Divine King Of All Directions - 081
Divine King Of All Directions - 081
แม้จะผ่านไปกว่า 8 ชั่วโมงแล้วแต่หลินเทียนก็ยังคงอยู่ภายในข่ายอาคม
"ดูเหมือนว่าสถิติของสำนักเราจะถูกเปลี่ยนแล้วสินะ "
ฉีดงได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มฝืนๆ
ตั้งแต่สำนักนี้ก่อตั้งขึ้นนั้นหลินเทียนเป็นผู้มีพรสวรรค์ระดับ 9 ดาราคนแรกแถมยังเป็นคนที่อดทนอยู่ในข่ายอาคมคลื่นยักษ์ได้นานที่สุดกว่า 12 ชั่วโมงในครั้งแรก เป็นคนแรกที่เพิ่งเข้าร่วมสำนักได้สามเดือนแล้วระดับพลังพัฒนาไปถึงเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 9 เป็นคนแรกที่อาศัยเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 9 ในการอดทนอยู่ภายในข่ายอาคมสังหารได้กว่า 8 ชั่วโมง ทั้งหมดที่ว่ามานี้ล้วนทำให้ฉีดงได้แต่ตกตะลึงจนหมดคำพูดไป
"สัตว์ประหลาดอย่างแท้จริง ! "
มู่ชิงได้พูดออกมา
ด้านนอกถ้ำนั้นผู้ชมต่างๆล้วนแต่สั่นสะท้านด้วยความรู้สึกโง่งมไม่หยุดไม่เว้นแม้แต่ศิษย์ภายในสำนัก
ห่างออกไปไม่ไกลนั้นศิษย์ภายในสำนักหลายคนได้แต่แสดงท่าทางที่หวาดหวั่นออกมา
"คนสุดท้ายนั้นมีชื่อว่า........หลินเทียนใช่ไหม ? "
"ใช่ "
"ผู้มีพรสวรรค์ระดับ 9 ดาราซึ่งสามารถอดทนอยู่ในข่ายอาคมคลื่นยักษ์ได้ 12 ชั่วโมงในครั้งแรกแถมยังได้อันดับที่ 2 ในการทดสอบศิษย์ภายนอกรอบก่อน เข้าร่วมสำนักมา 3 เดือนแต่กลับตัดผ่านไปถึงเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 9 อดทนอยู่ในข่ายอาคมสังหารได้กว่า 8 ชั่วโมง......... โครตน่ากลัว ! "
"เจ้าหนูนี่สามารถเข้าร่วมเป็นศิษย์ภายในได้อย่างแน่นอน เมื่อเข้าไปแล้วก็ถือว่าเป็นศัตรูตัวฉกาจเลยล่ะ "
ศิษย์ภายในหลายคนล้วนแต่พูดออกมาด้วยเสียงกระซิบ
ณ ตอนนี้หากว่ามีใครที่ยืนอยู่ข้างๆพวกเขาแล้วก็จะสัมผัสได้ถึงแรงกดดันของเขตแดนชีพจรเทวะซึ่งแข็งแกร่งกว่าโจวเฮ่าที่เพิ่งตัดผ่านไปได้อย่างมาก
............
ณ ตอนนี้หลินเทียนที่อยู่ภายในข่ายอาคมนั้นปากซีดไปหมดขณะที่ถูกรายล้อมไปด้วยสัตว์อสูรระดับ 3 ตอนปลายหลายสิบตัว เขาอดไม่ได้เลยที่จะแสดงรอยยิ้มฝืนๆออกมาเพราะมันไม่ต่างไปกับผู้เชี่ยวชาญเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 9 เป็นฝูงเลยด้วยซ้ำ !
สัตว์ร้ายยังคงจ้องมองเขาด้วยดวงตาสีแดงก่ำไม่ก็สีเขียวขจีที่ให้ความรู้สึกขนหัวลุก สัตว์อสูรเหล่านี้ล้วนร้ายกาจซึ่งเมื่อรวมกันเป็นฝูงแล้วจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้พวกมันอย่างมากไม่ต่างอะไรไปกับผู้เชี่ยวชาญเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 9 เลยด้วยซ้ำ
หลินเทียนได้ตั้งสติของเขาก่อนที่จะปลดปล่อยเจตจำนงแห่งกระบี่ออกมาระหว่างทีจ้องมองไปรอบๆ
"เหลือพลังฉีอยู่เพียง 10% ดังนั้นคงทนได้อีกไม่นานเท่าไหร่ "
เขาได้คำนวณอยู่ภายในใจ
เสียงคำรามอย่างดังได้ถูกส่งออกมาอีกครั้ง ในหมู่พวกมันนั้นมีสัตว์อสูรรูปร่างเหมือนลิงอยู่ 9 ตัวที่ร่างกายของมันปกคลุมไปด้วยขนหนา กรงเล็บอันแหลมคมและเคี้ยวยาวที่ให้ความรู้สึกสยดสยองอย่างมาก
ระหว่างที่วานรทั้ง 9 ตัวได้กระโจนเข้ามานั้นพวกมันก็ได้ปลดปล่อยพลังออกมาอย่างเต็มที่จนทำให้มิตินี้ถึงกับสั่นสะเทือน
อีกทางหนึ่งก็กวาดกรงเล็บอันแหลมคมเข้าใส่ร่างของหลินเทียนอย่างรวดเร็ว
พลังฉีของเขาในตอนนี้เหลือเพียง 10% เท่านั้นแต่สภาพของเขาในตอนนี้จริงจังเป็นอย่างมาก เท้าของเขาได้ก้าวออกไปก่อนที่จะหลบการโจมตีทั้งหมดของพวกมันและอาศัยโอกาสนี้กวัดแก่งกระบี่ในมือเพื่อแทงเข้าไปยังจุดตายที่คอหอยของพวกมันทั้ง 9 ตัว
"พุฟฟฟฟฟ ! "
ขณะที่กระบี่ได้ถูกดึงออกมานั้นเลือดมากมายก็ได้กระฉูดไปรอบทิศทาง
ตอนนี้เองที่หางแหลมที่หุ้มไปด้วยเกล็ดได้ตวัดเข้าใส่ร่างของเขาอย่างจัง
หลินเทียนได้ยกกระบี่ขึ้นมาปัดมันออกก่อนที่ร่างของเขาจะกระเด็นออกไปไกลซึ่งตอนนี้เองที่สัตว์อสูรอีกตัวที่อยู่ด้านหลังเขาได้อ้าปากรอร่างของเขาไว้แล้ว เมื่อมองกลับไปที่เคี้ยวของมันแล้วเขารู้ได้เลยว่าต่อให้เป็นช้างก็จะถูกมันบดขยี้ตายคาปากแน่นอน
หลินเทียนที่อยู่กลางอากาศในตอนนี้ได้ขยับเท้าขวาก่อนที่จะเปลี่ยนทิศทางของตัวเองอย่างรวดเร็ว
ทักษะก้าวย่างแห่งสวรรค์ระดับ 2 !
"พุฟฟฟฟ ! "
เมื่อหลบออกจากคมเคี้ยวของสัตว์อสูรได้แล้วหลินเทียนในตอนนี้สงบนิ่งเป็นอย่างมาก เขาได้ตวัดกระบี่เข้าใส่หัวใจของสัตว์อสูรอย่างฉับพลัน
มันได้โห่ร้องออกมาอย่างน่าสงสารก่อนที่จะนอนจมกองเลือด
ตอนนี้พลังฉีของเขาเกือบจะแห้งหมดแล้วภายใต้แรงโน้มถ่วง 2.5 เท่านี้ทำให้การเคลื่อนไหวของเขาช้าลงแถมไม่รู้ด้วยว่าตอนไหนกันที่รู้สึกว่ากระบี่ในมือมันหนักเหลือเกิน
สัตว์อสูรโดยรอบไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พักหายใจแม้แต่น้อย
สัตว์อสูรกว่าสิบตัวได้กระโจนเข้าใส่เขาพร้อมกับซึ่งฉากนี้มันน่ากลัวเป็นอย่างมาก
หลินเทียนได้แต่กัดฟันพร้อมทั้งใช้แรงทั้งหมดเพื่อหลบการโจมตีนี้
"พุฟฟฟฟ ! "
คลื่นสายฟ้าได้ถูกส่งออกมาขณะที่กระบี่ในมือของเขาได้ฟัดฟันไปยังช่วงท้องของสัตว์อสูรจนเป็นเหตุให้เลือดกระจายไปทั่วดั่งสายฝน
ณ ตอนนี้มีการโจมตีมากมายมาจากโดยรอบ
กรงเล็บแหลม !
การแทงของหางแหลม !
คมเคี้ยวที่ชุ่มไปด้วยเลือด !
สัตว์อสูรเป็นฝูงได้โจมตีเข้าใส่เขาพร้อมกันซึ่งแม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ยังรู้สึกว่ารับมือยากมาก
"วุ้สสส ! "
หางของสัตว์อสูรได้พุ่งเข้ามาทางเขาอย่างรวดเร็ว
"ซวยล่ะ !"
ใบหน้าของเขาเปลี่ยนสีไปทันที
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการโจมตีที่ต่อเนื่องแบบนี้มันทำให้เขาไม่สามารถหลบการโจมตีนี้ได้
โครมมม ! หางของสัตว์อสูรได้ฟาดลงกลางหลังของเขาและอดไม่ได้ที่จะทำให้เขาต้องกระอักเลือดออกมาคำโต ในเวลาเดียวกันนี้เขารู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอันรุนแรงที่โลดแล่นไปทั่วร่างกายไม่เว้นแม้แต่กระดูกของเขาที่เกิดเกิดรอยร้าวขึ้น
"สมแล้วที่เป็นสัตว์อสูรระดับ 3 ตอนปลาย ! "
เขาได้คิดอยู่ภายในใจ
ในเวลาเดียวกันนี้สัตว์อสูรมากมายก็ได้กระโจนเข้าใส่เขาอีกครั้ง
กรงเล็บอันแหลงคมได้ขย้ำมาทางเขาอย่างรวดเร็ว !
สัตว์อสูรที่ร่างกายปกคลุมไปด้วยเกราะเหล็กได้กระโจนเข้ามาอย่างรวดเร็ว
แมงมุงตัวใหญ่ได้พุ่งเข้ามาด้วยดวงตาที่เป็นประกายเย็นยะเยือก !
หลินเทียนได้แต่ฝืนยิ้มออกมาเพราะว่ากระบวนทัพนี้มันน่าเหลือเชื่อมากๆ เหมือนถูกส่งมาจัดการผู้เชี่ยวชาญเขตแดนชีพจรเทวะ ?
"ช่างเหอะ ถึงอย่างไรมันก็เป็นการทดสอบ เข้ามา ! "
เขาได้คำรามออกมาอย่างดัง
แม้ว่าสัตว์อสูรจะมีมากมาย แม้ว่ามันจะแข็งแกร่งแต่เขาก็ไม่กลัวแม้แต่น้อย
หากว่าแค่ภาพลวงตายังกลัวแล้วจะก้าวเดินบนเส้นทางบ่มเพาะอย่างไร ?
"ฆ่า ! "
เขาได้คำรามออกมาก่อนที่จะพุ่งไปพร้อมกับกระบี่ในมือ
คลื่นกระบี่มากมายได้ส่องแสงออกมาก่อนที่เขาจะสำแดงทักษะเพลงกระบี่สายฟ้ามรกตอย่างรวดเร็ว พลังทำลายที่แฝงไปด้วยสายฟ้านั้นรุนแรงจนน่ากลัวแต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังได้รับบาดเจ็บจากสัตว์อสูรอยู่ดี ไม่นานร่างกายของเขาก็ถูกชโลมไปด้วยเลือดจนทำให้สภาพในตอนนี้น่าอนาถเป็นอย่างมาก
.......
"ผ่านไป 10 ชั่วโมงแล้วเจ้าหนูนั่นยังไม่ออกมาอีกงั้นหรอ ? จะทนได้นานเท่าไหร่กันเนี่ย ! "
หัวใจของมู่ชิงถึงกับสั่นสะท้านไม่หยุด
"ไม่รู้สิ "
ฉีดงได้ส่ายศีรษะพร้อมกับพูดออกมาว่า
"แต่ครั้งนี้เราได้สมบัติชั้นดีมาเลยล่ะ ไม่เพียงแค่เป็นผู้มีพรสวรรค์ระดับ 9 ดาราแต่ในเรื่องอื่นๆก็ถือได้ว่าเป็นสัตว์ประหลาดที่หาได้ยากแม้จะเป็นทั้งอาณาจักรนี้ก็เถอะ การที่เราได้ศิษย์ระดับนี้มาไม่รู้ว่าจะได้รับรางวัลและทรัพยากรบ่มเพาะมากมายขนาดไหนกัน !"
"ที่เจ้าพูดก็ถูก !"
มู่ชิงได้พูดออกมา
สำนักนี้ได้รับการสนับสนุนจากเมืองหลวงโดยเฉพาะการฝึกผู้มีพรสวรรค์ให้กับจักรวรรดิ หากว่าทางจักรพรรดิรู้เรื่องที่ทางสำนักมีผู้มีพรสวรรค์ระดับนี้ก็คงจะมีความสุขเป็นอย่างมากและจะยกความดีความชอบให้กับทางสำนัก เมื่อถึงตอนที่หลินเทียนได้เข้าร่วมกับสำนักที่เมืองหลวงในอนาคตแล้วทางสำนักจิ่วหยางก็จะต้องได้รับรางวัลอย่างงามอย่างแน่นอน
ระหว่างที่พวกเขากำลังพูดกับอยู่นี้ก็มีร่างๆหนึ่งปรากฏขึ้นที่หน้าทางเข้าถ้ำ
"หลินเทียน เขาออกมาแล้ว ! "
ฉีดงได้พูดออกมา
เมื่อมองไปยังร่างของหลินเทียนที่ออกมาแล้วศิษย์ทั้งหลายล้วนแต่กำหมัดตัวเองด้วยท่าทางตกตะลึงอย่างมาก
"10 ชั่วโมง ! "
"หลินเทียนนี่ยังเป็นศิษย์ใหม่ที่มีอายุ 16 ปีแท้ๆแถมยังเพิ่งเข้ากับสำนักเราได้เพียง 3 เดือนแต่ตัดผ่านไปถึงเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 9 ซ้ำยังสามารถอดทนอยู่ภายในข่ายอาคมสังหารได้กว่า 10 ชั่วโมง นี่มันสัตว์ประหลาดชัดๆ ! "
"ท้าทายสวรรค์เกินไปแล้ว ! "
หลายคนได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมาไม่หยุด
หลูเชิงที่ยืนอยู่ข้างๆโจวเฮ่าที่อยู่ห่างออกไปนั้นมีท่าทางน่าเกลียดอย่างมากพร้อมทั้งพูดว่า
"ไอ้ระยำนั่น ! .........."
"กระวนกระวายอะไรกัน "
โจวเฮ่าได้จ้องมองไปทางหลินเทียนพร้อมกับพูดต่อด้วยรอยยิ้มว่า
"ตอนนี้ยิ่งเกียรติยศมันมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งตกลงมาตายอนาถกว่าเก่า "
หลูเชิงได้ชะงักไปก่อนที่ดวงตาของเขาจะเป็นประกายแล้วพูดว่า
"ที่นายน้อยพูดก็ถูก ! "
หลินเทียนนั้นเป็นสัตว์ประหลาดมากความสามารถแต่ก็ยังอยู่ในเขตแดนหล่อหลอมร่างกายเท่านั้นจะเป็นคู่มือของโจวเฮ่าได้อย่างไร ? หลังจากนี้ไม่นานเมื่อถึงเวลาที่ต้องประลองกับโจวเฮ่าแล้วก็จะเป็นวันตกนรกของหลินเทียน !
"เฮ้ ! "
หลังจากที่คิดถึงจุดนี้แล้วหลูเชิงก็ได้แต่ยิ้มออกมาด้วยใบหน้าที่ชั่วร้าย
........
หลินเทียนได้เรียกสติกลับมา ก่อนหน้านี่เขาถูกรุมขย้ำโดยสัตว์อสูรระดับ 3 ตอนปลายเป็นฝูงและเขาพยายามอย่างสุดฝีมือเพื่อสังหารพวกมันไป 9 ตัวแต่พลังฉีของเขาก็หมดเสียก่อนจึงเป็นเหตุให้โดยแมงมุมยักษ์ฟาดด้วยขามากมายแล้วตายลง
"ความรู้สึกตอนตายนี่มันไม่ดีเลยแหะ "
เขาได้แต่คิดอยู่ภายในใจ
ริมฝีปากของเขาซีดเซียวลงทันทีเพราะแม้จะเป็นเพียงข่ายอาคมแต่เขาก็รู้สึกได้ถึงความตายอย่างชัดเจน เมื่อนึกถึงฉากก่อนหน้านี้แล้วก็อดที่จะสั่นสะท้านไปไม่ได้แต่ถึงอย่างไรก็ตามเมื่อคิดแล้วประกายตาของเขากลับมั่นคงยิ่งกว่าเก่าเพราะเขาไม่อยากรู้สึกถึงความตายเป็นครั้งที่สองแล้วดังนั้นเขาต้องพยายามแข็งแกร่งขึ้นให้ได้ !
"หลินเทียน !"
ซูชูวได้วิ่งเข้ามาอย่างเร็ว
หลินเทียนได้ยิ้มออกมาพร้อมทั้งลุกขึ้นจากพื้น
"เป็นไง ? "
ซูชูวได้ถามออกมา
"ก็ดีแต่เหนื่อยไปหน่อย "
เขาได้ตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
"สู้อยู่ด้านในกว่า10ชั่วโมงยังจะบอกว่าแค่เหนื่อย ? "
ซูชูวได้แต่หมดคำพูดไปพร้อมกับพูดต่อว่า
"แล้วเจ้าอยู่ด้านในตั้ง 10 กว่าชั่วโมงได้ไงกัน ? "
หลินเทียนได้ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหยอกล้อออกไปว่า
"บางทีอาจเพราะข้าเป็นคนดีมั้ง"
"ไปไกลๆเลยไป ! "
ซูชูวได้ตะหวาดออกมาพร้อมกับหยิบเอายาส่งให้เขาแล้วพูดว่า
"นี่เป็นยาฟื้นพลังหยวน รีบๆกลืนเข้าไปเร็วจะได้ฟื้นฟูพลัง"
ยาฟื้นพลังหยวนนั้นไม่ได้ต่างจากยาแก่นแท้ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยฟื้นฟูพลังฉีให้กับผู้ใช้อย่างรวดเร็วแต่ความสามารถของมันไม่ใช่อะไรที่ยาแก่นแท้จะเทียบได้เลยเพราะราคาต่อเม็ดมันมีมูลค่ากว่าหลายสิบเหรียญซึ่งเรียกได้ว่าเป็นเงินหลายปีของบางครอบครัวด้วยซ้ำ แน่นอนว่ามันมีผลกับผู้เชี่ยวชาญเขตแดนต่ำกว่าชีพจรเทวะเท่านั้น แน่นอนว่าสูงขึ้นไปก็ใช้ได้แต่มันจะไม่ส่งผลอะไรมากนัก
"นี่สำนักเราให้ยาฟื้นฟูพลังด้วย ? "
หลินเทียนได้แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมา
ซูชูวได้แต่กรอกตาพร้อมกับพูดว่า
"ก็กำลังจะเริ่มการประลองแล้วแถมทุกคนยังเหนื่อยกันหมดถ้าจะให้รอก็มีหวังไม่ต่ำกว่า2-4ชั่วโมง คิดว่าผู้อาวุโสเขาจะนั่งรอ ? หากว่าเป็นแบบนั้นคงลากยาวไปถึงพรุ่งนี้แน่นอน "
หลินเทียนได้ตอบกลับไปอย่างรวดเร็วว่า
"ก็นั่นสินะ "
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้วสำหรับทางสำนักเงินไม่กี่สิบเหรียญคงไม่มีอะไรมาก
เขาไม่ลังเลเลยที่จะทานมันเขาไปอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเองที่เขารู้สึกได้ว่าที่หน้าท้องของเขาอบอุ่นเป็นอย่างมากก่อนที่พลังฉีที่เหือดแห้งจะเริ่มฟื้นฟูด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ