Divine King Of All Directions - 035
Divine King Of All Directions - 035
หลินเทียนได้บทสรุปว่าการเข้าร่วมกับทางสมาคมเองก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับตัวเองแถมยังสามารถทำภารกิจกับทางสมาคมเพื่อแลกเอาวัตถุดิบที่หายากได้อีกดังนั้นมันก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีอย่าว่าแต่เรื่องที่จะได้รับเงินเดือนด้วยยิ่งแล้วใหญ่
"อื้ม ข้าเข้าด้วยแล้วกัน "
เขาได้ตอบลกลับไป
เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้วกเก้อเจิ้งนั้นถึงกับแสดงสีหน้าที่เปลี่ยนไปออกมาทันที
"เสี่ยวเฟย์รีบไปลงทะเบียนให้น้องชายคนนี้เร็ว "
เก้อเจิ้งได้พูดออกมาก่อนที่จะส่ายศีรษะอย่างรวดเร็วแล้วพูดอย่างตื่นเต้นว่า
"ไม่ต้องแล้ว ข้าไปเอง "
หลินเทียน
".........."
กิริยาในตอนนี้ของเก้อเจิ้งนั้นไม่ต่างไปจากเด็กน้อยเลยด้วยซ้ำ
หลินเทียนก็ยังคงใช้ชื่อเฮ่ยเป่าอยู่เช่นเคยและเกี่ยวกับเรื่องนี้เก้อเจิ้งก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะทางสมาคมเองก็จะไม่สืบหาชื่อเสียงที่แท้จริงของสมาชิกอยู่แล้ว
"เอาล่ะเรียบร้อย "
เก้อเจิ้งได้หัวเราะออกมา
พูชิที่อยู่ข้างๆเองก็ได้พูดออกมา
"แก่แล้วน่ะ ดูท่าทางตื่นเต้นนั่นสิ "
เก้อเจิ้งได้หัวเราะแห้งๆออกมาก่อนที่จะไม่ได้อธิบายอะไร
การยืนยันต่างๆได้ดำเนินต่อไปและหลินเทียนเองก็ไม่คิดจะอยู่ที่นี่ต่อเพราะเวลาเขาเหลือไม่มากแล้ว เขาต้องกลับไปฝึกฝนต่ออีก หลังจากที่สนทนากับพูชิและเก้อเจิ้งแล้วเขาและพูชิก็ได้เดินออกไปทันที
ผู้คนโดยรอบต่างแสดงสีหน้าที่เคารพนับถือออกมาระหว่างมองไปทางพวกเขา
"น้องชายพอมีเวลาว่างไหม ? จะไปเป็นแขกที่ตำหนักแลกสมบัติเรา ? "
พูชิได้ถามออกมาด้วยรอยยิ้ม
หลินเทียนได้ตอบกลับไปว่า
"ขอขอบคุณเป็นอย่างมากแต่ข้ายังมีเรื่องที่ต้องรีบไปจัดการดังนั้นรอให้ว่างก่อนแล้วข้าจะไปรบกวนอย่างแน่นอน "
"โอเค แล้วจะรอให้วันนั้นมาถึง"
พูชิได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
หลังจากที่เขาได้เห็นความสามารถที่น่าทึ่งและไร้เทียมทานของหลินเทียนแล้วเขาก็มั่นใจได้ทันทีเลยว่าเบื้องหลังหลินเทียนจะต้องมีอาจารย์ที่แข็งแกร่งอย่างแน่นอน นั่นเป็นเหตุให้เขาเอาใจใส่หลินเทียนมากๆ
พวกเขาได้พูดออกมาขณะที่เดินออกไปด้านนอก
ณ ตอนนี้ประตูหน้าได้ถูกผลักเข้ามาอย่างดังก่อนที่ชายชราจะเดินเข้ามาพร้อมกับร่างสองร่างที่อาบไปด้วยเลือด หนึ่งในนั้นกำลังกอดหญิงสาวเอาไว้ซึ่งเสื้อผ้าสีขาวของเธอได้ถูกย้อมด้วยสีของเลือดจนเป็นฉีแดงฉาน
"ช่วยด้วย ! รีบๆมาช่วยเร็ว !"
ชายหนุ่มได้ตะโกนออกมา
กลิ่นคาวเลือดได้ฟุ้งไปในอากาศซึ่งหลายๆคนเองก็ถึงกับต้องขมวดคิ้วและหลังจากที่เห็นชายที่อยู่ข้างๆชายหนุ่มคนนี้แล้วท่าทางของผู้คนก็ถึงกับเปลี่ยนไปอย่างมากไม่เว้นแม้แต่พูชิหรือว่าเก้อเจิ้งก็ตามที
"ท่านแม่ทัพจี่ ? "
พูชิได้พูดออกมาด้วยท่าทางตกตะลึง
ผู้ที่บุกรุกเข้ามาหนึ่งในนั้นเป็นชายหนุ่มอายุราวๆ18ปีส่วนอีกคนเป็นชายชราที่สวมชุดเกราะสีทองเอาไว้ซึ่งอายุของเขาแก่กว่าพูชิและเก้อเจิ้งเสียอีก ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือดซึ่งคนๆนี้ทำให้เหล่าปรมาจารย์ด้านข่ายอาคมระดับสองต้องเดินเข้าหาโดยทันที
หลังจากที่เห็นท่าทางของทั้งสองแล้วหลินเทียนก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่สงสัยออกมาพร้อมกับถามพนักงานต้อนรับสาวข้างๆว่า
"เขาคือ ? "
พนักงานสาวได้แสดงสีหน้าที่ประหลาดใจออกมาที่หลินเทียนไม่รู้จักชายชราคนนั้นก่อนที่จะรีบอธิบายออกมาอย่างเคารพว่า
"ท่านคือท่านแม่ทัพจี่หยวนฉานเป็นผู้บุกเบิกกว่าหลายสิบปีแถมยังหยุดทัพของข้าศึกเอาไว้มากมาย ที่อาณาจักรเราสามารถสงบสุขได้ขนาดนี้ 50%ล้วนเป็นผลงานของท่านผู้นั้น "
ท่าทางของหลินเทียนถึงกับเปลี่ยนไปทันทีและไม่แปลกใจเลยที่ทำไมท่าทางของทุกคนถึงได้เปลี่ยนไป
"ท่านแม่ทัพ ? เกิดอะไรขึ้น ? ท่านมานี่ได้ไง ? แถมนี่ยัง.."
หัวใจของเก้อเจิ้งถึงกับสั่นสะท้าน
หลังจากที่มองไปยังร่างที่อาบไปด้วยเลือดของจี่หยวนฉานแล้วเขาก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่ตกตะลึงออกมา
ปีนี้จี่หยวนฉานนั้นมีอายุ 80ปีแต่ยังคงมีสภาพร่างกายที่ดูแข็งแรงดี ดวงตาของเขาสว่างไสวดั่งดวงดาวและส่งกลิ่นอายที่แข็งแกร่งผสมชนชั้นสูงออกมา
จี่หยวนฉานไม่รู้จักเก้อเจิ้งและพูชิทว่าหลังจากที่เห็นตราสัญลักษณ์ของปรมาจารย์ด้านข่ายอาคมแล้วท่าทางของเขาได้เปลี่ยนไปพลางพูดออกมาว่า
"ทั้งสองโปรดช่วยนางด้วย ! "
น้ำเสียงของเขาฟังดูมีอายุแถมยังแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกกระวนกระวายอย่างชัดเจน เขาได้แต่โอบอุ้มร่างของหญิงสาวที่อาบไปด้วยเลือดเอาไว้ซึ่งที่กลางหน้าอกของนางนั้นมีรอยแผลลึกแถมกลิ่นอายของนางยังเบาบางลงเรื่อยๆ
"นี่คือ ?"
นัยน์ตาของพูชิได้หดเล็กลงโดยทันที
"หลานสาวของข้าจี่หยู "
จี่หยวนฉานได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยจิตสังหารว่า
"กำลังอยู่ระหว่างทางกลับจากชายแดนแต่ไม่คิดเลยว่าจะถูกซุ่มโจมตี แม้ว่าศัตรูจะถูกกวาดล้างไปทั้งหมดแล้วแต่จี่หยูนาง.."
หลังจากที่ได้ยินเช่นนี้แล้วผู้คนทั้งหมดก็ประติดประต่อเรื่องราวได้ทันที
จักรวรรดิแห่งนี้มีแม่ทัพอยู่แปดคนซึ่งมีคนเดียวที่ถูกเรียกขานว่าเป็นสุดยอดแม่ทัพนั่นก็คือจี่หยวนฉานคนนี้ ! แน่นอนว่าศัตรูของจักรวรรดิต้องเห็นเขาเป็นเสี้ยนหนามอยู่แล้วดังนั้นเรื่องการลอบสังหารจึงถือว่าเป็นเรื่องที่ปกติและเกิดขึ้นบ่อยมาก
"ระยำเอ้ย ไอ้พวกศัตรูนี่มันกล้าดีจริงๆ "
ผู้บ่มเพาะหลายคนได้คำรามออกมาด้วยความโกรธ
จี่หยวนฉานได้พูดต่อขณะที่มองไปยังพูชิและเก้อเจิ้งว่า
"ทั้งสองเป็นปรมาจารย์ด้านข่ายอาคมดังนั้นโปรดรักษาชีวิตของนางด้วย !"
การเผชิญหน้ากับการถูกลอบสังหารนั้นเขาไม่ได้รู้สึกอะไรแต่บาดแผลของจี่หยูนั้นรุนแรงเป็นอย่างมากดังนั้นเขาถึงได้รีบอุ้มเธอแล้วตรงดิ่งเข้ามายังเมืองนี้โดยทันทีและหวังว่าสมาคมปรมาจารย์ด้านข่ายอาคมจะสามารถรักษาเธอได้เพราะถึงอย่างไรก็ตามความสามารถของพวกเขานั้นน่าทึ่งในหลายๆด้าน
"ท่านแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่อย่าเพิ่งกระวนกระวายไป โปรดวางแม่นางลงก่อน "
พูชิได้พูดออกมา
จี่หยวนฉานเองก็ได้พยักหน้าก่อนที่จะวางร่างของหญิงสาวในอ้อมอกลง
จนถึงตอนนี้เองที่ผู้คนได้เห็นรูปลักษณ์ของหญิงสาวคนนี้อย่างชัดเจน ความงามนี้แม้กระทั่งหลินเทียนที่อยู่ภายใต้ผ้าคลุมเองก็ยังต้องมีท่าทางเปลี่ยนไป หญิงสาวคนนี้ดูมีอายุราวๆ16ปี คิ้วของเธอดูงดงามแม้ว่าใบหน้าจะซีดเผือดก็ตามทีแต่มันก็มิอาจบดบังความงามของนางเอาไว้ได้ถึงขนาดทำให้แววตาของผู้คนเปล่งประกาย
"ในโลกนี้มีความงามเช่นนี้อยู่ด้วย! "
หลินเทียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
ณ ตอนนี้เก้อเจิ้งได้เดินเข้ามาก่อนที่จะตรวจสอบอาการบาดเจ็บของหญิงสาวคนนี้ เขาเป็นปรมาจารย์ด้านข่ายอาคมดังนั้นความสามารถของเขาไม่ธรรมดาอยู่แล้ว ฆ่าคนอื่นได้ก็ต้องรักษาได้เช่นกัน
หลังจากนั้นไม่นานท่าทางของเก้อเจิ้งก็ต้องหม่นหมองลงทันที
"เป็นไงบ้าง ? "
จี่หยวนฉานได้ถามออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
เก้อเจิ้งได้ส่ายศีรษะพร้อมกับแสดงสีหน้าที่ไม่ค่อยดีออกมา
พูชิได้เดินเข้าไปตรวจสอบอาการก่อนที่จะส่ายศีรษะเช่นกัน
"อาการบาดเจ็บร้ายแรงมากๆแถมยังเสียเลือดอย่างหนัก คงจะ...."
พูชิได้พูดออกมา
หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้นแล้วท่าทางของจี่หยวนฉานถึงกับเปลี่ยนไปเหมือนว่าเขาแก่ลงเป็นสิบๆปี
"ข้าบอกท่านแล้วว่าที่เล็กๆแบบนี้จะไปมีคนมีความสามารถได้ยังไงกัน !"
ชายหนุ่มที่ติดตามเขาได้พูดต่อว่า
"ท่านแม่ทัพเรารีบกลับไปที่เมืองหลวงให้เร็ว เราอย่าได้เสียเวลาอยู่ที่นี่อีกเลย ตระกูลเหล็งของข้ามียาดีที่สามารถรักษาหยูเอ๋อได้อย่างแน่นอน "
จี่หยวนฉานได้แสดงสีหน้าที่ผิดหวังออกมาก่อนที่จะพยักหน้าแล้วเตรียมจะนำตัวหญิงสาวออกไป
"รอก่อน"
ณ ตอนนี้เองที่พูชิได้เรียกออกมาพร้อมกับพูดว่า
"ท่านแม่ทัพผู้ยิ่งใหญ่ แน่นอนว่าเราสองคนไม่มีความสามารถพอแต่ว่าเพื่อนตัวน้อยคนนี้ช่วยได้แน่ๆ "
ระหว่างที่พูดพูชิก็ได้ชี้ไปทางหลินเที น
จี่หยวนฉานได้หยุดเท้าลงก่อนที่ถามออกมาโดยไม่สนการแต่งตัวประหลาดของหลินเทียนแม้แต่น้อยว่า
"จริงงั้นหรอ ? "
"ข้าก็ไม่กล้าฟันธงแต่บอกได้เพียงแค่ว่าน้องชายคนนี้แข็งแกร่งกว่าเราทั้งสอง "
พูชิได้พูดออกมา
แววตาของจี่หยวนฉานได้เปล่งประกายอ่อนๆ เขารู้ดีว่าพูชิและเก้อเจิ้งนั้นเป็นปรมาจารย์ด้านข่ายอาคมระดับ 2ที่หาตัวจับได้ยากแต่ตอนนี้กลับบอกว่าชายหนุ่มคนนี้แข็งแกร่งกว่าพวกเขาดังนั้นถึงได้เกิดความหวังขึ้นมาในจิตใจเขาทันที
ณ ตอนนี้เก้อเจิ้งได้มองไปทางหลินเทียนด้วยสีหน้าที่จริงจังพร้อมทั้งพูดว่า
"น้องชายเฮ่ยเป่า เจ้าลองดูหน่อยสิว่ามีวิธีไหม ? หากว่ามีทางช่วงก็โปรดช่วยด้วยเถอะ "
เก้อเจิ้งนั้นเป็นพวกหัวโบราณและมันเป็นเพราะเขานับถือในตัวแม่ทัพคนนี้แถมหลานสาวคนเดียวของเขายังได้รับบาดเจ็บอย่างหนักดังนั้นเขาถึงได้หวังไว้ว่าจะสามารถช่วยชีวิตนางได้
ทันใดนั้นเองที่สายตาของผู้คนได้จดจ่อไปยังหลินเทียนโดยทันที
หลินเทียนที่อยู่ภายใต้ชุดคลุมเองก็ได้มองไปยังจี่หยวนฉานที่กำลังโอบร่างของหญิงสาวเอาไว้ด้วยคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน ก่อนหน้านี้เขาก็ได้สังเกตการณ์อาการบาดเจ็บของนางแล้วเช่นกันแถมยังมีวิธีรักษาด้วยทว่าแนวทางการรักษานั้นมันค่อนข้างจะแปลกๆ
"น้องชาย มีวิธีไหม ? "
จี่หยวนฉานได้พูดออกมา
หลานสาวคนเดียวของเขาได้รับบาดเจ็บอย่างหนักและถึงแม้ท่าทางของเขาอาจจะดูสงบแต่ลึกๆแล้วกระวนกระวายเป็นอย่างมาก
ทันใดนั้นเองที่บรรยากาศโดยรอบได้เงียบลงโดยทันที
หลังจากที่ผ่านไปสามลมหายใจแล้วหลินเทียนก็ได้พยักหน้าภายใต้สีหน้าที่ตกตะลึงของจี่หยวนฉานพลางพูดออกมาว่า
"มีวิธีแต่......."
ตรงนี้เองที่หลินเทียนได้หยุดลง
"อะไร ? "
จี่หยวนฉานได้แสดงสีหน้าที่สงสัยออกมาก่อนที่จะพูดต่อว่า
"น้องชาย เจ้าต้องการอะไรก็บอกได้เลย ตราบใดที่ข้าให้ได้ข้าให้ทั้งหมดเลย "
หลินเทียนได้ส่ายศีรษะพร้อมกับพูดว่า
"ข้าไม่ได้ตั้งใจแบบนั้น"
"แล้วอะไร ? "
จี่หยวนฉานได้ถามออกมาพลางขมวดคิ้ว
ผู้คนโดยรอบต่างจดจ่อไปยังหลินเทียนเป็นสายตาเดียวกัน
"น้องชาย เวลามีค่ามากๆนะ มีอะไรจะพูดก็พูดมาได้เลยแล้วค่อยปรึกษาด้วยกัน"
พูชิได้พูดออกมา
แม้ว่าเพิ่งจะรู้จักหลินเทียนได้ไม่นานแถมยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชื่อจริงของเขาคืออะไรแต่พูชิรู้ว่าหลินเทียนไม่ใช่พวกที่จะฉวยโอกาสจากคนอย่างแน่นอน
หลินเทียนได้คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพยักหน้าแล้วพูดออกมาว่า
"ข้ามีข่ายอาคมคล้ายๆข่ายอาคมรวมพลังวิญญาณที่สามารถดูดพลังฉีโดยรอบเข้าร่างนางและช่วยรักษาอาการบาดเจ็บแต่..."
เขาได้หยุดลงตรงนี้ก่อนที่จะพูดออกมาว่า
"แต่ต้องให้นางอยู่ในสภาพเปลือยเปล่าเพื่อวาดลวดลายเหล่านั้น "
หลังจากที่ได้ยินเช่นนั้นแล้วใบหน้าของพูชิและเก้อเจิ้งก็ถึงกับเปลี่ยนสีไปทันที
"นี่......"
คิ้วของพวกเขาได้ขมวดเข้าหากัน
จี่หยวนฉานที่อยู่อีกฝั่งเองก็ไม่ต่างกัน
พวกเขาเข้าใจดีว่าร่างกายเปลือยเปล่าเพื่อวาดข่ายอาคมนั้นหมายความว่าไง
"ไม่ได้ ท่านแม่ทัพอย่าได้ตอบรับโดยเด็ดขาด! "
ชายหนุ่มที่ติดตามมาได้คำรามออกมาอย่างเย็นชาว่า
"ร่างกายบริสุทธิ์ของจี่หยูจะไปให้คนดูตามใจชอบได้ไง ! วาดข่ายอาคมบนร่างเปลือยเปล่าบ้าอะไร ! ข้าว่ามันต้องเป็นพวกหื่นกามที่มีจุดประสงค์ร้ายอย่างแน่นอน !"