Divine King Of All Directions - 104
Divine King Of All Directions - 104
เมื่อเห็นว่าซูชูวได้แต่เดินจากไปด้วยท่าทางไม่พอใจแล้วหลินเทียนก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่อับอายออกมาทันที
"ดูเหมือนว่าสาวน้อยคนนั้นจะอิจฉานะ "
ซินเหยาได้หัวเราะคิกคิกออกมาด้วยท่าทางที่น่าหลงใหลขณะที่ทำให้เหล่าศิษย์สำนักมากมายถึงกับน้ำลายย้อยพลางมองไปทางหลินเทียนด้วยสีหน้าที่อิจฉาไปตามๆกัน
"......"
หลินเทียนเองก็ถึงกับหมดคำพูดไปทันทีเพราะคิดว่าหญิงนางนี้เป็นอาวุธร้ายแรงสำหรับผู้ชายเลยก็ว่าได้
พูชิได้แต่กระแอมออกมาพร้อมกับเตือนสติว่า
"แม่นาง โปรดให้ความสำคัญกับคำพูดและการกระทำด้วย "
ซินเหยาได้แต่หันหน้ากลับมามองอย่างไม่พอใจพร้อมกับปล่อยแขนของหลินเทียน
หลินเทียนได้แต่แสดงสีหน้าที่โล่งใจออกมาก่อนที่จะมองไปทางพูชิด้วยท่าทางขอบคุณ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับนางพรายคนนี้แล้วเขาไม่รู้จะจัดการอย่างไรดี สำหรับเขาแล้วการไปสู้กับสัตว์อสูรระดับ 4 ยังง่ายกว่าด้วยซ้ำ
พูชิได้ยิ้มออกมาพร้อมกับพูดว่า
"เอาล่ะนะน้องชาย ในเมื่อยังอยู่ดีก็ดีแล้ว ข้าและแม่นางจะกลับไปที่ตำหนักแลกสมบัติก่อนและถ้าหากมีเวลาว่างก็มาเยี่ยมบ้างแล้วกัน "
"ได้ แน่นอนอยู่แล้ว "
หลินเทียนได้พยักหน้าตอบ
พูชิได้หันหน้าไปหามู่ชิงและฉีดงพร้อมทั้งพูดว่า
"ผู้อาวุโสทั้งสองข้าต้องขอรบกวนด้วย ลาก่อน "
"ที่ไหนกัน สหายพูชิเดินระวังๆด้วยแล้วกัน "
มู่ชิงได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
พูชิได้หันหลังกลังไปพร้อมกับพยักหน้าให้หลินเทียนแล้วจากไป , ที่นี่คือสำนักจิ่วหยางดังนั้นการที่พวกเขาอยู่ที่นี่มันไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่แล้วอีกอย่างเขาก็สัมผัสได้ว่าเหมือนมู่ชิงและฉีดงต้องการจะพูดอะไรบางอย่างกับหลินเทียน
"เอาล่ะน้องชายอย่าลืมมาเล่นกับพี่สาวล่ะ "
ซินเหยาได้พูดออกมาด้วยท่าทางยั่วยวนและส่งผลให้ผู้คนรอบข้างไ ้แต่จ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสีหน้าที่อิจฉาตาร้อน
หลินเทียนเองก็ถึงกับหมดคำพูดไปทันทีเพราะว่าหญิงนางนี้กำลังทำให้ทุกคนเกลียดเขา หากว่ามันไม่ได้เป็นเพราะว่าเขาแข็งแกร่งแล้วล่ะก็ผู้คนรอบข้างคงพากันจัดการเขาไปแล้ว
ไม่นานพูชิและซินเหยาก็ได้จากไป
จนถึงตอนนี้เองที่มู่ชิงได้หันหน้ากลับมาหาเขาพร้อมกับพูดว่า
"เจ้าหนู ตามพวกเรามา "
เมื่อพูดจบแล้วมู่ชิงและฉีดงก็ได้หันหลังเดินไปทันที
หลินเทียนรู้ดีอยู่แล้วว่าพวกเขามีเรื่องต้องการจะถามเขาดังนั้นถึงไม่ลังเลเลยที่จะเดินตามหลังพวกเขาไป
ไม่นานพวกเขาก็ได้ไปถึงที่ห้องๆหนึ่งชั้นที่ 3 ตำหนักศิษย์แต่ระหว่างทางพวกเขาก็ได้เดินไปพบกับซูชูวที่กำลังแสดงสีหน้าหงุดหงิดดังนั้นนางถึงได้ตามมาด้วย
"นั่งตามสบาย "
มู่ชิงได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
หลังจากนั้นมู่ชิงและฉีดงก็นั่งลงทันที
หลินเทียนนั้นเดินไปเลือกนั่งเก้าอี้ที่อยู่ข้างๆ
"เหอะ ! "
ซูชูวได้แสยะออกมาพร้อมกับจ้องมองเขาด้วยนัยน์ตาเบิกกว้าง
หลินเทียน
"........"
หญิงนางนี้ทำท่าทางเหมือนว่าเขาไปเอาเปรียบอะไรนางสักอย่าง
มู่ชิงและฉีดงเองก็ได้มองไปยังท่าทางไม่พอใจของซูชูวและอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้
"เอาล่ะหนูซู หากว่าไม่พอใจอะไรหลังจากที่คุยกันเสร็จแล้วเจ้าค่อยไประบายอารมณ์กับเขาสองคนแต่ตอนนี้เก็บสายตาของเจ้าก่อน จ้องจนตาจะหลุดออกมาแล้ว "
ฉีดงได้หยอกล้อออกมา
ซูชูวได้แสดงสีหน้าที่อับอายออกมาทันทีพร้อมทั้งแสยะแล้วเดินไปนั่ง
จนถึงตอนนี้เองที่มู่ชิงได้มองไปทางหลินเทียนแล้วพูดว่า
"เจ้าหนู ปรมาจารย์ด้านข่ายอาคมลึกลับที่โด่งดังในเมือเราคือเจ้า ? "
เมื่อได้ยินเช่นน ้นแล้วหูของซูชูวก็ผึ่งโดยทันที
หลินเทียนได้พยักหน้าพร้อมกับตอบกลับว่า
"ขอรับ "
ในเมื่อเอาตราแม่ทัพออกมาแล้วเขาก็รู้ดีว่าตัวเองไม่สามารถปิดบังเรื่องข่ายอาคมได้อีกต่อไป
"เป็นเจ้าจริงๆงั้นรึ ? "
ซูชูวได้แต่จ้องตาถลน
หลินเทียนได้พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า
"ใช่ ข้าเอง "
"เมื่อสามเดือนก่อนตอนที่เจ้ามาขอยืมเงินข้าก็เพราะว่าเริ่มศึกษาข่ายอาคม ? "
"อื่ม ใช่แล้ว "
ซูชูวได้พูดต่อด้วยนัยน์ตาที่เบิกกว้างเช่นเดิมว่า
"อยู่ในระดับ 3 เป็นอย่างน้อย ? "
"อื่ม ใช่แล้ว "
หลินเทียนได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
ซูชูวในตอนนี้ได้แต่จ้องมองไปทางเขาเหมือนสัตว์ประหลาด แม้ว่าจะได้รับการยืนยันว่าหลินเทียนเป็นปรมาจารย์ลึกลับคนนั้นที่หน้าสำนักแต่เมื่อได้ยินอีกครั้งแล้วนางก็อดแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมาไม่ได้ อายุ 16 ปี เขตแดนชีพจรเทวะแถมยังเป็นปรมาจารย์ด้านข่ายอาคมระดับ 3 นี่มันไม่เคยมีผู้มีพรสวรรค์ระดับนี้มาก่อน !
"เจ้านี่ !"
ซูชูวไม่ได้พูดอะไรต่อแต่แสดงท่าทางเหมือนอยากจะงับเขาสักครั้ง
มู่ชิงและฉีดงที่เตรียมใจมาก่อนแล้วก็ยังต้องประหลาดใจไป
หลังจากที่เงียบไปมู่ชิงและฉีดงก็ได้มองไปที่กันและกันก่อนที่จะมองกลับไปทางหลินเทียนด้วยท่าทางจริงจังแล้วพูดว่า
"ข้ามีเรื่องจะถามหน่อย ดูเหมือนว่าเบื้องหลังเจ้าจะมีผู้อาจารย์ที่แข็งแกร่งอยู่สินะ ? "
"นี่.........."
หลินเทียนได้แต่ขมวดคิ้ว
หลินเทียนไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่ทั้งสองคนคิดว่าเขามีอาจารย์อยู่เบื้องหลังแต่เขาก็พอเดาได้ว่ามันเป็นเพราะข่ายอาคมนั้นไม่สามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้และเขาได้เตรียมข้ออ้างไว้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว ณ ต นนี้หลังจากที่ต้องเผชิญหน้ากับคำถามนี้แม้เขาจะประหลาดใจแต่ก็ไม่แปลกใจเท่าไหร่
มู่ชิงที่เห็นท่าทางลังเลของหลินเทียนเองก็ได้พูดออกมาว่า
"เจ้าหนู ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเพราะว่าที่นี่เป็นที่ของผู้อาวุโสเท่านั้นดังนั้นที่นี่ไม่มีใครได้ยินการสนทนาของเราแน่นอนส่วนเรื่องของเราสามคนนั้นเจ้าเองก็น่าจะวางใจได้ว่าเราไม่ทำเรื่องที่เป็นอันตรายกับเจ้าแน่นอน "
หลินเทียนได้ทำท่าคิดก่อนที่จะตอบกลับไปว่า
"ขอรับ"
มู่ชิงและฉีดงได้มองไปที่กันและกันด้วยประกายตาที่เปลี่ยนไป
ซูชูวที่อยู่ข้างๆเองก็ได้แต่ชะงักไป
"มีอาจารย์อยู่จริงๆงั้นรึ ?! "
"ใช่"
ซูชูวได้ถามต่อว่า
"ตอนไหนกัน ?"
"สามเดือนก่อน "
หลินเทียนได้ตอบกลับไป
ฉีดงได้ถามต่อว่า
"หลังจากที่บ้านตระกูลหลินถูกเผา ? "
หลินเทียนได้พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า
"ใช่ขอรับ หลังจากที่บ้านหลักตระกูลหลินถูกเผาไปโดยลูกน้องตระกูลโม่ข้าก็ได้แอบหนีไปหลบอยู่บนภูเขากับหลินซี่และได้พบกับท่านอาจารย์ที่นั่น หลังจากนั้นข้าได้รับเคล็ดวิชาบ่มเพาะและเทคนิคเกี่ยวกับข่ายอาคม "
หลินเทียนได้รับเคล็ดวิชาซือจี่ที่นั่นดังนั้นการที่จัดเรียงเวลาไว้ตอนเดียวกันก็เป็นอะไรที่เหมาะมากๆ
"จริงงั้นรึ ! "
มู่ชิงได้ถอนหายใจออกมาเพราะว่ามันเป็นเหมือนกับที่พวกเขาคาดการณ์ไว้จริงๆ หลังจากที่นิ่งไปเขาก็ได้ถามต่อด้วยท่าทางที่จริงจังว่า
"เจ้าหนู งั้นข้าถามหน่อยได้ไหมว่าอาจารย์ของเจ้ามีชื่อเสียงเรียงนามว่าอะไร ? "
ซูชูวที่อยู่ข้างๆเองก็เงียบไปเช่นกันขณะที่จ้องมองไปที่ใบหน้าของหลินเทียนโดยไม่กระพริบตาแม้แต่น้อย
"นี่......."
หลินเทียนได้แสดงสีหน้าที่อับอายออกมาพร้อมกับพูดว่า
"ต้องขออภัยด้วยขอรับแต่ให้พูดกันตามตรงแล้วข้าเองก็ไม่รู้ว่าท่านอาจารย์มีชื่อว่าอะไรแต่ท่านได้บอกเอาไว้ว่าหากข้าตัดผ่านไปยังเขตแดนผู้รอบรู้ได้เมื่อไหร่แล้วก็จะกลับมาหาข้า หลังจากนั้นท่านก็หายไปเลย "
เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้วท่าทางของมู่ชิงและฉีดงได้เปลี่ยนไปอย่างมาก
"เขาบอกว่าหลังจากที่ตัดผ่านไปยังเขตแดนผู้รอบรู้แล้วจะกลับมาหาเจ้างั้นหรอ ? "
มู่ชิงได้ถามออกมา
"ขอรับ "
หลินเทียนได้ตอบกลับไป
มู่ชิงและฉีดงได้แต่มองไปที่กันและกันโดยอดที่จะสูดหายใจเข้าลึกไม่ได้
"ท่านผู้อาวุโสเป็นอะไรไป ? "
หลินเทียนได้ถามออกมา
มู่ชิงได้แต่ฝืนยิ้มพร้อมทั้งพูดว่า
"ดูเหมือนว่าอาจารย์ของเจ้าจะไม่ธรรมดาเลยนะที่จะกลับมาหาเจ้าตอนที่ตัดผ่านเขตแดนผู้รอบรู้ นี่มันหมายความว่าเขตแดนนั้นคือเงื่อนไขขั้นต่ำของเขาซึ่งเรียกได้ว่าตัวของเขาอาจจะอยู่ในเขตแดนจักรพรรดินภาหรืออาจจะสูงกว่านั้นก็ได้ เป็นตัวตนที่อยู่ในตำนาน "
เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้วซูชูวเองก็ได้แต่มองไปทางหลินเทียนด้วยท่าทางที่ตกตะลึง
"หลังจากเขตแดตจักรพรรดินภายังมีเขตแดนที่สูงกว่าอีก ? "
หลินเทียนได้ถามออกมาด้วยท่าทางประหลาดใจ
มู่ชิงได้พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า
"มีแต่เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคืออะไรเพราะว่ามันเป็นเขตแดนในตำนานไม่ใช่อะไรที่ตัวตนอย่างเราจะสัมผัสได้ "
"นี่.........."
หลินเทียนได้แต่ชะงักไปเพราะว่าหลังจากเขตแดนจักรพรรดินภานี่ยังมีเขตแดนที่สูงกว่านั้นอีกงั้นรึ ?
อย่างไรก็ตามเขารู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมากเพราะหากว่าเขตแดนจักรพรรดินภาเป็นที่สิ้นสุดแล้วแต่จี่จิงหลินนั้นไม่ได้อยู่ในเขตแดนนั้นแน่นอน รอยแยกมิติสีแดงยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของเขาเพราะนั่นดูไม่เหมือนทักษะเลยแม้แต่น้อย
มู่ชิงได้ยิ้มออกมาพร้อมกับพูดว่า
"เอาล่ะเจ้าหนู ในเมื่อเจ้ามีอาจารย์ที่แข็งแกร่งดังนั้นหลังจากนี้เจ้าได้สัมผัสเขตแดนที่สูงกว่าจักรพรรดินภาแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นด้วยพรสวรรค์ของเจ้าแล้วต่อให้ไม่มีอาจารย์เจ้าก็สามารตัดผ่านไปเขตแดนจักรพรรดินภาด้วยตัวเองเพื่อไปยังโลกอื่นได้อย่างแน่นอน "
หลินเทียนได้ฝืนยิ้มออกมาพร้อมกับพูดว่า
"ท่านผู้อาวุโสก็คาดหวังในตัวข้าเกินไป "
ตัดผ่านเขตแดนจักรพรรดินภามันจะเป็นเรื่องง่ายได้อย่างไรกัน
"อะไรกัน ข้าพูดความจริงทั้งนั้น "
มู่ชิงได้ส่ายศีรษะของเขา
ในห้องนี้พวกเขาได้สนทนากันอยู่นานก่อนที่ซูชูวจะเดินตามเขากลับไป ตลอดทางนางเอาแต่ต้องมองที่เขาเหมือนว่าตัวเขาเป็นสัตว์หายากอะไรแบบนั้น
"นี่ซูวชูวน้อย เจ้ามองเสร็จหรือยัง ? "
หลินเทียนได้พูดออกมาด้วยท่าทางหมดคำพูด
"แหวะ ! เรียกข้าว่าศิษย์พี่ ! "
ซูชูวได้พูดออกมา
หลินเทียนได้แต่พูดด้วยท่าทางละเหี่ยใจว่า
"ข้าอายุมากกว่าเจ้าจะให้เรียกเจ้าว่าศิษย์พี่นี่มันดีงั้นหรอ ? "
หลังจากที่เขาพูดจบซูชูวก็ยกเท้าเตะเขาโดยทันที
"อวดดีนักนะ !"
ซูชูซได้พูดออกมาด้วยท่าทางมีน้ำโห
หลินเทียนอดหัวเราะออกมาไม่ได้เพราะว่าท่าทางป่าเถื่อนของนางนี่มันดูน่ารักจริงๆ
หลังจากที่ทะเลาะกับนางแล้วเขาก็เดินไปอีกทาง
"เจ้าจะไปไหน ? "
ซูชูวได้ถามออกมา
"ข้าว่าจะไปเลือกทักษะเขตแดนชีพจรเทวะเสียหน่อย "
หลินเทียนได้ตอบกลับไป
ซูชูวได้พยักหน้าพร้อมกับมองไปทางเขาด้วยสีหน้าแปลกๆแล้วพูดว่า
"จะพูดก็พูดแต่เจ้ามีอาจารย์จริงๆงั้นหรอ ? ไม่ใช่ว่าถ่ายทอดเคล็ดวิชาบ่มเพาะให้เจ้า ? ที่ฟังมาจากเฒ่ามู่คืออาจารย์ของเจ้าน่าจะแข็งแกร่งมากๆดังนั้นเคล็ดวิชาบ่มเพาะของเจ้าคงไม่ธรรมดาๆแล้วทำไมเจ้ายังต้องการทักษะของที่นี่อีก ? "
"เจ้าถามได้ถูกแล้ว "
หลินเทียนได้พูดออกมาว่า
"ท่านได้ถ่ายทอดเคล็ดวิชาบ่มเพาะและทักษะเคลื่อนไหวให้ข้าเท่านั้น "
ซูชูวได้ทำความเข้าใจโดยทันทีพร้อมกับพูดว่า
"ดังนั้นเจ้าถึงได้มาที่นี่เพื่อขโมยทักษะ ? "
"......."
หลินเทียนถึงกับแสดงสีหน้าที่อับอายออกมา พูดแบบนี้ได้ไงกัน !