Divine King Of All Directions - 105
Divine King Of All Directions - 105
หลินเทียนเตรียมที่จะไปยังตำหนักสรรพยุทธ์เพื่อเลือกทักษะส่วนซูชูวนั้นไม่ได้ตามเขาไปเพราะถึงอย่างไรก็ตามผู้ที่เข้าไปได้นั้นจะต้องเป็นผู้ที่คิดจะเลือกทักษะเท่านั้น
"งั้นข้ากลับไปพักผ่อนก่อนล่ะ ลาก่อน! "
ซูชูซได้แสยะออกมา
หลังจากที่พูดจบแล้วนางก็ได้หันหลังแล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
หลินเทียนได้แต่ยิ้มออกมาและส่ายศีรษะพลางเดินไปทางตำหนักสรรพยุทธ์อย่างรวดเร็ว ไม่นานเขาก็ได้ไปถึงหน้าตำหนักพร้อมทั้งเดินเข้าไปยื่นตราสัญลักษณ์ให้กับผู้อาวุโส
"ดี ! "
ผู้อาวุโสคนนี้รู้เรื่องของหลินเทียนเป็นอย่างดีดังนั้นถึงได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
"ไปที่ชั้นสามได้เลย เจ้าสามารถเลือกเคล็ดวิชาบ่มเพาะหรือว่าจะเป็นทักษะระดับต่ำเขตแดนชีพจรเทวะมาก็ได้ส่วนตอนนี้ไม่มีการจำกัดเวลาแล้ว "
"ขอขอบคุณท่านผู้อาวุโส "
หลินเทียนได้พูดออกมาพร้อมกับเดินขึ้นไปที่ชั้นสาม
หลังจากที่ไปถึงแล้วเขาก็พบว่าที่นี่กว้างกว่าชั้นสองมากแต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไรเพราะว่าที่นี่เป็นสถานที่เก็บเคล็ดวิชาบ่มเพาะและทักษะเขตแดนชีพจรเทวะเอาไว้ซึ่งมันถือเป็นจุดสูงสุดของสำนักแห่งนี้แล้วดังนั้นเมื่อเทียบกับพื้นที่จัดเก็บทักษะเขตแดนหล่อหลอมร่างกายถึงได้กว้างกว่า
"เคล็ดวิชาบ่มเพาะหัวใจคุณธรรม"
"เคล็ดวิชาบ่มเพาะสายลมทำลายล้าง "
"เคล็ดวิชาบ่มเพาะนุ่นสีขาว "
หลินเทียนได้กวาดตามองไปยังเคล็ดวิชาบ่มเพาะเขตแดนชีพจรเทวะมากมายตามใจชอบก่อนที่จะเดินไปถึงส่วนของทักษะเขตแดนชีพจรเทวะซึ่งเขาพบว่าเคล็ดวิชาซือจี่ของตัวเองนั้นสามารถทำให้เขาฝึกฝนไปได้ถึงเขตแดนจักรพรรดินภาเลยด้วยซ้ำดังนั้นถึงไม่จำเป็นต้องใช้เคล็ดวิชาบ่มเพาะใหม่
เมื่อเดินไปถึงที่เก็บตำราทักษะแล้วเขาก็พบกับตำรามากมายถูกจัดเรียงเอาไว้
"หอกนักบุญ เมื่อโจมตีออกไปแล้วพลังทำลายของมันรุนแรงมากแต่ความสามารถในการป้องกันต่ำ "
"เพลงกระบี่อสูรหมาป่า ทั้งพลังโจมตีและป้องกันรุนแรง "
"ธนูไล่ล่าหมู่เมฆ พลังโจมตีรุนแรงจากระยะไกลซึ่งไม่สามารถป้องกันตัวเองได้ "
หลินเทียนได้กวาดตามองไปเรื่อยๆก่อนที่จะวางตำราเหล่านี้ลง
เมื่อต้องเลือกทักษะนั้นเขาไม่เคยรีบร้อนอยู่แล้ว
"ฝ่ามือลวงตา สามารถส่งฝ่ามือออกไป 98 ฝ่ามือซึ่งมีคุณสมบัติขัดขวางจากทุกทิศทาง พลังโจมตีรุนแรงเป็นอย่างมาก "
หลินเทียนได้กวาดตามองพร้อมกับพูดว่า
"ดูเหมือนว่านี่มันเป็นทักษะที่โจวเฮ่าเลือกหนิ "
แต่เขาไม่มีความสนใจสำหรับทักษะนี้แม้แต่น้อย
หลังจากที่เดินต่อไปเขาก็พบกับทักษะเคลื่อนไหวซึ่งไม่ว่าจะเป็นทักษะย่นระยะพริบตา ทักษะเมฆา ทักษะก้าวย่างมรกตและอื่นๆอีกมากมายที่ดูไม่ธรรมดาแต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้เลือกมันเพราะเขามีทักษะก้าวย่างแห่งสวรรค์อยู่แล้ว มันเป็นทักษะที่ไม่สามารถเทียบได้เลยด้วยซ้ำดังนั้นเขาถึงไม่จำเป็นต้องฝึกทักษะเคลื่อนไหวเพิ่ม
"ทักษะเพลงกระบี่สะบั้นทำลายล้าง กระบี่คู่ที่มีพลังทำลายรุนแรงกว่าใช้กระบี่เดี่ยว ! "
"ทักษะคำราม มันเป็นทักษะเสียงซึ่งการจะฝึกฝนเป็นเรื่องที่ยากมากๆแต่พลังทำลายก็ไม่ธรรมดา "
หลินเทียนได้กวาดตามองไปเรื่อยๆพลางส่ายศีรษะซ้ำไปซ้ำมา
หลังจากนั้นไม่นานก็ผ่านไปกว่าชั่วโมง
ณ ตอนนี้สายตาของเขาจดจ่ออยู่ที่ทักษะเพลงหมัดซึ่งมันมีชื่อว่าเพลงหมัดทลายฟ้า
"เพลงหมัดทลายฟ้าเป็นการโจมตีภายในซึ่งศัตรูจะไม่ได้รับบาดแผลภายนอกแม้แต่น้อยอย่างไรก็ตามอวัยวะภายในทั้งหมดจะป่นปี้เป็นผุยผง "
หลินเทียนได้อ่านคำอธิบายด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมาก
เงื่อนไขการฝึกฝนทักษะนี้น้อยกว่าทักษะเพลงกระบี่สายฟ้ามรกตหรือแม้กระทั่งเพลงกระบี่วายุสะท้านด้วยซ้ำแต่ว่ามันอาศัยการใช้ประโยชน์จากร่างกายและพลังฉีเพื่อผสานเป็นกำปั้นที่รุนแรง
"ดูเหมือนว่ามันจะไม่ต่างกับการผสานพลังฉีและพลังวิญญาณในการวาดข่ายอาคมเลยแหะ "
หลินเทียนได้พูดอยู่กับตัวเอง
หลังจากนั้นเขาก็ได้ตัดสินใจแล้วว่าจะเลือกทักษะนี้
โจมตีภายนอกแต่ได้รับความเสียหายภายในนี่มันดึงดูดเขามากๆ
ณ ตอนนี้หลินเทียนได้หยิบเอาทักษะนี้ไปพร้อมทั้งเดินลงมาจากชั้นสามโดยทันที
หลังจากที่เดินลงมาแล้วเขาก็ได้ส่งทักษะไปให้ผู้อาวุโสโดยทันที
"อื่ม เลือกได้ดี "
ผู้อาวุโสได้จดบันทึกพร้อมทั้งส่งทักษะคืนให้เขาแล้วพูดว่า
"แล้วทักษะเพลงกระบี่สายฟ้ามรกตไปถึงไหนแล้ว ? "
"ทั้งหมด 30% บรรลุหมดแล้วขอรับ "
หลินเทียนได้ตอบกลับไป
ผู้อาวุโสเองก็เหมือนจะรู้อยู่แล้วแต่ก็ได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า
"สมแล้วที่เป็นสัตว์ประหลาดตัวน้อย เอาล่ะไปเถอะ "
"ศิษย์ขอตัว "
หลินเทียนได้ทำความเคารพทันที
หลังจากที่ออกมาแล้วเขาก็ได้กลับไปยังที่พักของตัวเองเพื่อพักผ่อน ในช่วงสามเดือนมานี้เขาไม่เคยได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่มเลยเพราะว่าแต่ละวันก็เอาแต่ออกไปฝึกอย่างขยันแต่ตอนนี้หลายๆเรื่องก็ได้จบลงแล้วดังนั้นเขาจึงตัดสินใจว่าจะนอนให้เต็มอิ่มแล้วค่อยเริ่มฝึกในวันพรุ่งนี้
..........
แสงอาทิตย์ยามเช้าได้สาดส่องขณะที่หลินเทียนได้ลุกขึ้นจากเตียงเพื่อออกไปยืดเส้นยืดสาย
"เห้อ "
หลังจากนั้นเขาก็ได้ถอนหายใจออกมา
เมื่อบอกลาหลินซี่แล้วเขาก็เดินไปทางตำหนักในอย่างรวดเร็ว
ภายในตำหนักในนั้นมีข่ายอาคมสังหารอยู่ซึ่งแม้ว่ามันจะเล็กกว่าข่ายอาคมสังหารในถ้ำแต่มันสามารถสร้างสัตว์ร้ายเขตแดนชีพจรเทวะออกมาได้
ในวันนี้เขามาเพื่อข่ายอาคมสังหารนี้แหละ มันเป็นเพราะเขาอยากจะฝึกทักษะฝ่ามือทลายฟ้าของเขา
ไม่นานหลินเทียนก็ได้ไปถึงหน้าตำหนักในแล้วก็พบกับผู้ดูแลที่กำลังมองมาทางเขาด้วยสีหน้าที่ตกตะลึง
เรื่องฮือฮาเมื่อวานนั้นทำให้ชื่อของเขาดังกระฉ่อนดังนั้นทั่วทั้งเมืองนี้ถึงได้รู้จักชื่อเขาเป็นอย่างดีไม่เว้นแม้แต่ผู้ดูแลประตูทางเจ้า
สำหรับหลินเทียนแล้วเขาไม่ได้สนใจเรื่องนี้แม้แต่น้อยก่อนที่จะเดินไปยังลานฝึกของตำหนักในทันที
ไม่นานเถาไป่และคนอื่นๆก็ได้เดินเข้ามาทักทายเขา
"น้องชายหลิน ในที่สุดเจ้าก็มา "
เถาไป่ได้พูดออกมา
ทั้งสามคนได้มองไปทางหลินเทียนด้วยท่าทางที่แปลกไปเพราะว่าพวกเขารู้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานดีว่าหลินเทียนเป็นผู้ถือครองตราแม่ทัพแถมยังเป็นปรมาจารย์ด้านข่ายอาคมระดับ 3 เป็นอย่างน้อยนี่มันทำให้พวกเขาได้แต่ผงะไป
เทียนเซอได้จ้องมองไปทางเขาพร้อมกับพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
"น้องชายหลินเทียนทักจะทำให้เราประหลาดใจได้ตลอดเลยนะ ไม่คิดเลยว่าจะถือครองตราแม่ทัพแถมยังเป็นปรมาจารย์ด้านข่ายอาคมระดับ 3 อีก เมื่อวานนี้ขอโทษด้วยที่ข้าเสียมารยาท"
หลินเทียนในตอนนี้ได้มีท่าทางเปลี่ยนไปเพราะการแสดงออกของทั้งสามคนได้เปลี่ยนไปจากเมื่อวานมาก
เมื่อคิดๆดูแล้วเขาก็พอเข้าใจว่ามันเป็นเพราะอะไรดังนั้นถึงได้พูดออกมาว่า
"พี่ชายเทียนอย่าพูดแบบนั้นสิ สรุปดูแล้วข้าเพิ่งเข้าเป็นศิษย์ใหม่ของที่นี่และพวกเจ้าก็นำข้าเดินทัวร์ไปทั่วดังนั้นข้ารู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก หากว่าจะบอกว่าเมื่อวานเสียมารยาทงั้นข้าก็คงทำให้พวกเจ้าเสียเวลาบ่มเพาะกันพอดี "
หากว่าให้ความเคารพเขาหนึ่งฟุตเขาก็จะตอบแทนด้วยความเคารพ 3 เมตร นี่มันนิสัยของเขา
เทียนเซอเองก็ได้แต่ชะงักไปเพราะไม่คิดเลยว่าหลินเทียนจะพูดดีแบบนี้เพราะถึงอย่างไรก็ตามสถานะของผู้ถือครองตราแม่ทัพและปรมาจารย์ด้านข่ายอาคมระดับ 3 นั้นน่ากลัวมากๆ แม้แต่เจ้าเมืองนี้ยังต้องให้ความเคารพหลินเทียนเลยด้วยซ้ำ
เสียงหัวเราะได้ดังขึ้นจากเถาไป่ก่อนที่จะพูดออกมาว่า
"ข้าบอกแล้วว่าน้องชายหลินไม่ใช่คนหยิ่งยโสน่ะ "
"นี่........ ข้าคิดตื้นๆไปเอง "
เทียนเซอได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
"นั่นแหละ"
เถาไป่ได้พูดออกมา
หลังจากนั้นพวกเขาก็ได้เข้าประชิดหลินเทียนอย่างรวดเร็ว
หลินเทียนถึงกับแสดงสีหน้าที่อับอายออกมาพลางถามว่า
"เจ้าคิดจะทำอะไรน่ะ !"
"อย่าพูดเยอะเลย มาๆข้าจะบริการเจ้าอย่างดี "
เมื่อพูดจบแล้วเถาไป่ก็เริ่มนวดตัวให้เขา
หลินเทียน
"......."
เทียนเซอได้ยิ้มออกมาพร้อมกับพูดว่า
"น้องชายหลินคิดจะมาฝึกงั้นหรอ ? "
"ใช่ ข้าเพิ่งเลือกทักษะเขตแดนชีพจรเทวะมาน่ะ "
หลินเทียนได้พยักหน้าตอบ
"งั้นก็ควรจะเข้าไปในข่ายอาคมสังหารนะ "
เทียนเซอได้พูดออกมา
หลินเทียนได้ตอบกลับไปว่า
"ใช่แล้ว "
"พอดีเลย พวกเราเองก็ว่าจะไปที่นั่นอยู่เหมือนกัน "
เทียนเซอได้พูดต่อว่า
"งั้นไปด้วยกันเถอะ "
แน่นอนว่าหลินเทียนไม่ออกความคิดเห็นอะไรพร้อมทั้งเดินไปทางข่ายอาคมสังหารด้วยกันกับพวกเขา
ข่ายอาคมนี้ถูกจัดวางไว้ในส่วนลึกของตำหนักในซึ่งหลินเทียนได้เดินผ่านทางเดินเข้าไปกับเทียนเซอและคนอื่นๆและระหว่างที่เดินอยู่นั้นก็จะพบว่าสองข้างทางเดินจะเต็มไปด้วยดอกไม้ที่ส่งกลิ่นหอมออกมา
"เป็นสถานที่ๆดีจริงๆ "
หลินเทียนได้คิดอยู่ภายในใจ
เมื่อวานนี้เขาได้กวาดตามองผ่านๆดังนั้นถึงไม่ทันสังเกตว่าบรรยากาศภายในนี้มันงดงามเป็นอย่างมาก
หลังจากที่เดินผ่านมุมๆหนึ่งแล้วก็เดินไปพบเข้ากับชายหนุ่มชุดคลุมสีม่วง
หลินเทียนได้มองไปทางนั้นเพราะว่าชายคนนี้คือลำดับที่ 1 ในศิษย์ภายใน ซูมู่หยาง
แน่นอนว่าทางฝ่ายนั้นก็สังเกตเห็นเขาเช่นกัน สายตาของเขาได้เปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนที่จะกลับเป็นอย่างเก่าแล้วเดินตรงมา
"สหายซู"
เทียนเซอได้พูดออกมา
ซูมู่หยางได้แสดงสีหน้าที่ยิ่งยโสออกมาพร้อมทั้งเดินผ่านพวกเขาไปทันที
หลังจากนั้นเถาไป่ได้กวาดตามองไปพร้อมทั้งแสยะออกมาว่า
"ภูมิใจอะไรกะอีแค่เขตแดนชีพจรเทวะระดับ 3 แล้วคิดว่าตัวเองเป็นที่หนึ่งในโลกนี้หรือไงกัน "
เทียนเซอเองก็ได้แต่แสดงสีหน้าอึดอัดออกมาพร้อมทั้งพูดว่า
"ช่างเถอะ แต่ละคนก็แตกต่างกัน เราไปกันเถอะ "
"ไปกัน"
เถาไป่ได้จับไหล่ของหลินเทียนเอาไว้พลางพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
"มีแต่น้องชายหลินนี่แหละที่เป็นคนตรงไปตรงมา "
หลินเทียนได้แต่ยิ้มออกมาโดยที่ไม่ได้พูดอะไร
ไม่นานพวกเขาก็ได้เดินไปถึงข่ายอาคมสังหารที่ตั้งอย่าภายใน
เมื่อมองออกไปแล้วก็จะพบว่ามีศิษย์ภายในอยู่มากมายซึ่งเขาไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้เลยแม้แต่น้อย
เทียนเซอได้พูดขึ้นว่า
"ที่นี่คือข่ายอาคมสังหารแม้ว่าจะเล็กแต่สามารถใช้งานพร้อมกันได้ 27 คนอย่างหมดห่วง มันเป็นเพราะศิษย์ภายในมีทั้งหมด 30 คนดังนั้นถึงไม่มีการแย่งที่กันแต่การจะใช้งานต้องแลกกับแก่นอสูร"
หลินเทียนได้พยักหน้าพร้อมกับพูดอย่างอึดอัดว่า
"แต่ข้าไม่ได้เอาแก่นอสูรติดตัวมาด้วย"
สามเดือนมาแล้วที่เขายุ่งอยู่กับการบ่มเพาะซึ่งแม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีแก่นอสูรที่ได้จากป่าทมิฬมาบ้างแต่ก็ถูกดูดกลืนไปโดยสัญลักษณ์กระบี่ที่มือขวาไปหมดแล้ว
หลินเทียนพบว่าสัญลักษณ์นี้สามารถทำให้เขาดูดกลืนกลิ่นอายอสูรได้จากแก่นแท้โดยตรงแต่ต้องเป็นตัวที่มีระดับสูงกว่าเขา แน่นอนว่าระดับเดียวกันก็ได้แต่จะไม่มีผลอะไร
"เรื่องเล็กๆหน่า ข้ามีอยู่ "
เถาไป่ได้พูดออกมา
หลินเทียนได้แต่พูดออกมาด้วยท่าทางอับอายว่า
"ขอบคุณมากๆ"
เถาไป่ได้โบกมือพร้อมทั้งตอบกลับว่า
"ไม่เป็นไรหรอก ยินดีอย่างยิ่ง !"
ทุกคนต้องเอาแก่นอสูรไปส่งให้กับผู้ดูแลดังนั้นพวกเขาได้พยักหน้าให้กันและกันแล้วเดินไปทันที
หลังจากที่ได้เดินเข้าไปแล้วหลินเทียนก็พบว่าเถาไป่และคนอื่นๆได้หายไปก่อนที่รอบข้างจะมืดลงไม่ต่างกับข่ายอาคมลวงตาในถ้ำเลยแม้แต่น้อย