Divine King Of All Directions - 098
Divine King Of All Directions - 098
ทั่วทั้งเมืองได้ถูกปกคลุมไปด้วยความตื่นเต้น เรื่องที่ชายหนุ่มเพียงคนเดียวฆ่าเจ้าหน้าที่อาวุโส
กองบัญชาการไปถึง 3 คนใจกลางถนนนั้นแพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองอย่างรวดเร็วและส่งผลให้ผู้คนต่างโง่งมไปทันที
"จริงงั้นหรอ ? "
"ใครกันที่กล้าขนาดนั้น ? "
"พระเจ้า .........บ้าเกินไปแล้ว ! "
"เมืองนี้ต้องวุ่นวายอย่างแน่นอน ! "
"เจ้าหน้าที่อาวุโสกองบัญชาการทั้ง 3 นั้นกลับมาจากสมรภูมิรบซึ่งเป็นคนของทางจักรวรรดิ การที่โดนฆ่าแบบนี้ผู้บัญชาการและเจ้าเมืองจะต้องไม่นิ่งเฉยอย่างแน่นอน ฆาตกรจะต้องได้รับโทษอย่างสามา "
หลายๆคนถึงกับผงะไป
การที่เจ้าหน้าที่อาวุโสกองบัญชาการถูกฆ่าไปนั้นเป็นเรื่องใหญ่มากๆ !
แน่นอนว่าทางกองบัญชาการเป็นที่แรกที่ได้รับข่าวนี้ซึ่งเหล่าทหารทั้งหลายได้ลำเลียงศพของเฉินปิงและอีกสองคนกลับมาที่นี่
"ท่านผู้บัญชาการขอรับ โปรดล้างแค้นให้กับท่านเจ้าหน้าที่อาวุโสด้วย ! "
หนึ่งในทหารพวกนั้นได้พูดออกมา
เมื่อมองไปยังร่างไร้วิญญาณทั้งสามแล้วโจวเฮอก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่โกรธจัดออกมา
ลูกชายเขาตายไปแล้วแถมตอนนี้ลูกน้องที่ซื่อสัตย์ที่สุดทั้งสามคนยังตกตายไปเพราะคนๆเดียวกันอีก !
"ดี ! ไอ้สัตว์น้อย ! มีความกล้าไม่หน้อยหนิดูซิว่าตอนนี้ใครจะสามารถปกป้องเจ้าได้อีก ! "
โจวเฮอได้แสดงสีหน้าที่ดำมืดออกมาพร้อมกับพูดว่า
"ส่งคนไปรายงานให้ท่านเจ้าเมืองแล้วรวมกำลังพลทั้งหมดเพื่อกดดันสำนักจิ่วหยาง !"
"ขอรับ ! "
หนึ่งในทหารได้ตอบรับพร้อมทั้งรีบวิ่งออกไปทันที
ใบหน้าของโจวเฮอนั้นเต็มไปด้วยจิตสังหารขณะที่กำหมัดแน่นแล้วพูดออกมาว่า
"เฮ่า เจ้ารอก่อนเถอะ พ่อจะล้างแค้นให้ลูกเดี๋ยวนี้แหละ ! พ่อจะฆ่ามันด้วยตัวเองแล้วเอาศพไปเส้นไหว้ลูก ! "
วันนี้แม้ว่าแผนการทั้งหมดของเขาจะล้มเหลวแต่ลูกน้องของเขาทั้งสามถูกฆ่าไปแล้วดังนั้นมันถึงได้ให้เหตุผลมากพอที่จะส่งกองกำลังไปจับตัวหลินเทียน
ม้าเร็วได้ถูกส่งออกไปจากกองบัญชาการเพื่อมุ่งหน้าไปยังตำหนักเจ้าเมืองซึ่งมีประชาชนมากมายอยู่ในเหตุการณ์นี้ หลายๆคนที่มีสมองสามารถคาดการณ์ได้ทันทีว่าสงครามกำลังจะมาถึง
"วุ่นวายจริงๆด้วย "
คนๆหนึ่งได้พึมพำออกมา
.......
หลินเทียนได้จูงหลินซี่กลับไปถึงที่พักขณะที่แยกสิ่งของต่างๆที่ซื้อมากับซูชูวซึ่งมันมีมากมายแต่ส่วนใหญ่ก็เป็นของเล็กๆน้อยๆ
"ขอบคุฯเรื่องในวันนี้มากๆ "
หลินเทียนได้มองไปยังซูชูว แน่นอนว่าเขาหมายถึงเรื่องที่นางปิดตาของหลินซี่
แม้ว่ามันจะเป็นการกระทำเล็กๆน้อยๆแต่กลับมีความหมายมากมาย
ซูชูวได้ขมวดคิ้วพร้อมกับพูดออกมาว่า
"เจ้ายังมีอารมณ์พูดได้อีกนะ ! ทำไมไม่คิดก่อนจะทำอะไรห๊ะ ? หลินซี่ยังเป็นเด็กน้อยที่ต้องพึ่งพาพี่ชายแบบเจ้าแล้วหากว่าต้องให้นางเห็นฉากเจ้าฆ่าคนแล้วตื่นกลัวขึ้นมาจะทำไง ? เจ้าอยากจะให้นางฝันร้ายทุกคืน ! หรืออยากจะให้นางกลัวเจ้า ! "
หลินเทียนได้ตอบกลับด้วยสีหน้าอึดอัด
"ใช่ อย่างที่เจ้าว่านั่นแหละ ข้าคิดไม่ถี่ถ้วนเอง "
หลังจากที่พูดออกมาแล้วเขาก็ได้หันหน้ากลับไปที่ห้องของหลินซี่ซึ่งตอนนี้นางกำลังจัดระเบียบสิ่งของต่างๆที่เพิ่งซื้อมาด้วยสีหน้าที่อ่อนโยน
"เอาล่ะไม่ต้องมองแล้ว มีเรื่องอื่นให้คิดอีก "
ซูชูวได้ยิ้มออกมา
"เรื่องอื่น ? เรื่องอะไร ? "
หลินเทียนได้พูดออกมาด้วยท่าทางสงสัย
"เรื่องอะไร ? "
ซูชูวได้กัดฟันของนางพร้อมกับสีหน้าที่อยากจะกัดเขาแล้วพูดว่า
"เจ้าฆ่าเจ้าหนาที่ระดับสูงกองบัญชาการไปกลางถนนมันร้ายแรงกว่าเรื่องที่เจ้าฆ่าโจวเฮ่าด้วยซ้ำ เจ้าคิดว่าโจวเฮอจะปล่อยเรื่องนี้ไป ? เมื่อเจ้าฆ่าพวกมันแล้วก็ทำให้เขามีข้ออ้างจัดการกับเจ้า เจ้าทำเรื่องขนาดนั้นไปต่อให้เป็นสำนักของเราก็ไม่สามารถปกป้องเจ้าได้แน่นอน ! "
หลังจากที่คิดถึงผลลัพธ์ของเรื่องนี้แล้วนางก็ได้พูดออกมาด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ว่า
"ทำไมเจ้านี่ถึงได้ทำอะไรไม่เคยคิดเลย ! "
"พวกมันทำให้ซี่เอ๋อหวาดกลัวแถมยังอยากจะฆ่าข้าอีกดังนั้นแน่นอนว่าข้าต้องตอบโต้กลับไป พ่อแม่อุส่าเลี้ยงดูมาจนโตไม่ได้อยากจะให้คนอื่นมารังแกเรา "
หลินเทียนได้พูดออกมาด้วยท่าทางไม่สนใจ
"เจ้า..."
ซูชูวได้แต่จ้องมองไปที่เขาพร้อมกับพูดต่อว่า
"ข้าพูดจริงจังนะ ! "
"ข้าก็จริงจัง "
หลินเทียนได้มองกลับไปพร้อมกับพูดต่อด้วยรอยยิ้มว่า
"หรือว่าชูวเอ๋อกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับข้า ? "
"ใครจะกลัวว่าเจ้าจะตายไปกันล่ะ ! เจ้าตายตอนนี้ไปเลยแล้วข้าจะดูแลหลินซี่ให้อย่างดี ! "
ซูชูวได้ตอบกลับไป
หลินเทียนได้ยิ้มออกมาและอดหัวเราะไม่ได้
"ยิ้มอะไร ! "
"เปล่า ๆ "
หลินเทียนได้รีบส่ายศีรษะพร้อมทั้งพูดต่อด้วยรอยยิ้มว่า
"เอาล่ะ สรุปคือเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลไปหรอกเพราะว่าหากว่ามันกล้าที่จะทำเรื่องโง่ๆข้าก็จะทำให้มันต้องประหลาดใจอย่างแน่นอน "
ซูชูวได้จ้องมองไปที่เขาพร้อมกับคิดว่าเจ้านี่มันกำลังพูดอะไร ?
"นี่เจ้าไม่ได้มีไข้แน่นะ ? "
นางได้ยื่นมือออกไปแตะหน้าผากของหลินเทียน
หลินเทียนถึงกับหมดคำพูดไปทันทีก่อนที่จะปัดมือนางออกแล้วพูดว่า
"ไม่ต้องเป็นห่วงข้ายังปกติดีแต่เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก "
"พี่สาวซู....."
เสียงเรียกที่อ่อนหวานได้ดังขึ้น , หลินซี่ได้ส่งเสียงเรียกออกมาจากภายในห้องโดยที่ไม่รู้ว่าต้องการอะไร
หลินเทียนได้มองตามเสียงไปก่อนที่จะหันกลับมามองซูชูวแล้วพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
"น้องข้าเรียกเจ้าแล้วน่ะ ดูเหมือนว่าจะติดหนี้เจ้าครั้งใหญ่แล้วสิ "
"ข้าชอบนางไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า ! "
ซูชูวได้แสยะออกมา
หลังจากนั้นนางก็เดินเข้าไปในห้องของหลินซี่โดยทันที
ณ ตอนนี้เป็นช่วงบ่ายซึ่งพวกเขาทั้งสามคนได้ซื้ออาหารกลับมามากมาย หลินซี่และซูชูวเริ่มทำอาหารด้วยกันก่อนที่อาหารอันหอมหวนจะถูกนำมาจัดวางเอาไว้ที่โต๊ะ
"สมแล้วที่เป็นน้องสาวข้า ! ทำอาหารเก่งจริงๆ ! "
หลินเทียนได้พูดออกมา
"เฮ้ ! ข้าล่ะ ! เราทำมันด้วยกันนะ ! "
ซูชูวได้พูดออกมาด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์
"อ่อใช่เกือบลืมไปเลย "
หลินเทียนได้พูดต่อด้วยรอยยิ้มว่า
"จะว่าก็ว่าข้าไม่คิดเลยนะว่าเจ้าจะทำอาหารเป็นด้วย น่าแปลกใจจริงๆ "
"เจ้าหมายความว่าไง !!! "
เสียงขดฟันดังขึ้นขณะที่นางได้จ้องมองไปทางเขาด้วยท่าทางมีน้ำโห
หลินเทียนได้แสดงสีหน้าที่อับอายออกมาทันทีเพราะเขาไม่คิดว่านางจะทำอาหารเป็นจริงๆถึงได้หยอกล้อไปด้วยประโยคก่อนหน้านี้
หลังจากที่ทานอาหารกับเสร็จแล้วหลินเทียนก็ได้เตือนหลินซี่ว่าอย่าไปไหนพร้อมทั้งเดินออกไปกับซูชูว
"เจ้าจะไปไหน ? "
ซูชูวได้ถามออกมา
หลินเทียนได้ตอบกลับว่า
"การทดสอบศิษย์ภายในก็ผ่านมาหลายวันแล้วดังนั้นข้าน่าจะเข้าไปรายงานตัวเสียหน่อย "
"สุดยอดไปเลย ข้าไม่คิดเลยนะว่าเจ้าจะคิดเรื่องนี้ได้ด้วย "
ซูชูวได้พูดออกมาด้วยท่าทางประหลาดใจ
หลินเทียน
"..........."
เมื่อมาถึงทางแยกแล้วหลินเทียนและซูชูวก็ได้แยกกันไปคนละทาง , เขาได้มุ่งหน้าไปทางตำหนักศิษย์ภายในสำนัก
สำนักจิ่วหยางนั้นถูกแบ่งออกเป็นส่วนของตำหนักนอกและตำหนักในสำนักซึ่งตำหนักในนั้นจะมีพื้นที่ฝึกกว่างกว่ามาก สภาพแวดล้อมและการเป็นอยู่นั้นสูงกว่าตำหนักนอกหลายเท่าตัวแถมยังมีทรัพยากรบ่มเพาะอีกดังนั้นตำหนักในล้วนเป็นความฝันของเหล่าศิษย์สำนักทุกคน
หลินเทียนได้เดินผ่านทางเลี้ยวมากมายก่อนที่จะไปถึงตำหนักในสำนักอย่างรวดเร็ว
ที่หน้าทางเข้านั้นมีผู้ดูแลอยู่สองคนซึ่งเมื่อหลินเทียนได้ส่งตราสัญลักษณ์ให้แล้วท่าทางของทั้งสองก็ผงะไปแล้วถามออกมาว่า
"เจ้าคือหลินเทียนคนนั้น ? "
"ข้าเอง "
หลินเทียนได้พยักหน้าตอบ
ทั้งสองคนได้มองไปทางหลินเทียนด้วยสีหน้าแปลกๆก่อนที่จะส่งตราคืนให้แล้วพูดว่า
"เอาล่ะเรียบร้อย เข้าไปได้ "
หลินเทียนได้แสดงสีหน้าแปลกๆออกมาแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรแล้วเดินต่อไป
หลังจากที่ทำการรายงานตัวแล้วเขาก็ได้มุ่งหน้าไปยังลานฝึกของตำหนักใน ที่นี่มีผู้อาวุโสดูแลอยู่หนึ่งคนซึ่งศิษย์ภายในส่วนใหญ่มักจะมาฝึกที่นี่
หลังจากที่เดินเข้าไปในลานฝึกแล้วก็พบกับชายหนุ่ม 3 คน
ในทั้ง 3 คนนั้นชายหนุ่มที่มีร่างกายกำยำกำลังเหวี่ยงหมัดเข้าใส่ชายหนุ่มสวมชุดคลุมยาวส่วนชายหนุ่มชุดดำที่อยู่ห่างออกไปนั้นกำลังยืนกอดอกดูพวกเขาต่อสู้กัน
"โครม !"
"โครม !"
"โครม !"
การต่อสู้ของทั้งสองนั้นส่งเสียงปะทะกันของกำปั้นออกมาอย่างดังเหมือนเสียงกลอง
ตัวของหลินเทียนได้แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาเล็กน้องเพราะว่าทั้งสองคนนี้แข็งแกร่งมากๆ !
"พอ ! วันนี้พอแค่นี้แหละ "
ชายหนุ่มชุดคลุมยาวได้พูดออกมา
ชายหนุ่มรูปร่างกำยำได้ยิ้มตอบพร้อมทั้งหยุดมือ
จนถึงตอนนี้เองที่หลินเทียนได้ก้าวเข้าไปแล้วพูดว่า
"สหายร่วมสำนักทั้งสามข้าเพิ่งเข้าเป็นศิษย์ภายในมีชื่อว่า...."
อย่างไรก็ตามเขาไม่ทันได้มีโอกาสพูดแต่ชายสวมชุดคลุมยาวก็ได้พุ่งเข้ามาตรงหน้าของเขาโดยทันที
"สหายหลิน "
ชายคนนั้นได้พูดออกมา
ชายรูปร่างกำยำที่อยู่ห่างออกไปกับชายหนุ่มชุดดำก็ได้หันตามมา
หลินเทียนได้แสดงสีหน้าแปลกๆออกมาพร้อมกับพูดว่า
"สหายร่วมสำนักเจ้ารู้จักข้าด้วย ? "
เพราะถึงอย่างไรก็ตามเขาเป็นศิษย์ที่เพิ่งรับการเลื่อนระดับดังนั้นถึงไม่สามารถหยาบคายกับคนเหล่านี้ได้
"รู้สิ แน่นอนว่ารู้อยู่แล้ว "
ชายหนุ่มชุดคลุมได้พูดต่อด้วยรอยยิ้มว่า
"ตอนที่จัดการทดสอบเราก็มีโอกาสได้รับชมการประลองรอบสุดท้ายด้วย มันสุดยอดไปเลย ! "
หลินเทียนได้ตอบกลับอย่างถ่อมตัวว่า
"สหายก็ชมเกินไป "
ระหว่างที่พูดนั้นหลินเทียนเองก็รู้สึกประหลาดใจเหมือนกันเพราะเขาไม่คิดเลยว่าผู้แข็งแกร่งทั้งสามจะไปสังเกตการณ์เขาด้วย
ณ ตอนนี้ชายหนุ่มรูปร่างกำยำได้เดินเข้ามาพลางยื่นมือขวาให้เขาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า
"สวัสดีสหายหลินข้ามีชื่อว่าเทียนเซอ จะเรียกข้าว่าสหายเทียนหรือเทียนเซอเลยก็ได้ "
หลินเทียนได้ยื่นมือออกไปจับมือพร้อมทั้งพูดออกมาว่า
"สหายเทียน"
จากท่าทางของเทียนเซอนั้นดูเป็นคนตรงไปตรงมาดังนั้นมันเป็นเรื่องง่ายที่จะทำความรู้จักกัน
เทียนเซอได้ยิ้มออกมาพร้อมกับพูดว่า
"เจ้าคนนี้มีชื่อว่าเถาไป่ "
หลังจากที่นิ่งไปสักพักเขาก็ได้ชี้ไปที่ชายหนุ่มชุดดำแล้วพูดต่อว่า
"เจ้านี่ชื่อคงฮาง เป็นผู้ใช้กระบี่แบบเจ้าและเป็นลำดับที่ 2 ในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในศิษย์ภายใน "
หลังจากที่พูดจบแล้วคงฮางก็ได้พยักหน้าให้กับเขาแล้วมองไปอีกทาง
"อย่าไปถือสาหล่ะเพราะเขาเป็นคนแบบนี้นั่นแหละ "
เถาไป่ได้พูดออกมาพลางเตะไหล่หลินเทียนแล้วพูดต่อว่า
"บอกไว้เลยนะว่าตอนที่เขาสังเกตการณ์เจ้าน่ะเจ้านี่มันชื่นชมเจ้าอย่างมากเลยนะ เจ้าเองก็เป็นผู้ใช้กระบี่ที่เขายังเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ "
"พูดมากหน่า ! "
คงฮางได้พูดออกมา
พื้นที่ตำหนักในนั้นกว้างเป็นอย่างมากแถมบรรยากาศโดยรอบก็ดี อากาศก็สดชื่น
เถาไป่อาสาเป็นคนนำเขาไปทำความรู้จักกับสถานที่ต่างๆ
ณ ตอนนี้ชายหนุ่มชุดคลุมสีม่วงได้เดินผ่านตรงทางเดินที่อยู่ไม่ไกล
"สหายซู "
เถาไป่ได้พูดออกมาพร้อมกับพูดต่อว่า
"มีศิษย์ใหม่เข้ามาตำหนักในและเป็นเพียงคนเดียวของปีนี้ ทักทายกันหน่อยสิ "
ชายหนุ่มชุดคลุมม่วงได้หยุดเท้าลงพร้อมทั้งหันมองมาทางหลินเทียนแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า
"คนใกล้ตายมันไม่จำเป็นต้องรู้จักหรอก "
หลังจากนั้นเขาก็ได้เดินหายไปอย่างรวดเร็ว
"คนหน้าเน่าจริงๆ "
เถาไป่ได้พูดออกมาด้วยสีหน้าที่ดูไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่
หลินเทียนได้จ้องมองไปยังชายหนุ่มชุดคลุมม่วงด้วยสีหน้าที่ไม่แยแสแต่เขาสนใจคำพูดก่อนหน้านี้มากถึงได้ถามออกมาว่า
"สหาย ก่อนหน้านี้ที่เขาบอกว่าคนใกล้ตายมันหมายความว่าไง ? "
"นี่..."
เถาไปที่จ้องมองไปทางหลินเทียนก็ได้ชะงักไปพร้อมกับพูดว่า
"นี่เจ้าไม่รู้ ? "
ไม่เพียงแค่เถาไป่เท่านั้นแต่เทียนเซอและคงฮางเองก็ได้จ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยสีหน้าแปลกๆ
"ไม่รู้ "
หลินเทียนได้ส่ายศีรษะพร้อมตอบกลับไปเพราะเขาไม่รู้จริงๆ
เถาไป่ถึงกับหมดคำพูดไปก่อนที่จะตอบว่า
"สหายหลิน ! ไม่สิ ! พี่ชายหลิน ! ข้าไม รู้หรือว่าเจ้าได้ทำอะไรลงไป ! "
เถาไป่ได้พูดต่อว่า
"เจ้าฆ่าเจ้าหน้าที่อาวุโสกองบัญชาการกลางถนนไปถึง 3 คนจนกลายเป็นเรื่องฮือฮาไปทั้งเมือง บอกได้เลยว่านี่มันเป็นปัญหาใหญ่มากๆ ! "