Divine King Of All Directions - 092
Divine King Of All Directions - 092
ลูกชายเพียงคนเดียวของเขาถูกฆ่า ในตอนนี้ดวงตาทั้งสองของเขาได้เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำเหมือนสัตว์ร้ายที่กำลังบ้าคลั่งขณะที่ปลดปล่อยจิตสังหารออกมาอย่างเข้มข้น
"มันจะจบแบบนี้ไม่ได้ ! ต้องเอาตัวมันมาฆ่าไถ่โทษ ! "
"แต่ว่าทางสำนัก...... "
"เข้าไม่ได้แล้วยังไงกัน ? ข้าไม่เชื่อหรอกว่ามันไม่คิดจะออกมานอกสำนักเลย ! ตราบใดที่มันกล้าออกมาก็เด็ดหัวมันซะ !"
ทหารหลายๆคนได้คำรามออกมาด้วยท่าทางที่หม่นหมอง
"ระยำ !"
โจวเฮอได้คำรามออกมาอย่างดังกึกก้อง
...........
สำนักจิ่วหยาง หลินเทียนและซูชูวได้แยกทางกันก่อนที่จะกลับไปยังที่พักของแต่ละคน
ณ ตอนนี้มันเป็นเวลาเย็นแล้ว
หลังจากที่ผลักประตูเข้าไปก็พบกับอาหารที่ถูกจัดวางเอาไว้บนโต๊ะซึ่งเมื่อหลินเทียนเดินเข้าไปในห้องของหลินซี่ก็พบว่านางหลับไปแล้ว
"."
เขาได้ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยนก่อนที่จะปิดประตูอย่างระมัดระวัง
เมื่อทานอาหารที่นางเตรียมไว้ให้และทำความสะอาดแล้วเขาก็กลับขึ้นไปบนที่พักทันที
หลังจากที่วาดข่ายอาคมรวมพลังวิญญาณแล้วเขาได้ตั้งสติก่อนที่จะเริ่มการฝึกอีกครั้ง แน่นอนว่ามันเป็นการปรับสมดุลของตัวเองเพราะว่าเขาได้รับยารวมวิญญาณมาเป็นของรางวัลดังนั้นตราบใดที่เขาปรับสมดุลได้แล้วก็จะสามารถตัดผ่านไปยังเขตแดนชีพจรเทวะได้ทันที
"บึ้สสส ! "
ความมืดมิดได้เข้าปกคลุมม่านฟ้าก่อนที่แสงจากหมู่ดาวสีเงินจะตกกระทบที่ร่างของเขาอย่างอ่อนโยน
พลังฉีได้ไหลเข้าไปในร่างของเขาและเวียนว่ายไปทั่วอวัยวะและกล้ามเนื้อ , ณ ตอนนี้หลินเทียนได้เริ่มการหมุนวนเคล็ดวิชาซือจี่อีกครั้งก่อนที่จะควบคุมการไหลเวียนไปทั่วร่างกายอย่างสมบูรณ์
"หลังจากที่สมดุลแล้วก็ทานยารวมวิญญาณก็จะสามารถตัดผ่านไปได้อย่างรวดเร็ว "
เขาได้พูดกับตัวเอง
เวลาไม่เคยรอใครแถมปัญหาที่เขาต้องจัดการก็มีมากมายไม่ว่าจะเป็นตระกูลโม่หรือกองบัญชาการก็ตาม เขาจำเป็นต้องได้มาซึ่งพลังที่แข็งแกร่งให้เร็วที่สุดซึ่งเขตแดนชีพจรเทวะนั้นก็พอจะสร้างความปลอดภัยให้เขาได้ระดับหนึ่ง หลังจากที่ ขาตัดผ่านไปได้แล้วการที่จะลอบสังหารเขาจะเป็นเรื่องที่ยากขึ้น !
และเพื่อการนั้นหลังจากที่ผ่านการประลองมาแล้วเขาเลยไม่คิดจะพักผ่อนแม้แต่น้อย
"บึ้สสส ! "
แสงจากหมู่ดาวสีเงินยังคงถาโถมเข้ามาทางที่พักของเขาขณะที่ตัวหลินเทียนได้หมุนวนเคล็ดวิชาซือจี่เพื่อดึงพลังเหล่านี้เข้าไปยังอวัยวะทั้งหมดในร่างเพื่อเสริมศักยภาพทางร่างกายให้กับเขา
ไม่นานก็ผ่านช่วงกลางคืนไปอย่างรวดเร็ว
ในช่วงเช้าหลินเทียนได้ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับรู้สึกสบายไปทั่วทั้งตัว ร่างกายของเขาสมดุลกว่าเดิมแถมระดับพลังยังเพิ่มขึ้นอีกด้วย
เมื่อลงมาจากยอดที่พักแล้วเขาก็ได้รับแสงแดดในยามเช้าก่อนที่จะรีบเดินไปทางลานฝึกอย่างรวดเร็ว
เมื่อมาถึงที่ลานฝึกแล้วก็ได้พบกับหลัวเสี้ยวที่รับหน้าที่ดูแลที่นี่เช่นเคย
"สบายดีนะเจ้าหนู ! "
หลัวเสี้ยวได้ทักทายออกมาด้วยแววตาที่เปล่งประกายเพราะว่าเขาได้เห็นเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้กับตาตัวเอง ได้สัมผัสถึงความแข็งแกร่งของหลินเทียนที่เอาชนะศิษย์เก่าที่เป็นหัวกะทิทั้งหมดแถมยังเอาชนะผู้เชี่ยวชาญเขตแดนชีพจรเทวะจนได้เป็นผู้ชนะเพียงหนึ่งเดียว นี่มันเป็นเกียติยศอันสูงส่ง
"ท่านผู้อาวุโสตื่นเช้าจริงๆ "
หลินเทียนได้ทำความเคารพออกไป
หลัวเสี้ยวได้พยักหน้าให้กับเขาพร้อมกับพูดต่อด้วยรอยยิ้มว่า
"เจ้าหนูนี่ได้หลังจากที่ผ่านการคัดเลือกมาแล้วไม่คิดจะพักเลยหรือไงถึงได้รีบตื่นมาฝึกแบบนี้ ? ขยันไปหน่อยไหม ? "
"ที่ไหนกันล่ะขอรับ ผู้อาวุโสแข็งแกร่งกว่าอีกที่สามารถตื่นมาที่นี่ก่อนข้าอีก "
หลินเทียนได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
"เจ้าหนูอย่าได้ประจบข้าสิ "
หลัวเสี้ยวได้ตะหวาดออกมาก่อนที่จะมองไปทางหลินเทียนด้วยท่าทางที่พึงพอใจยิ่งกว่าเก่า หากว่าเป็นคนอื่นที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกับหลินเทียนนั้นก็คงจะหยิ่งยโสโอหังเป็นอย่างมากแต่หลินเทียนกลับเป็นคนที่มีมารยาทดีห่างไกลกับคำว่าอวดดีมากซึ่งนี่มันเป็นอะไรที่หาได้ยากยิ่ง เมื่อมองไปทางหลินเทียนแล้วเขาก็ได้พูดขึ้นว่า
"จะเข้าไปฝึกในข่ายอาคมคลื่นยักษ์ ? ข้าจะไปแจ้งผู้ดูแลให้ "
"เปล่าขอรับ "
หลินเทียนได้พูดออกมาพร้อมกับพูดต่อว่า
"ข้าจะเข้าไปฝึกในข่ายอาคมเสริมพลังฉี "
ข่ายอาคมเสริมพลังฉีของสำนักนั้นมีคุณสมบัติทำให้พลังฉีของผู้ที่อยู่ภายในแข็งแกร่งขึ้น ฟื้นฟูได้เร็วขึ้นและยังมีอีกคุณสมบัติคือการช่วยปรับสมดุลรากฐานบ่มเพาะของผู้เชี่ยวชาญให้มั่นคงและเมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วอนาคตของเส้นทางบ่มเพาะก็จะราบรื่นยิ่งกว่าเดิมแถมยังทำให้อยู่ในก รต่อสู้ได้นานขึ้นอีกด้วย
เหตุผลที่หลินเทียนมาเข้าที่นี่ก็เพราะว่าเขาอยากทำให้รากฐานการบ่มเพาะของตัวเองมั่นคงยิ่งกว่าเดิมในเวลาสั้นๆและหลังจากนั้นก็จะได้ทานยารวมวิญญาณจะได้ตัดผ่านไปยังเขตแดนชีพจรเทวะ มีเพียงการตัดผ่านเท่านั้นเขาถึงไม่จำเป็นต้องได้รับการปกป้องจากสำนักอีกต่อไป
"ข่ายอาคมเสริมพลังฉี ? "
หลัวเสี้ยวได้ขมวดคิ้วเข้าหากันก่อนที่จะตระหนักถึงบางสิ่งแล้วพูดต่อด้วยรอยยิ้มว่า
"เข้าใจล่ะ ความคิดของเจ้าดีจริงๆ "
หลินเทียนได้อันดับที่ 1 ในการทดสอบเข้าเป็นศิษย์ภายในและได้รับยารวมวิญญาณเป็นของรางวัลซึ่งเรื่องนี้ตัวหลัวเสี้ยวนั้นรู้ดีอยู่แล้วก่อนที่จะพูดต่อว่า
"รอสักครู่ "
แม้ว่าหลัวเสี้ยวจะได้รับหน้าที่เพิ่มศักยภาพทางร่างกายให้กับศิษย์ใหม่และตอนนี้หลินเทียนได้เป็นศิษย์ภายในแล้วแต่เขาก็ยังพอใจกับหลินเทียนเป็นอย่างมากดังนั้นถึงอยากจะช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆ
ณ ตอนนี้หลัวเสี้ยวได้แจ้งไปยังผู้ดูแลข่ายอาคมเสริมพลังฉีอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงบึ้ส ! ดังขึ้น
"เอาล่ะพร้อมแล้ว เข้าไปเลย "
หลัวเสี้ยวได้พยักหน้าให้กับหลินเทียนก่อนที่จะพูดต่อว่า
"อ่อใช่ ตอนนี้เจ้าเป็นศิษย์ภายในแล้วดังนั้นหลังจากนี้ก็สามารถไปแจ้งให้กับผู้ดูแลได้เลย ศิษย์ภายในมีเวลาฝึกต่อเดือนเพิ่มเป็น 20 วัน "
"20 วัน ?!! "
หลินเทียนถึงกับตกตะลึงพร้อมกับพูดต่อว่า
"มันดีขนาดนั้นเลยหรอ ? "
"แน่นอนสิ ไม่งั้นศิษย์ภายนอกมันจะพยายามเพื่อจะได้เข้าเป็นศิษย์ภายในทำไมกันล่ะ "
หลัวเสี้ยวได้พยักหน้าตอบกลับ
"มันก็ใช่แต่ก็เกินไปหน่อยนะ "
เมื่อคิดแล้วเขาอดยิ้มออกมาไม่ได้เพราะว่าสิทธิของศิษย์ภายในนี่มันเกินไปจริงๆสำหรับทรัพยากรบ่มเพาะ ต้องรู้ก่อนนะว่าผู้ที่อยู่ในลำดับที่ 1 ของศิษย์ภายนอกนั้นสามารถฝึกในข่ายอาคมใดก็ได้เป็นเวลา 10 วัน แต่ต้องมีอาจารย์คอยไปแจ้งกับผู้ดูแลทว่าศิษย์ภายในนั้นกลับสามารถแจ้งให้ผู้ดูแลเปิดการทำงานได้โดยตรงแถมยังสามารถใช้เวลาอยู่ได้ถึง 20 วันต่อเดือน !
หลัวเสี้ยวได้ส่ายศีรษะพร้อมกับพูดว่า
"นี่ก็ไม่ใช่เท่าไหร่หรอก นอกจากนี้แล้วศิษย์ภายในยังได้รับอาหารปี่กู่ 10 ชิ้น ทุกๆเดือนอีกด้วย มันเป็นอาหารที่สามารถทำให้ผู้ใช้ไม่รู้สึกหิวกระหายใน ะยะเวลาหนึ่งวันเต็ม "
หลังจากที่เงียบไปเขาก็ได้พูดออกมาด้วยท่าทางที่เคารพกว่าเดิมว่า
"ยิ่งไปกว่านั้นคือมีเพียงศิษย์ภายในเท่านั้นที่จะมีคุณสมบัติพอที่จะเข้าร่วมเป็นหนึ่งในสำนักเป่ยหยาน"
"สำนักเป่ยหยาน ? "
หลินเทียนได้ผงะไป
หลัวเสี้ยวได้จ้องมองมาทางเขาพร้อมกับพูดออกมาด้วยท่าทางประหลาดใจว่า
"เจ้าไม่รู้จักสำนักเป่ยหยาน ? "
เมื่อมองไปยังการตอบสนองของหลินเทียนแล้วก็ทำให้หลัวเสี้ยวถึงกับแข็งค้างไป
"นี่ ข้าเอาแต่ใช้เวลาบ่มเพาะจนไม่ได้สนใจโลกภายนอกเลย "
หลินเทียนได้ตอบกลับด้วยสีหน้าที่อับอาย
"นี่......."
หลัวเสี้ยวได้พยักหน้าตอบพร้อมทั้งพูดออกมาด้วยท่าทางจริงจังว่า
"สำนักเป่ยหยานนั้นก็ตรงตามชื่อนั่นแหละ มันเป็นสำนักที่ทางจักรวรรดิเป่ยหยานของเราก่อตั้งขึ้นซึ่งเป็นสำนักที่ใหญ่ที่สุดในจักรวรรดินี้ ที่นั่นเต็มไปด้วยเคล็ดวิชาและทักษะมากมายแถมทรัพยากรบ่มเพาะก็มีมหาศาลซึ่งอาจารย์ที่ประจำอยู่ที่นั่นก็เป็นเหล่าผู้แข็งแกร่งทั้งนั้น เรียกได้ว่ามันเป็นสถานที่จุดหมายของเหล่าผู้คนที่เดินบนเส้นทางบ่มเพาะในจักรวรรดินี้เลยก็ว่าได้ "
หลังจากที่หยุดไปหลัวเสี้ยวก็ได้พูดต่อว่า
"แน่นอนว่าเพราะเป็นแบบนั้นการเข้าร่วมกับทางสำนักถึงได้เรียกว่ายากจนลากเลือด พวกเขารับสมัครเฉพาะหัวกะทิที่แท้จริงซึ่งทางนั้นจะส่งคนมาคัดเลือกศิษย์ภายในสำนักเราปีละครั้งแต่ทุกๆครั้งอย่างมากสุดก็เลือกไปเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ! "
"อย่างมากสุดคนเดียว ? "
หลินเทียนถึงกับตกตะลึง
ผู้มีพรสวรรค์ของสำนักจิ่วหยางนั้นมีไม่น้อย อย่างน้อยสุดศิษย์ภายในแต่ละคนก็ถือเป็นผู้แข็งแกร่งแต่ทางสำนักเป่ยหยานปรับเลือกไปปีละคนเท่านั้น นี่มันแสดงว่าเงื่อนไขของทางสำนักต้องสูงมากๆ
"ใช่แล้ว อย่างมากก็แค่คนเดียว"
หลัวเสี้ยวได้พยักหน้าพร้อมกับพูดด้วยรอยยิ้มว่า
"เจ้าหนุ่ม แต่ไม่ต้องกังวลไปหรอกเพราะว่าเจ้าจะได้ไปที่นั่นไม่นานนี้อย่างแน่นอน ให้พูดกันตามตรงจากศักยภาพของเจ้านั้นต่อให้เทียบกับศิษย์ของที่นั่นก็มีไม่กี่คนที่พอเทียบเคียงเจ้าได้ดังนั้นไม่มีปัญหาแน่นอน "
"ท่านผู้อาวุโสก็ชมเกินไป "
หลินเทียนได้พูดออกมา
"ชมเกินไป ? "
หลัวเสี้ยวได้ส่ายศีรษะพร้อมทั้งพูดว่า
"ที่ข้าพูดคือความจริงทั้งนั้น ไม่เกินไปแม้แต่น้อย "
ขณะที่พูดจบประกายตาของเขาก็เปลี่ยนไป
หลินเทียนได้ตระหนักถึงเรื่องหนึ่งก่อนที่จะถามออกมาว่า
"ท่านเคยอยู่ในเมืองหลวง ? "
หลัวเสี้ยวได้พยักหน้าพร้อมกับถอนหายใจออกมาว่า
"ใช่ อยู่ได้พักหนึ่ง "
หลังจากนั้นเขาก็ได้ส่ายศีรษะพร้อมทั้งพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
"เอาล่ะ ไม่ต้องถามแล้วแต่สรุปคือเจ้าในตอนนี้คือศิษย์ภายในแล้วพยายามเพิ่มความแข็งแกร่ง หลังจากนี้ก็ไม่ต้องทักข้าแล้ว เข้าไปได้แล้ว หวังว่าหลังจากนี้เจ้าจะสามารถเข้าร่วมสำนักเป่ยหยานได้นะ "
"ขอรับ ขอบคุณคำชี้แนะผู้อาวุโส"
หลินเทียนได้พยักหน้าตอบ
หลังจากที่ทำความเคารพแล้วหลินเทียนก็ได้เดินผ่านเข้าไปในประตูหิน
เมื่อเข้าไปแล้วเขาถึงกับแข็งค้างไปทันที เขารู้สึกเพียงแค่ว่าตอนนี้พลังฉีในร่างกายของเขากำลังถูกดูดออกไปอย่างรวดเร็ว
"นี่คือข่ายอาคมเสริมพลังฉี ? "
หลินเทียนได้ผงะไป
หลังจากที่คิดเล็กน้อยเขาก็เข้าใจในที่สุดว่าควรจะฝึกอย่างไร
เขาได้ดึงสติกลับมาพร้อมทั้งนั่งลงแล้วเริ่มการหมุนวนเคล็ดวิชาซือจี่อย่างรวดเร็ว
ข่ายอาคมนี้คือการดูดเอาพลังฉีภายในร่างออกไปขณะที่ตัวผู้ใช้หมุนวนเคล็ดวิชาบ่มเพาะเพื่อดูดกลืนพลังฉีกลับเข้ามาซ้ำไปเรื่อยๆ
"นี่มันเป็นโครงสร้างที่ดีจริงๆ "
หลินเทียนได้แต่ชมเชยออกมา
แม้ว่าอยู่ด้านนอกเขาจะทำแบบนี้ได้เหมือนกันแต่ก็เป็นสิ่งที่ยากกว่า ในข่ายอาคมนี้เขาเพียงปล่อยให้พลังฉีถูกดูดออกไปแล้วก็หมุนวนเคล็ดวิชาเพื่อสูบมันกลับคืนมาซึ่งมันเป็นขั้นตอนที่ง่ายมากๆ