Divine King Of All Directions - 075
Divine King Of All Directions - 075
ตัวของหลินเทียนเองก็แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาเช่นกันเพราะจากกิริยาของผู้เชี่ยวชาญตระกูลโม่แล้วเหมือนว่าเบื้องหลังของจูยี่จะไม่ธรรมดาเลย แต่ถึงอย่างไรแม้ว่าจะรู้สึกแบบนั้นแต่เขาก็ไม่คิดที่จะถามเพราะนี่เป็นเรื่องของคนอื่น
ชายรูปร่างกำยำได้หยิบตรากลับไปก่อนที่จะพยักหน้าให้กับจูยี่อย่างนอบน้อม
"ไปกัน"
จูยี่ได้พูดออกมา
กลุ่มของพวกเขาก้าวเดินออกไปอย่างนุ่มนวลขณะที่ผู้เชี่ยวชาญของตระกูลโม่ยังคงทำความเคารพจนถึงช่วงที่พวกเขาเดินออกไปไกล
"หัวหน้า พวกเขา....ทำไม.."
หนึ่งในรุ่นเยาว์ตระกูลโม่ได้ถามออกมาด้วยเสียงกระซิบ
"หุบปาก ! อะไรที่ไม่ควรถามก็อย่าถาม ! "
ผู้เชี่ยวชาญที่รับผิดชอบจุดนี้ได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
รุ่นเยาว์ที่เป็นคนเอ่ยปากถามถึงกับคอหดและไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก
หลังจากที่ออกจากพื้นที่ป่าทมิฬอย่างรวดเร็วแล้วหลินเทียนก็เดินไปกับกลุ่มของจูยี่กว่า 3.5 กิโลเมตร
เมื่อมองจากตรงนี้ก็พบว่าไม่เห็นแม้แต่เงาของผืนป่าแล้ว
"เฮ้เพื่อน ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้พุ่งเป้ามาที่เจ้านะ ทำไม ? "
จูยี่ได้ถามออกมาด้วยความสงสัย
หลินเทียนได้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเล่าเรื่องราวทั้งหมดโดยไม่ปิดบังออกไป
เมื่อได้ยินเช่นนั้นแล้วจูยี่ก็ได้แต่พูดด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ว่า
"พวกมันน่าไม่อายจริงๆ ! "
หลินเทียนได้แต่ยิ้มออกมาและไม่ได้พูดอะไรต่อ
กลุ่มของพวกเขาเดินไปด้วยกันซึ่งบรรยากาศในตอนนี้ดีอย่างมาก
ไม่นานพวกเขาก็ไปถึงทางแยกแห่งหนึ่ง
"เพื่อน จากตรงนี้เจ้าเดินกลับเข้าเมืองไปไม่น่าจะมีปัญหาใช่ไหม ? "
จูยี่ได้ถามออกมา
จากการพูดคุยกันจูยี่ได้พบว่าหลินเทียนนั้นเป็นคนของเมืองเฟิงเจียน
หลินเทียนได้ตอบกลับไปว่า
"ออกมาจากป่าทมิฬแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว "
"อื้ม เราแยกกันตรงนี้แล้วกันเพราะข้าต้องไปอีกทาง "
จูยี่ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
หลินเทียนได้พยักหน้าพร้อมกับตอบว่า
"ได้ ครั้งนี้ต้องขอบคุณเจ้ามาก "
ครั้งนี้เขาโชคดีมากๆที่ได้รับการช่วยเหลือของจูยี่และคนอื่นๆไม่งั้นเขาก็คงออกมาจากป่าทมิฬแบบสมบูรณ์ดีไม่ได้
"สุภาพเกินไปแล้วเพื่อน"
จูยี่ได้พูดออกมา
คนรับใช้และคนอื่นๆเองก็ได้พยักหน้าให้กับหลินเทียนด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะเดินไปทางแยกทางขวา
"ลาก่อน"
หลินเทียนได้โบกมือลาพวกเขา
เขาได้แต่ยืนมองจูยี่และคนอื่นๆจากไปก่อนที่จะเดินกลับเข้าไปในเมือง
หลินเทียนได้กลับเข้าไปยังที่พักในสำนักก่อนที่จะพบว่าหลินซี่กำลังหลับอยู่ มันเป็นเพราะว่าเขาได้ทิ้งกระดาษข้อความเอาไว้แล้วดังนั้นนางถึงไม่เป็นห่วงเขามากนัก
เมื่อกลับขึ้นไปบนยอดที่พักอีกครั้งเขาก็รีบหมุนวนเคล็ดวิชาซือจี่อย่างรวดเร็ว
"บึ้สสส ! "
แสงจากหมู่ดาวอ่อนๆได้ตกกระทบที่ร่างเขาอย่างนุ่มนวล
เมื่อต้องเผชิญกับโม่ยี่แล้วเขาเกือบที่จะได้รับบาดแผลร้ายแรงแม้ว่ายารักษาของจูยี่จะพอช่วยได้แต่มันก็ได้ไม่มาก มันยังห่างไกลกับคำว่าหายเป็นปลิดทิ้งอยู่พอสมควรดังนั้นหลังจากที่ผ่านไปได้หกชั่วโมงแล้วเขาก็ลืมตาขึ้นอีกครั้ง แม้ว่าผู้นำตระกูลโม่และโม่ยี่จะลงมือกับเขาอย่างทารุณแต่มันก็ไม่ได้รุนแรงไปถึงรากฐานดังนั้นตอนนี้อาการบาดเจ็บของเขาฟื้นฟูมากว่าครึ่งแล้วส่วนพลังกายก็กลับมาถึง 80 % แล้วด้วย
"ตระกูลโม่ ! "
หลังจากที่ทอดสายตาออกไปแล้วประกายตาของเขาก็กลายเป็นเย็นชาโดยทันที
เขาได้ยืนขึ้นพร้อมทั้งยืนเส้นยืดส่ายเสร็จแล้วก็กลับลงไปด้านล่าง
ช่วงนี้เขาได้แต่รักษาอาการบาดเจ็บที่ได้รับมาจากป่าทมิฬดังนั้นถึงไม่ได้ฝึกอะไรต่อแล้วกลับไปพักผ่อนในห้องแทน
วันรุ่งขึ้นหลินเทียนก็ได้ตื่นขึ้นในช่วงบ่ายพร้อมทั้งอาหารมากมายที่ถูกจัดบางเอาไว้เหมือนเคยซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นฝีมือของหลินซี่ หลินเทียนได้แต่ยิ้มออกมาพร้อมกับทานอาหารแล้วเก็บกวาดก่อนที่จะเดินออกจากที่พักเพื่อมุ่งหน้าไปยังข่ายอาคมคลื่นยักษ์ที่ลานฝึก
หลังจากที่ผ่านประสบการณ์เมื่อวานมาได้เขาก็ได้รู้หลักความจริงของโลก
กฎ ? ไม่ !
ความจริง ? ไม่ !
ในโลกนี้ใครหมัดหนักกว่าคนนั้นคือกฎ ! ใครแข็งแกร่งกว่าคนนั้นคือความจริง !
ที่หน้าข่ายอาคมแห่งนี้ก็ยังคงมีหลัวเสี้ยวคอยดูแลอยู่เช่นเคย
"เจ้าหนู มาอีกแล้วงั้นหรอ "
หลัวเสี้ยวได้ทักทายออกมา
"ขอรับผู้อาวุโส ข้าอยากจะเข้าไปฝึก "
หลินเทียนได้พูดออกมา
ทุกๆเดือนเขามีสิทธิเข้าไปฝึกภายในข่ายอาคมนี้แปดวันไม่ว่าจะเป็นการฝึกทางกายภาพหรือพลังฉีก็ตามซึ่งเดือนนี้เขาได้ใช้สิทธิไปแล้วประมาณ 6 วันดังนั้นสรุปแล้วก็ยังเหลือเวลาอยู่อีกทั้งหมดประมาณ 48 ชั่วโมง
"ได้ !"
หลัวเสี้ยวได้สำรวจหลินเทียนก่อนที่จะพูดออกมาด้วยท่าทางประหลาดใจว่า
"เขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 8 ? "
ก่อนหน้านี้ครึ่งเดือนก่อนนั้นหลินเทียนอยู่ในระดับ 7 เท่านั้นแต่ตอนนี้กลับตัดผ่านมาได้แล้วนี่มันเป็นความเร็วที่น่าเหลือเชื่อมากๆ หลังจากที่หยุดไปพักหนึ่งเขาก็ได้เก็บอาการประหลาดใจพร้อมทั้งพูดว่า
"เจ้าหนุ่ม ดีมากๆ ไป เข้าไปเถอะ "
"ขอบคุณผู้อาวุโส "
หลินเทียนได้ทำความเคารพออกมา
กับใครก็ตามที่ปฏิบัติต่อเขาด้วยความจริงใจเขาก็จะตอบแทนกลับไปด้วยความจริงใจเช่นกัน
เมื่อเข้าไปยังพื้นที่ๆคุ้นเคยแล้วเขาก็รู้สึกเหมือนว่าร่างกายกำลังถูกกดทับเอาไว้ด้วยหินใหญ่แต่ว่าตัวเขาเคยชินกับแรงโน้มถ่วงระดับนี้แล้วดังนั้นถึงได้เดินไปมาได้อย่างนุ่มนวลจนไปถึงเส้นแบ่งเขตแดนแรงโน้มถ่วงสามเท่า หลังจากที่หยุดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็ได้ก้าวเท้าเข้าไป
พริบตานี้เองที่เขารู้สึกว่าร่างกายตัวเองกำลังจมอยู่ในปรอทซึ่งทุกการเคลื่อนไหวของเขาส่งผลให้กล้ามเนื้อได้รับความเจ็บปวด
"สมแล้วที่เป็นแรงโน้มถ่วงสามเท่า "
หลินเทียนได้คิดอยู่ภายในใจ
หลังจากที่ตั้งสติเขาก็เริ่มการก้าวเดินออกไปเพื่อปรับสภาพกับพื้นที่แห่งนี้
ที่พื้นที่แรงโน้มถ่วงสองเท่านั้นมีผู้ฝึกอยู่ประมาณสิบกว่าคนและอยู่ห่างจากเขาไม่มากดังนั้นถึงได้แต่ตาถลนหลังจากที่เห็นว่าหลินเทียนก้าวเข้าไปในเขตแรงโน้มถ่วงสามเท่าเพราะว่าเขาเป็นเพียงศิษย์ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ในปีนี้เท่านั้น
"หลินเทียน ? เขา ! ........ เข้าไปในเขตแรงโน้มถ่วงสามเท่าแล้ว ! "
"นั่นมันเป็นพรสวรรค์ระดับ 9 ดารางั้นหรอ ? ผิดมนุษย์เกินไปแล้ว ! "
"อย่าไ ้หาข้ออ้างเลย ก่อนหน้านี้อาจารย์หลัวก็ได้บอกไว้แล้วว่าจะไปได้ถึงไหนมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับพรสวรรค์ "
เมื่อมองออกไปยังร่างของหลินเทียนแล้วศิษย์ใหม่ทั้งหลายล้วนแสดงสีหน้าที่เกรงกลัวออกมา
หลินเทียนอยู่ห่างจากคนเหล่านั้นไม่ไกลดังนั้นถึงเป็นธรรมดาที่เขาจะได้ยินบทสนทนานี้แต่ตัวเขาก็ไม่ได้สนใจอะไร ครั้งแรกที่เขาก้าวเข้ามาในอาณาเขตนี้เขารู้สึกได้ว่าทุกการเคลื่อนไหวนั้นช่างยากลำบากและทำได้เพียงก้าวไปเท่านั้นแต่กลับเป็นการสร้างภาระให้ร่างกายอย่างใหญ่หลวง ความเจ็บปวดมากมายได้โลดแล่นไปทุกสัดส่วนของร่างกายเขา
หลินเทียนรู้สึกได้ว่าความสามารถทางร่างกายกำลังถูกเผาผลาญไปอย่างรวดเร็ว
เกี่ยวกับเรื่องนี้เขาไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย
ทุกวันเขาจะเข้ามาภายในอาณาเขตนี้ 6 ชั่วโมงแล้วก็จากไป บ
"เจ้าหนุ่ม ได้ยินมาว่าเจ้าเหยียบเข้าไปในอาณาเขตแรงโน้มถ่วงสามเท่าแล้วงั้นหรอ ! "
หลัวเสี้ยวได้พูดออกมาด้วยแววตาที่เป็นประกาย
หลินเทียนได้พยักหน้าตอบพร้อมทั้งพูดว่า
"ขอรับแต่มันต้องฝืนเพราะตอนนี้ยังอดทนอยู่ได้เพียงแค่ 6 ชั่วโมงเท่านั้น "
"ฝืนงั้นหรอ ? "
หลัวเสี้ยวได้ฝืนยิ้มออกมาพร้อมกับตอบกลับไปว่า
"อย่าทำอะไรเกินตัวแล้วกันเพราะว่าครั้งแรกที่ข้ากล้าก้าวเข้าไปก็เป็นตอนที่อยู่ในเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 9 ตอนปลายแล้วแถมยังทนอยู่ได้เพียงแค่สองชั่วโมงเท่านั้น "
เขาได้สำรวจหลินเทียนพร้อมกับพูดออกมาด้วยท่าทางหมดคำพูดว่า
"เจ้าหนูนี่มันเป็นสัตว์ประหลาดชัดๆ "
"ท่านผู้อาวุโสก็ชมเกินไป "
หลินเทียนได้ตอบกลับอย่างถ่อมตน
หลังจากที่บอกลาหลัวเสี้ยวแล้วหลินเทียนก็ได้กลับไปยังที่พักของเขาซึ่งหลังจากที่ได้ทำความสะอาดร่างกายแล้วเขาก็กลับขึ้นไปที่เก่าอีกครั้ง
เขาเริ่มที่จะสร้างข่ายอาคมรวมพลังวิญญาณไว้สำหรับบ่มเพาะในตอนเย็น
"ต้องหาหยาดจันทราเอาไว้สร้างข่ายอาคมลมกระโชกอีกครั้ง เมื่อถึงเวลาแล้วจะได้ตอบแทนตระกูลโม่อย่างสาสม "
หลินเทียนได้แสยะออกมา
ข่ายอาคมรวมพลังวิญญาณได้ถูกวาดออกมาอย่างรวดเร็วก่อนที่หลินเทียนจะเริ่มการบ่มเพาะโดยทันที
เคล็ดวิชาซือจี่ของเขาหมุนวนไม่หยุดและอาศัยความช่วยเหลือของข่ายอาคมก็ทำให้พลังฉีโดยรอบถูกดูดเข้ามาในพื้นที่แห่งนี้พร้อมทั้งถาโถมเข้าไปยังร่างกายของหลินเทียน
.......
ภายในป่าทมิฬนั้นเหล่าผู้เชี่ยวชาญตระกูลโม่ต่างพากันไล่ล่าหาร่องรอยของหลินเทียน
อาการบาดเจ็บของผู้นำตระกูลโม่ได้ถูกรักษาแล้วในตอนนี้
"เกิดอะไรขึ้น ? พี่ใหญ่ไล่ล่าไอ้สัตว์น้อยนั่นไปถึงไหนกัน "
เขาได้แต่ขมวดคิ้ว
มันผ่านไปหนึ่งวันหนึ่งคืนแล้วแต่ก็ยังหาหลินเทียนไม่พบแถมโม่ยี่ยังหายไปอย่างไร้ร่องรอย
"ท่านผู้นำตระกูล ! "
หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญของตระกูลโม่ได้วิ่งเข้ามา
"มีเรื่องอะไร ! "
ผู้นำตระกูลโม่ได้พูดออกมาด้วยสีหน้าที่ราบเรียบ
โม่ยี่ก็หาไม่พบ หลินเทียนก็ยังหาไม่พบมันทำให้เขาไม่พอใจอย่างมาก
"ท่านผู้นำตระกูลขอรับ เขาได้รับข่าวมาจากสำนักจิ่วหยางว่าหลินเทียนได้กลับไปที่นั่นแล้วขอรับ "
หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญได้พูดออกมา
"อะไรนะ ! "
หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้นแล้วก็ทำให้ใบหน้าของผู้นำตระกูลเปลี่ยนไปทันที ก่อนหน้านี้ตอนที่หลินเทียนได้รับบาดเจ็บนั้นเขาได้ขอให้พี่ชายตัวเองไล่ตามไปด้วยตัวเองแต่ตอนนี้โม่ยี่กลับหายไปอย่างไร้ร่องรอยทว่าหลินเทียนมันดันกลับไปที่สำนักแล้ว ? โม่ยี่เป็นถึงผู้เชี่ยวชาญเขตแดนชีพจรเทวะระดับ 9 ตอนปลายที่กำลังจะตัดผ่านไปยังเขตแดนผู้รอบรู้แล้ว มันไม่น่าจะหลบหนีจากเงื้อมมือโม่ยี่ได้ !
"เจ้าแน่ใจนะว่ามันกลับไปแล้ว ! "
ผู้นำตระกูลโม่ได้พูดออกมาด้วยใบหน้าดำมืด
ผู้เชี่ยวชาญคนนั้นได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า
"ข้าน้อยได้ออกไปสอบถามและพบว่าหลินเทียนมันกลับไปแล้วจริงๆ ! "
"เป็นไปได้ยังไง ! "
ผู้นำตระกูลโม่ได้คำรามออกมาด้วยความโกรธ
ตอนนั้นป่าทมิฬทั้งหมดล้วนถูกปิดกั้นเอาไว้หมดแล้วแต่ก็น่าเสียดายที่ไม่มีใครพบเห็นร่างของหลินเทียนเลยแม้แต่น้อย
หัวใจของเขาได้ล่วงหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่มพร้อมกับลางสังหรณ์ร้ายที่เริ่มผุดขึ้นภายในจิตใจ
"ทิ้งคนเอาไว้หาร่องรอยของพี่ข้าแล้วคนอื่นๆกลับไปที่ตระกูล ! "
เขาได้ออกคำสั่งออกมา
ณ ตอนนี้ท่าทางของเขาน่าเกลียดเป็นอย่างมากเพราะว่าการมาในครั้งนี้ตระกูลของเขาได้ใช้หัวกระทิกว่าครึ่งตระกูลออกไล่ล่าหล นเทียนไม่เว้นแม้แต่ผู้แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลอย่างโม่ยี่แต่บทสรุปในตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญระดับหัวกระทิของเขาตายไปกว่า 20 คนส่วนคนที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่รู้หายไปไหนแต่หลินเทียนที่ถูกไล่ล่ากลับไปโผล่อยู่ในสำนัก !
มันทำให้เขารู้สึกเหมือนโดนตบหน้าอย่างจัง
...........
พริบตาได้ผ่านไปถึงสามวัน
ในสามวันนี้ไม่มีวี่แววของโม่ยี่เลยแม้แต่น้อยดังนั้นด้วยความที่มีสถานะเป็นผู้อาวุโสแต่กลับหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยโดยไม่มาทำหน้าที่ๆสำนักจึงเป็นธรรมดาที่ทางสำนักจะต้องสงสัยและสืบเรื่องนี้
ในวันนี้ฉีดงและมู่ชิงได้ไปเยี่ยมตระกูลโม่ด้วยตัวเอง
"พี่ใหญ่มีเรื่องที่สำคัญต้องไปจัดการและอาจต้องใช้เวลาอีกสักระยะ มันเป็นเพราะว่าเขารีบร้อนจากไปดังนั้นถึงไม่สามารถแจ้งทางสำนักได้ทันต้องขออภัยด้วยจริงๆ "
โม่ไฮ่เต๋าผู้นำตระกูลโม่ได้อธิบายออกมา
แม้ว่าตระกูลโม่จะเป็นตระกูลผู้บ่มเพาะแต่เมื่ออยู่ต่อหน้าสำนักจิ่วหยางแล้วก็ยังต้องแหงนมองอยู่ดี
สำนักนี้ได้รับการสนับสนุนจากจักรวรรดิ !
ฉีดงและมู่ชิงได้แต่ขมวดคิ้วแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ
"งานการที่สำนักมีมากมายแถมหน้าที่ของผู้อาวุโสก็ไม่สามารถผลักไสได้ดังนั้นหากว่าพี่ชายของท่านผู้นำตระกูลโม่กลับมาแล้วก็ช่วยแจ้งให้เขากลับไปที่สำนักด้วยแล้วกัน"
มู่ชิงได้พูดออกมา
"ได้ แน่นอนอยู่แล้ว"
โม่ไฮ่เต๋าได้ตอบกลับไป
มู่ชิงและฉีดงได้พยักหน้าพร้อมกับหันหลังเดินออกไป