Divine King Of All Directions - 109
Divine King Of All Directions - 109
ตัวตนของสมาคมปรมาจารย์ด้านข่ายอาคมนั้นมีสถานะพิเศษในเมืองนี้และทุกคนล้วนแสดงท่าทางเกรงกลัวออกมาเมื่อต้องเดินผ่านแต่ส่วนใหญ่จะไม่มีใครกล้าหยุดเดินที่นี่
หน้าร้อนที่ร้อนจัดได้ผ่านไปทำให้อากาศดีขึ้นมาก
หลินเทียนผู้ซึ่งสวมชุดคลุมสีขาวเองก็ได้เดินมาถึงด้านหน้าสมาคมและทำให้ผู้คนโดยรอบต่างต้องแสดงสีหน้าที่เกรงกลัวออกมา
"เป็นเขา !"
"ปรมาจารย์ด้านข่ายอาคมผู้มีพรสวรรค์คนนั้น ! "
"ผู้ถือครองตราแม่ทัพ ! "
หลายๆคนได้แต่มองไปยังหลินเทียนขณะที่พึมพำออกมาด้วยท่าทางตกตะลึง
"คุณหลิน"
พนักงานต้อนรับสาวได้ทักทายของอย่างสุภาพด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย
เรื่องรายของหลินเทียนนั้นแพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองนั้นนั้นแน่นอนว่านางเองก็รู้ถึงเรื่องนี้ ตอนนี้หลินเทียนมีอายุเพียงแค่ 16 ปีแต่กลับประสบความสำเร็จขนาดนั้นมันทำให้นางรู้สึกชื่นชมและใจสั่นไม่น้อย
หลินเทียนได้ยิ้มออกมาพร้อมพูดว่า
"ข้าจะมารับภารกิจของสมาคมน่ะ "
นางได้พยักหน้าตอบพร้อมกับพูดว่า
"จะไปพบกับผู้อาวุโสเก้อก่อนไหม ? "
หลินเทียนได้ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า
"ไม่เป็นไรดีกว่า ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เขาเองก็น่าจะกำลังศึกษาข่ายอาคมดังนั้นข้าไม่อยากจะรบกวนเขาน่ะ "
หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็ได้เดินไปยังกระดานภารกิจก่อนที่จะเลือกภารกิจหาหญ้าเขี้ยววิญญาณ แก่นเลือดของสัตว์อสูรระดับ 4 พยัคฆ์หางเพลิง โคเกราะวิญญาณและข้อมูลเกี่ยวกับอสูรสุนัขจิ้งจอกหินและหากว่ารวมแต้มทั้งหมดแล้วก็น่าจะได้ประมาณ 200 แต้ม
หลังจากนั้นก็แจ้งพนักงานให้บันทึก
"ข้าไปล่ะ "
หลินเทียนได้พูดออกมา
พนักงานสาวได้โค้งตัวพร้อมกับพูดว่า
"ดูแลตัวเองด้วยนะ "
หลินเทียนได้ยิ้มตอบพร้อมกับเดินจากไป
เหล่าผู้คนที่อยู่ภายในถึงกับสูดหายใจเข้าลึกหลังจากที่เห็นภารกิจที่หลินเทียนหยิบไป
"สัตว์อสูรระดับ 4 เกือบทั้งหมด !"
"สุดยอดเกินไปแล้ว !"
"ยังหนุ่มขนาดนี้แล้วหลังจากนี้โตไปจะขนาดไหนกัน ? "
หลายๆคนได้แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาตามๆกัน
.........
หลังจากที่ไปถึงป่าทมิฬแล้วเขาก็พบกับผู้คนมากมายเช่นก่อน
ณ ตอนนี้มันเป็นช่วงบ่ายและแม้ว่าพระอาทิตย์ยังเจิดจ้าแต่ก็ไม่ร้อนเท่าช่วงก่อนหน้านี้แต่กลับให้ความรู้สึกอบอุ่นเสียมากกว่า
"หญ้าเขี้ยววิญญาณน่าจะอยู่ห่างออกไปจากจุดนี้ประมาณ 1.6 กิโลเมตร "
หลินเทียนได้พูดอยู่กับตัวเองก่อนที่จะเดินเข้าไปในป่าลึกอย่างรวดเร็ว
นี่เป็นครั้งที่สามที่เขาเข้ามาในป่าทมิฬแห่งนี้ดังนั้นถึงได้คุ้นเคยกับเส้นทางมากๆ ไม่นานเขาก็ได้เดินไปยังพื้นที่ๆเต็มไปด้วยพงหญ้ามากมายเหมือนเป็นสวนของต้นไม้
หลินเทียนได้ยิ้มออกมาขณะที่พบกับหญ้าเขี้ยววิญญาณ
หลังจากนั้นเขาก็ได้เดินเข้าไปพร้อมทั้งหยิบเอาถุงย่ามออกมาแล้วเก็บเกี่ยวหญ้าเขี้ยววิญญาณลงไปในถุงย่ามแล้วส่งมันเข้าไปเก็บไว้ในแหวนมิติอีกที หญ้านี้เป็นวัตถุดิบที่สามารถผสมเป็นหมึกในการวาดข่ายอาคมได้แต่แน่นอนว่าผลลัพธ์ของมันก็ธรรมดาๆ
หลังจากนั้นเขาก็ได้ยืนขึ้นแล้วมองไปยังป่าลึกที่อยู่ด้านหน้า
"พยัคฆ์หางเพลิง โคเกราะวิญญาณ สุนัขจิ้งจอกหิน "
หลินเทียนได้พึมพำกับตัวเอง
หลังจากนั้นเขาก็ก้าวต่อไปอย่างรวดเร็ว
ที่เขามาที่นี่ก็เพื่อที่จะหาแต้มไปแลกหยาดจันทราเพื่อสร้างข่ายอาคมลมกระโชกและอีกอย่างคือเขาคิดจะมาฝึกทักษะหมัดทลายฟ้าของตัวเองเพื่อยืนยันพลังทำลายของมันว่าจะสามารถใช้ในการสู้จริงได้
และการต่อสู้จริงนั้นมันก็เป็นการช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งอย่างดีที่สุด !
ดังนั้นเมื่อตอนอยู่ที่สมาคมเขาถึงได้เลือกเอาภารกิจที่ต้องเก็บเกี่ยวแก่นเลือดของสัตว์อสูรมา
เมื่อเดินเข้าไปในป่าลึกแล้วหลินเทียนได้พบเข้ากับพยัคฆ์หางเพลิงเข้าอย่างรวดเร็ว มันมีฟันที่แหลมคมพร้อมกับหางที่เปลือยเปล่าประดับไปด้วยหนามเล็กๆมากมาย
"ตรงหางมันจะเป็นส่วนที่อันตรายที่สุดแล้ว "
เขาได้คิดอยู่ภายในใจ
มันเป็นเพราะเขาได้ศึกษาข้อมูลของสัตว์อสูรที่อยู่ภายในป่างทมิฬมาก่อนแล้วดังนั้นถึงได้พุ่งเข้าประชิดแล้วเหวี่ยงหมัดเข้าใส่โดยทันที
โครม ! หมัดของเขาได้ปะทะเข้ากับร่างของมันก่อนที่จะส่งมันกระเด็นออกไปไกลแต่มันก็ลุกกลับขึ้นมาแล้วตั้งหนามแหลมตรงหางที่ดูน่ากลัวขึ้นเป็นประกายภายใต้แสงอาทิตย์
หลินเทียนได้ขยับมือขวาก่อนที่จะเรียกเอากระบี่คืนสู่หยวนออกมาแล้วฟาดฟันออกไปทันที
พุฟฟฟฟ ! หางของมันได้ถูกตัดจนขาดสะบั้นขณะที่เลือดได้ไหลทะลักออกมามากมาย
มันได้ส่งเสียงร้องออกมาพลางจ้องมองาทางเขาด้วยประกายตาที่ดุร้ายกว่าเดิมมาก
หลินเทียนได้ยิ้มออกมาพร้อมกับเก็บกระบี่แล้วกระโจนเข้าใส่อีกครั้ง
"ทักษะหมัดทลายฟ้า ! "
เขาได้ส่งเสียงออกมาขณะที่เหวี่ยงหมัดออกไปช้าๆแล้วปะทะเข้ากับศีรษะของมัน
มันได้ส่งเสียงร้องออกมาอย่างน่าสังเวชพร้อมทั้งทรุดลงไปขณะที่เลือดทะลักออกมาทางปาก
หลินเทียนได้เดินเข้าไปและพบว่ามันไม่มีสัญญาณชีวิตแล้วถึงได้ใช้มีดชำแหละศีรษะออกและพบว่าของอวัยวะภายในทุกอย่างได้แหลกสลายหมดแล้ว
"เป็นพลังทำลายที่สุดยอดจริงๆ "
หลินเทียนได้คิดอยู่ภายในใจ
หลังจากที่ได้เก็บเอาแก่นเลือดและแก่นอสูรของมันมาแล้วเขาก็หันหลังแล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนี้เขาต้องไปออกล่าโคเกราะวิญญาณอีก
มันเป็นสัตว์อสูรระดับ 4 ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากเขตแดนประมาณ 20000 ฟุต แถมมันยังเป็นสัตว์อสูรแบบเดียวกับหมาป่าโลหิตที่มักจะอยู่รวมกันเป็นฝูง
ความเร็วของหลินเทียนนั้นสูงมากๆขณะที่ไม่นานก็สามารถเห็นรูปร่างของโคเกราะวิญญาณอยู่ด้านหน้า
"พบแล้ว ! "
เขาได้ยิ้มออกมา
ณ ตอนนี้พื้นดินได้สั่นสะเทือนขณะที่กลิ่นอายอสูรสองตัวที่อยู่ห่างออกไปกำลังปะทะกันจนทำให้สัตว์อสูรมากมายได้แต่ถอยหนีไม่เว้นแม้แต่โคเกราะวิญญาณ
หลินเทียนได้แสดงสีหน้าโกรธจัดพร้อมกับเปลี่ยนเป็นประหลาดใจทันที
"เป็นกลิ่นอายที่รุนแรงมากๆ "
เขาได้พูดกับตัวเองก่อนที่จะกระโดดขึ้นไปบนยอดไม้เพื่อมองไปยังพื้นที่ห่างออกไป
เขาเห็นว่าห่างออกไปไม่กี่สิบเมตรนั้นมีสัตว์อสูรที่แข็งแกร่งสองตัวกำลังปะทะกันซึ่งทุกการเคลื่อนไหวส่งผลให้พื้นที่โดยรอบพังทลายทันที
"ตะขาบนัยน์ตาชมพูและเสือดาวเพลิงนพเก้า"
หลินเทียนได้แต่สูดหายใจเข้าลึก
พวกมันทั้งสองตัวเป็นถึงสัตว์อสูรระดับ 5 ตอนปลายที่มีพลังเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 5 !
โครม !
ขามากมายของตะขาบนัยน์ตาชมพูได้เคลื่อนไหวพร้อมๆกันขณะที่แทงเข้าไปในร่างของเสือดาวเพลิงนพเก้าจนทำให้หลินเทียนได้แต่รู้สึกขนหัวลุก แน่นอนว่าเสือดาวนพเก้าเองก็ไม่ใช่พวกอ่อนแอดังนั้นถึงได้อ้าปากพ่นไฟเข้าใส่ตะขาบนัยน์ตาชมพูจนทำให้มันต้องส่งเสียงร้องออกมา
หลินเทียนได้แต่สูดหายใจเข้าลึกเพราะว่าสัตว์อสูรทั้งสองตัวนี้มันน่ากลัวมากๆ เขาในตอนนี้ไม่ใช่คู่มือของพวกมันแม้แต่น้อย
การปะทะกันของทั้งสองส่งผลให้สภาพพื้นที่โดยรอบพังทลายไปตามๆกัน
ไม่นานก็ผ่านไปประมาณ 15 นาที
ณ ตอนนี้ตะขาบนัยน์ตาชมพูดได้ส่งเสียงร้องออกมาก่อนที่จะพ่นของเหลวสีเขียวเข้าใส่ศีรษะของเสือดาวเพลิงนพเก้า
"โฮ๊กกก .... "
เสือดาวเพลิงนพเก้าได้โห่ร้องออกมาขณะที่ศีรษะของมันได้ส่งกลุ่มควันสีขาวออกมาก่อนที่ดวงตาของมันจะกลายเป็นมัวหมองไป
หลินเทียนได้แต่ผงะไป ของเหลวนั่นมันเป็นพิษ !
ผลลัพธ์ในตอนนี้ไม่ต้องบอกเลยว่าตอนนี้เสือดาวเพลิงนพเก้าไม่สามารถใช้ดวงตาได้อีกแล้ว ไม่นานมันก็ถูกฆ่าลงและโดนตะขายนัยน์ตาชมพูแย่งชิงเอาแก่นอสูรไปด้วยความโกรธ หลังจากนั้นมันก็ได้กลืนแก่นอสูรลงไปแล้วเคลื่อนไหวไปในทิศทางหนึ่งอย่างช้าๆ
ดูเหมือนว่ามันได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเหมือนกัน
"มีขามากมายนี่มันสุดยอดไปเลย"
หลินเทียนได้พูดกับตัวเอง
หลังจากนั้นประกายตาของเขาก็เปลี่ยนไปก่อนที่จะแสยะออกมา
แก่นอสูรระดับ 5 นี่มันห้ามปล่อยไปอย่างเสียเปล่า !
วิ้ส ! เขาได้พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วพร้อมทั้งไล่ตามตะขาบนัยน์ตาชมพูไป
เมื่อเห็นมนุษย์กำลังยืนขวางทางของมันนั้นตะขายนัยน์ตาชมพูก็ได้ส่งเสียงร้องออกมาขณะที่จ้องมองไปที่ร่างของหลินเทียนด้วยดวงตาที่ดุร้าย
"หากว่าเป็นช่วงที่เจ้าอยู่ในสภาพปกติข้าคงจะกลัวแต่ตอนนี้มันต่างกัน "
หลินเทียนได้แสยะออกมา
เขาได้สำแดงทักษะก้าวย่างแห่งสวรรค์พร้อมทั้งส่งหมัดทลายฟ้าออกไปอย่างรวดเร็ว
"โครม !"
"โครม !"
"โครม !"
หลินเทียนเหวี่ยงหมัดทลายฟ้าออกไปซ้ำๆจนถึง 6 หมัดก่อนที่ตะขาบนัยน์ตาชมพูจะแน่นิ่งไป
เขาได้หยุดมือพร้อมทั้งปาดเหงื่อที่หน้าผากเล็กน้อย
"สมแล้วจริงๆที่เป็นสัตว์อสูรระดับ 5 ตอนปลาย ขนาดได้รับบาดเจ็บหนักแบบนี้ยังกินเวลาไปถึง 15 นาที "
หลังจากที่พูดจบแล้วหลินเทียนก็ได้หยิบเอามีดสั้นออกมาชำแหละร่างเพื่อเอาแก่นอสูรทั้ง 2 ออกมา หนึ่งเป็นของตัวมันและอีกก้อนเป็นของเสือดาวเพลิงนพเก้าที่ยังไม่ทันได้ย่อย
เมื่อจ้องมองไปยังแก่นอสูรทั้งสองแล้วเขาก็รู้สึกได้ถึงพลังที่อัดแน่นอยู่ภายในจนอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าที่ตื่นเต้นออกมา
"หากว่าดูดกลืนพลังพวกมันทั้งหมดแล้วคงจะตัดผ่านไปยังระดับ 2 ได้ทันที ! "
เขาไม่ลังเลเลยที่จะหาที่ซ่อนตัวแล้วถือแก่นอสูรทั้งสองไว้ในมือขวาก่อนที่จะส่งความคิดและทำให้สัญลักษณ์รูปกระบี่ในมือส่องแสงออกมา พลังฉีมากมายในแก่นอสูรได้ถาโถมเข้าไปในร่างของเขาอย่างรวดเร็ว
หลังจากตั้งสติไม่นานหลินเทียนก็ได้หมุนวนเคล็ดวิชาซือจี่พร้อมทั้งส่งพลังเข้าไปตามจุดพลังต่างๆภายในร่าง ขั้นตอนนี้เป็นอะไรที่เจ็บปวดมากๆแต่มันไม่ใช่ครั้งแรกสำหรับเขาดังนั้นถึงไม่ส่งเสียงออกมาแม้แต่น้อย
"บึ้ส ! "
เขาได้เปล่งแสงออกมาก่อนที่กลิ่นอายของตัวเองจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ไม่นานก็ผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมง
ในหนึ่งชั่วโมงนี้หลินเทียนได้พบว่าจุดชีพจรเทวะที่มือขวาได้เชื่อมต่อถึงกันหมดแล้ว !
"โครม ! "
พลังงานมากมายได้ทะลักออกมาจากร่างของเขา