ตอนที่แล้วDivine King Of All Directions - 094
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปDivine King Of All Directions - 096

Divine King Of All Directions - 095


Divine King Of All Directions - 095

 

ตอนนี้หลินเทียนอยู่ในเขตแดชีพจรเทวะแล้วดังนั้นความแข็งแกร่งของเขาจึงไม่ใช่อะไรที่ผู้เชี่ยวชาญเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 6 ตรงหน้าจะป้องกันลูกถีบของเขาได้ ที่มันไม่ตายเพราะการโจมตีนี้ล้วนเป็นเพราะว่าหลินเทียนออมแรงเอาไว้

"ข้าและคนอื่นๆมีหน้าที่เอาจดหมายไปส่งให้กับท่านเจ้าเมืองแต่เจ้ากล้าที่จะลงมือกับพวกเรางั้นหรอ ? กล้านักนะ ! "

หัวหน้ากลุ่มคนพวกนั้นได้ตะโกนออกมา

หลินเทียนได้กระชากคอเสื้อของชายคนนั้นก่อนที่จะตบหน้าอย่างไม่สนใจ ส่งจดหมาย ? คิดว่าเขาโง่พอที่จะไม่เห็นความเป็นปฏิปักษ์งั้นหรอ ?

"เจ้า....."

"โครม ! "

หลินเทียนได้ยกเท้าเตะชายคนนั้นลอยออกไปไกล

ในหมู่พวกเขาทั้งสามคนได้แสดงสีหน้าที่ซีดเผือดออกมาทันทีเพราะไม่คิดเลยว่าหลินเทียนจะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้

เหล่าผู้คนรอบข้างล้วนแต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา

"เจ้าหนุ่มนั้นเป็นใครกัน ? ทำไมถึงได้กล้าลงมือกับทหารของจักรวรรดิกัน ? "

"นี่...."

"นั่นมันเจ้านายน้อยตระกูลหลินที่ชื่อหลินเทียนแล้วก็ยังมีหลินซี่อยู่ด้วย "

"นี่.... ตอนที่ตระกูลหลินยังไม่ล่มสลายยังไม่มีอำนาจพอจะต่อต้านกองกำลังจักรวรรดิด้วยซ้ำดังนั้นอย่าพูดถึงหลินเทียนในตอนนี้เลย เขาบ้าไปแล้ว ? "

"แต่ทำไมเขาถึงได้แข็งแกร่งขนาดนั้น ?"

เหล่าผู้คนมากมายบนถนนต่างแสดงใบหน้าที่นัยน์ตาเบิกกว้าง

ณ ตอนนี้มีเสียงฝีเท้าดังเข้ามาจากที่ห่างไกลอีกครั้งก่อนที่กลุ่มทหารใหม่ที่แข็งแกร่งกว่าเดิมจะมาถึง

พริบตาเดียวเหล่าทหารหลายสิบคนก็ได้มาถึงที่นี่และเบื้องหน้าของพวกเขามีม้าอย่างดีสามตัวที่บนหลังของมันมีชายวัยกลางคนที่ให้ความรู้สึกถึงกลิ่นอายอันสยดสยอง

ชายวัยกลางคนทั้งสามคนนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ของกองบัญชาการเมืองนี้และจากด้านซ้ายถึงขวามีชื่อว่า หลี่หยุนดง เฉินปิงและเจิ้งโม่ซึ่งพวกเขาต่างอยู่ในเขตแดนชีพจรเทวะด้วยกันทั้งหมด

"อะไรกัน ? ! "

เฉินปิงได้คำรามออกมาอย่างดัง

ทหารที่ยังไม่ถูกหลินเทียนเตะออกไปนั้นได้แสดงแววตาที่เปล่งประกายออกมาพร้อมทั้งรีบพูดอย่างดังว่า

"หัวหน้าครับ เจ้านี่มันไม่เพียงแต่ขัดขวางการทำงานของเราแต่ยังกล้าลงมือกับเราด้วย ! มันขัดกฎหมายของเราอย่างชัดเจนดังนั้นโปรดจัดการมันด้วย ! "

"ไร้สาระ มันเป็นเพราะว่าม้าของเจ้าล้มลงเพราะจะชนเราต่างหากแล้วพวกเจ้าก็มาหาเรื่องพวกเราด้วยตัวเอง เราทำไปเพราะปกป้องตัวเองเท่านั้น "

ซูชูวได้พูดออกมาด้วยท่าทางมีน้ำโห

"เจ้านั่นแหละพูดไร้สาระ มันเป็นเพราะเจ้าขวางถนนต่างหากถึงได้ทำให้ม้าตื่นกลัว ! "

ทหารธรรมดาได้ชี้ไปทางหลินเทียนพร้อมทั้งพูดว่า

"เขาไม่สนใจกฎของทางจักรวรรดิแถมยังลงมือทำร้ายเราต่อหน้าผู้คนนี่คือความจริง ! "

เจ้าหน้าที่กองบัญชาการทั้งสามคนได้กวาดตามองไปทางหลินเทียนด้วยแววตาที่เย็นยะเยือก

เฉินปิงได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า

"ไปจับตัวมันมา !"

"ขอรับ ! "

หลังจากที่พูดจบแล้วหนึ่งในทหารก็ได้วิ่งออกไปทางหลินเทียนโดยทันที

ซูชูวได้พูดออกมาด้วยความโกรธว่า

"เจ้ากล้าทำเรื่องไร้เหตุผลงั้นหรอ ! "

ณ ตอนนี้หลินเทียนได้ยกมือขึ้นมาขวางเอาไว้

เขาได้หรี่ตาลงพร้อมกับมองไปยังทั้งสามคนที่อยู่บนม้าแล้วถามออกมาว่า

"เป็นลูกกระจ๊อกของโจวเฮอสินะ ? "

เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้วผู้คนทั้งหลายถึงกับมีท่าทางเปลี่ยนไปทันที

"เจ้านี่กล้าที่จะพูดชื่อของท่านผู้บัญชาการห้วนๆแบบนั้น ? ! "

"นี่มัน........."

"กล้าจริงๆ บ้าไปแล้ว !"

หลายๆคนถึงกับตกตะลึงไป

หลายๆคนได้ก้าวถอยห่างออกไปเพราะกลัวว่าจะถูกหาว่าเกี่ยวข้องกับหลินเทียน

ใหญ่รองลงมาจากเจ้าเมืองนี้ก็คือผู้บัญชาการกองทหารของเมืองนี้และแน่นอนว่าแม้แต่ตระกูลที่น่านับถือยังต้องเกรงกลัวและไม่กล้าที่จะล่วงเกินแต่ตอนนี้มีคนๆหนึ่งกับกล้าที่จะพูดชื่อของชายคนนั้นห้วนๆ

นี่มันเป็นการหยามเกียรติ !

หนึ่งในชายที่นั่งอยู่บนหลังม้าชั้นดีได้มีท่าทางเปลี่ยนไปเป็นเย็นชาพร้อมกับพูดว่า

"เอาตัวมันมา ! ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องจับมาให้ได้ ! "

กองกำลังทหารได้ก้าวเท้าออกไปด้วยท่าทางที่เย็นชายิ่งกว่าเก่า

เหล่าทหารพวกนี้ผ่านสนามรบมาแล้วดังนั้นกลิ่นอายของพวกเขาถึงได้น่ากลัวกว่าผู้เชี่ยวชาญธรรมดาๆ ณ ตอนนี้กลิ่นอายเหล่านี้ทำให้หลินซี่ที่อยู่ข้างๆหลินเทียนอดสั่นไปไม่ได้

"ท่านพี่ "

นางได้จับชายเสื้อของเขาเอาไว้ด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนเป็นซีดเผือดด้วยความรู้สึกกลัว

เพราะถึงอย่างไรก็ตามนางเป็นเพียงเด็กน้อยอายุ 8 ขวบเท่านั้น

เมื่อมองลงไปยังสีหน้าของนางแล้วประกายตาของหลินเทียนก็เย็นยะเยือกยิ่งกว่าเก่า เขาตัดผ่านมายังเขตแดนชีพจรเทวะแล้วถึงได้นำนางออกมาเที่ยวด้านนอกแต่ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น

ก่อนหน้านี้นางหัวเราะไม่หยุดแต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนไปเป็นคนละเรื่อง

"ซูชูว ดูแลน้องข้าด้วย "

เขาได้พูดออกมาด้วยสีหน้าที่เย็นชา

ซูชูวได้พยักหน้าของนางเพราะตอนนี้นางสัมผัสได้ถึงความโกรธสุดขีดของเขาอย่างชัดเจน

ณ ตอนนี้นางได้จูงหลินซี่กลับมาปกป้องเอาไว้ข้างๆ

และในเวลาเดียวกันนี้เองที่ทหารได้เดินเข้ามา

"ยอมจำนนซะ ! "

หนึ่งในพวกเขาได้ตะโกนออกมาซึ่งชายคนนี้ถือหอกแหลมเอาไว้ในมือพร้อมทั้งฟาดเข้าใส่เขาทันที

หลินเทียนได้จับหอกเอาไว้ก่อนที่จะใช้มือขวาต่อยสวนกลับไปจนทำให้ทหารคนนั้นปลิวไปไกล

"เจ้ากล้าขัดขืนงั้นหรอ ! "

หนึ่งในพวกเขาได้ตะโกนออกมา

หลินเทียนได้แย่งเอาหอกจากมือของชายคนนั้นพร้อมทั้งยกเท้าเตะอัดไปอย่างจังซึ่งครั้งนี้เขาไม่ได้ออมแรงแม้แต่น้อยถึงได้ทำให้ชายที่ตกลงมากระแทกกับพื้นแน่นิ่งไปทันที

"เจ้า.. "

ทหารทั้งหลายที่เดินเข้ามาได้แต่มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป

หลินเทียนยังคงแสดงสีหน้าไร้อ รมณ์ออกมาพร้อมเหวี่ยงหอกไปรอบข้าง

"โครม !"

"โครม !"

"โครม ! "

ทหารทั้งหมดที่เดิมเข้ามาในตอนนี้ปลิวออกไปเหมือนกับหุ่นไล่กาพลางกระอักเลือดไม่หยุด

เมื่อมองไปยังฉากเหล่านี้แล้วถึงกับต้องหยุดหายใจไปทันที

แน่นอนว่าผู้ชมบางคนนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญแต่ตอนนี้พวกเขายังต้องผงะไป

"ผิดปกติ ! "

"ทหารกลุ่มนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 7 เลยนะแต่กลับถูกกวาดไปง่ายๆ !"

"สุดยอดไปเลย ! สุดยอดเกินไปแล้ว !"

หนึ่งในพวกเขาได้พูดออกมา

ท่าทางของเจ้าหน้าที่กองบัญชาการที่อยู่บนหลังม้าทั้งสามคนได้หม่นหมองลงทันที

เฉินปิงที่อยู่ตรงกลางได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า

"ทำร้ายเจ้าหน้าที่ของจักรวรรดิกลางถนนเจ้ากล้า......."

ในเวลาเดียวกันนี้เองที่แสงกรีดของสายลมได้พุ่งเข้ามา หอกแหลมได้ถูกซัดมาจากมือของหลินเทียนก่อนที่จะพุ่งทะลุไหล่ซ้ายของเฉินปิงออกไปและส่งผลให้ร่างของเฉินปิงกระเด็นออกจากหลังม้าโดยทันที

โครม !เฉินปิงได้หล่นลงมากระแทกกับพื้นที่อยู่ห่างออกไป 15 เมตรก่อนที่จะกระอักเลือดออกมาคำโต

เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้วท่าทางของหลี่หยุนดงและเจิ้งโม่ก็เปลี่ยนไปอย่างมาก

"กล้านักนะ ! "

"รุมมันซะ ! "

พวกเขาได้คำรามออกมา

ทันใดนั้นเองที่พวกเขาได้กระโดดลงจากหลังม้าก่อนที่จะวิ่งเข้าไปหาเฉินปิงเพื่อดูอาการ

ในเวลาเดียวกันนี้ทหารทั้งหมดได้พุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว ระดับต่ำสุดในหมู่พวกเขาคือเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 7 และแข็งแกร่งที่สุดคือระดับ 9 ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งจริงๆ

หลินเทียนได้แสดงสีหน้าที่เย็นชาออกมาพร้อมทั้งพุ่งเข้าใส่โดยที่ไม่หลบแม้แต่น้อย

"โครม ! "

พริบตานี้เองที่ทหารที่อยู่หน้าสุดได้ถูกเตะปลิวออกไปด้วยสภาพกึ่งตาย

คนเหล่านี้ไม่ได้อ่อนแอแต่หากเทียบกับหลินเทียนในตอนนี้แล้วมันเปราะบางเหมือนกับทารกเลยก็ไม่ปาน

ไม่นานเสียงโห่ร้องระงมได้ดังขึ้นขณะที่ทหารทั้งหลายได้ทรุดลงกับพื้นไปตามๆกัน

"พระเจ้า !"

"บ้าไปแล้ว ! "

หลายๆคนถึงกับอดกลืนน้ำลายไม่ได้

ณ ตอนนี้เสียงเอะอะนี้ดังไปทั่วและไม่รู้ว่าดึงดูดความสนใจของใครไปมากมายแค่ไหน

ตำหนักแลกสมบัติเองก็อยู่ห่างออกไปไม่ไกลแม้ว่าจะมีร้านค้าอยู่รอบๆมากมายแต่ตำหนักนี้กลับดูเจิดจ้าเป็นอย่างมาก ตอนนี้ในตัวตำหนักที่สองซินเหยาและพูชิกำลังสนทนาบางอย่างกันแต่หลังจากที่ได้ยินเสียงโหวกเหวกแล้วก็ได้แต่ขมวดคิ้วไปตามๆกันก่อนที่ซินเหยาจะชะโงกหน้าออกไปนอกหน้าต่างและเห็นเพียงชายหนุ่มที่กำลังถูกรายล้อมไปด้วยกองกำลังทหารมากมายแต่กลับสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ขยับแขนนิดหน่อยก็ส่งกองกำลังทหารปลิวออกไปไกล ขยับขาอีกนิดก็เตะทหารอีกคนจนอยู่ในสภาพน่าอนาถ

"แข็งแกร่งจริงๆ เจ้านี่มันจุดยอดไปเลยแม้แต่กองกำลังจากจักรวรรดิยังกล้าล่วงเกิน"

ซินเหยาได้แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมา

ณ ตอนนี้เองที่นางตระหนักถึงบางสิ่งก่อนที่สีหน้าของนางจะเปลี่ยนไปทันที

"พู ! มานี่ ! เร็วๆ ! "

ซินเหยาได้ส่งเสียงเรียกออกมาอย่างดัง

"ว่าไง ? "

พูชิได้ถามออกมา

ซินเหยายังคงจ้องมองออกไปนอกหน้าต่างและพูดโดยที่ไม่หันกลับมาว่า

"มานี่เดี๋ยวก็รู้เอง !"

พูชิได้แสดงสีหน้าที่สงสัยออกมาเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เห็นนางหยาบคายแบบนี้

ณ ตอนนี้พูชิได้เดินเข้าไปหาและมองออกไปด้านนอก

"เจ้าหนุ่มนี่กล้าที่จะลงมือกับกองกำลังของจักรวรรดิกลางถนนงั้นหรอ ? กล้าจริงๆ "

พูชิได้ขมวดคิ้ว

"ไม่ใช่ ! "

ซินเหยาได้ส่ายศีรษะพร้อมกับชี้ออกไปแล้วพูดว่า

"พูดูที่มือขวาของเขาสิ ! "

พูชิได้แสดงสีหน้าที่สงสัยกว่าเดิมพร้อมกับมองตามที่นางชี้ไป

เวลานี้เองที่ท่าทางของเขาได้เปลี่ยนไปอย่างมาก

"นั่นมัน !? "

ในสายตาของเขาได้จดจ่อไปยังแหวนในนิ้วกลางข้างขวาของชายหนุ่มที่อยู่ท่ามกลางวงล้อมของกองกำลัง

"แหวนมิตินั่น......"

"ไม่ผิดแน่ ! มันเป็นแหวนที่เราซื้อมาไม่นานนี้และหลังจากนั้นก็ขายให้กับเจ้าหนูนั่น "

ดวงตาของนางได้เปล่งประกายออกมาเหมือนได้พบกับเรื่องใหญ่

ท่าทางของพูชิก็เปลี่ยนไปเช่นกันก่อนที่จะพูดออกมาว่า

"จะบอกว่าเจ้าหนุ่มที่กำลังสู้กับกองกำลังทหารนั่นกับน้องชายผ้าคลุมดำที่เป็นปรมาจารย์ด้านข่ายอาคมระดับ 3 เป็นคนๆเดียวกัน ? "

"ต้องใช่แน่ๆ ! ข้าไม่มีทางจำแหวนมิตินั่นผิดอย่างแน่นอน ! "

ซินเหยาพยายามพยักหน้าของนาง

พูชิที่มักจะสุขุมเองก็ได้แต่มองออกไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า

จนถึงช่วงที่ผ่านไปหลายลมหายใจเขาก็ได้พูดออกมาว่า

"ใช่แล้ว ! แม่นางน่าจะจำไม่ผิดอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นก็อธิบายได้ว่าทำไมเขาถึงได้ไม่เห็นกองกำลังของจักรวรรดิอยู่ในสายตา หากว่าเจ้าหนุ่มนี่เป็นคนๆเดียวกันกับน้องชายผ้าคลุมดำแล้วก็มีคุณสมบัติพอที่จะไม่สนใจกองกำลังของจักรวรรดิ "

พวกเขาได้แต่มองออกไปเป็นเวลานานโดยไม่พูดอะไรออกมา

"เจ้าหนู ! ในที่สุดก็รู้ตัวจริงของเจ้าแล้ว ! นี่มันเป็นเพราะเจ้าเปิดเผยตัวเองนะพี่สายไม่ได้ไปสืบแม้แต่น้อย "

ซินเหยาได้กำหมัดพร้อมกับท่าทางที่น่าหลงใหลยิ่งกว่าเก่าก่อนที่ท่าทางของนางจะเปลี่ยนไปแล้วพูดว่า

"พู ออกไปช่วยเขาหน่อยสิ "

พูชิได้ยิ้มออกมาพร้อมกับพูดว่า

"ไม่จำเป็นหรอก "

"ไม่จำเป็น ? "

ซินเหยาได้ขมวดคิ้วพร้อมกับพูดว่า

"ทหารธรรมดาอาจจะไม่ใช่คู่มือของเขาก็จริงแต่เจ้าหน้าที่กองบัญชาการทั้งสามคนนั้นมีชื่อเสียงในเมืองนี้มากๆ เรียกได้ว่ามีความสามารถพอใจคุกคามเขาได้เลยนะ "

ซินเหยานั้นรู้ถึงข้อมูลในเมืองเฟิงเจียนนี้ดีดังนั้นถึงได้รู้ว่าทั้งสามคนเป็นคนที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้

พูชิได้ยิ้มออกมาพร้อมกับพูดว่า

"แม่นางไม่สังเกตหรือว่าน้องชายได้ตัดผ่านไปยังเขตแดนชีพจรเทวะแล้ว ? "

เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้วท่าทางของซินเหยาก็ยิ่งเปลี่ยนไปหนักกว่าเดิม

"เขตแดนชีพจรเทวะ ? พูแน่ใจ ? "

นางได้ถามออกมาด้วยสีหน้าที่ตกตะลึง

อายุ 16 ปีเขตแดนชีพจรเทวะ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ?

"เฒ่าคนนี้จะดูผิดไปได้ไง ? "

พูชิได้ส่ายศีรษะพร้อมกับพูดออกมาว่า

"อายุ 16 ปี ปรมาจารย์ด้านข่ายอาคมระดับ 3 เป็นอย่างน้อยแถมยังเป็นผู้เชี่ยวชาญเขตแดนชีพจรเทวะนี่ข้าอยากจะรู้จริงๆว่าใครอยู่เบื้องหลังเขากันแน่ถึงได้สามารถสร้างผู้มีพรสวรรค์ขนาดนี้ "

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด