Divine King Of All Directions - 010
Divine King Of All Directions - 010
เวลาพักครึ่งชั่วโมงได้จบลงซึ่งหลินเทียนเองก็ได้ฝากหลินซี่ไว้กับคนชายชราที่เขาเคยรู้จักก่อนที่จะรวมกลุ่มกับผู้รับการทดสอบคนอื่นๆ ภายใต้การนำของผู้ตัดสินนั้นพวกเขาก็ได้ไปถึงสถานที่ทดสอบแห่งที่สองอย่างรวดเร็ว
การทดสอบด่านที่สองนั้นคือการทดสอบสภาพจิตใจ
เส้นทางผู้บ่มเพาะนั้นเต็มไปด้วยการขึ้นและลง พรสวรรค์นั้นเป็นส่วนสำคัญก็จริงแต่สภาพจิตใจเองก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ หากว่ามีเพียงพรสวรรค์ที่แกร่งกล้าทว่าขาดความมุ่งมั่นแล้วความสำเร็จในภายภาคหน้าก็จะธรรมดาๆหรือบางทีอาจจะแย่กว่าคนอื่นๆที่ด้อยพรสวรรค์กว่าด้วยซ้ำ
ต้องรู้ก่อนนะว่าสังคมปัจจุบันนั้นมีสิ่งล่อลวงมากมายไม่ว่าจะเป็นความมั่งคั่ง อำนาจหรือแม้แต่ตัณหา สำหรับผู้บ่มเพาะพลังแล้วสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นอาวุธร้ายแรงซึ่งหากว่าไม่ได้มีจิตใจที่มั่นคงพอแล้วก็อาจจะพ่ายให้กับสิ่งเหล่านี้พร้อมทั้งเสียแรงผลักดันไปในท้ายที่สุด
ดังนั้นพรสวรรค์นั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
จิตในที่มั่นคงเองก็สำคัญไม่แพ้พรสวรรค์เลยแม้แต่น้อย
สถานที่ทดสอบของสำนักจิ่วหยางนั้นถูกจัดวางข่ายอาคมลวงตาเอาไว้โดยผู้เชี่ยวชาญเขตแดนผู้หยั่งรู้ซึ่งมีไว้ใช้สำหรับทดสอบสภาพจิตใจของผู้เข้ารับการทดสอบ
หลินเทียนนั้นได้เดินตามผู้เข้ารับการทดสอบคนอื่นๆก่อนที่จะไปถึงสวนด้านหลังของสำนัก
โม่เซินและเสี่ยวหยุนที่อยู่ในหมู่คนเองก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่น่าเกลียดออกมาขณะที่จ้องมองไปทางหลินเทียนด้วยแววตาดั่งเช่นอสรพิษร้าย
"ผู้อาวุโสโม่ ในที่สุดท่านก็กลับมา "
ผู้ตัดสินที่อยู่หัวแถวซึ่งรับผิดชอบการทดสอบด่านที่สองเองก็ได้หยุดเท้าลงก่อนที่จะพูดออกมา
เห็นเพียงแค่ชายวัยกลางคนที่อายุราว 47 ปีกำลังปลดปล่อยกลิ่นอายที่ให้ความรู้สึกเงียบสงบ
หลังจากที่ได้เห็นชายวัยกลางคนๆนี้แล้วท่าทางของโม่เซินเองก็เปลี่ยนเป็นมีความสุขขึ้นมาทันทีก่อนที่จะเดินเข้าหาชายคนนั้น
"ท่านลุง "
หลังจากที่เดินเข้าหาชายคนนั้นแล้วโม่เซินก็ได้เรียกออกมาอย่างเคารพ
ชายวัยกลางคนเองก็ได้พยักหน้าให้กับเขาก่อนที่จะกวาดตามองผู้เข้ารับการทดสอบคนอื่นๆพร้อมทั้งละสายตากลับมาที่ผู้ตัดสินพลางพูดว่า
"ได้ข่าวว่ามีผู้ที่มีพรสวรรค์ระดับเก้าดาราอยู่ด้วย ? "
ผู้ตัดสินที่กำลังจะตอบเองก็ได้ถูกตัดบทโดยโม่เซิน
"เป็นไอ้เจ้ากระจอกจากตระกูลหลินนั่นแหละ "
โม่เซินได้ชี้ไปทางหลินเทียนโดยทันที
ชายวัยกลางคนๆนี้มีชื่อว่าโม่ยี่ซึ่งเขาเป็นคนจากตระกูลโม่ของเมืองนี้แถวยังเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสของสำนักนี้ด้วย หลังจากที่ได้ยินคำพูดของโม่เซินแล้วเขาก็ได้แต่มองหลินเทียนด้วยสายตาที่ดุร้าย
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้ถอนสายตากลับมาก่อนที่จะมองไปยังผู้ตัดสินตรงหน้าพลางพูดว่า
"นำพวกเขาไปยังสถานที่ทดสอบแล้วก็อธิบายธรรมเนียมปฏิบัติของเราด้วย "
หลังจากที่พูดจบแล้วเขาก็ได้เดินไปทางสวนด้านหลังโดยทันที
สำหรับการทดสอบด่านที่สองนั้นจะมีผู้อาวุโสของสำนักมาคอยสังเกตการณ์บ้างเป็นบางครั้งทว่าหลานของเขาผู้ซึ่งมีพรสวรรค์ระดับห้าดาราอย่างโม่เซินมาเข้ารับการทดสอบดังนั้นถึงเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะต้องมาชมด้วยตัวเอง
"ฮึ้ม ! "
โม่เซินได้แสยะออกมาหลังจากที่กวาดตามองไปทางหลินเทียนก่อนที่จะเดินตามหลังโม่ยี่ไปทางสวนด้านหลังสำนัก
ท่าทางของหลินเทียนนั้นราบเรียบเป็นอย่างมาก เขาได้แต่ดูถูกการกระทำของโม่เซินก่อนที่จะเดินตามหลังฝูงชนไปก่อนที่จะไปถึงสถานที่ทดสอบด่านที่สอง
"ก้าวไปข้างหน้า หลังจากนี้พวกเจ้าจะได้เผชิญหน้ากับข่ายอาคมลวงตาซึ่งมันเป็นการทดสอบด่านที่สองของเราการทดสอบนี้แบ่งออกเป็นสามด่าน เวลาจำกัดของมันคือสี่ชั่วโมง ผู้ที่ก้าวออกมาได้เร็วกว่าคนอื่นก็หมายความว่าผู้นั้นเป็นผู้ที่มีจิตใจกล้าแกร่งกว่าคนอื่น หากว่าผ่านสี่ชั่วโมงไปแล้วแต่ยังไม่ได้ก้าวออกมาก็ถือว่าหมดสิทธิและจะถูกขับออกจากการทดสอบนี้ "
ผู้ตัดสินได้พูดออกมา
ขณะที่เขาพูดจบแล้วผู้เข้ารับการทดสอบเองก็เริ่มที่จะเดินเข้าไปใจกลาง
"เริ่มได้ ! "
หลังจากที่เห็นผู้เข้ารับการทดสอบเข้าไปประจำตำแหน่งแล้วผู้ตัดสินก็ได้ตะโกนออกมาอย่างดัง
หลินเทียนที่กำลังยืนอยู่เองก็พบว่าทันทีที่สิ้นเสียง 'เริ่มได้' นั้นภาพตรงหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที ภาพเบื้องหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยภูตผีปีศาจมากมายที่กำลังแสดงท่าทางข่มขู่มาทางเขารวมถึงปีศาจที่กำลังมุ่งหน้ามาทางเขาซึ่งในมือของมันเต็มไปด้วยเชือกและขวานเล่มใหญ่เหมือนว่ามันพร้อมที่จะลากเขาลงไปสู่ขุมนรกเอวจีได้ทุกเมื่อ
ท่าทางของหลินเทียนในตอนนี้ก็ยังคงราบเรียบอยู่เช่นเคยเหมือนดั่งว่าตัวเขาไม่ได้แยแสภาพตรงหน้านี้เลยแม้แต่น้อย
หลังจากที่ผ่านพ้นความตายมาได้อย่างฉิวเฉียดนั้นเขาจะไปกลัวไอ้ภูตผีพวกนี้ได้เยี่ยงไรกัน ?
เขายังคงยืนอยู่ ณ จุดเดิมโดยที่ไม่ขยับไปไหนโดยปล่อยให้ภูตผูปีศาจที่พุ่งเข้ามาโจมตีเขาทะลุผ่านตัวไปเฉยๆ
การทดสอบแรกผ่านแล้ว !
"ไม่เห็นจะเท่าไหร่ "
เขาได้แต่คิดอยู่ภายในใจ
ชั่ววินาทีต่อมานั้นภาพตรงหน้าของเขาก็ได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง ดวงอาทิตย์สว่างไสวอยู่สุดขอบฟ้าพร้อมทั้งกองกำลังมากมายที่สามารถทำให้โลกต้องสั่นสะเทือนกำลังมุ่งหน้ามาทางเขาโดยที่กวัดแกว่งหอกแหลมเอาไว้ในมือ
หลินเทียนเองก็ยังคงยืนอยู่อย่างเงียบสงบโดยที่ท่าทางของเขายังไม่ได้เปลี่ยนไปเช่นเคย
ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันก่อนนั้น ในภาพความฝันบนยอดภูเขานอกเมืองของเขาได้พบกับการห้ำหั่นกันของร่างเก้าร่างที่สามารถฉีกท้องฟ้าและผืนดินออกเป็นชิ้นๆได้
หากว่าเทียบกันแล้วกองทัพเหล่านี้มันจะถือว่ายังไง ?
กองทัพมากกว่าหลายพันคนได้มุ่งหน้ามาทางเขาซึ่งตอนนี้เองที่ภาพมายาไม่สามารถต้านทานได้ก่อนที่กองทัพทั้งหมดจะสูญสลายไปเป็นผงธุลี
การทดสอบที่สองได้ผ่านไป !
"การทดสอบสุดท้าย"
หลินเทียนได้พูดกับตัวเอง
การทดสอบด่านสุดท้ายนั้นเขาได้ปรากฏอยู่ท่ามกลางคฤหาสน์หรูหราซึ่งกลิ่นอายภายในนั้นหอมหวานเป็นอย่างมาก ตรงหน้าเขาเต็มไปด้วยหญิงสาวรูปร่างผอมบางกว่าหลายสิบนางซึ่งเผยให้เห็นถึงบางส่วนของตัวเองขณะโยกย้ายร่างกายที่ยั่วยวนมาทางเขา
หญิงสาวนับสิบเองก็เริ่มขยับเลือนร่างอันยั่วยวนของเธอเหมือนดั่งภูตพราย
"มานี่สิ ! "
เสียงเชื้อเชิญของหญิงสาวได้ถูกเปล่งออกมาซึ่งตอนนี้เองที่เธอใช้เลือนร่างอันงดงามถูไถไปตามร่างกายของหลินเทียนก่อนที่จะถอดชุดออกทีละชิ้น ท้ายที่สุดแล้วหญิงสาวเหล่านี้ก็ได้เผยให้เห็นถึงเรือนร่างไร้การปกปิดพลางแสดงท่าทางยั่วยวนอยู่ตรงหน้าหลินเทียน
นี่มันเป็นสิ่งยั่วยวนที่ทำให้ผู้ชายทุกคนล้วนเดือดพล่าน
หลินเทียนเองก็ยังคงยืนอย่างสงบนิ่งโดยที่แสดงสีหน้าที่เย้ยหยันออกมา
เพิ่งจะรอดตายมาได้อ ่างฉิวเฉียดแถมยังหยุดมาที่โลกนี้ด้วย เมื่อผ่านเรื่องราวระหว่างเสี่ยวหยุนนี้ยิ่งแล้วใหญ่ เขาได้ตระหนักถึงความจริงว่า หากว่าไม่มีความมั่งคั่งหรือพลังอำนาจแล้วสาวงามก็เปรียบได้ดั่งฟองสบู่ในอากาศที่พร้อมจะสลายหายไปได้ทุกเมื่อ
ตอนนี้ เขาไม่เหลืออะไรเลยดังนั้นสำหรับเขาแล้วสิ่งเหล่านี้ก็เป็นเพียงภาพลวงตาเท่านั้น
ขณะที่อยู่ภายในคฤหาสน์แห่งนี้นั้นหัวใจเขาแกร่งดั่งหินผา ไม่ว่าอะไรก็มิสามารถสั่นคลอนมันได้
ตอนนี้สิ่งที่เขาจำเป็นต้องทำคือการบ่มเพาะพลัง มีเพียงพัฒนาตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น
ข้างๆสนามนี้โม่ยี่เองก็กำลังกอดอกของตัวเองเอาไว้ขณะที่ข้างกายเขามีผู้อาวุโสสองคนจากสำนักแห่งนี้ที่มีชื่อว่ามู่ชิงและฉีดง
"การทดสอบครั้งนี้มีผู้มากพรสวรรค์อยู่มากมาย เจ้าว่าใครจะเป็นผู้ที่ผ่านการทดสอบด่านที่สองนี้เป็นคนแรกกัน "
มู่ชิงได้เอ่ยปากออกมา
ชายคนนี้ได้แต่จ้องมองไปยังหลินเทียนที่อยู่ตรงหน้าอย่างไม่วางตา
ชายชราที่รับผิดชอบการมดสอบด่านที่หนึ่งได้รายงานกับเขาและผู้อาวุโสคนอื่นๆซึ่งสำหรับเขาแล้วผู้มีพรสวรรค์ระดับเก้าดารานี้เป็นเหมือนดั่งความหวัง
"ตอบยากเหมือนกันแหะ สภาพจิตใจและพรสวรรค์เองก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันดังนั้นบางคนถึงแม้ว่าพรสวรรค์จะสูงมากๆแต่กลับมีสภาพจิตใจที่เปราะบาง บางคนแม้จะไม่มีพรสวรรค์ด้านการบ่มเพาะพลังเลยแต่กลับมีจิตใจที่มั่นคงและแน่วแน่จนน่ากลัว "
ฉีดงได้ส่ายศีรษะของเขา
"โม่ยี่ ท่านคิดว่าไง "
"เหมือนกัน "
ฉีดงเองก็ได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า
"แต่ไม่ว่าพรสวรรค์ของเด็กพวกนี้จะกล้าแกร่งขนาดไหนแต่สภาพจิตใจคงไม่สามารถเทียบเคียงกับเจ้าหนูโม่จี่ได้ สำหรับข้าแล้วเขาเป็นเด็กที่แข็งแกร่งที่สุดที่ข้าได้เคยพบเจอตั้งแต่เกิดมาเลยก็ว่าได้ "
"นี่ก็จริง จิตใจของเจ้าหนูนั่นน่ากลัวมากเหมือนว่าเกิดมาเพื่อการต่อสู้เลยก็ว่าได้ "
มู่ชิงได้ให้การสนับสนุนความคิดเห็น
โม่จี่นั้นเป็นหลานของโม่ยี่ดังนั้นหลังจากที่ได้ยินพวกเขาสองคนพูดแบบนี้แล้วก็ได้แต่แสดงสีหน้าที่มีความสุขออกมา
"เจ้าหนูโม่เซินเองก็ได้รับอิทธิพลจากพี่ชายมาด้วยดังนั้นคงไม่ห่างชั้นกันมาก ข้าว่าผู้ที่มีความเป็นไปได้สูงที่สุดที่จะผ่านการทดสอบเป็นคนแรกต้องเป็นเจ้าหนูโม่เซินอย่างแน่นอน "
โม่ยี่ได้พูดออกมา
ฉีดงเองก็ได้พยักหน้าพร้อมกับพูดว่า
"มีความเป็นไปได้อยู่สูงมาก "
"ก่อนหน้านี้โม่จี่ใช้เวลาไปเท่าไหร่กันนะ รู้สึกว่าจะเป็นครึ่งชั่วโมงสินะ "
"ใช่ ครึ่งชั่วโมง ตอนนี้ก็ผ่านไปสิบห้านาทีแล้ว เรายังไปพักผ่อนกันก่อนได้ "
พวกเขาทั้งสามคนได้พูดออกมา
อย่างไรก็ตามชั่ววินาทีนี้เองที่ท่าทางของทั้งสามคนได้เปลี่ยนไปอย่างมาก
หลินเทียนที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขาได้ลืมตาตื่นขึ้นมา
"นี่มันอะไรกัน ? "
"นี่....."
ท่าทางของพวกเขาทั้งสามคนถึงกับเปลี่ยนสีไปทันที
ในลานนี้หลินเทียนได้กวาดตามองไปที่ผู้รับการท สอบคนอื่นๆอย่างราบเรียบก่อนที่จะหยุดอยู่ที่ผู้ตัดสินซึ่งกำลังจ้องมองที่เขาด้วยนัยน์ตาเบิกกว้าง
"นี่...."
ผู้ตัดสินที่มีหน้าที่รับผิดชอบการทดสอบนี้เองก็ถึงกับแข็งค้างไปกับฉากตรงหน้านี้โดยทันที
ผ่านการทดสอบได้ภายในสิบห้านาที !