Divine King Of All Directions - 100
Divine King Of All Directions - 100
ต๊วนหยานนั้นเป็นเจ้าเมืองเฟิงเจียนส่วนโจวเฮอนั้นเป็นถึงผู้บัญชาการของเมืองนี้แต่ในสายตาของฉีดงและมู่ชิงแล้วคนเหล่านี้ไม่ได้มีค่าอะไรเลยแม้แต่น้อย เมื่อจ้องมองไปทางพวกเขาแล้วฉีดงก็ได้ปลดปล่อยกลิ่นอายออกมาโดยรอบจนทำให้เหล่าทหารถึงกับสั่นสะท้านไป
เขตแดนชีพจรเทวะตอนปลายนี่ไม่ใช่เล่นๆเลยนะ !
"ท่านผู้อาวุโสทั้งสองใจเย็นลงก่อน ข้าและคนอื่นๆไม่ได้มีเจตนาจะล่วงเกินพวกท่าน "
ต๊วนหยานได้พูดออกมาพร้อมกับพูดต่อว่า
"ข้าได้ข่าวมาว่าศิษย์ที่มีชื่อว่าหลินเทียนได้ฆ่าเจ้าหน้าที่อาวุโสของของบัญชาการไป 3 คนซึ่งข้าคิดว่าท่านทั้งสองก็น่าจะเข้าใจเรื่องนี้ดี "
ต๊วนหยานนั้นอยู่ในเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 7 แต่หากว่าเทียบกับฉีดงและมู่ชิงแล้วยังห่างชั้นกันอยู่มาก แม้ว่าเขาจะเป็นเจ้าเมืองก็จริงแต่หากเทียบเรื่องสถานะกันแล้วมู่ชิงและฉีดงนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลย นี่จึงเป็นเหตุให้เขาไม่รู้สึกโกรธเมื่อได้ยินคำพูดของฉีดง
โจวเฮอนั้นยังคงยืนอยู่อย่างสุขุม
ฉีดงและมู่ชิงได้กวาดตามองไปยังโจวเฮอด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
"ต๊วนหยวน เจ้าควรจะถามคนของเจ้าก่อนนะว่าทำไมถึงได้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในวันนี้ ? "
มู่ชิงได้พูดออกมา
ต๊วนหยานได้แสดงสีหน้าแปลกๆออกมาก่อนที่จะพูดขึ้นว่า
"ท่านผู้อาวุโสมู่หมายความว่ายังไง ? "
ฉีดงนั้นไม่ได้เป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ดีเหมือนกับมู่ชิงดังนั้นถึงได้แสยะออกมาอย่างเย็นชาว่า
"ทำไม ? ลองไปถามโจวเฮอดูสิ ! "
ต๊วนหยานได้แสดงสีหน้าแปลกๆออกมาพร้อมกับพูดว่า
"โจวเฮอ นี่มันหมายความว่าไงกัน ? "
"ข้าเองก็ไม่เข้าใจความหมายของท่านผู้อาวุโสทั้งสองเช่นกัน "
โจวเฮอได้ส่ายศีรษะซ้ำๆ
ฉีดงได้จ้องมองไปทางเขาพร้อมกับพูดว่า
"โจวเฮอ เจ้าเลิกเสแสร้งต่อหน้าข้าได้แล้ว คิดหรือว่าเราไม่รู้ว่าเจ้าเล่นลูกไม้อะไร ? ที่เราไม่ได้ไปเอาเรื่องเจ้าก็ควรจะรู้สึกขอบคุณด้วยซ้ำ ! กล้านักนะที่จะรวมกองกำลังกดดันสำนักของเรา คิดว่าสำนักเราเป็นของเล่นหรือไงกัน ? "
แน่นอนว่าเรื่องที่หลินเทียนได้ฆ่าเฉินปิงและคนอื่นๆนั้นแพร่สะพัดไปทั่วไม่พ้นสายตาของมู่ชิงและฉีดง ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังได้เอ่ยปากถามกับซูชูวด้วยตัวเองและด้วยความที่พวกเขาเป็นถึงผู้อาวุโสที่มากประสบการณ์จะดูไม่ออกได้อย่างไรกัน ?
มันเป็นเพราะโจวเฮ่าเพิ่งจะตายไปแล้วอยู่ดีๆก็มีเรื่องแบบนี้โผล่ขึ้นมาทันที
"ลูกไม้ ? ข้าไม่เข้าใจว่าท่านหมายถึงเรื่องอะไร ! "
โจวเฮอได้พูดต่อว่า
"วันนี้ทหารสามนายได้ถูกสั่งให้นำจดหมายไปส่งแต่กลับถูกขวางไว้โดยหลินเทียน มันเป็นเพราะพวกเขาได้ขัดแย้งกันนิดหน่อยแต่หลินเทียนกลับลงมือทำร้ายพวกเขาและเฉินปิงกับคนอื่นๆก็อยู่ในเหตุการณ์พอดีดังนั้นถึงได้ถูกฆ่า......"
"ไร้สาระ ! "
ซูชูวข้างๆมู่ชิงที่อยู่ด้านหลังได้คำรามออกมาพร้อมทั้งจ้องมองไปทางโจวเฮอแล้วพูดว่า
"มันเป็นเพราะว่าทหาร 3 คนนั้นต้องการที่จะพุ่งมาชนเราอย่างตั้งใจและหลังจากนั้นมันเป็นเพราะว่าท้าตื่นตกใจถึงได้ทำให้พวกมันหล่นจากหลังม้า มันเป็นเพราะเรื่องนี้พวกมันถึงได้พยายามจะจับตัวเราดังนั้นหลินเทียนก็แค่ป้องกันตัวเท่านั้น "
"ที่หน้าไม่อายกว่านั้นคือเจ้าหน้าที่อาวุโสทั้งสามคนได้ออกคำสั่งให้จับตัวเรา ! เหอะ ! นี่มันเป็นเรื่องที่ถูกวางเอาไว้เพื่อจ้องทำร้ายใครบางคนอย่างตั้งใจ ! "
ตรงนี้เองที่ซูชูวได้พูดต่อว่า
"อ่อใช่ ไม่นานมานี้โจวเฮ่าเพิ่งจะตายไปด้วยเงื้อมมือของหลินเทียนในการประลองเป็นตาย นี่คงไม่ใช่แผนที่เจ้าวางเอาไว้สินะ ? "
หลังจากที่คำพูดของซูชูวจบลงแล้วท่าทางของใครหลายคนก็ได้เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว
"ลูกชายของผู้บัญชาการถูกฆ่าในการประลองเป็นตาย ? "
"มีเรื่องแบบนี้ด้วยงั้นหรอ ? "
"นี่ ......"
"จะว่าไปแล้วมันก็แปลกจริงๆนั่นแหละ มันบังเอิญเกินไป "
"จะว่าก็ว่าแต่มันไม่มีหลักฐานอะไรนะ เป็นเพียงการคาดเดาเท่านั้น "
หลายๆคนได้แสดงความคิดเห็นออกมา
ซินเหยาและพูชิที่อยู่ห่างออกไปเองก็แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาตามๆกัน
"เจ้าน้องชายหลินเทียนนี่มีความกล้าไม่น้อยเลยนะ ก่อนหน้านั้นยังกล้าลงมือสังหารลูกชายของผู้บัญชาการซะด้วย "
พูชิได้ฝืนยิ้มออกมา
ซินเหยาได้พูดต่อว่า
"เจ้านี่มันน่าสนใจจริงๆ ! "
ห่างออกไปไม่ไกลชินหลัวเองก็ถึงกับเหงื่อท่วมเพราะเขาไม่คิดเลยว่าหลินเทียนจะกล้าฆ่าแม้กระทั่งลูกชายของผู้บัญชาการ
ต๊วนหยานได้ขมวดคิ้วพร้อมกับมองไปทางซูชูวแล้วพูดว่า
"นี่คือ ? "
"ลูกศิษย์ข้าเอง "
มู่ชิงได้พูดออกมาก่อนที่จะจูงนางกลับมาอยู่ด้านหลัง
ต๊วนหยานได้พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า
"ที่แท้ก็เป็นลูกศิษย์ที่โดดเด่นของผู้อาวุโสมู่นี่เอง "
เขาได้หันหน้ากลับไปมองโจวเฮอพร้อมทั้งพูดต่อว่า
"เรื่องนี้มันยังไงกัน ? เรื่องที่แม่นางคนนี้พูดเป็นความจริง ? "
"ท่านเจ้าเมือง ! ข้าเป็นทหาร ! ข้ามีเกียรติของทหาร ! "
โจวเฮอได้แสดงสีหน้าที่เจ็บปวดพร้อมทั้งยืดอกแล้วพูดว่า
"แน่นอนว่าแม้ข้าจะอยากล้างแค้นที่ลูกชายตกตายไปแต่มันก็เป็นอย่างที่แม่นางซูชูวพูดเอาไว้ว่ามันเป็นการประลองเป็นตายดังนั้นแม้ข้าจะเกลียดยังไงแต่ก็ยังต้องอดกลั้นเอาไว้ ! ข้ากล้าสาบานเลยว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับข้าไม่งั้นข้าก็ขอตายเยี่ยงสุนัข "
คำพูดของโจวเฮอนั้นดุดันและแฝงไปด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวดทำให้ใครหลายคนได้เงียบไป
และหลังจากที่คำพูดของโจวเฮอจบลงแล้วทหารสามคนก็ได้ก้าวออกมา
"คนพวกนี้คือ ? "
ต๊วนหยานได้ขมวดคิ้วโดยทันที
ทหารทั้งสามคนได้คุกเข่าลงพร้อมทั้งพูดว่า
"ข้าน้อยเป็นคนที่ได้รับหน้าที่เอาจดหมายไปส่งขอรับ "
"? ไหนเล่ามาสิว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ? "
"ได้ขอรับ ! "
ทั้งสามคนได้พูดออกมาว่า
"เมื่อวานนี้เราสามคนได้รับคำสั่งมาจากผู้บัญชาการถึงได้ข้ามป่าข้ามเขามาและระหว่างทางที่กำลังมุ่งหน้าไปยังกองบัญชาการก็ถูกขวางเอาไว้โดยเด็กหนุ่มที่ยืนอยู่กลางถนน มันเป็นเพราะว่าม้าได้ตื่นตระหนกถึงได้ทำให้พวกเราตกจากหลังม้า........"
"ทั้งสามคนที่หล่นลงมานั้นไม่เป็นอะไรมากแต่ส่วนสำคัญคือจดหมายมันได้รับความเสียหาย ท่านเจ้าเมืองก็น่าจะรู้ว่าจดหมายรายงานสถานการณ์รบมันสำคัญขนาดไหนถึงได้ทำให้พวกเราโกรธจัดแต่ไม่คิดเลยว่าจะถูกตอบโต้กลับมาอย่างทารุณ เราไม่ใช่คู่มือของชายคนนั้นแม้แต่น้อย...... "
"มันเป็นเพราะว่าท่านเจ้าหน้าที่อาวุโสเฉินปิงและท่านอื่นๆกำลังตรวจตราอยู่ดังนั้นถึงได้เรียกร้องความเป็นธรรมให้พวกเราแต่ไม่คิดเลยว่าจะถูกไอ้ชั่วนั่นสังหาร "
ตรงนี้เองที่พวกเขาได้โห่ร้องออกมาแล้วพูดว่า
"ท่านเจ้าเมือง ! ท่านเจ้าเมือง ! ได้โปรดล้างแค้นให้กับท่านเจ้าหน้าที่อาวุโสด้วยเถอะขอรับ !"
เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้วท่าทางของใครหลายคนก็เปลี่ยนไปอีกครั้ง
"นี่..."
หลายคนอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเข้าหากัน
ซูชูวนั้นได้แต่ชี้ไปยังพวกเขาทั้งสามคนแล้วตะโกนออกมาว่า
"เจ้ามันโกหก บิดเบือนความจริง ! "
"หากว่ามีตรงหน้าที่พวกข้าโกหกไปก็ขอให้สวรรค์ลงโทษข้า "
ทั้งสามคนได้พูดออกมาเป็นเสียงเดียวกัน
ณ ตอนนี้เองที่โจวเฮอได้ก้าวเดินออกมาตรงหน้าฉีดงและมู่ชิงพลางพูดออกมาว่า
"ข้ารู้ว่าหลินเทียนเป็นผู้มีพรสวรรค์เจิดจ้าที่สุดของพวกท่านแต่แล้วยังไง ? มันเป็นเพราะมีพรสวรรค์เลยทำอะไรก็ได้ ? จะฆ่าใครก็ได้ ? "
ระหว่างที่พวกเขาก็ได้กำหมัดแน่นพร้อมกับพูดออกมาด้วยสีหน้าที่เจ็บปวดว่า
"เฉินปิงและคนอื่นๆนั้นไม่ได้เป็นลูกน้องและเพียงพวกพ้องของข้าแต่เป็นผู้ที่ผ่านสมรภูมิรบมาด้วยกันพวกเขาจะตายแบบนี้ไม่ได้ ! ต้องลงโทษฆาตกร ! "
"ลงโทษฆาตกร ! "
"ลงโทษฆาตกร !"
"ลงโทษฆาตกร !"
หลังจากที่คำพูดของโจวเฮอจบลงแล้วเหล่าทหารทั้งหลายก็ได้คำรามออกมา
ทหารนับพันคนที่อยู่ที่นี่ได้โห่ร้องออกมาพร้อมๆกันมันทำให้บรรยากาศน่ากลัวเป็นอย่างมาก
เหล่าผู้ชมรอบข้างต่างแสดงสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที
พูชิและซินเหยาที่อยู่ห่างออกไปก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้
"ฉลาดจริงๆ รู้ว่าคนไม่กี่คนไม่มีคุณสมบัติพอจะกดดันสำนักได้ดังนั้นถึงได้ใช้ทหารนับพันกดดันเพื่อให้ส่งตัวฆาตกร ต่อให้เป็นผู้อาวุโสสำนักก็คงรู้สึกอึดอัดไม่น้อยเหมือนกัน "
พูชิได้พูดออกมา
"ไอ้สุนัขจิ้งจอกเฒ่า "
ซินเหยาได้แสยะออกมาทันที
เสียงโห่ร้องของทหารนับพันเปล่งออกมาเป็นละลอกส่งผลให้พื้นที่นี้สั่นสะเทือน
ฉีดงและมู่ชิงยังคงแสดงสีหน้าที่ราบเรียบออกมาพร้อมกับมองไปทางโจวเฮอแล้วพูดว่า
"แสดงว่ามากันขนาดนี้ก็คิดจะบังคับพวกเรา ? "
"มิกล้า "
โจวเฮอได้พูดออกมาพร้อมกับพูดต่อว่า
"แน่นอนว่าทุกคนรู้ดีว่าสำนักจิ่วหยางมีสถานะอะไรในเมืองนี้ดังนั้นต่อให้โจวมีความกล้าเพิ่มขึ้นก็คงไม่กล้าที่บังคับพวกท่านแต่ถึงอย่างไรก็ตามคนของเราก็ไม่สามารถฆ่าได้โดยไร้เหตุผล หากว่ามันเป็นเพราะว่าโจวคนนี้กลัวสถานะของสำนักแล้วไม่กล้าจับคนร้านข้าจะมีหน้าไปบอกกับทหารนับพันว่าอย่างไร ? "
ตรงนี้เองที่โจวเฮอได้ป้องมือพร้อมทั้งโค้งคำนับแล้วพูดว่า
"ดังนั้นข้าถึงได้มาขอร้องให้พวกท่านส่งตัวฆาตกรมา !"
"ได้โปรดส่งตัวฆาตกรมา ! "
"ได้โปรดส่งตัวฆาตกรมา !"
"ได้โปรดส่งตัวฆาตกรมา !"
ทหารทั้งหลายได้แต่โค้งคำนับพร้อมทั้งส่งเสียงอีกครั้ง
โดยเฉพาะเหล่าทหารทั้งสามคนที่รับหน้าที่ส่งจดหมายก่อนหน้านี้ พวกเขาส่งเสียงดังกว่าใครเพื่อน
ท่าทางของฉีดงและมู่ชิงในตอนนี้ดูไม่ดีเป็นอย่างมาก เมื่อต้องเผชิญหน้ากับลูกไม้ของโจวเฮอแล้วพวกเขาไม่จำเป็นต้องไว้หน้าแต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับทหารนับพันแล้วพวกเขาก็หมดหนทางไปทันที
ต๊วนหยานได้ขมวดคิ้วพร้อมกับคำรามออกมาว่า
"เงียบ ! "
เขาเป็นเจ้าเมืองนี้ดังนั้นหลังจากที่คำรามออกมาแล้วเหล่าทหารทั้งหมดก็ได้หยุดลงทันทีพร้อมทั้งมองไปทางมู่ชิงและฉีดงแล้วพูดว่า
"ท่านผู้อาวุโสทั้งสอง คนเหล่านี้เป็นคนของเจ้าหน้าที่อาวุโสทั้งสามดังนั้นก็ขอให้เข้าใจอารมณ์ของพวกเขาด้วย ข้ายังไม่ได้บอกว่าจะลงโทษฆาตกรแต่ให้หลินเทียนออกมาก่อนได้ไหม ? นี่น่าจะไม่มีปัญหาอะไร "
การที่เขาสามารถนั่งในตำแหน่งเจ้าเมืองนั้นไม่ได้มาด้วยโชค หลังจากที่ได้ยินเรื่อง 'ลูกไม้' ที่ฉงดงพูดถึงบวกกับเรื่องที่ซูชูวเล่าถึงได้ทำให้เขารู้สึกสงสัยว่าสิ่งที่โจวเฮอรายงานมาอาจจะไม่จริงทั้งหมดแต่ถึงอย่างไรที่แน่ๆคือเจ้าหน้าที่อาวุโสทั้งสามได้ถูกหลินเทียนสังหารแต่จากท่าทางของมู่ชิงและฉีดงแล้วและเรื่องลูกไม้นั่นอีกถึงได้ทำให้เขาคิดว่ายังมีความจริงซ่อนอยู่ เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้แล้วต๊วนหยายถึงได้ตัดสินใจว่าจะให้หลินเทียนออกมาอธิบายแล้วค่อยว่ากันอีกที
ฉีดงได้ขมวดคิ้วพร้อมกับอยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ถูกมู่ชิงหยุดเอาไว้
"ซูชูว ไปเรียกหลินเทียนมา "
มู่ชิงได้พูดออกมา
ต๊วนหยวนไว้หน้าขนาดนี้แล้วหากพวกเขายังปฏิเสธอีกมันก็ดูไม่ดีเท่าไหร่
ซูชูวได้แสยะออกมาอย่างเย็นชาระหว่างที่มองไปยังโจวเฮอพร้อมทั้งวิ่งไปทางที่พักของหลินเทียนอย่างรวดเร็ว
ดวงตาของโจวเฮอได้เป็นประกายเย็นชา เรื่องที่หลินเทียนลงมือสังหารเจ้าหน้าที่อาวุโสทั้ง 3 คนนั้นเป็นเรื่องจริงและต่อให้มู่ชิงหรือฉีดงเดาเรื่องลูกไม้ของเขาได้แต่ตราบเท่าที่เขาไม่ยอมรับคนเหล่านี้จะไปทำอะไรได้ ? ผู้บัญชานอกตัวเมืองเองก็เป็นเพื่อนของเขามาหลายปี ทหารทั้งสามคนที่คุกเข่าอยู่ก็อยู่ฝ่ายเขา ต่อให้ฉีดงและมู่ชิงอยากจะสืบยังไงก็ไม่มีทาง ตราบใดที่เรียกหลินเทียนออกมาได้และด้วยแรงกดดันจากคนนับพันนั้นมันเป็นไปไม่ได้เลยที่ทางสำนักจะไม่ส่งตัวหลินเทียนให้กับพวกเขา
.............
ภายในสำนัก , หลินเทียนได้เดินออกจากที่พักมุ่งหน้าไปทางตำหนักสรรพยุทธ์เพราะว่าตอนนี้รากฐานของเขามั่นคงแล้วแถมทักษะเพลงกระบี่สายฟ้ามรกตก็บรรลุทั้ง 30% แล้วด้วย เขาเตรียมตัวไปที่ตำหนักสรรพยุทธ์เพื่อที่จะเลือกเอาทักษะของเขตแดนชีพจรเทวะกลับมาฝึกฝน
"ได้ยินมาว่าทักษะที่สูงที่สุดในสำนักนี้คือทักษะเขตระดับต่ำเขตแดนชีพจรเทวะ "
หลินเทียนได้พูดอยู่กับตัวเอง
หลังจากที่คิดได้ถึงตรงนี้แล้วดวงตาของเขาก็เปล่งประกายเพราะหลังจากนี้อีกสักพักที่นี่ก็ไม่มีอะไรให้เขาสนใจอีกแล้ว หากเขาอยากจะก้าวเดินบนเส้นทางบ่มเพาะต่อไปก็ต้องไปหาที่ๆดีกว่านี้
"สำนักเป่ยหยาน , เมืองหลวง"
หลินเทียนได้ส่งเสียงพึมพำออกมา
หลังจากที่ตั้งสติแล้วเขาก็ได้แต่ส่ายศีรษะเพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการเพิ่มความแข็งแกร่งเพราะการเข้าร่วมกับสำนักเป่ยหยานนั้นมันก็ยากไม่ต่างกับการขึ้นสวรรค์เลยด้วยซ้ำ
"หลินเทียน ! "
เสียงเรียกดังมาจากข้างหลังของเขาก่อนที่ซูชูวจะวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว