Divine King Of All Directions - 094
Divine King Of All Directions - 094
พลังฉีอันเข้มข้นได้ทะลักออกมาจากทั่วร่างกาย ตอนนี้เขารู้สึกเพียงแค่ว่าร่างกายของเขาได้เปลี่ยนไปจากเดิม กล้ามเนื้อและการไหลเวียนของเลือดนั้นดีขึ้นมาก
"ดีจริงๆ "
ภายในดวงตาของหลินเทียนได้เป็นประกายและอดพึมพำออกมาไม่ได้
หลังจากที่ตัดผ่านมาได้แล้วเขาก็รู้สึกกังวลในหลายๆเรื่องน้อยลง
เมื่อตั้งสติได้อีกครั้งเขาก็ได้หมุนวนเคล็ดวิชาซือจี่อีกครั้งเพื่อก่อสร้างรากฐานเขตแดนชีพจรเทวะให้มั่นคง
แม้ว่าเคล็ดวิชานี้จะถูกเรียกว่าเป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะขัดเกลาร่างกายระดับเทวะแต่มันก็ยังแตกต่างจากเคล็ดวิชาบ่มเพาะอื่นๆเพราะว่ามันเป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะศักดิ์สิทธิ์ไม่ว่าจะอยู่ในเขตแดนหล่อหลอมร่างกาย ชีพจรเทวะ ผู้รอบรู้ หรือแม้จะเป็น จักรพรรดินภาก็ตาม ในอีกความหมายหนึ่งคือหลังจากนี้เขาไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนไปบ่มเพาะพลังด้วยเคล็ดวิชาอื่นแต่สิ่งที่จำเป็นสำหรับเขาจริงๆคือทรัพยากรบ่มเพาะและทักษะที่แข็งแกร่ง
หลังจากที่ผ่านไปอีก 2 ชั่วโมงแล้วก็เป็นช่วงที่พระอาทิตย์เริ่มขึ้น
ดวงตาของหลินเทียนได้เปิดขึ้นก่อนที่จะรู้สึกได้ว่ารากฐานของตัวเองมั่นคงขึ้นมาก
เขาได้ยืดเส้นยืดสายเล็กน้อยก่อนที่จะกลับลงมาด้านล่าง
"ท่านพี่ ? "
หลินซี่ที่กำลังถือถ้วยข้าวต้มอยู่ได้เดินออกมาจากห้องพร้อมกับถามต่อว่า
"ท่านจะทานข้าวเลยไหม ? "
"ได้"
หลินเทียนได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
หลินซี่นั้นจะทำข้าวต้มให้เขาทานทุกวันแต่แม้มันจะเป็นอะไรง่ายๆธรรมดาๆแต่ก็หอมและอร่อยมากๆ
หลินซี่ที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะไม้เล็กๆได้ทานข้าวต้มอย่างสงบขณะที่จ้องมองมาทางหลินเทียนเป็นบางครั้ง
หลินเทียนสามารถสัมผัสได้ทันทีพร้อมกับเจ็บอยู่ในอก เขาเข้าเป็นศิษย์ของที่นี่มาได้ 3 เดือนกว่าๆแล้วแต่ทุกวันนี้เขาเอาแต่ยุ่งกับการบ่มเพาะพลังดังนั้นถึงไม่มีเวลาเล่นกับนางเลย
"ซี่เอ๋อ เราออกไปเล่นข้างนอกกันไหม ? "
หลินเทียนได้ถามออกมาด้วยรอยยิ้ม
ดวงตาของหลินซี่ได้เปล่งประกายพร้อมทั้งรีบถามออกมาว่า
"ท่านพี่ไม่ได้ยุ่งอยู่งั้นหรอคะ ? "
"ช่วงนี้สักพักน่ะ "
หลินเทียนได้พยักหน้าตอบ
เขาตัดผ่านไปยังเขตแดนชีพจรเทวะได้แล้วดังนั้นแม้จะเป็นตระกูลโม่หรือกองบัญชาการก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกกลัวแม้แต่น้อย
หลินซี่มีความสุขเป็นอย่างมากก่อนที่จะพยักหน้าซ้ำๆเพราะนางอยากจะออกไปเที่ยวกับหลินเทียนที่สุด
ณ ตอนนี้หลินเทียนได้ตัดสินใจแล้วว่าวันนี้เขาจะพาหลินซี่ออกไปเที่ยวด้านนอกสำนัก เขาให้นางไปเตรียมตัวก่อนที่ตัวเขาจะเก็บกวาดโต๊ะอาหารแล้วเมื่อออกจากที่พักแล้วก็ไปตามใครอีกคน
"ไปเที่ยวข้างนอก ? "
ซูชูวได้กวาดตามองหลินเทียนพร้อมกับถามออกมาพลางขมวดคิ้ว
"เป็นอะไร ? มีปัญหาอะไร ? "
หลินเทียนได้ถามออกมาด้วยสีหน้าแปลกๆ
ซูชูวได้ดึงมือของหลินเทียนมาพร้อมกับพูดด้วยเสียงกระซิบว่า
"เจ้าล่วงเกินทั้งตระกูลโม่แล้วก็กองบัญชาการอีกไม่กลัวว่าพวกมันจะฆ่าเจ้าหรือไง ? "
หลินเทียนได้ชะงักไปพร้อมกับตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่า
"ไม่เป็นไรหรอก ตอนนี้ไม่กลัวแล้ว "
"ตอนนี้........"
ซูชูวได้มีสีหน้าหม่นหมองลงพร้อมกับถามด้วยท่าทางที่เปลี่ยนไปว่า
"เจ้าตัดผ่านไปยังเขตแดนชีพจรเทวะแล้ว ? "
"อื่ม ใช่"
หลินเทียนได้พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า
"มา ไหนเรียกสหายร่วมสำนักสิ "
แน่นอนว่าสิ่งที่ได้กลับมาคือลูกเตะของนาง
หลินเทียนได้ตัดผ่านไปแล้วดังนั้นตอนนี้นางถึงไม่รู้สึกกังวลอะไรกับเขามากนัก อย่างน้อยๆหลังจากที่ตัดผ่านไปแล้วก็มีคนที่เป็นอันตรายกับเขาน้อยลง
พวกเขาทั้งสามคนได้เดินออกไปด้านนอกสำนักด้วยกัน
มีศิษย์สำนักกำลังตั้งกลุ่มสนทนากันอยู่มากมายแต่หลังจากที่เห็นหลินเทียนและคนอื่นๆแล้วพวกเขาก็อดที่จะหยุดแล้วเบาเสียงลงไม่ได้ ความสามารถของหลินเทียนที่แสดงไปก่อนหน้านี้นั้นทำให้ทุกคนถึงกับตกตะลึงซึ่งไม่มีใครในสำนักนี้ไม่รู้จักเขาแม้แต่คนเดียว
"ดูเหมือนว่าเจ้าจะเป็นคนดังของสำนักแล้วนะ "
ซูชูวได้พูดออกมา
หลินเทียนที่กำลังจูงมือหลินซี่อยู่ก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
"ช่วยไม่ได้ล่ะนะ มันเป็นเพราะข้ามีนิสัยดี"
"แหวะ ! "
ซูชูวได้สบถออกมาทันที
พวกเขาเดินออกไปด้วยกันในสภาพที่มีหลินเทียนอยู่ด้านซ้าย ซูชูวอยู่ด้านขวาและมีหลินซี่อยู่ใจกลาง มือซ้ายของนางจับมือของหลินเทียนเอาไว้ส่วนมือขวาก็จับมือของซูชูว
"ข้าว่าเดินด้วยกันแบบนี้มันดูแปลกๆไงพิกลนะ "
หลินเทียนได้พูดออกมา
"แปลกๆ ? "
ซูชูวเองก็รู้สึกแปลกๆเพราะหลังจากที่กวาดตามองดูแล้วก็พบว่ามันแปลกจริงๆ มันเหมือนครอบครัวพ่อแม่ลูกเลยด้วยซ้ำและหลังจากที่คิดถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของหลินเทียนแล้วใบหน้าของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำพร้อมกับพูดออกมาด้วยใบหน้าค้อนๆว่า
"ลามก ! ไร้ยางอาย ! น่าเกลียด ! โจรชั่ว ! พวกหน้าไม่อาย ! "
หลินเทียนถึงกับหมดคำพูดไปทันทีเพราะว่าคำด่าของนางเริ่มถูกนำมาใช้ไม่หยุดหย่อน
พวกเขาทั้งสามคนได้เดินออกไปนอกสำนักอย่างรวดเร็ว
และตอนนี้เองที่เมื่อหลินเทียนก้าวเท้าออกมาจากสำนักนั้นมีกลุ่มคนๆหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลได้แสดงสีหน้าที่เปลี่ยนไป
"ไปรายงานให้ท่านเจ้าหน้าที่กองบัญชาการว่าเจ้าหลินเทียนนั่นออกมาแล้ว ! "
หนึ่งในนั้นได้พูดออกมาอย่างเย็นชา
"ขอรับ ! "
คนที่อยู่ข้างๆก็ได้ตอบตกลงพร้อมกับรีบจากไปทันที
.............
เมืองเฟิงเจียนนั้นมีขนาดใหญ่มากๆดังนั้นผู้คนที่เดินสัญจรไปมาถึงได้มีอยู่มากมาย
ข้างถนนเต็มไปด้วยร้านค้าน้อยใหญ่ซึ่งแม้ว่าอากาศจะร้อนแต่ก็ยังคึกคักเป็นอย่างมาก มีตั้งแต่ผลไม้ ขนมเค้ก ขนมหวานและขนมขบเคี้ยวต่างๆ
ดวงตาของหลินซี่ได้เบิกกว้างพร้อมกับเปล่งประกายออกมา
"ซี่เอ๋อ อยากได้อะไรก็เลือกได้เลย "
หลินเทียนได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
หลินซี่ได้แสดงสีหน้าที่มีความสุขออกมาพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงกระซิบที่แฝงด้วยความลังเลว่า
"แต่ท่านพี่ เรามีเงินเยอะขนาดนั้นเลย ? ข้าว่า.........."
หลินเทียนได้ชะงักไปพร้อมกับอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้า
เมื่อสองปีก่อนนั้นตระกูลหลินได้ถูกตระกูลเสี่ยวฮุบไปดังนั้นชีวิตของสองพี่น้องถึงได้ลำบากมากยิ่งกว่าตระกูลธรรมดาๆด้ ยซ้ำ หลินซี่นั้นกลายเป็นเด็กที่ประหยัดถึงขีดสุดซึ่งตอนนี้นางก็อดกังวลเกี่ยวกับเรื่องการใช้จ่ายที่สิ้นเปลืองจะส่งผลต่อวันอื่นๆไม่ได้
"ไม่หรอก เราไม่ได้ขาดเงินอยู่ในตอนนี้ดังนั้นซี่เอ๋อไม่ต้องกังวลไปหรอก "
หลินเทียนได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
เขากลัวว่าหลินซี่จะไม่เชื่อดังนั้นถึงได้หยิบเอาถุงเล็กๆที่ภายในบรรจุเหรียญนับพันออกมาแล้วส่งให้นาง
"เยอะมากๆ !"
นัยน์ตาของนางได้เบิกกว้าง
แม้แต่ซูชูวเองก็ยังประหลาดใจเช่นกันเพราะเงินกว่าพันเหรียญนั้นแม้จะเป็นนางที่เป็นศิษย์ของผู้อาวุโสสำนักยังถือว่าไม่น้อยเลยแต่จากท่าทีของหลินเทียนแล้วมันกลับดูไม่น่าสนใจด้วยซ้ำ
"เจ้านี่ "
ซูชูวได้ส่งเสียงกระซิบออกมาเพราะว่านางรู้สึกว่าหลินเทียนดูลึกลับแปลกๆ
หลังจากที่หลินเทียนได้หยิบเอาถุงเงินออกมาแล้วหลินซี่ก็เลิกกังวลไปทันทีเพราะว่าเงินมากมายขนาดนี้ยังอยู่ได้อีกหลายปี ณ ตอนนี้นางมีความสุขถึงขดสุดพร้อมทั้งรีบวิ่งไปเลือกสินค้าต่างๆพร้อมๆกับซูชูวที่รวมๆกันแล้วทั้งหมดมีราคาไม่ถึง 20 เหรียญด้วยซ้ำ
"เฒ่าแก่ เอาเค้กมาสองชุด ! "
"ปลาย่างสอง ! "
"ซี่เอ๋ออยากได้สาลี่ไหม ? "
"อื้ม ! "
"พี่สาวซู กลิ่นข้าวต้มทางนั้นหอมมากๆ ! "
"งั้นหรอจ๊ะ ? เฒ่าแก่ เอามาอีกสอง ! "
หลินเทียนที่เดินทามหลังเขาได้แต่จ่ายค่าสินค้าแต่หลังจากที่คิดถึงคำพูดของซูชูวก่อนหน้านี้แล้วเขาก็หมดคำพูดไปทันทีเพราะทำไมทุกๆครั้งนางถึงได้สั่ง 2 ชุด ? แล้วของเขาล่ะ ?
"เห้อ "
หลินเทียนได้แต่ส่ายศีรษะ
ระหว่างที่เดินตามหลังเขาก็มองไปยังสีหน้าที่มีความสุขของหลินซี่ด้วยท่าทางที่พึงพอใจ
ไม่นานพวกเขาทั้งสามคนก็ได้เดินผ่านร้านเสื้อผ้าก่อนที่หลินซึ่และซูชูวจะหยุดมองเพราะชุดมันสวยมากๆ
"เลือกเอาเลย "
หลินเทียนได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
"เป็นความคิดที่ดี ! "
ซูชูวได้พยักหน้าซ้ำๆ
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมงซูชูวก็ได้เลือกชุดให้กับหลินซี่หลายชุดและนางเองก็เลือกของนางเช่นกันซึ่งแน่นอนว่าหลินเทียนเป็นคนออกค่าใช้จ่ายทั้งหมด
"เดินทางดีๆนะขอรับ "
เฒ่าแก่ของร้านได้ส่งพวกเขาด้วยท่าทางที่อบอุ่น
ตอนที่เดินออกมาจากร้านนั้นหลินซี่ได้เปลี่ยนเป็นชุดใหม่เรียบร้อย ตอนนี้นางสวมชุดสีขาวเหมือนดั่งเจ้าหญิงตัวน้อยซึ่งซูชูวที่อยู่ข้างๆเองก็ไม่ได้ดูด้อยไปกว่านางเลย หลังจากที่เปลี่ยนชุดใหม่แล้วมันทำให้นางดูผ่องใสและดึงดูดสายตาจากผู้คนรอบข้างเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นแบบนั้นแล้วหลินเทียนก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่พึงพอใจออกมา
"ยังไม่ดึกเท่าไหร่งั้นเราจะไปเดินเล่นกันอีกสักพัก ? "
หลินเทียนได้ถามออกมาด้วยรอยยิ้ม
"แน่นอน !"
ซูชูวได้ตอบกลับ
"อื้ม ! "
หลินซี่ก็พยายามพยักหน้าของนางเพราะมันนานมากแล้วที่นางไม่ได้มีความสุขขนาดนี้
หลินเทียนได้ยิ้มออกมาพร้อมกับเดินตามหลังหญิงสาวทั้งสองพลางคิดว่าตัวเองคิดถูกจริงๆที่ชวนซูชูวมาด้วย หากว่าไม่เป็นเช่นนั้นแล้วเขาก็ไม่รู้เลยว่าจะนำหลินซี่ไปเที่ยวเล่นทีไหนเพราะเขาไม่มีประสบการณ์พวกนี้เลยแม้แต่น้อย
"ข้างหน้า หลีกไป ! "
เสียงคำรามอันเย็นชาได้ดังขึ้นจากด้านหลังของเขาขณะที่ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่เร็วจัด
หลินเทียนได้หันหลังกลับไปพร้อมกับเห็นว่ามีทหารสามคนกำลังควบม้ามาด้วยความเร็วสูง
พวกเขาทั้งสามคนนั้นมีอายุประมาณ 30 ปีแถมในมือยังมีหอกแหลมที่ปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายที่เย็นยะเยือก
เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้วผู้คนต่างๆล้วนแสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาและรีบถอยห่างโดยทันที
เสียงฝีเท้าได้ดังขึ้นเรื่อยๆขณะที่เศษฝุ่นเศษหินฟุ้งไปหมด
หลินเทียนและหญิงสาวทั้งสองนั้นอยู่เกือบกลางถนนซึ่งเขากำลังจะจูงมือของหลินซี่และซูชูวให้ถอยกลับมาจากเส้นทางของม้าแต่ตอนนี้เองที่ความเร็วของม้าทั้งสามได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก
ท่าทางของเขาได้หม่นหมองลงพร้อมกับเข้าใจได้ทันทีว่าพวกมันทั้งสามคนพุ่งเป้ามาที่เขา
หลังจากที่ตัดผ่านมายังเขตแดนชีพจรเทวะได้แล้วความสามารถในการสัมผัสจึงเพิ่มขึ้นและเมื่อมองไปยังทั้งสามคนแล้วเขาก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่แฝงอยู่ในดวงตาพวกเขาอย่างชัดเจน
"คนข้างหน้าถอยไป ! "
หนึ่งในสามคนได้ตะโกนออกมาอย่างดังพร้อมทั้งควบม้าเร็วขึ้นกว่าเก่า
แม้กระทั่งหนึ่งในพวกเขาได้หันปลายหอกเข้าใส่อย่างลับๆ
หลินซี่ในตอนนี้ถึงกับหวาดผวาด้วยความกลัว ใบหน้าน้อยๆของนางได้เปลี่ยนเป็นซีดเผือดขณะที่จับชายเสื้อของหลินเทียนเอาไว้
นัยน์ตาของหลินเทียนได้เปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกพร้อมกับปลดปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างบ้าคลั่งขณะที่ตั้งท่ารับม้าทั้งสามตัวทำให้มันสั่นสะท้านก่อนที่จะหยุดฝีเท้าลงอย่างรวดเร็วแล้วส่งให้ทหารทั้งสามคนกลิ้งลงไปตามพื้นถนน
แม้แต่สัตว์อสูรระดับ 4 หลินเทียนก็ยังฆ่ามาแล้วดังนั้นในเมื่อคนระดับเขาปลดปล่อยจิตสังหารออกมาแล้วม้าธรรมดาๆ 3 ตัวจะไปทนได้ ?
ทั้งสามคนที่กลิ้งอยู่ที่พื้นได้ส่งเสียงออกมา
ตอนนี้สภาพของพวกเขาดูไม่ได้แม้แต่น้อยและหลังจากที่ยืนขึ้นมาแล้วก็ได้หันหอกเข้าหาหลินเทียนด้วยสีหน้าที่ดุร้าย
หนึ่งในพวกเขาได้พูดออกมาด้วยท่าทางของหัวหน้าว่า
"ขัดขืนการทำงานของเจ้าหน้าที่มีความผิดใหญ่หลวง จับตัวมันมา !"
หนึ่งในพวกนั้นได้เดินเข้าไปเพื่อพยายามจะจับตัวหลินซี่เอาไว้
ประกายตาของหลินเทียนได้เปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกพร้อมทั้งจับมือของชายคนนั้นเอาไว้แล้วยกเท้าเตะอัดเข้าไปกลางหน้าท้องอย่างรุนแรง
โครม ! ชายคนนั้นได้โห่ร้องออกมาก่อนที่จะลอยเคว้งออกไปกลางอากาศ