Divine King Of All Directions - 043
Divine King Of All Directions - 043
คลื่นกระบี่อันรุนแรงได้ปกคลุมอยู่ทั่วท้องฟ้าก่อนที่จะปรากฏเป็นภาพกระบี่มากมายซึ่งใครเห็นแล้วก็ต้องรู้สึกขวัญผวา
"เพลงกระบี่วายุสะท้านขั้นสูงสุด ? เป็นไปได้ยังไงกัน ! "
ท่าทางของโม่หนิงเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง
โม่หนิงนั้นไม่ได้ฝึกฝนทักษะนี้แต่ตัวเขาเคยอ่านบทแนะนำของตำรามาก่อนและภาพตรงหน้านั้นก็เหมือนกับที่อธิบายไว้ไม่มีผิด
"ขั้นสูงสุด ? ไม่ใช่ว่าไม่มีใครสามารถสำเร็จได้ ? "
โม่เฟย์ได้พูดออกมาด้วยสีหน้าที่ตกตะลึง
หลินเทียนได้แสยะยิ้มออกมาก่อนที่จะให้ความรู้สึกที่ชั่วร้ายออกมา
"ซูชูว ถอยออกไปซะ "
หลินเทียนได้พูดออกมา
"ไม่ต้องบอกก็รู้แล้ว "
ริมฝีปากของซูชูวได้ยกตัวขึ้น
จริงๆหลังจากที่สัมผัสได้ถึงเจตจำนงแห่งกระบี่จากหลินเทียนแล้วเธอก็เดาได้ทันทีว่าหลินเทียนต้องการสำแดงทักษะใดออกมา เมื่อเห็นภาพกระบี่จำนวนมากแล้วเธอก็ได้หลบออกไปข้างๆเพราะเธอรู้ดีว่าพลังทำลายของคลื่นกระบี่ที่แม้แต่อาจารย์ของเธอก็ไม่สามารถสำเร็จได้นั้นมันรุนแรงขนาดไหน
"ถอยเร็ว ! "
โม่หนิงได้โห่ร้องออกมาก่อนที่จะรีบพุ่งหนีไป
เสียงแสยะที่เย็นชาได้ดังขึ้นก่อนที่ภาพกระบี่มากมายจะสั่นไหว
"ข้าไม่ได้อนุญาตให้พวกเจ้าถอย ! "
หลินเทียนได้แสยะออกมา
เขาได้ลดมือขวาลงก่อนที่ภาพกระบี่มากมายจะโถมลงมาเหมือนสายฝนที่โหมกระหน่ำจากฟากฟ้า
เสียงร้องโหยหวนได้ดังก้องไปทั่วฟ้า เมื่อต้องเผชิญกับกระบี่มากมายขนาดนี้แล้วใครจะไปรับมือได้ พริบตาเดียวร่างกายของโม่ซ่งก็ได้ถูกทะลวงจนตายอยู่กับที่
"พุฟฟฟฟ ! "
เลือดมากมายได้ทะลักออกมาจากร่างของโม่เฟย์ หลังจากที่หลบมาได้อย่างโชคช่วยแล้วภาพกระบี่ก็ได้พุ่งทะลุผ่านลำคอของเขาไปอย่างรวดเร็วก่อนที่จะตกตายลงทันที
ท้ายที่สุดในสามคนนี้ก็เหลือเพียงแค่โม่หนิงที่แข็งแกร่งที่สุดแต่แม่จะเป็นเช่นนั้นทว่าทั่วร่างของเขาก็ได้ถูกชโลมไปด้วยเลือดขณะที่ดวงตาได้แต่แสดงสีหน้าที่หวาดผวาออกมา
"น่ากลัวจริงๆ ! ไม่แปลกใจเลยที่ไม่มีใครสามารถสำเร็จทักษะนี้ได้ ระดับของมันพอๆกับทักษะระดับสูงเขตแดนหล่อหลอมร่างกายเลยนะ !"
ซูชูวได้ที่ตาค้างไปก่อนที่จะพูดออกมาด้วยความประหลาดใจว่า
"นี่เจ้านี่สามารถสำเร็จทักษะนี้ได้ภายในหนึ่งเดือนเนี่ยนะ พรสวรรค์ระดับเก้าดารานี่มันขนาดนี้เลย ? "
หลินเทียนได้เก็บเจตจำนงแห่งกระบี่ของตัวเองกลับไปก่อนที่จะหันมองไปยังโม่หนิง
"ยังไม่ตายอีกงั้นหรอ ก็ดีแล้ว "
หลินเทียนได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
กระบี่ในมือของเขาสั่นไหวเล็กน้อยก่อนที่จะเดินตรงไปทางโม่หนิงอย่างรวดเร็ว
"เจ้า............นี่เจ้าคิดจะทำอะไร ? "
โม่หนิงได้ยกกระบี่ขึ้นมาตั้งท่าป้องกันก่อนที่จะร่นถอยไปพลางจ้องมองไปที่หลินเทียน
"จะทำอะไรงั้นหรอ ? ลองเดาดูสิ "
หลินเทียนได้แสยะยิ้มออกมาอย่างปีศาจ
ท่าทางของโม่หนิงน่าเกลียดเป็นอย่างมากก่อนที่จะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำขณะถอยหลังไปว่า
"เจ้าฆ่าพวกเราไปสี่คนแล้วแต่ยังยั้งมือทันนะ ข้าจะถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้นแล้วจะไม่รายงานกับทางสำนัก ! "
หลินเทียนได้หัวเราะออกมาอย่างดังพร้อมกับพูดว่า
"อะไรกัน พวกเขาถูกสังหารโดยสัตว์ร้ายต่างหาก "
"เจ้า !......"
ท่าทางของโม่หนิงตกต่ำลงอย่างมากก่อนที่ใบหน้าของเขาจะซีดลง
ก่อนหน้านี้มันเป็นคำพูดที่พวกเขาได้ใช้กับหลินเทียนและซูชูวทว่าตอนนี้มันกลับย้อนมาหาเขา
"เจ้าจะสังหารข้า ? "
โม่หนิงได้พูดออกมาขณะจ้องมองไปยังหลินเทียน
"ถูก"
หลินเทียนได้ยิ้มจางๆก่อนที่จะพูดต่อว่า
"น่าเสียดายที่ไม่มีรางวัลให้หรอกนะ "
"เจ้า ! "
ท่าทางแบบนี้ส่งผลให้โม่หนิงรู้สึกกลัวและโกรธเป็นอย่างมาก เขาได้จ้องมองไปทางหลินเทียนก่อนที่จะคำรามออกมาอย่างดุร้ายว่า
"ขอแนะนำเลยนะว่าอย่าทำอะไรไม่มีเหตุผล หากว่าเจ้ากล้าฆ่าข้าเจ้าก็ไม่ต่างไปจากพวกเราหรอก ลุงโม่จะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่และท้ายที่สุดเจ้าก็จะต้องตายเหมือนกัน ! "
"การที่ไม่ฆ่าเจ้านั่นแหละทำให้ข้าไม่ต่างไปหรอก "
หลินเทียนได้พูดออกมาอย่างดูถูก
เขาได้ยกกระบี่ในมือขวาขึ้นก่อนที่จะเดินเข้าหาโม่หนิงด้วยท่าทางที่ไม่รีบร้อนอะไร
หลังจากที่มองไปยังท่าทางของหลินเทียนแล้วซูชูวที่อยู่ข้างๆเองก็มีท่าทางเปลี่ยนไปเช่นกัน นางอยากจะพูดอะไรบางอย่างเพราะนางก็ไม่ได้อยากจะให้หลินเทียนฆ่าศิษย์ร่วมสำนักแต่ก็อดกลั้นเอาไว้เพราะนางก็รู้ว่าคนเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อสังหารหลินเทียน นางไม่มีเหตุผลมากพอจะหยุดการกระทำนี้
"ไม่เป็นไรหรอก "
นางได้พึมพำออกมา
หลินเทียนได้เดินเข้าหาโม่หนิงก่อนที่กระบี่ในมือจะสะท้อนแสงสีเงินออกมา
"บ๊ายบาย "
เขาได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย
กระบี่ได้ถูกเหวี่ยงลงมาทันที
คมกระบี่ที่เยือกเย็นได้ถูกเหวี่ยงลงแต่ตอนนี้เองที่ท่าทางของหลินเทียนต้องหลุดชะงักลงพร้อมทั้งหันหน้ามองไปในทิศทางของซูชูว
"ซูชูว หลบไปจากตรงนั้นซะ ! "
เขาได้คำรามออกมาอย่างดัง
ซูชูวได้แสดงสีหน้าที่สับสนออกมาแต่วินาทีต่อมานี้เองที่กลิ่นอายที่เย็นยะเยือกได้ปกคลุมไปทั่วร่างของนาง นางเห็นเพียงแค่ร่างคล้ายผีร้ายสวมผ้าคลุมสีเทายาวสภาพเหมือนดวงวิญญาณในตำนานกำลังให้ความรู้สึกที่สยดสยองออกมา
นางรู้สึกเพียงแค่ว่าพลังฉีภายในร่างกำลังแข็งค้าง
"หลิน......."
ซูชูวได้ยกมือขึ้น าก่อนที่ชั่ววินาทีต่อไปภาพของนางจะจางหายไป
คิ คิ !
เสียงแปลกๆได้ถูกส่งออกมาจากร่างสวมผ้าคลุมสีเทานี้ ใบหน้าของมันน่าเกลียดเป็นอย่างมากพร้อมทั้งยังมีดวงตาสีแดงฉานที่ดูแปลกประหลาด
"ปล่อยนางซะ ! "
หลินเทียนได้คำรามออกมา
ณ ตอนนี้เขาเลิกให้ความสนใจกับโม่หนิงก่อนที่จะพุ่งไปทางซูชูวพร้อมทั้งสำแดงทักษะกระบี่สายฟ้าออกไปยังร่างผีร้ายที่อยู่ไกลออกไป
"วิ้สสสส ! "
คลื่นกระบี่ได้ตกกระทบไปยังอากาศอันว่างเปล่า
เห็นเพียงแค่ภาพติดตาของมันเท่านั้น เจ้าผีร้ายตัวนี้มันไม่ธรรมดาจริงๆเพราะความเร็วของมันสูงมากๆ พริบตาเดียวสามารถหายไปจากระยะสายตาของเขาได้ทันที
อุณหภูมิโดยรอบได้ลงต่ำลงโดยที่ตัวของหลินเทียนเองก็ยังรู้สึกได้ถึงความเย็นนี้
อย่างไรก็ตามตอนนี้เขากระวนกระวายมากกว่า
"ระยำเอ้ย ! "
เขาได้กำหมัดแน่นก่อนที่จะแสดงสีหน้าที่เย็นเฉียบออกมา ซูชูวถูกลักพาตัวไปขณะที่เขาอยู่ที่นี่ด้วยแท้ๆ !
เขาไม่ลังเลเลยที่จะหันหน้ากลับไปหาโม่หนิงที่อยู่ด้านหลังพร้อมทั้งกระชากคอเสื้อมันขึ้นมาแล้วคำรามออกมาว่า
"ก่อนหน้านี้มันตัวอะไร ! บอกเรื่องเกี่ยวกับมันมาให้หมด ! "
โม่หนิงได้แต่สั่นสะท้านก่อนที่จะเห็นได้ถึงความกลัวในสายตาเขาอย่างชัดเจน
"นะ....นั่น....นั่นนะมัน..."
!
หลินเทียนได้ตบไปยังใบหน้าของเขาอย่างแรงด้วยสีหน้าที่เย็นชา
"พูดมา !"
เขาได้คำรามออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาและไม่ให้โอกาสโม่หนิงได้รู้สึกถึงความกลัวแม้แต่น้อย
หลังจากที่ต้องเผชิญกับสายตาที่น่ากลัวของหลินเทียนแล้วโม่หนิงก็ได้แต่สั่นสะท้านไปก่อนที่จะกลืนน้ำลายแล้วพูดออกมาว่า
"มันคือสัตว์ร้ายระดับ 3ที่มีพลังเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 9 ฉีเหมียงกุ่ยมันชอบที่จะจับตัวเหยื่อเอาไว้จนกว่าจะอยู่ในสภาพที่หวาดกลัวแล้วค่อยกลืนกิน....."
"ฉีเหมียงกุ่ย ! "
หลินเทียนได้กำกระบี่ในมือเอาไว้แน่นก่อนที่จะตวัดเข้าใส่คอหอยของโม่หนิงโดยทันที
"จะ........เจ้า...."
มือทั้งสองของโม่หนิงได้กุมลำคอของตัวเองเอาไว้ขณะที่เลือดมากมายได้ไหลทะลักออกมา ร่างกายของเขาสั่นเทาเพราะนี่จะทำให้เขารู้สึกได้ถึงความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามาและมันทำให้เขาหวาดผวาอย่างมาก ขั้นตอนนี้เป็นช่วงสั้นๆเพราะหลังจากนั้นไม่นานดวงตาของโม่หนิงก็ได้ถลนออกมาก่อนที่จะนอนกองอยู่ที่พื้น
ตาย !
เมื่อมองไปยังซากศพทั้งห้าแล้วหลินเทียนก็ไม่ได้รู้สึกอะไรแม้แต่น้อย เขากวาดตาไปข้างๆก่อนที่จะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายปีศาจที่กำลังพุ่งเข้ามามากมายซึ่งเขาจำได้ดีว่ามันเป็นกลิ่นอายของหมาป่าโลหิต มันต้องได้กลิ่นเลือดอย่างแน่นอน
"!"
เขาได้สำแดงทักษะก้าวย่างแห่งสวรรค์ออกมาพร้อมไปจากที่นี่ทันที
ร่างไร้วิญญาณของโม่หนิงและคนอื่นๆได้ถูกฝูงหมาป่าโลหิตเก็บกวาดจนสะอาด
......
หลังจากที่ออกมาจากอาณาเขตสัตว์ร้ายระดับ 3 แล้วท่าทางของหลินเทียนนั้นกระวนกระวายอย่างมาก เขาได้หมุนวนเคล็ดวิชาหนึ่งวิญญาณสวรรค์อย่างบ้าคลั่งก่อนที่จะแผดพลังวิญญาณออกไปโดยรอบเพื่อหากลิ่นอายของฉีเหมียงกุ่ยนั้น ที่เขาสามารถสัมผัสได้ถึงตัวตนของมันตอนที่กำลังจะฆ่าโม่หนิงนั้นก็เป็นเพราะว่าพลังวิญญาณที่แข็งแกร่งของเขานี่แหละ
"ต้องรีบตามไป ! "
หลินเทียนได้แต่คิดอยู่ภายในใจ
จากข้อมูลที่โม่หนิงให้มาคือโดยปกติแล้วหลังจากที่มันล่าเหยื่อมาแล้วก็จะทำให้เหยื่อหวาดกลัวก่อนที่จะฆ่าและกลืนกินซึ่งโดยปกติแล้วจะใช้เวลาทั้งหมดสองวัน ส่วนใหญ่แล้วสัตว์ร้ายฉีเหมียงกุ่ยนั้นจะชอบลักพาตัวหญิงสาวแถมจะใช้เวลานานกว่าจะฆ่าและกิน
หลินเทียนรู้สึกว่ามันแปลกๆแต่ก็ดีใจในเวลาเดียวกันเพราะอุปนิสัยแบบนั้นมันยังให้เวลาเพื่อตามไปช่วยเหลือซูชูว
"มันมักจะปรากฏตัวทางตะวันออกของอาณาเขตสัตว์ร้ายระดับ 3 "
หลินเทียนได้พึมพำออกมาก่อนที่จะพุ่งออกไปด้วยความเร็วที่เพิ่มขึ้น
เขาได้พุ่งเข้าไปในป่าลึกด้วยความเร็วสูง
เคล็ดวิชาหนึ่งวิญญาณสวรรค์ของเขาได้หมุนวนอย่างบ้าคลั่ง หลินเทียนนั้นยังจำได้ดีว่ากลิ่นอายของมันรุนแรงเป็นอย่างมากแถมความเย็นในอากาศนั้นก็ไม่ได้หายไปในเวลาสั้นๆซึ่งการที่เห็นเช่นนี้จะทิ้งเบาะแสเอาไว้ให้เขา จากข้อมูลที่ได้รับมาพร้อมทั้งความไอความเย็นนี้ถึงได้ทำให้เขาหมุนวนเคล็ดวิชาหนึ่งวิญญาณสวรรค์และไล่ตามไปอย่างเอาเป็นเอาตาย
อาณาเขตสันเขาชิงเฟิงนั้นกว้างเป็นอย่างมาก เขาใช้เพียงจิตสัมผัสของตัวเองมุ่งหน้าไปด้วยความเร็วสูงเหมือนดั่งเสือชีต้าห์
ซูชูวนั้นเป็นเพื่อนคนแรกตั้งแต่ที่หลุดมายังโลกใบนี้อย่างแท้จริง แม้ว่านางจะซนหรือหลงตัวเองแต่นางก็ดีกับเขาและหลินซี่มากๆ ตอนนี้นางได้ถูกลักพาตัวไปดังนั้นการที่เขาจะกระวนกระวายก็เป็นเรื่องธรรมชาติ
"!"
"!"
"!"
ทักษะก้าวย่างแห่งสวรรค์ได้ถูกสำแดงออกมาถึงขีดจำกัด ตอนนี้เขาเปรียบเสมือนเงาที่พุ่งผ่านอาณาเขตสัตว์ร้ายระดับที่ 3 ไปอย่างรวดเร็ว ผลุบๆโผล่ๆด้วยความเร็วพริบตาและหากว่ามีคนมาเห็นตอนนี้ก็คงต้องอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึงอย่างแน่นอน
ไม่นานหลังจากนั้นท่าทางของเขาก็เปลี่ยนไป
"พบแล้ว ! "
เขาได้หยุดเท้าลงก่อนที่จะพบกับถ้ำลึกซึ่งเขาเห็นร่างของฉีเหมียงกุ่ยได้อย่างชัดเจนและนี่ยังรวมไปถึงร่างของซูชูวที่อยู่ในมุมๆหนึ่งด้วย
ตอนนี้ฉีเหมียงกุ่ยได้กลับเข้าไปภายในถ้ำลึกของมัน
ระดับพลังของฉีเหมียงกุ่ยนั้นเทียบเท่าผู้บ่มเพาะเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 9 และยังเป็นสัตว์ร้ายระดับ 3 อีกด้วยซึ่งมันเป็นอะไรที่เกินตัวเขามาก หากว่าสู้กับซึ่งๆหน้าแล้วเขาก็ไม่ใช่คู่มือของมันเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือด้วยอุปนิสัยประหลาดๆของมันนี้ทำให้เขามีเวลาพอจะช่วยซูชูวดังนั้นตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำคือคิดแผนการอย่างรอบคอบ