Divine King Of All Directions - 095
Divine King Of All Directions - 095
ตอนนี้หลินเทียนอยู่ในเขตแดชีพจรเทวะแล้วดังนั้นความแข็งแกร่งของเขาจึงไม่ใช่อะไรที่ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 6 ตรงหน้าจะป้องกันลูกถีบของเขาได้ ที่มันไม่ตายเพราะการโจมตีนี้ล้วนเป็นเพราะว่าหลินเทียนออมแรงเอาไว้
"ข้าและคนอื่นๆมีหน้าที่เอาจดหมายไปส่งให้กับท่านเจ้าเมืองแต่เจ้ากล้าที่จะลงมือกับพวกเรางั้นหรอ ? กล้านักนะ ! "
หัวหน้ากลุ่มคนพวกนั้นได้ตะโกนออกมา
หลินเทียนได้กระชากคอเสื้อของชายคนนั้นก่อนที่จะตบหน้าอย่างไม่สนใจ ส่งจดหมาย ? คิดว่าเขาโง่พอที่จะไม่เห็นความเป็นปฏิปักษ์งั้นหรอ ?
"เจ้า....."
"โครม ! "
หลินเทียนได้ยกเท้าเตะชายคนนั้นลอยออกไปไกล
ในหมู่พวกเขาทั้งสามคนได้แสดงสีหน้าที่ซีดเผือดออกมาทันทีเพราะไม่คิดเลยว่าหลินเทียนจะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้
เหล่าผู้คนรอบข้างล้วนแต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา
"เจ้าหนุ่มนั้นเป็นใครกัน ? ทำไมถึงได้กล้าลงมือกับทหารของจักรวรรดิกัน ? "
"นี่...."
"นั่นมันเจ้านายน้อยตระกูลหลินที่ชื่อหลินเทียนแล้วก็ยังมีหลินซี่อยู่ด้วย "
"นี่.... ตอนที่ตระกูลหลินยังไม่ล่มสลายยังไม่มีอำนาจพอจะต่อต้านกองกำลังจักรวรรดิด้วยซ้ำดังนั้นอย่าพูดถึงหลินเทียนในตอนนี้เลย เขาบ้าไปแล้ว ? "
"แต่ทำไมเขาถึงได้แข็งแกร่งขนาดนั้น ?"
เหล่าผู้คนมากมายบนถนนต่างแสดงใบหน้าที่นัยน์ตาเบิกกว้าง
ณ ตอนนี้มีเสียงฝีเท้าดังเข้ามาจากที่ห่างไกลอีกครั้งก่อนที่กลุ่มทหารใหม่ที่แข็งแกร่งกว่าเดิมจะมาถึง
พริบตาเดียวเหล่าทหารหลายสิบคนก็ได้มาถึงที่นี่และเบื้องหน้าของพวกเขามีม้าอย่างดีสามตัวที่บนหลังของมันมีชายวัยกลางคนที่ให้ความรู้สึกถึงกลิ่นอายอันสยดสยอง
ชายวัยกลางคนทั้งสามคนนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ของกองบัญชาการเมืองนี้และจากด้านซ้ายถึงขวามีชื่อว่า หลี่หยุนดง เฉินปิงและเจิ้งโม่ซึ่งพวกเขาต่างอยู่ในเขตแดนชีพจรเทวะด้วยกันทั้งหมด
"อะไรกัน ? ! "
เฉินปิงได้คำรามออกมาอย่างดัง
ทหารที่ยังไม่ถูกหลินเทียนเตะออกไปนั้นได้แสดงแววตาที่เปล่งประกายออกมาพร้อมทั้งรีบพูดอย่างดังว่า
"หัวหน้าครับ เจ้านี่มันไม่เพียงแต่ขัดขวางการทำงานของเราแต่ยังกล้าลงมือกับเราด้วย ! มันขัดกฎหมายของเราอย่างชัดเจนดังนั้นโปรดจัดการมันด้วย ! "
"ไร้สาระ มันเป็นเพราะว่าม้าของเจ้าล้มลงเพราะจะชนเราต่างหากแล้วพวกเจ้าก็มาหาเรื่องพวกเราด้วยตัวเอง เราทำไปเพราะปกป้องตัวเองเท่านั้น "
ซูชูวได้พูดออกมาด้วยท่าทางมีน้ำโห
"เจ้านั่นแหละพูดไร้สาระ มันเป็นเพราะเจ้าขวางถนนต่างหากถึงได้ทำให้ม้าตื่นกลัว ! "
ทหารธรรมดาได้ชี้ไปทางหลินเทียนพร้อมทั้งพูดว่า
"เขาไม่สนใจกฎของทางจักรวรรดิแถมยังลงมือทำร้ายเราต่อหน้าผู้คนนี่คือความจริง ! "
เจ้าหน้าที่กองบัญชาการทั้งสามคนได้กวาดตามองไปทางหลินเทียนด้วยแววตาที่เย็นยะเยือก
เฉินปิงได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
"ไปจับตัวมันมา !"
"ขอรับ ! "
หลังจากที่พูดจบแล้วหนึ่งในทหารก็ได้วิ่งออกไปทางหลินเทียนโดยทันที
ซูชูวได้พูดออกมาด้วยความโกรธว่า
"เจ้ากล้าทำเรื่องไร้เหตุผลงั้นหรอ ! "
ณ ตอนนี้หลินเทียนได้ยกมือขึ้นมาขวางเอาไว้
เขาได้หรี่ตาลงพร้อมกับมองไปยังทั้งสามคนที่อยู่บนม้าแล้วถามออกมาว่า
"เป็นลูกกระจ๊อกของโจวเฮอสินะ ? "
เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้วผู้คนทั้งหลายถึงกับมีท่าทางเปลี่ยนไปทันที
"เจ้านี่กล้าที่จะพูดชื่อของท่านผู้บัญชาการห้วนๆแบบนั้น ? ! "
"นี่มัน........."
"กล้าจริงๆ บ้าไปแล้ว !"
หลายๆคนถึงกับตกตะลึงไป
หลายๆคนได้ก้าวถอยห่างออกไปเพราะกลัวว่าจะถูกหาว่าเกี่ยวข้องกับหลินเทียน
ใหญ่รองลงมาจากเจ้าเมืองนี้ก็คือผู้บัญชาการกองทหารของเมืองนี้และแน่นอนว่าแม้แต่ตระกูลที่น่านับถือยังต้องเกรงกลัวและไม่กล้าที่จะล่วงเกินแต่ตอนนี้มีคนๆหนึ่งกับกล้าที่จะพูดชื่อของชายคนนั้นห้วนๆ
นี่มันเป็นการหยามเกียรติ !
หนึ่งในชายที่นั่งอยู่บนหลังม้าชั้นดีได้มีท่าทางเปลี่ยนไปเป็นเย็นชาพร้อมกับพูดว่า
"เอาตัวมันมา ! ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องจับมาให้ได้ ! "
กองกำลังทหารได้ก้าวเท้าออกไปด้วยท่าทางที่เย็นชายิ่งกว่าเก่า
เหล่าทหารพวกนี้ผ่านสนามรบมาแล้วดังนั้นกลิ่นอายของพวกเขาถึงได้น่ากลัวกว่าผู้เชี่ยวชาญธรรมดาๆ ณ ตอนนี้กลิ่นอายเหล่านี้ทำให้หลินซี่ที่อยู่ข้างๆหลินเทียนอดสั่นไปไม่ได้
"ท่านพี่ "
นางได้จับชายเสื้อของเขาเอาไว้ด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนเป็นซีดเผือดด้วยความรู้สึกกลัว
เพราะถึงอย่างไรก็ตามนางเป็นเพียงเด็กน้อยอายุ 8 ขวบเท่านั้น
เมื่อมองลงไปยังสีหน้าของนางแล้วประกายตาของหลินเทียนก็เย็นยะเยือกยิ่งกว่าเก่า เขาตัดผ่านมายังเขตแดนชีพจรเทวะแล้วถึงได้นำนางออกมาเที่ยวด้านนอกแต่ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
ก่อนหน้านี้นางหัวเราะไม่หยุดแต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนไปเป็นคนละเรื่อง
"ซูชูว ดูแลน้องข้าด้วย "
เขาได้พูดออกมาด้วยสีหน้าที่เย็นชา
ซูชูวได้พยักหน้าของนางเพราะตอนนี้นางสัมผัสได้ถึงความโกรธสุดขีดของเขาอย่างชัดเจน
ณ ตอนนี้นางได้จูงหลินซี่กลับมาปกป้องเอาไว้ข้างๆ
และในเวลาเดียวกันนี้เองที่ทหารได้เดินเข้ามา
"ยอมจำนนซะ ! "
หนึ่งในพวกเขาได้ตะโกนออกมาซึ่งชายคนนี้ถือหอกแหลมเอาไว้ในมือพร้อมทั้งฟาดเข้าใส่เขาทันที
หลินเทียนได้จับหอกเอาไว้ก่อนที่จะใช้มือขวาต่อยสวนกลับไปจนทำให้ทหารคนนั้นปลิวไปไกล
"เจ้ากล้าขัดขืนงั้นหรอ ! "
หนึ่งในพวกเขาได้ตะโกนออกมา
หลินเทียนได้แย่งเอาหอกจากมือของชายคนนั้นพร้อมทั้งยกเท้าเตะอัดไปอย่างจังซึ่งครั้งนี้เขาไม่ได้ออมแรงแม้แต่น้อยถึงได้ทำให้ชายที่ตกลงมากระแทกกับพื้นแน่นิ่งไปทันที
"เจ้า.. "
ทหารทั้งหลายที่เดินเข้ามาได้แต่มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป
หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าไร้อ รมณ์ออกมาพร้อมเหวี่ยงหอกไปรอบข้าง
"โครม !"
"โครม !"
"โครม ! "
ทหารทั้งหมดที่เดิมเข้ามาในตอนนี้ปลิวออกไปเหมือนกับหุ่นไล่กาพลางกระอักเลือดไม่หยุด
เมื่อมองไปยังฉากเหล่านี้แล้วถึงกับต้องหยุดหายใจไปทันที
แน่นอนว่าผู้ชมบางคนนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญแต่ตอนนี้พวกเขายังต้องผงะไป
"ผิดปกติ ! "
"ทหารกลุ่มนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 7 เลยนะแต่กลับถูกกวาดไปง่ายๆ !"
"สุดยอดไปเลย ! สุดยอดเกินไปแล้ว !"
หนึ่งในพวกเขาได้พูดออกมา
ท่าทางของเจ้าหน้าที่กองบัญชาการที่อยู่บนหลังม้าทั้งสามคนได้หม่นหมองลงทันที
เฉินปิงที่อยู่ตรงกลางได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
"ทำร้ายเจ้าหน้าที่ของจักรวรรดิกลางถนนเจ้ากล้า......."
ในเวลาเดียวกันนี้เองที่แสงกรีดของสายลมได้พุ่งเข้ามา หอกแหลมได้ถูกซัดมาจากมือของหลินเทียนก่อนที่จะพุ่งทะลุไหล่ซ้ายของเฉินปิงออกไปและส่งผลให้ร่างของเฉินปิงกระเด็นออกจากหลังม้าโดยทันที
โครม !เฉินปิงได้หล่นลงมากระแทกกับพื้นที่อยู่ห่างออกไป 15 เมตรก่อนที่จะกระอักเลือดออกมาคำโต
เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้วท่าทางของหลี่หยุนดงและเจิ้งโม่ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
"กล้านักนะ ! "
"รุมมันซะ ! "
พวกเขาได้คำรามออกมา
ทันใดนั้นเองที่พวกเขาได้กระโดดลงจากหลังม้าก่อนที่จะวิ่งเข้าไปหาเฉินปิงเพื่อดูอาการ
ในเวลาเดียวกันนี้ทหารทั้งหมดได้พุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว ระดับต่ำสุดในหมู่พวกเขาคือเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 7 และแข็งแกร่งที่สุดคือระดับ 9 ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งจริงๆ
หลินเทียนได้แสดงสีหน้าที่เย็นชาออกมาพร้อมทั้งพุ่งเข้าใส่โดยที่ไม่หลบแม้แต่น้อย
"โครม ! "
พริบตานี้เองที่ทหารที่อยู่หน้าสุดได้ถูกเตะปลิวออกไปด้วยสภาพกึ่งตาย
คนเหล่านี้ไม่ได้อ่อนแอแต่หากเทียบกับหลินเทียนในตอนนี้แล้วมันเปราะบางเหมือนกับทารกเลยก็ไม่ปาน
ไม่นานเสียงโห่ร้องระงมได้ดังขึ้นขณะที่ทหารทั้งหลายได้ทรุดลงกับพื้นไปตามๆกัน
"พระเจ้า !"
"บ้าไปแล้ว ! "
หลายๆคนถึงกับอดกลืนน้ำลายไม่ได้
ณ ตอนนี้เสียงเอะอะนี้ดังไปทั่วและไม่รู้ว่าดึงดูดความสนใจของใครไปมากมายแค่ไหน
ตำหนักแลกสมบัติเองก็อยู่ห่างออกไปไม่ไกลแม้ว่าจะมีร้านค้าอยู่รอบๆมากมายแต่ตำหนักนี้กลับดูเจิดจ้าเป็นอย่างมาก ตอนนี้ในตัวตำหนักที่สองซินเหยาและพูชิกำลังสนทนาบางอย่างกันแต่หลังจากที่ได้ยินเสียงโหวกเหวกแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้วไปตามๆกันก่อนที่ซินเหยาจะชะโงกหน้าออกไปนอกหน้าต่างและเห็นเพียงชายหนุ่มที่กำลังถูกรายล้อมไปด้วยกองกำลังทหารมากมายแต่กลับสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ขยับแขนนิดหน่อยก็ส่งกองกำลังทหารปลิวออกไปไกล ขยับขาอีกนิดก็เตะทหารอีกคนจนอยู่ในสภาพน่าอนาถ
"แข็งแกร่งจริงๆ เจ้านี่มันจุดยอดไปเลยแม้แต่กองกำลังจากจักรวรรดิยังกล้าล่วงเกิน"
ซินเหยาได้แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมา
ณ ตอนนี้เองที่นางตระหนักถึงบางสิ่งก่อนที่สีหน้าของนางจะเปลี่ยนไปทันที
"พู ! มานี่ ! เร็วๆ ! "
ซินเหยาได้ส่งเสียงเรียกออกมาอย่างดัง
"ว่าไง ? "
พูชิได้ถามออกมา
ซินเหยายังคงจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างและพูดโดยที่ไม่หันกลับมาว่า
"มานี่เดี๋ยวก็รู้เอง !"
พูชิได้แสดงสีหน้าที่สงสัยออกมาเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เห็นนางหยาบคายแบบนี้
ณ ตอนนี้พูชิได้เดินเข้าไปหาและมองออกไปด้านนอก
"เจ้าหนุ่มนี่กล้าที่จะลงมือกับกองกำลังของจักรวรรดิกลางถนนงั้นหรอ ? กล้าจริงๆ "
พูชิได้ขมวดคิ้ว
"ไม่ใช่ ! "
ซินเหยาได้ส่ายศีรษะพร้อมกับชี้ออกไปแล้วพูดว่า
"พูดูที่มือขวาของเขาสิ ! "
พูชิได้แสดงสีหน้าที่สงสัยกว่าเดิมพร้อมกับมองตามที่นางชี้ไป
เวลานี้เองที่ท่าทางของเขาได้เปลี่ยนไปอย่างมาก
"นั่นมัน !? "
ในสายตาของเขาได้จดจ่อไปยังแหวนในนิ้วกลางข้างขวาของชายหนุ่มที่อยู่ท่ามกลางวงล้อมของกองกำลัง
"แหวนมิตินั่น......"
"ไม่ผิดแน่ ! มันเป็นแหวนที่เราซื้อมาไม่นานนี้และหลังจากนั้นก็ขายให้กับเจ้าหนูนั่น "
ดวงตาของนางได้เปล่งประกายออกมาเหมือนได้พบกับเรื่องใหญ่
ท่าทางของพูชิก็เปลี่ยนไปเช่นกันก่อนที่จะพูดออกมาว่า
"จะบอกว่าเจ้าหนุ่มที่กำลังสู้กับกองกำลังทหารนั่นกับน้องชายผ้าคลุมดำที่เป็นปรมาจารย์ด้านข่ายอาคมระดับ 3 เป็นคนๆเดียวกัน ? "
"ต้องใช่แน่ๆ ! ข้าไม่มีทางจำแหวนมิตินั่นผิดอย่างแน่นอน ! "
ซินเหยาพยายามพยักหน้าของนาง
พูชิที่มักจะสุขุมเองก็ได้แต่มองออกไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า
จนถึงช่วงที่ผ่านไปหลายลมหายใจเขาก็ได้พูดออกมาว่า
"ใช่แล้ว ! แม่นางน่าจะจำไม่ผิดอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นก็อธิบายได้ว่าทำไมเขาถึงได้ไม่เห็นกองกำลังของจักรวรรดิอยู่ในสายตา หากว่าเจ้าหนุ่มนี่เป็นคนๆเดียวกันกับน้องชายผ้าคลุมดำแล้วก็มีคุณสมบัติพอที่จะไม่สนใจกองกำลังของจักรวรรดิ "
พวกเขาได้แต่มองออกไปเป็นเวลานานโดยไม่พูดอะไรออกมา
"เจ้าหนู ! ในที่สุดก็รู้ตัวจริงของเจ้าแล้ว ! นี่มันเป็นเพราะเจ้าเปิดเผยตัวเองนะพี่สายไม่ได้ไปสืบแม้แต่น้อย "
ซินเหยาได้กำหมัดพร้อมกับท่าทางที่น่าหลงใหลยิ่งกว่าเก่าก่อนที่ท่าทางของนางจะเปลี่ยนไปแล้วพูดว่า
"พู ออกไปช่วยเขาหน่อยสิ "
พูชิได้ยิ้มออกมาพร้อมกับพูดว่า
"ไม่จำเป็นหรอก "
"ไม่จำเป็น ? "
ซินเหยาได้ขมวดคิ้วพร้อมกับพูดว่า
"ทหารธรรมดาอาจจะไม่ใช่คู่มือของเขาก็จริงแต่เจ้าหน้าที่กองบัญชาการทั้งสามคนนั้นมีชื่อเสียงในเมืองนี้มากๆ เรียกได้ว่ามีความสามารถพอใจคุกคามเขาได้เลยนะ "
ซินเหยานั้นรู้ถึงข้อมูลในเมืองเฟิงเจียนนี้ดีดังนั้นถึงได้รู้ว่าทั้งสามคนเป็นคนที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้
พูชิได้ยิ้มออกมาพร้อมกับพูดว่า
"แม่นางไม่สังเกตหรือว่าน้องชายได้ตัดผ่านไปยังเขตแดนชีพจรเทวะแล้ว ? "
เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้วท่าทางของซินเหยาก็ยิ่งเปลี่ยนไปหนักกว่าเดิม
"เขตแดนชีพจรเทวะ ? พูแน่ใจ ? "
นางได้ถามออกมาด้วยสีหน้าที่ตกตะลึง
อายุ 16 ปีเขตแดนชีพจรเทวะ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ?
"เฒ่าคนนี้จะดูผิดไปได้ไง ? "
พูชิได้ส่ายศีรษะพร้อมกับพูดออกมาว่า
"อายุ 16 ปี ปรมาจารย์ด้านข่ายอาคมระดับ 3 เป็นอย่างน้อยแถมยังเป็นผู้เชี่ยวชาญเขตแดนชีพจรเทวะนี่ข้าอยากจะรู้จริงๆว่าใครอยู่เบื้องหลังเขากันแน่ถึงได้สามารถสร้างผู้มีพรสวรรค์ขนาดนี้ "