Divine King Of All Directions - 041
Divine King Of All Directions - 041
อาณาจักรแห่งนี้มีสัตว์ร้ายอยู่มากมายและแบ่งออกเป็นเก้าระดับซึ่งระดับหนึ่งนั้นมีระดับพลังเทียบเท่าเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 1-3 สัตว์ร้ายระดับสองนั้นมีระดับพลังเทียบเท่าเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ4-6 สัตว์ร้ายระดับสามนั้นมีระดับพลังเทียบเท่าเขตแดนหล่อหลอมร่างกายนะดับ 7-9แต่หลังจากนั้นเป็นตัวตนที่อยู่ในตำนานเท่านั้น สัตว์ร้ายที่มีระดับสูงกว่า 9 นั้นจะสามารถจำแลงร่างเป็นมนุษย์ได้
"งั้นเราไปที่อาณาเขตที่สองเลยแล้วกัน "
หลินเทียนได้พูดออกมา
ซูชูวได้พูดออกมาว่า
" ก็ดี "
ระดับพลังของพวกเขาบรรลุระดับ 3 ไปแล้วดังนั้นการที่ยังอยู่ที่อาณาเขตที่ 1 ก็คงไม่ช่วยอะไร
"ไปกัน "
ซูชูวได้เริ่มเดินออกไปโดยทันที
หลังจากที่เดินไปได้ไม่ไกลนั้นพวกเขาก็ได้ยินเสียงคำรามจากข้างหน้า ห่างออกไปไม่ไกลนั้นพวกเขาได้พบกับสัตว์ร้ายที่มีรูปร่างเหมือนแมวแต่ตัวใหญ่มากๆ นัยน์ตาของมันสีแดงฉานพร้อมทั้งขนสีเทา
"แมวเพลิง สัตว์ร้ายระดับ 1มีระดับพลังพอๆกับเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 2 "
ซูชูวได้พูดออกมา
หลังจากที่เธออธิบายจบแล้วมันก็ส่งเสียงร้องออกมา
หลินเทียนได้ขยับตัวไปทางข้างก่อนที่เอื้อมมือไปคว้ากระบี่ยาวกลางหลังออกมา ตอนนี้เขามีระดับพลังหล่อหลอมร่างกายระดับ 6 แต่แม้จะเป็นระดับ 7 ก็ยังไม่ใช่คู่มือของเขาอยู่ดีดังนั้นไม่จำเป็นต้องพูดถึงแมวเพลิงเลยแม้แต่น้อย มันถูกสังหารโดยทันที
"แก่นแท้มันอยู่กลางหัว ไปคว้านมา ! "
ซูชูวได้พูดออกมา
หลินเทียนได้พยักหน้าก่อนที่จะเปิดกะโหลกของมันออกด้วยกระบี่ยาว เขาเห็นถึงแก่นแท้ที่อยู่ภายในใจกลางได้อย่างชัดเจน ขนาดของมันพอๆกับกำปั้นของเด็กแรกเกิดแถมกำลังเปล่งแสงออกมา
"นื่คือแก่นแท้ ? "
หลินเทียนได้พึมพำออกมา
เขาสัมผัสได้ถึงพลังฉีอันรุนแรงได้จากมันพร้อมทั้งความรู้สึกที่เชื่อมโยงไปถึงสัตว์ร้ายตัวนี้
ซูชูวที่ยืนอยู่ข้างๆได้แสดงสีหน้าที่สงสัยออกมาก่อนที่จะอธิบายออกมาว่า
"แก่นแท้มันเป็นสิ่งที่รวมพลังฉีและเลือดของมันเอาไว้แต่มันไม่สามารถเอาไปใช้บ่มเพาะได้ "
"ทำไม ? "
หลินเทียนได้ถามออกมาด้วยความสงสัย
"แล้วข้าจะไปรู้ได้ไง ? "
ซูชูวได้กรอกตาก่อนที่จะตอบกลับไปพร้อมทั้งพูดต่อว่า
"มันน่าจะเป็นเพราะลักษณะทางกายภาพของมนุษย์และสัตว์ร้ายไม่เหมือนกัน "
น้ำเสียงของหลินเทียนไม่ได้จริงจังอะไรนักก่อนที่จะเก็บแก่นพวกนั้นเข้าไปยังถุงย่ามของเขา
"ไปกัน เตือนไว้ก่อนนะ มันเป็นเพราะว่าเรากำลังจะผ่านอาณาเขตระดับที่ 1 ไปอาณาเขตระดับที่ 2 ดังนั้นจะต้องพบกับสัตว์ร้ายตลอดทางอย่างแน่นอน "
ซูชูวได้พูดออกมาระหว่างเดินต่อไปว่า
"พี่สาวรับผิดชอบเรื่องการนำทางส่วนเจ้าก็รับผิดชอบหน้าทีดูแลความปลอดภัยเข้าใจไหม ? "
หลินเทียนได้ตอบกลับไปว่า
"ไม่มีปัญหา "
ดูเหมือนว่าหญิงนางนี้เริ่มจะติดปากคำพูดนี้แล้ว
หลังจากนั้นผ่านไปอีกประมาณ 2 ชั่วโมงพวกเขาก็ผ่านอาณาเขตระดับที่ 1 ไปแม้ว่าจะไม่ได้พบกับสัตว์ร้ายมากนักแต่ทุกตัวก็ตายภายใต้คมกระบี่ของหลินเทียนด้วยกันทั้งหมด ณ ตอนนี้ภายในถุงย่ามของหลินเทียนนั้นเต็มไปด้วยแก่นแท้เต็มไปหมด
"โฮ๊กกกกก !"
หลังจากที่ไปถึงอาณาเขตระดับที่ 2 แล้วเสียงคำรามของสัตว์ร้ายก็เริ่มถี่ขึ้นเรื่อยๆ
"ไปกัน "
ซูชูวได้พูดออกมา
หลินเทียนได้พยักหน้าก่อนที่จะเดินลึกเข้าไปทันที
สันเขาชิงเฟิงนั้นมีพื้นที่กว้างมากๆแม้ว่าจะมีศิษย์ของสำนักเข้ามากว่าสามร้อยคนแล้วแต่หลังจากที่แยกย้ายกันนั้นก็ไม่ค่อยได้พบกับใครอื่นนัก มองไปโดยรอบแล้วไม่มีศิษย์คนไหนเลยแต่กลับเต็มไปด้วยสัตว์ร้ายมากมาย เพียงแค่ก้าวออกไปไม่กี่ก้าวก็พบกับหัวหน้าสัตว์ร้ายที่อยู่ข้างหน้า
"สัตว์ร้ายระดับ 2 ม้าเพลิงมรกตมีระดับพลังเทียบเท่าเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับที่ 4 "
"สัตว์ร้ายระดับ 2 เสือดำวิญญาณมีระดับพลังเทียบเท่าเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับที่ 4 "
"สัตว์ร้ายระดับ 2 สุนัขสายรุ้ง มีระดับพลังเทียบเท่าเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับที่ 5 "
ซูชูวได้อธิบายออกมา
"ดูเหมือนว่าเจ้าจะคุ้นเคยกับเจ้าพวกนี้ดีนะ "
หลินเทียนได้พูดออกมา
ซูชูวถึงกับหมดคำพูดก่อนที่จะพูดว่า
"มันเป็นความรู้ติดตัวอยู่แล้ว ภายในตำราก็มีบันทึกอยู่ด้วยตั้งแต่ระดับ 1 ถึงระดับ 9 เลยนะ ตราบใดที่เป็นสัตว์ร้ายในตำราน่ะมีอธิบายเอาไว้หมดทุกเรื่อง"
"มีตำราแบบนั้นด้วย ? "
หลินเทียนได้พูดออกมาด้วยความประหลาดใจ
"แน่นอน ตำราสัตว์ร้าย ว่างๆก็ลองไปที่ตำหนักแลกสมบัติดูสิ ที่นั่นทุกคนสามารถไปศึกษาหาความรู้ได้"
ซูชูวได้พูดออกมา
หลินเทียนได้พยักหน้าตอบก่อนที่จะพบว่าสัตว์ร้ายทั้งสามตัวได้กระโจนเข้าใส่พวกเขาแล้ว
หลินเทียนได้เหวี่ยงกระบี่ของตนก่อนที่จะฉีกร่างของเสือดำวิญญาณที่กระโจนเข้ามาก่อนเป็นสองท่อน เขาเคลื่อนไหวต่อไปก่อนที่จะเข้าประชิดสัตว์ร้ายอีกสองตัวและเริ่มเปิดฉากโจมตี
"โครม ! "
"พุฟฟ !"
ขณะที่เสียงร้องได้ถูกส่งออกมานั้นม้าเพลิงมรกตและสุนัขสายรุ้งก็ต้องนอนจมกองเลือดตัวเอง
หลินเทียนได้ย่อตัวลงก่อนที่จะผ่าหัวของสัตว์ร้ายออกพร้อมทั้งชำแหละเอาแก่นแท้ออกมา
"อ่อนแอจริงๆ "
หลินเทียนได้พูดออกมา
สัตว์ร้ายที่มีระดับพลังเทียบเท่าเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 4 มันอ่อนแอเกินไปสำหรับเขา
หลังจากนั้นพวกเขาก็เข้าไปยังส่วนลึกของอาณาเขตระดับที่ 2
"โฮ๊กกกกกก !"
"โฮ๊กกก !"
ระหว่างที่เขาไปถึงส่วนลึกนั้นก็ได้ยินเสียงโห่ร้องออกมาจากมาตลอดเวลา
"ไปอีกหน่อยก็ถึงอาณาเขตระดับที่ 3แล้ว "
ซูชูวได้พูดออกมา
เมื่อถึงตรงนี้แล้วเธอเริ่มแสดงสีหน้าที่เป็นกังวลออกมา
หลินเทียนที่ยืนอยู่ตรงสุดขอบอาณาเขตระดับที่ 2 เองก็ได้มองไปยังอาณาเขตระดับที่ 3เพราะตอนนี้เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยว่ามันมีพลังฉีของสัตว์ร้ายที่รุนแรง
"ไปกัน หากว่ามันอันตรายจริงๆเราก็กลับมาขัดเกลาตัวเองที่ขอบอาณาเขตก็ได้ "
หลินเทียนได้พูดต่อว่า
"จากคำอธิบายก่อนหน้านี้คือแก่นแท้ของสัตว์ร้ายระดับที่ 3หนึ่งอันเท่ากับแก่นแท้ของระดับที่ 2 เป็นสิบอัน"
ซูชูวได้แต่แสดงสีหน้าที่หมดหนทางออกมาก่อนที่จะพยักหน้าแล้วเดินตามหลินเทียนเข้าไปยังอาณาเขตระดับที่ 3
ต้นไม้ใหญ่ภายในอาณาเขตนี้เขียวชอุ่มเป็นอย่างมากแต่กลับไม่มีพุ่มไม้อยู่เลย
หลังจากที่เดินเข้าไปได้ไม่นานพวกเขาก็ได้หยุดลง
ที่ขอนไม้ข้างหน้ามีสัตว์ร้ายรูปลักษณ์เหมือนหมาป่าขนสีแดงฉานกำลังเดินออกมา ดวงตาของมันสีเขียวและให้ความรู้สึกที่กระหายเลือดเป็นอย่างมาก
"สัตว์ร้ายระดับที่ 3 หมาป่าโลหิต ระดับพลังเทียบเท่าเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับที่ 7 ความสามารถเฉพาะคือการดมกลิ่นเลือดที่อยู่ห่างไกลได้เป็นกิโลเมตร"
ซูชูวได้แสดงสีหน้าที่ตื่นตระหนกออกมา
"เขตแดนหล่อหลอมร่ายกายระดับที่ 7 แต่ก็ดี ลองหน่อยแล้วกัน "
หลินเทียนได้พูดออกมา
เขาเคยปะทะกับมนุษย์เขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับที่ 7แต่ยังไม่เคยสู้กับสัตว์ร้ายที่มีพลังเทียบเท่า
"อย่าบุ่มบ่าม "
ณ ตอนนี้ ซูชูวได้จับมือหลินเทียนเอาไว้
"เป็นอะไร ? "
หลินเทียนรู้สึกสงสัยแต่ระดับพลังพอๆกับเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 7 ก็ไม่น่าจะทำให้นางระมัดระวังแบบนี้เพราะนางเองก็อยู่ในเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 7 เช่นกัน
ซูชูวได้พูดออกมาว่า
"หมาป่าโลหิตนั้นเป็นสัตว์ฝูงซึ่งโดยปกติแล้ว....."
เขาพวกของนางยังไม่ทันจบแต่ตอนนี้ก็เห็นจ่าฝูงของมันก้าวเดินออกมาด้วยดวงตาสีเขียว หลินเทียนนับคล่าวๆแล้วถึงกับต้องใจสั่นไปเพราะว่า ณ ตอนนี้มีหมาป่าโลหิตปรากฏขึ้นกว่า 30 ตัว
"วิ่ง ! "
ซูชูวได้พูดออกมา
หลินเทียนได้พยักหน้าอย่างไม่ลังเลก่อนที่จะพุ่งไปพร้อมๆกับซูชูว
หมาป่าทั้ง 30 ตัวที่มีระดับพลังเทียบเท่าเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับ 7 นี่มันไม่ใช่เรื่องเล่นๆเลย
"! "
เมื่อเห็นว่าหลินเทียนและซูชูวได้พากันหนีไปนั้นฝูงหมาป่าทั้งหลายเองก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว
หลินเทียนและซูชูวได้วิ่งเข้าไปในป่า ระดับพลังของพวกเขาก็ไม่ได้อ่อนด้อยแต่แม้จะเป็นเช่นนั้นระยะห่างระหว่างพวกเขาและฝูงหมาป่าโลหิตก็ไม่ได้ไกลกันมากนัก
"ฝ่ามือเงาเพลิง ! "
หลินเทียนที่กำลังวิ่งอยู่ได้หันหน้ากลับมาก่อนที่จะส่งฝ่ามือออกไปด้านหลัง
เขาไม่ได้หวังว่าฝ่ามือพวกนี้จะสามารถสังหารฝูงหมาป่าได้เพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้ เขาเพียงต้องการบดบังทัศนวิสัยด้านการมองเห็นและลดความเร็วของมันลง
"โครม !"
"โครม !"
ฝ่ามือเงาเพลิงได้ตกกระทบกับซากไม้ก่อนที่จะส่งเสียงระเบิดออกมา ไม่นานการเคลื่อนไหวของหมาป่าโลหิตก็ได้ถูกชะลอลง
"ทำได้ดีมากๆ!"
ซูชูวได้พูดออมกา
พวกเขาได้วิ่งหนีไปไกลก่อนที่จะไม่สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของหมาป่าโลหิตอีกต่อไป
พวกเขาได้เดินเข้าไปภายในป่าลึกอย่างช้าๆและระมัดระวัง
"มีคนสะกดรอบตามเรา "
หลินเทียนได้พูดออกมา
คิ้วของซูชูวได้ขมวดเข้าหากันก่อนที่จะพูดออกมาว่า
"การที่จะสามารถเข้ามาภายในสันเขานี้นั้นจำเป็นจะต้องเป็นศิษย์ของสำนักเรา คนพวกนี้ต้องการปล้นแก่นแท้จากเรา"
การทดสอบแบบนี้มีอยู่ทุกปีดังนั้นเรื่องนี้ไม่ได้แปลกอะไร
"ปล้นแก่นแท้ ? "
หลินเทียนได้พูดออกมา
พลังวิญญาณของเขารุนแรงอย่างมากดังนั้นถึงสามารถสัมผัสได้ถึงพละกำลังของพวกมันอย่างชัดเจน ณ ตอนนี้เขาสัมผัสได้ถึงจิตสังหารที่เข้มข้น !!
การจะปล้นนี้ไม่เห็นจำเป็นจะต้องมีจิตสังหาร
"มากับข้า"
เขาได้จูงมือซูชูวเดินไปอีกทาง
เมื่อถูกหลินเทียนจูงมือไปนั้นนางก็ได้แต่แสดงใบหน้าที่แดงก่ำออกมาก่อนที่จะพูดว่า
"เจ้านี่ !!"
ตั้งแต่เกิดมานี่เป็นครั้งแรกที่เพศตรงข้ามมาจูงมือเธอดังนั้นถึงได้ทำให้ใบหน้าเธอแดงก่ำทันที อย่างไรก็ตามเธอรู้ดีว่าสถานการณ์ปัจจุบันเป็นอย่างไรถึงได้ไม่ขัดขืน
ไม่นานพวกเขาก็ไปถึงสถานที่โล่งกว้างก่อนที่หลินเทียนจะหยุดเท้าลง
"ออกมา !! "
เขาได้หันหน้ากลับไปก่อนที่จะพูดออกมา
ซูชูวที่ยืนอยู่ข้างๆเขาได้มองตามสายตาเขาไป
"เฮ้! ดูเหมือนว่าประสาทการรับรู้จะดีหนิ ! "
เสียงหัวเราะที่เย็นชาได้ถูกส่งออกมาก่อนที่ชายหนุ่มห้าคนจะเดินออกมา
ท่าทางของซูชูวได้เปลี่ยนไปทันทีก่อนที่จะพูดออกมาว่า
"โม่หนิง โม่ซ่ง โม่กู่ โม่เฟย์ โม่เชียน นี่เจ้าต้องการจะทำอะไร !! "
เธอเป็นศิษย์ของมู่ชิงแถมยังอยู่ภายในสำนักมากกว่าปีดังนั้นถึงรู้จักคนทั้งห้านี้ดี พวกเขามีระดับพลังอยู่ในเขตแดนหล่อหลอมร่างกายระดับที่ 7และที่สำคัญที่สุดคือทั้งห้าล้วนเป็นคนจากตระกูลโม่ซึ่งนี่ทำให้คิ้วของนางต้องขมวดเข้าหากันด้วยลางสังหรณ์ที่เริ่มจะไม่ดี
"สกุลโม่ ? "
หลินเทียนได้หรี่ตาลง
เขาไม่ใช่คนโง่ดังนั้นถึงสามารถเดาได้ว่านี่มันเรื่องอะไร เมื่อหนึ่งเดือนก่อนหน้านี้เขาได้ฆ่าโม่เซินไปในการทดสอบเข้าร่วมสำนักซึ่งอยู่ดีๆการที่คนสกุลโม่ทั้งห้านี้โผล่มาพร้อมกันนั้นมันคงไม่ได้กะจะมาทักทายเขาอยู่แล้วแถมฝ่ายตรงข้ามยังมาด้วยจิตสังหารอีกด้วย
"เจ้าหนูตระกูลหลิน ก่อนหน้านี้ไม่นานยังเป็นพวกกระจอกแต่ไม่คิดเลยว่าตอนนี้จะมีความกล้าใหญ่เลยหนิ กล้าแม้กระทั่งฆ่าคนตระกูลโม่ของเรา !! "
โม่หนิงได้พูดออกมาด้วยสีหน้าเย็นชาก่อนที่จะก้าวเดินออกไปแล้วพูดว่า
"คงไม่รู้สินะว่าคำว่าตายเขียนยังไง !!! "