Divine King Of All Directions - 102
Divine King Of All Directions - 102
.......................................................................................................................................................................................
ตราสัญลักษณ์สีทองนั้นมีขนาดเล็กมากๆแต่กลับให้ความรู้สึกที่น่าหวาดหวั่นแก่ผู้คนโดยรอบขณะที่สะท้อนแสงอาทิตย์
ทหารทั้งสามคนที่มองตามมาเองก็ถึงกับมีท่าทางเปลี่ยนไปโดยทันที
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่ท่าทางของเจ้าเมืองและโจวเฮอได้เปลี่ยนไปอย่างมากโดยเฉพาะโจวเฮอที่ตอนนี้ได้แสดงสีหน้าที่หวาดผวาเหมือนได้เห็นสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในชีวิต
หลังจากทั้งสองคนแล้วเหล่าทหารนับพันก็ได้แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาตามๆกัน
"เป็นอะไรไป ? ไม่รู้จักของสิ่งนี้ ? "
หลินเทียนได้หรี่ตาลงโดยทันที
ร่างกายของต๊วนหยานได้สั่นสะท้านไปก่อนที่จะคุกเข่าลงคนแรกแล้วพูดออกมาว่า
"ข้าน้อยขอทำความเคารพท่านแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ ! "
หลังจากนั้นไม่ว่าจะเป็นโจวเฮอหรือเหล่าทหารนับพันก็พากันคุกเข่าไปตามๆกัน
"ทำความเคารพท่านแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ ! "
เสียงดังก้องได้ถูกส่งออกมาทั่วทิศทาง
ตอนนี้ผู้คนที่อยู่ด้านหน้าสำนักทั้งหมดพากันคุกเข่าด้วยกันทั้งหมด
หลายๆคนถึงกับสั่นสะท้านอย่างมาก
"นี่....นะ...นี่......"
"...... ตราท่านแม่ทัพ ! "
"นี่...... นี่มันอะไรกัน ?"
หลายๆคนถึงกับโง่งมไปทันที
ผู้ครอบครองตราแม่ทัพนี่มีศักดิ์เดียวกันกับตัวของแม่ทัพเองซึ่งตอนนี้การที่ต๊วนหยานและคนอื่นๆได้นำกองกำลังบุกมาที่นี่มันไม่ต่างไปกับการมาจับท่านแม่ทัพ ? เมื่อคิดถึงจุดนี้แล้วพวกเขาก็รู้สึกขนหัวลุกไปทันที
ซินเหยาที่อยู่ในหมู่ผู้คนเองก็ถึงกับแข็งค้างไปก่อนที่จะพูดออกมาว่า
"ทำไมของสิ่งนี้ถึงได้อยู่กับเขา ?"
"แน่นอนว่ามันเป็นเพราะว่าท่านแม่ทัพมอบให้กับเขา "
พูชิได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
ชินหลัวในตอนนี้ตื่นเต้นจนสั่นไปทั้งตัว เขาไม่คิดเลยว่าหลินเทียนจะเป็นผู้ถือครองตานี้ เขาได้ทำธุรกิจร่วมกันกับหลินเทียนซึ่งเป็นผู้ที่ถือครองตราแม่ทัพ นี่มันหมายความว่ามันเป็นเรื่องดีสำหรับตระกูลชินของเขามากๆ
"ท่านผู้นำตระกูล ก่อนหน้านี้เรามันโง่ไปเอง ท่านนี่หลักแหลมจริงๆ ! "
ผู้อาวุโสของตระกูลชินได้พูดออกมา
"นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว !"
ชินหลัวได้แสยะออกมา
ตอนนี้เขามีความสุขและตื่นเต้นจนสั่นสะท้านแต่บางคนในที่นี้ไม่ได้มีความสุขแบบเขา
"เป็นแบบนี้ได้ไงกัน ! "
ผู้นำตระกูลโม่ได้โห่ร้องออกมา
รุ่นเยาว์ตระกูลโม่เองก็ถึงกับหวาดผวาไปในเวลาเดียวกัน
ถือครองตราแม่ทัพ, ตอนนี้นอกจากจักรพรรดิและเหล่าเจ้าชายแล้วทุกคนล้วนต้องให้ความเคารพ คนที่ถือครองตรานี้มีอำนาจแม้กระทั่งสั่งการกองกำลังทหาร ! เมื่อคิดถึงเรื่องที่หากหลินเทียนส่งกองกำลังจะทำไง ? พริบตาเดียวก็กวาดล้างตระกูลโม่ของเขาได้แล้ว !
"มันเป็นแบบนี้ได้ไงกัน ? "
เหล่าผู้คนตระกูลโม่ต่างพึมพำออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
ตระกูลโม่ดันไปกล้าล่วงเกินสัตว์ประหลาดแบบนี้ได้ไง !
ณ ตอนนี้ผู้คนทั้งหมดโดยรอบต่างโง่งมไปตามๆกันไม่เว้นแม้แต่มู่ชิงและฉีดงด้วยซ้ำ
"นั่นมันตราของท่านแม่ทัพ ? นี่..."
ฉีดงได้ขมวดคิ้วเข้าหากันโดยทันที
มู่ชิงได้มองไปทางซูชูวพร้อมกับพูดออกมาว่า
"เจ้าหนู นี่มันหมายความว่าไง ? ทำไมเจ้าหนูนั่นถึงได้ถือครองตราของท่านแม่ทัพกัน ? "
ซูชูวและหลินเทียนนั้นมักจะไปไหนมาไหนด้วยกันดังนั้นมู่ชิงถึงได้คิดว่านางน่าจะรู้เรื่องนี้
"ข้าจะไปรู้ได้ไงล่ะถ้าหากข้ารู้มาก่อนแล้วจะกังวลแทนเขาไปทำไมกัน ! "
ซูชูวเองก็ได้แสดงสีหน้าโง่งมออกมาก่อนที่จะคิดถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของหลินเทียนแล้วพึมพำออกมาว่า
"นี่คือความลับที่บอก ? แต่นี่ก็ไม่เห็นเกี ยวอะไรกับเรื่องที่ยืมเงินเราไปเลยแหะ "
ณ ตอนนี้หลายๆคนได้มีท่าทางเปลี่ยนไปทันที
"เขาเป็นศิษย์สำนักจิ่วหยางแล้วจะถือครองตรานั่นได้ไง ? เป็นไปไม่ได้ ? "
"."
"แปลกเกินไปแล้ว "
หลายๆคนได้แสดงสีหน้าที่สงสัยออกมา
ณ ตอนนี้มีคนฉลาดคนหนึ่งได้ตระหนักถึงบ้างสิ่งพร้อมทั้งพูดออกมาว่า
"หยุดก่อน ! เมื่อประมาณสองเดือนก่อนได้มีข่าวลือแพร่มาจากสมาคมปรมาจารย์ด้านข่ายอาคมว่าในเมืองนี้มีอัจฉริยะด้านข่ายอาคมเกิดขึ้น อายุเพียงแค่ 16 ปีแต่กลับเป็นปรมาจารย์ระดับ 3 เป็นอย่างน้อย ! ได้ยินมาว่าครั้งนี้ท่านแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ได้รับการช่วยเหลือของเขาดังนั้นถึงได้ให้ตรานั่นไว้เป็นสิ่งตอบแทน..."
คนๆนี้ได้พูดในสิ่งที่เขาคิดออกมาแต่กลับเป็นเหมือนดั่งก่อนหินที่หล่นลงน้ำและก่อเกิดเป็นคลื่นสะท้อนจนทำให้ท่าทางของผู้ชมถึงกับเปลี่ยนไป
"มีเรื่องแบบนี้จริงๆ ณ ตอนนี้มันเป็นเพราะว่าหลานสาวของท่านแม่ทัพกำลังจะตายแต่ว่าปรมาจารย์คนนั้นได้ช่วยดึงนางกลับมาจากหน้าประตูแห่งความตาย "
หลังจากนั้นก็มีอีกคนหนึ่งได้พูดว่า
"ได้ยินมาว่าท่านแม่ทัพในตอนนี้อายุ 90 ปีแล้วและเหลือเพียงหลานสาวแค่คนเดียวเท่านั้น ปรมาจารย์ที่ลึกลับคนนั้นได้ช่วยครอบครัวเพียงคนเดียวของท่านเอาไว้ดังนั้นถึงได้ให้ตราแม่ทัพเป็นสิ่งตอบแทน ! "
"นี่......."
"อายุ 16 ปีถือครองตราแม่ทัพ เขา.............เขาคือปรมาจารย์ด้านข่ายอาคมระดับ 3 คนนั้น ? "
"พระเจ้า..."
หลายคนถึงกับแน่นิ่งไป
เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้วเหล่าศิษย์สำนักหลายคนได้แต่มองไปทางหลินเทียนเหมือนสัตว์ประหลาด
"เขา..."
"เขาเป็นปรมาจารย์ด้านข่ายอาคมที่ลึกลับคนนั้น ? "
"เป็นไปได้ไงกัน ? "
"ข้าไม่เชื่อหรอก แต่ว่าจะอธิบายเรื่องตรานั่นยังไง ? "
"นี่...."
ศิษย์สำนักหลายคนได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา
ปรมาจารย์ด้านข่ายอาคมระดับ 3 เป็นอย่างน้อยนี่มันสุดยอดยิ่งกว่าการที่หลินเทียนถือครองตราแม่ทัพด้วยซ้ำ
ปรมาจารย์ด้านข่ายอาคมนั้นมันเป็นตัวตนที่ยิ่งใหญ่ของจักรวรรดิซึ่งเป็นเป้าหมายที่เหล่าผู้มีอำนาจมักจะเข้าหา สำหรับคนเหล่านี้แล้วพวกเขาสามารถคือครองอำนาจและเงินตราได้อย่างง่ายดาย
ณ ตอนนี้แม้จะเป็นมู่ชิงหรือฉีดงเองก็อดที่จะนิ่งไปไม่ได้
"เจ้าหนู เจ้าไม่รู้เรื่องตรานั่นแล้วเจ้ารู้เรื่องนี้หรือเปล่า ? "
มู่ชิงได้ถามออกไป
ฉีดงที่อยู่ข้างๆเองก็ได้แต่มองตามไปยังซูชูวด้วยสีหน้าที่ตกตะลึง
"นะ.......นี่ ได้ยินมาว่าการจะเป็นปรมาจารย์ด้านข่ายอาคมได้นั้นจำเป็นต้องใช้เงินเยอะมากๆ เขาไม่...."
ทันใดนั้นเองที่ดวงตาของนางได้เปล่งประกายพร้อมทั้งพูดว่า
"เดี๋ยวก่อน เมื่อสองเดือนที่แล้วเจ้านี่ได้ขอยืมเงินของข้าไปพันเหรียญแล้วหลังจากนั้นก็รีบเอามาคืนซึ่งตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมาเขาก็ดูรวยผิดปกติมากๆ หรือว่า......."
มู่ชิงได้ถอนหายใจออกมาพร้อมกับพูดว่า
"นั่นแหละ แสดงว่าตอนนั้นเป็นช่วงที่เจ้าหนูนี่เริ่มฝึกข่ายอาคมและหลังจากที่บรรลุแล้วเงินก็ไม่ใช่สิ่งที่หายากเลย คิดๆดูแล้วข่าวลือเมื่อสองเดือนก่อนก็น่าจะเป็นเขานั่นแหละดังนั้นก็จะสามารถอธิบายเรื่องตราแม่ทัพได้ทันที "
เมื่อพูดจบแล้วมู่ชิงและฉีดงเองก็ได้แต่มองไปที่กันและกันด้วยประกายตาที่เปลี่ยนไป
"ดูเหมือนว่าการคาดการณ์ของเราจะไม่ผิดเลยนะ "
ฉีดงได้เรียกสติคืนมาพร้อมกับพูดว่า
"อายุ 16 ปี ปรมาจารย์ด้านข่ายอาคมระดับ 3 นี่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์เลย อาจารย์ของเขาต้องไม่ธรรมดาแน่นอนที่สามารถฝึกเจ้าหนูนี่มาได้ขนาดนี้ ! "
"อาจารย์ ? อาจารย์อะไร ? "
ซูชูวได้แสดงสีหน้าแปลกๆออกมา
มู่ชิงได้พูดออกมาด้วยท่าทางหมดหนทางว่า
"เจ้าหนู เจ้าลืมไปอย่างนึงเพราะการจะฝึกข่ายอาคมได้นั้นเงินไม่ใช่สิ่งจำเป็นอย่างเดียวเพราะหลักๆนั้นคืออาจารย์ผู้สอนระดับสูงคอยชี้แนะไม่งั้นต่อให้เขาเป็นผู้มีพรสวรรค์ขนาดไหนก็อย่าหวังว่าจะมีคุณสมบัติพอที่จะได้เป็นปรมาจารย์ด้านข่ายอาคมเลย "
"งั้นเจ้านี่.........."
ซูชูวได้ชะงักไปทันที
"อื้ม เจ้าหนูนั่นมีคนหนุนหลังอยู่แน่นอน "
มู่ชิงได้พูดออกมาพร้อมกับพูดต่อว่า
"เรื่องนี้ข้ากับฉีดงได้คาดการณ์ไว้ก่อนแล้วเพราะถึงอย่างไรก่อนที่เจ้าหนูนั่นจะเข้าสำนักเราก็มีทักษะที่ไร้เทียมทานติดตัวมาก่อนแล้ว ระดับของทักษะนั้นต่อให้เนทักษะระดับสูงสุดของเราก็ยังเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ "
ซูชูวเองก็ได้แต่แสดงสีหน้าตกตะลึงออกมาพร้อมกับขบฟันอย่างหนังแล้วพูดว่า
"ดูเหมือนว่าเจ้านี่จะมีเบื้องหลังที่ใหญ่เอาเรื่องเลยนะ ! "
พวกเขาได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาส่วนคนอื่นๆนอกจากกลุ่มของมู่ชิงล้วนแสดงท่าทางหวาดผวาออกมาตามๆกัน
"เขา.....เป็นปรมาจารย์ด้านข่ายอาคม ? "
"เป็นไปได้ไงกัน ! "
"เป็นไปไม่ได้ !"
ทุกคนนั้นรู้ดีเกี่ยวกับข่าวลือเมื่อสองเดือนก่อนซึ่งปรมาจารย์ระดับ 3 นั้นมันน่าเกรงขามมากๆแต่ตอนนี้ปรมาจารย์ผู้ลึกลับคนนั้นกลับกลายเป็นหลินเทียนซึ่งเป็นศัตรูกับพวกเขา ตอนนี้เหล่ารุ่นเยาว์ตระกูลโม่ทั้งหลายก็ได้แต่รู้สึกเหมือนศีรษะโดนกระแทกด้วยของแข็ง
ณ ตอนนี้สายตาของทุกผู้คนได้จับจ้องไปทางหลินเทียน
หลินเทียนที่ยืนอยู่ตรงหน้าทหารนับพันยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้ เขาไม่ได้มองไปทางทหารกว่าพันที่กำลังคุกเข่าแม้แต่น้อยแต่กลับมองไปยังทหารทั้งสามคนที่กำลังจะไปยืนยันเรื่องจดหมายแล้วพูดว่า
"เป็นอะไรไป ? ไม่เข้าใจคำพูดของข้า ? ไป เอาตรานี่ไปสอบถามหลัวเยวี่ยเฉิงซะ "
ทหารทั้งสามคนได้แต่สั่งไปทั้งตัวขณะที่ไม่กล้าขยับไปไหนแม้แต่น้อย
ณ ตอนนี้เขาได้พูดต่อด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นขึ้นว่า
"เอาล่ะ งั้นข้าจะไปกับพวกเจ้าด้วยแล้วกันเพราะถึงอย่างไรตรานี่ก็ไม่ใช่ของธรรมดาๆดังนั้นหากว่าทำหายไปข้าก็ไม่รู้จะไปอธิบายกับท่านแม่ทัพอย่างไร "
เมื่อพูดถึงตรงนี้แล้วเขาก็ได้มองไปทางทหารทั้งสามคนก่อนที่จะพูดต่อว่า
"ยืนขึ้น นำทางไป "
ทหารทั้งสามได้แต่สั่นไปมากกว่าเก่า
ขณะนี้เองที่เหล่าทหารหัวกะทิสิบกว่าคนก็มีท่าทีไม่ต่างกัน
"ยืนขึ้น !"
หลินเทียนได้มองไปทางพวกเขาพร้อมทั้งพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก
เพียงแต่คำๆเดียวกลับเป็นเหมือนดั่งสายฟ้าที่คำรามอยู่ในหูของผู้คน
ทหารทั้งสามคนได้สั่นระริกไม่หยุดก่อนที่หนึ่งในนั้นจะทนไม่ไหลแล้วโขกศีรษะพร้อมพูดว่า
"ท่านได้โปรดอภัยด้วย ! อภัยด้วย ! "
เมื่อเห็นหนึ่งในนั้นได้เปิดปากพูดแล้วอีกสองคนจึงไม่ลังเลเลยที่จะโขกศีรษะไปตามๆกัน
"ท่านโปรดอภัย ! "
ทันใดนั้นพวกเขาก็พูดออกมาเป็นเสียงเดียวกัน
"อภัย ? "
หลินเทียนได้มองไปทางพวกเขาพร้อมกับแสยะออกมาว่า
"เจ้ามากันเป็นฝูงในวันนี้ก็เพื่อจะเอาชีวิตข้าไม่ใช่หรอ ? คำว่าอภัยนี่ควรจะเป็นข้าที่เป็นฝ่ายพูด ? "
ทั้งสามคนได้แต่สั่นสะท้านด้วยใบหน้าที่ซีดเผือด
"ข้าน้อยมิกล้า ! ข้าน้อยมีตาแต่หามีแววไม่ ! ข้าน้อยผิดไปแล้ว !ได้โปรดอภัยด้วย ! "
ทั้งสามคนได้มองไปทางโจวเฮอที่อยู่ห่างไปไม่ไกลพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงสั่นสะท้านว่า
"ท่าน....เรื่องจดหมายเป็นของปลอม เรื่องวันนั้น......เป็นแผนของท่านผู้บัญชาการ มันเป็นเพราะว่าเขาอยากจะล้างแค้นให้กับนายน้อยโจวถึงได้ส่งคนไปสังเกตการณ์ท่านที่หน้าสำนัก ......ตราบใดที่ท่านออกมาก็จะให้เรา.......ให้เรา......."
ริมฝีปากของทั้งสามคนยังคงสั่นระริกและไม่กล้าพูดคำต่อไปเพราะรู้สึกกลัว
เมื่ออยู่ต่อหน้าตรานี้ก็ไม่ต่างอะไรกับอยู่ต่อหน้าท่านแม่ทัพแต่การโกหกท่านแม่ทัพนั้นเป็นโทษประหาร 9 ชั่วโครตดังนั้นจะไม่ให้พวกเขากลัวจนตัวสั่นก็ไม่แปลกอะไร