาณ เขาอยากจะปรับรากฐานพลังของตัวเองให้มั่นคง
เวลากลางคืนได้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เช้าวันรุ่งขึ้นหลินเทียนก็รีบลงมาจากที่พักอย่างรวดเร็วเพื่อมุ่งหน้าไปยังสมาคมอีกครั้ง หลังจากที่รับภารกิจมาแล้วเขาก็ตรงดิ่งไปที่ป่าทมิฬโดยทันที แต้มที่ต้องใช้แลกหยาดจันทรานั้นใช้เยอะมากๆดังนั้นอย่างน้อยๆเขาต้องไปกลับที่นี่ 5-6 ครั้งแต่มันก็เป็นโอกาสที่เขาจะได้ขัดเกลาตัวเองเหมือนกัน
เมื่อเดินออกมาเขาก็สัมผัสได้ถึงสายตาที่กำลังจับจ้องมาทางเขาอีกครั้งและมันเป็นตำแหน่งเดียวกันกับเมื่อวานนี้ไม่มีผิด
เขาได้แต่แสยะอยู่ภายในใจก่อนที่จะเดินออกไปนอกเมืองอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่ใช้เวลาไปอีก 2 ชั่วโมงเขาก็ไปถึงป่าทมิฬอีกครั้งแล้วเข้าไปทำภารกิจแรกโดยทันที มันเป็นภารกิจล่าเอาสมองของสัตว์อสูรที่เขาใช้เวลาหาร่องรอยของมันกว่าครึ่งชั่วโมงแล้วหลังจากที่จบการต่อสู้ก็ได้ชำแหละเอาสมองและแก่นอสูรของมันไป
หลังจากนั้นภารกิจต่างๆก็สำเร็จไปอย่างรวดเร็ว
"กลับดีกว่า"
เขาได้พูดกับตัวเองก่อนที่จะเดินกลับไปทางเมือง
หลังจากนั้นในช่วงหลายวันนี้เขาก็ไปกลับจากป่าทมิฬอยู่ตลอดเพื่อทำภารกิจของเขาและทุกๆครั้งก็จะสัมผัสได้ถึงสายตาอันเย็นชาทีกำลังจับจ้องมาเก็บทุกรายละเอียด
สำหรับเขาแล้วไม่ได้สนใจอะไรแม้แต่น้อยก่อนที่จะทำท่าทีเหมือนไม่รู้สึกอะไร
.........
ช่วงกลางดึกที่ดวงดาวปรากฏอยู่เต็มฟากฟ้า
หลินเทียนที่กำลังนั่งอยู่บนยอดที่พักเองก็ได้ขยับนิ้วเล็กน้อยเพื่อวาดข่ายอาคมแต่มันแตกต่างจากลวดลายข่ายอาคมครั้งก่อน แม้ว่ามันจะมีรากฐานอยู่ 5 จุดแต่ขนาดของมันใหญ่มากๆเหมือนกับเป็นภาพของโซ่ห้าเส้นเสียมากกว่า
ไม่นานเขาก็หยุดมือลง
ตอนนี้เขาได้กางม้วนอาคมออกซึ่งมันมีความยาวกว่า 10 เมตรที่ภายในเต็มไปด้วยลวดลายสีดำรายล้อมบางอย่างเอาไว้เหมือนกับมีไว้เพื่อวางบางสิ่ง
"ข่ายอาคมระดับ 3 คุกโดดเดี่ยว หลังจากที่ใช้ร่วมกับข่ายอาคมผสานแล้วมันจะมีผลลัพธ์ยังไงกันนะ "
หลินเทียนได้ส่งเสียงกระซิบออกมา
ท่ามกลางค่ำคืนอันมืดมิดนี้ดวงตาของเขาได้เปล่งประกายไอเย็นออกมา
ไม่นานเวลาก็ได้ผ่านไปจนถึงช่วงเช้าอีกครั้ง
หลินเทียนได้กวาดตามองไปรอบๆขณะที่ข้างกายเขาเต็มไปด้วยม้วนข่ายอาคมที่สำเร็จแล้วมากมายไม่ว่าจะเป็นข่ายอาคมผสาน ข่ายอาคมคุกโดดเดี่ยวก่อนที่จะโบกมือขวาเพื่อเก็บพวกมันกลับไปในแหวนมิติของเขา
"เตรียมการอยู่ตั้งนาน อย่าให้ข้าต้องผิดหวังแล้วกัน "
หลินเทียนได้แสยะออกมา
เขาได้ทิ้งข้อความไว้ให้หลินซี่ก่อนที่จะเดินออกไปด้านนอกสำนักแล้วตรงไปยังสมาคมอย่างรวดเร็ว หลังจากที่รับภารกิจมาแล้วเขาก็เดินไปทางป่าทมิฬอีกครั้งและหลังจากที่เดินไปถึงหน้าประตูแล้วก็สัมผัสได้ถึงสายตาอันเย็นชายิ่งกว่าเก่าที่กำลังจับจ้องมาทางเขาอีกครั้ง
สำหรับเขาแล้วก็ยังคงแสดงสีหน้าไม่สนใจแล้วเดินต่อไป
...............
ห่างออกไปจากจุดที่ประตูเมืองตั้งอยู่นั้นชายหนุ่มหลายคนที่ดูแข็งแรงแฝงไปด้วยจิตสังหารกำลังยืนอยู่ข้างกายโม่จี่และซูมู่หยาง
ซูมู่หยางได้จ้องมองไปยังร่างของหลินเทียนที่กำลังเดินออกไปนอกเมืองด้วยท่าทางที่ราบเรียบและเย็นชา
โม่จี่เองก็กำลังจ้องมองออกไปด้วยสายตาที่เย็นชาเช่นกันก่อนที่จะพูดออกมาว่า
"ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้มันทักจะตรงไปยังป่าทมิฬตลอดและมันเป็นเพราะว่ามันถือครองตราแม่ทัพเอาไว้ดังนั้นเขาต้องลงมือในป่าทมิฬเท่านั้น ต้องฆ่ามันให้ได้ !"
หลังจากนั้นโม่จี่ก็ได้พูดต่อว่า
"คิดให้ดีนะเพราะหากว่ามันไม่ตายแล้วเจ้าหมดสิทธิ์เข้าร่วมสำนักเป่ยหยานไปตลอดชีวิตแน่นอน "
ซูมู่หยางเองก็ได้แต่มองออกไปยังหน้าประตูเมืองแล้วตอบรับด้วยประกายตาที่เย็นยะเยือก
"อื้ม ! ไปด้วยกันนี่แหละ "
เขาได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมก่อนที่จะปลดปล่อยจิตสังหารออกมาทันที