บทที่ 128 - บุก (4) [อ่านฟรีวันที่ 28/02/2562]
บทที่ 128 - บุก (4)
"หือ? เฮ้ ดูนั่น..."
"อ๊ากกกกก!"
เมื่อพวกเขารู้ตัวมันก็สายเกินไปแล้ว แม้แต่เผ่าหมาป่าที่มีความคล่องตัวกับความหยืดหยุ่นที่สูงมากในหมู่ของคลาส 3 ก็ไม่อาจจะตอบสนองได้ทัน ถ้างั้นแล้วพวกอ่อนแอคลาส 2 จะไปป้องกันหอกขว้างของยูอิลฮานได้ยังไงกันล่ะ?
จากวินาทีที่ยูอิลฮานก้าวเท้าออกไปมันใช้เวลาเพียงแค่สองวินาทีเท่านั้นในการจัดการเคลียร์สถานการณ์ หอกกระดูกมังกรหนักหลายร้อยตันได้ตกลงมาจากด้านบนและบดขยี้หัวของพวกเขาไป มันไม่มีทางที่พวกคลาส 2 ธรรมดาๆจะทนในสิ่งนี้ได้
"เอ๋ ไม่มีใครรอดเลย"
[พวกนี้น่าจะรวบศพทั้งหมดมาหลังจากฆ่าคนทั้งหมดแล้ว] (เลียร่า)
[ศพเพิ่งจะตายไปยังไม่ถึงสองชั่วโมงเลย นี่มันหมายความว่าในตอนนี้แผนของพวกนั้นกำลังอยู่ในระหว่างการทำการ ดังนั้นการที่เราหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่เลวร้ายมาได้ก็เพราะสัญชาตญาณของนาย] (สเปียร่า)
ยูอิลฮานได้เก็บศพทั้งหมดา รวมทั้งของเหยื่อและผู้ร้ายเข้าไปในช่องเก็บของ มันไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้อยากจะฝังศพคนพวกนี้ แต่ว่าเพราะสถานการณ์ที่เร่งด่วนทำให้เขาตัดสินใจที่จะจัดการฝังศพภายในทีเดียว
[อิลฮาน นายไม่เป็นไรใช่ไหม?] (เลียร่า)
"ฉันไม่เป็นไร... ฉันไม่เป็นไรจริงๆ"
[อิลฮาน...] (เลียร่า)
เขาไม่ได้เคลื่อนไหวเพื่อช่วยโลกมาแต่แรกเลย มันกระทั่งน่าขำมากที่คนบนโลกยกย่องเขากัน ตัวเขาเองคิดว่าหลักฐานหน้าที่หรือความยุติธรรมมันต่างก็เป็นเรื่องไร้สาระทั้งเพ
อนาคตของมนุษยชาติ ปกป้องโลก และสิ่งอื่นๆทั้งหมดจำพวกนี้มันไร้ความหมายและเป็นสิ่งที่น่ารำคาญสำหรับเขา ถ้าเขา พ่อแม่ เลียร่า เอิลต้า เอลฟ์ มิล แล้วก็....โอเค เอริเซีย คังมิเรย์ สเปียร่า คนทั้งหมดนี่ไม่เป็นไร เขาก็ไม่ได้สนใจเรื่องคนอื่นเลยแม้แต่นิด
เหตุผลที่เขาฆ่าคนพวกนี้ทั้งหมดก็เพราะมันเป็นอันตรายต่อโลกและตัวเขาด้วย ถ้ากองทัพปีศาจแห่งการทำลายตัดสินใจไปฆ่าล้างเผ่าพันธ์ที่อื่นที่ไม่ใช่โลกนี้เขาก็จะไม่สนเลยแม้แต่นิดเดียว
ปัญหาก็อยู่ตรงที่พวกมันกลับมาสร้างความวุ่นวายบนโลกที่ขาอยู่ จนถึงตอนนี้เขาไม่เคยคิดว่าการฆ่าศัตรูของเขามันเหมือนการกวาดขยะในบ้านเลย
แต่ว่าใช่แล้วในตอนนี้เขารู้สึกรังเกียจ มันไม่ใช่เพราะว่าความตายของคนบนโลกหรือคนบนโลกอื่น แต่ว่ามันเป็นเพราะการได้เห็นคนถลกหนังคนด้วยกันเอง
แน่นอนว่ามอนสเตอร์ก็กินเผ่าพันธ์เดียวกัน แต่ว่านั่นก็ไม่ได้มีแค่คนเดียว แต่คือทั้งเผ่าพันธ์อยู่แล้วนี่ ยังไงก็ตามสิ่งที่คนพวกนี้กำลังทำอยู่ล่ะ? ไม่ใช่คนพวกนี้เลวร้ายยิ่งไปกว่ามอนสเตอร์อีกหรอกหรอ?
'เรายังจะเรียกตัวเองว่าเผ่าพันธ์ที่พัฒนาแล้วได้อีกหรอในเมื่อเรากำลังผลักดันตัวเองไปสู่การทำลายนะ?'
บางทีอาจจะมีคนตอบกลับมาด้วยคำพูดในมุมมองของโลกพวกเขาเอง พวกเราคงจะคิดว่าพวกเขาเป็นเพียง 'มนุษย์' และเหตุผลที่เขาบุกโลก เหตุผลที่เขาฆ่าถลกหนังมนุษย์บนโลกมันก็เพื่อทำให้เผ่าพันธ์มนุษย์ของพวกเขาอยู่ต่อ แต่ไม่ว่ายังไงวิธีนั่นมันก็คือการเดินหน้าไปสู่แผนการทำลายนี่
สำหรับคนพวกนี้ ยูอิลฮานได้แต่พูดคำๆนี้ออกไป
ฉันจะทำลายพวกนายเอง
"เร่งขึ้นอีกนิดล่ะกัน"
ยูอิลฮานได้พูดเบาๆเก็บความโกรธลงไปลึกๆ ก่อนที่จะพูดกับทูตสวรรค์ว่าเขาจะเร่งความเร็วขึ้นอีกนิด
[นายยังเร็วกว่านี้ได้อีก!] (เลียร่า)
[หืมมม... นายนี่ยอดเยี่ยมจริงๆ] (สเปียร่า)
เมื่อได้ดื่มลมหายใจลงไป เขาได้เปิดใช้งานพลังเหนือมนุษย์กระโดดไปข้างหน้าด้วยพลังกล้ามเนื้อขาของเขาสุดพลังจุดขาเกือบฉีก พลังการฟื้นฟูเหนือมนุษย์ของเขาก็ยังเร่งการฟื้นฟูไปที่ขาของเขาเพียงอย่างเดียวทำให้ฟื้นฟูความเสียหายของกล้ามเนื้อในทันทีที่ฉีก
ก่อนหน้นี้มันดูเหมือนว่าเขาจะเร่งความเร็วเต็มที่แล้ว แต่มันไม่ใช่แบบนั้น ถ้าเขาอยากจะเร็วกว่านี้อีก เขาก็ยังทำได้
เพียงแต่ว่าการจะวิ่งเร็วไปกว่านี้ เขาจะต้องปล่อยร่างกายและจิตใจไปกับมัน เขาได้ปล่อยให้ทูตสวรรค์ทำหน้าที่ในการค้นหาศัตรูรอบๆและตัวเขาตั้งสมาธิไปกับการเร่งความเร็ว
[ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแค่คลาส 3 ก็จะมาถึงความเร็วระดับนี้ได้] (สเปียร่า)
[ถ้าเธออยู่กับยูอิลฮานไปอีกสักพัก เธอก็จะได้เจอกับประสบการณ์แบบนี้อีกมากเลยล่ะ] (เลียร่า)
เนื่องจากว่าพวกเขาอยู่บนเกาะเล็กๆในหมู่เกาะทั้งหมดมีจำนวนคนไม่น้อยอยู่ที่นี่ และพวกมันก็ดูเหมือนจะรู้ในเรื่องนี้ทำให้มีพวกผู้บุกรุกอยู่มากเช่นกัน ยูอิลฮานได้เจอกลุ่มของศัตรูมากกว่าสองกลุ่มและเจอกลุ่มศพที่ถูกเก็บไว้บนเรือ
ยูอิลฮานได้ยืนยันว่าไม่มีใครรอดในหมู่คนพวกนี้ ฆ่าผู้บุกรุกที่มีชีวิตอยู่และเก็บศพทั้งหมดลงไปในช่องเก็บของ
มันเป็นเรื่องดีที่เขาจัดการของในช่องเก็บของเสร็จหมดแล้วในก่อนหน้านี้ ถ้าไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่อาจจะเก็บศพไปได้หมดแน่
[เกาะทั้งหมดรอบๆนี่เป็นแบบนี้ไปยังนะ?] (เลียร่า)
[ถ้าพวกเราช้าไปซักนิด มันอาจจะไปถึงจุดที่ย้อนคืนไม่ได้แล้วก็ได้] (สเปียร่า)
ถ้าหากมีคนใส่หนังของคนอื่นด้วยการแปรธาตุมันก็จะไม่มีสัญญาณแปลกใดๆจากภายนอกเลย และเนื่องจากมันไม่มีการเปลื่ยนแปลงทางเวทย์ทำให้การตรวจจับมานาไม่อาจจะตรวจเจอได้ ถ้าเป็นคนรู้จักกันก็จะรู้ตัวได้ง่ายแต่ว่าถ้าคนรู้จักทั้งหมดตายไปและถูกคนอื่นมาแทนที่ล่ะ? นี่มันจะการเป็นอาญชญากรรมอำพรางสมบูรณ์แบบ
จะเป็นยังไงถ้าผู้บุกรุกได้ไปพิชิตทั้งประเทศแบบนี้และซ่อนตัวเองในประเทศนั้นระหว่างที่ผู้ใช้พลังบนโลกกำลังต่อสูบนโลกที่ถูกทิ้ง? แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหากพวกมันไม่ได้หยุดแค่ประเทศเดียวและกระจายกันไปทั่วโลกล่ะ?
ต่อให้เขาเจอศัตรูในระหว่างพวกมันกำลังทำแบบนั้น พวกเขาก็ไม่อาจจะทำอะไรได้เนื่องจากเพราะพวกเขาไม่รู้ว่าใครที่มาจากโลกและใครที่มาจากต่างโลก นอกไปจากนี้ถ้าหากหายนะครั้งใหญ่ครั้งที่สองเกิดขึ้นในตอนนี้ พวกเขาก็จะอยู่ในจุดที่ไม่อาจจะไปหาคนจากโลกอื่นที่ซ่อนตัวอยู่ได้อีก
ในความเป็นจริงแล้วในตอนนี้สถานการณ์ก็ไม่ได้ดีเลย พวกมันดูเหมือนว่ากำลังดำเนินการกันอยู่ด้วย แต่ยูอิลฮานก็ไม่รู้ว่าการบุกรุกมันเริ่มต้นจากตรงไหน
เพราะแบบนี้สิ่งที่เขาทำได้ก็คือการจัดการกวาดลากฉากอาญชญากรรมให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้และหาร่องรอยของคนที่มีการปลอมแปลงตัวตนและฆ่าพวกนั้นทิ้ง
ร่องรอยของคนที่เอาผิวหนังของคนอื่นมาปกปิดตัวเอง? ถ้าเป็นคนอื่นมันก็อาจจะเป็นไปไม่ได้เลย แต่ว่าสำหรับยูอิลฮานแล้วนี่มันเป็นไปได้ ตัวเขานั้นมีการปกปิดตัวตนที่ซ่อนตัวจากเทพเจ้าได้เชียวนะ
ยูอิลฮานกำลังเร่งตัวเอง เขาได้แต่ภาวนาว่ามันจะไม่สายไป ภาวนาว่าเขาจะกู้สถานการณ์กลับมาได้
[อิลฮาน ที่นี่ฉันรู้สึกได้ถึงมัน! กลุ่มนี่มันค่อนข้างใหญ่...?] (เลียร่า)
[คลาส 2 เป็นร้อยคนและคลาส 3 อีกหนึ่งคนด้วย นายสัมผัสถึงพวกนั้นได้ไหม?] (สเปียร่า)
"ฉันรู้สึกได้ถึงพวกนั้น"
เกาะส่วนใหญ่ของประเทศที่ใกล้กับอเมริกาได้ถูกทำลายลงไปอย่างที่เขาคิดไว้ สถานที่ที่เขาหยุดก็ยังเป็นหนึ่งในที่แบบนั้นด้วย ในเขตมุมอับระหว่างตึกมีชายใส่เกราะที่ดูเหมือนกัปตันอัศวินโต๊ะกลมกำลังนำลูกน้องนับร้อยทำในสิ่งที่น่าขยะแขยงกันอยู่
"กัปตันทำไมเราต้องระวังขนาดนี้ด้วย"
"พวกเราก็แค่ไปสู้กับพวกมันตรงๆสิ ไม่ใช่ว่าเจ้าคนบนโลกนี้มันก็อ่อนแอไปหมดหรอกหรอ? พวกมันจะมีแต่หัวเราะที่เราทำร้ายพวกมันไม่ได้"
"ใครบอกให้แกหยุดทำแล้วพูดกันห๊ะ?"
"มันช่วยไม่ได้นี่ในเมื่อมันเป็นคำสั่งมาจากเบื้องบน เร็วเข้าพวกเรามีเวลาไม่มากแล้ว"
มันดูเหมือนว่าคนพวกนี้ก็จะมีเหตุผลของตัวเองอยู่ แต่ก็เท่านั้น ยูอิลฮานได้หยักโบกมือเบาๆ หอกห้าเล่มได้ปรากฏบนหัวของกัปตันและตกลงมาบดขยี้หัวและร่างกายเขาไป
[คุณได้รับค่าประสบการณ์ 14,039,384]
[คุณได้รับข้อมูลโครมาโน่ อิ เปด้าเลเวล 134] (ขอเปลื่ยนบันทึกเป็นข้อมูลแทนนะครับ)
"กะ กัปตัน!?"
"ยะ หยุดทำได้แล้ว! ทุกคนหยุดถลกหนัง! กัปตันโดนซุ่มโจมตีตายไปแล้ว!"
ความวุ่นวายไปปะทุขึ้นมาในทันทึ สภาพแวดล้อมแบบนี้คือสิ่งที่ยูอิลฮานชอบเป็นที่สุด เขาได้เรียกหอกตกลงมาฆ่าคนทั้งหมดนี่อย่างไร้ปราณี
เพื่อจัดการคนพวกนี้เขาไม่จำเป็นต้องใช้วิธีอื่นเลย ด้วยความสามารถนี้ที่เขาศึกษามาเพื่อจัดการฆ่าศัตรูจำนวนมาก เขาได้ฆ่าคนพวกนี้ลงไปอย่างกับผักปลา
เพราะแบบนี้ไม่มีใครรู้เลยว่าใครเป็นคนฆ่า และดังนั้นพวกเขาจึงได้ตายไปโดยไม่ได้ทำอะไรสำเร็จเลย
ในเวลาแค่ 30 นาที ยูอิลฮานได้ผ่านไปกว่าสิบเกาะและฆ่าคลาส 3 ไปเจ็ดคน คลาส 2 ไปอีกสองพันกว่าคน นี่มันดูเหมือนจะไม่มีอะไรมากเลยเนื่องจากว่ายูอิลฮานกับโลกนี่มันผิดปกติ แต่ว่าในความเป็นจริงจำนวนนี้คือกองพันที่แข็งแกร่งของโลกอื่นแล้ว
"ยังไงก็ตาม นี่ก็เป็นแค่การเริ่มต้น"
อย่างน้อยที่สุดเกาะรอบๆที่นี่ไม่มีร่องรอยของผู้บุกรุกอีก หัวใจของเขาได้ปวดร้าวกับความจริงที่ว่าเกาะต่างๆไร้ซึ่งผู้คนไปจากการโดนฆ่าล้างสังหารหมู่ เขาจะไม่กลับมาที่นี่อีกเว้นแต่จะมีกองทัพบุกรุกมาอีก
ถ้าจะถามว่าผู้บุกรุกถูกกำจัดหมดหรือยัง? คำตอบคือไม่ ไม่เพียงแค่จะไม่มีคนที่ดูแลรับผิดชอบในหลักๆในงานนี้ในหมู่คนที่เขาฆ๋าเท่านั้น แต่มันยังไม่มีเกตที่เชื่อมต่อกับโลกอื่นให้เห็นอีกด้วย
เนื่องจากว่ามีการเชื่อมต่อกับโลกอื่น มันก็ต้องชัดเจนว่ามันมีคนทรยศของกองทัพสวรรค์อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่อาจจะเจอแม้แต่เส้นขนของทูตสวรรค์สักคนเดียว
ความหมายของสิ่งนี้ก็ง่ายมาก ที่นี่ไม่ใช่ที่แรกที่พวกมันมา เขาต้องถอนรากถอนโคนในที่แห่งนั้น สถานที่ที่น่าจะอยู่ใกล้ๆกับที่นี่
ยูอิลฮานคิดว่าที่นั่นน่าจะเป็นเวเนซุเอลา มันเป็นประเทศที่ใกล้ที่สุดกับหมู่เกาะพวกนี่ น่าเศร้าที่หากเขาไม่ได้หยุดความคิดที่จะไปโดนเครื่องบิน เขาก็คงไปถึงในปลายทางการทำลายได้นานแล้ว
เลียร่าได้ถามออกมาด้วยน้ำเสียงระแวดระวัง
[แล้วถ้าไม่ใช่เวเนซุเอล่าล่ะ?] (เลียร่า)
"ถ้างั้น..."
ยูอิลฮานได้พูดออกมาเหมือนกับเขาไม่อยากจะคิดเรื่องแบบนี้ในขณะที่ขว้างโล่กระดูกมังกรออกไปเป็นที่หยั่งเท้ากลางอากาศ
"ฉันคงจะต้องกวาดล้างทั้งทวีปอเมริกาใต้"
***
ในตอนที่ผู้ใช้พลังได้ยินเรื่องการเชื่อมต่อโลกที่ถูกทิ้งอีกแห่งหนึ่งก็ในตอนหลังจากวิกฤติของไคโรไม่นานนัก พวกเราได้หวาดหวั่นกับมัน ที่ที่เกิดเหตุคือนิวยอร์กเชียวนะ!
คนแรกที่เจอเรื่องนี้คือหัวหน้ากลุ่ม 'ผลาญวิญญาณ' ที่อยู่ในกลุ่มพันธมติรแนวหน้า เขาเป็นคนมีความสามารถที่ได้มีทูตสวรรค์ผู้พิทักษ์ติดตัวอยู่ด้วย แถมเขายังมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่นด้วยการช่วยคนอื่นๆ
นอกไปจากนี้เขายังเคยได้มีประสบการณ์ได้สู้กับหมาป่าในไคโรด้วยการร่วมมือกับกลุ่มเทพสายฟ้า เขารู้เป็นอย่างดีว่ามันจะน่ารำคาญยังไงสำหรับการที่มีการเชื่อมต่อกับโลกอื่นเกิดขึ้นมา
"เวรเอ้ย ทำไมมันถึงได้มาเกิดที่นิวยอร์กนี่..."
"มันเหมือนกับว่าพวกมันรู้ว่าจะเกิดความเสียหายมากที่สุดถ้ามันเชื่อมต่อกับที่นี่แหละ บ้าเอ้ย....!"
ชาวโลกทุกๆคนต่างก็มุ่งความสนใจมาที่นิวยอร์กอย่างที่ยูอิลฮานได้คิดเอาไว้ ผู้ใช้พลังทั้งหมดที่มั่นใจในพลังของตัวเองต่างก็มุ่งหน้าไปที่นิวยอร์ก ถ้าหากว่านิวยอร์กล่มสลายลงไป ความเสียหายมันจะไม่จบแค่ในอเมริกาแน่
ในครั้งนี้มันต่างไปจากโลกที่ถูกทิ้งที่โผล่ขึ้นในกังนัมที่เกาหลีมาก ไม่ว่าจะเป็นทั้งความสนใจของผู้ใช้พลัง ของทางทหาร หรือของสื่อกับคนต่างๆบนโลกก็ตาม
ไม่เพียงแต่ว่าเหตุการณ์ในเกาหลีรู้ได้ก่อนที่เกตจะเปิดเท่านั้น ซูซาโนะยังได้จัดการจบเรื่องลงอย่างรวดเร็ว แต่ว่าในครั้งนี้มีเวลาเหลืออยู่น้อยมาก
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นแบบนี้มันดูเหมือนกับเทศกาลมากๆ มันเหมือนกับมีการจัดโอลิมปิกหรือบอลโลกขึ้นมา ผู้คนจำนวนมากได้มารวมตัวกันส่งกำลังใจ
"เจ้าพวกโง่"
หัวหน้ากลุ่มอัศวินโลหะมิเชล สมิธสันได้พบว่านี่มันบ้ามากที่มีคนมาตั้งร้านก่อความวุ่นวายทั้งๆที่มันเหลือเวลาอีกไม่มากแล้วก่อนเกตจะเปิดขึ้นมา
"ฉันคิดว่าถ้าเกตเปิดออกมาพวกนั้นคิดจะวิ่งไปในต่างโลก"
"คุณมาลาเทสต้า... ถ้าใครๆก็ทำได้ งั้นโลกนี้ก็คงไม่มีคนอยู่แล้ว"
"บางทีคนพวกนั้นอาจจะอยากไล่ความกลัวจากมอนสเตอร์ไปด้วยความวุ่นวายแบบนี้ หรือบางทีพวกเขาอยากจะดูพวกเขาป้องกันนิวยอร์ก จัดการมอนสเตอร์ล่ะมั้ง โอ้ นายอยากจะกินนี่หรอ?"
"ฮึ่ม ด้วยความยินดี"
เมื่อมองดูมิเชล สมิธสันกัดฮ็อทด็อกที่เธอสงให้ หัวหน้ากลุ่มมาเจียคาริน่า มาลาเทสต้าได้หัวเราะออกมา เธอได้คิดว่านี่มันน่ารักมากที่เขายอมรับมันไป
ข้างหลังพวกเขา คนเกาหลีก็ได้เข้ามานั่นก็คือสมาชิกของกลุ่มเทพสายฟ้า
"สบายดีนะคุณสมิธสัน คุณมาลาเทสต้า หัวหน้ากลุ่มเราอยากจะเจอคุณนะ"
"กลุ่มเทพสายฟ้า? คุณคังมิเรย์น่ะหรอ?"
ท่าทางของมิเชล สมิธสันได้สดใสขึ้นมา ในขณะที่คาริน่า มาลาเทสต้าดูจะสงสัย
"พวกเราทั้งสองคนพร้อมกันเลย? พวกเราสองคนมีอะไรที่เกี่ยวกันหรอ? นี่ต้องเป็นเรื่องการต่อสู้สินะ? งั้นไปกันเถอะ"
"ผมก็ไม่รู้แน่นัก ในเมื่อผมมีอาร์ติแฟคในการลดความสนใจอยู่ ตอนนี้พวกเราน่าจะไปได้โดยหลีกความสนใจจากผู้คนได้"
"หลีกเลี่ยงความสนใจ?"
นี่ไม่ใช่แค่พวกเขา หัวหน้าตระกูลที่อยู่ในพันธมิตรแนวหน้าและในหมู่คนที่ไม่ได้มีทูตสวรรค์ผู้พิทักษ์ได้ถูกคังมิเรย์เรียกทั้งหมด
เธอได้รวมคนที่ไม่มีทูตสวรรค์เกาะติดมาทั้งหมด แม้แต่นายูนาเธอยังให้พี่ชายของเธอพาเธอออกไปเที่ยวก่อน
บนไหล่ของคังมิเรย์มีเอิลต้าในขนาดจิ๋วกำลังบินอยู่ เธอได้ซ่อนตัวเองเอาไว้ดังนั้นจะมีเพียงแค่คังมิเรย์เท่านั้นที่มองเห็นเธอ
"ทุกคนอยู่นี่แล้วสินะ"
ดวงตาของทุกคนต่างเป็นประกาย ในขณะเดียวกันเหล่าหัวหน้ากลุ่มที่ยังสับสนอยู่ได้ขอคำอธิบายออกมา
"หัวหน้ากลุ่มเทพสายฟ้า ผมเชื่อว่ามีเวลาไม่มากแล้วก่อนที่ดันเจี้ยนจะพังลง ถ้าคุณต้องการจะให้เราเข้าไปในดันเจี้ยนด้วยตัวเราเองล่ะก็ผมขอบอกว่าปฏิเสธ"
"ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ได้ต้องการจะทำแบบนั้นในประเทศที่ไม่ใช่ของฉันแน่ ฉันก็แค่เรียกทุกๆคนมาก็เพราะมีบางอย่างที่อยากจะบอกกับทุกคน"
คังมิเรย์ได้มองสำรวจไปรอบๆและให้สัญญาณกับเอิลต้า เอิลต้าได้หยักหน้าของเธอร่ายเวทย์ออกมา มันคือเวทย์ระดับสูงที่เป็นบาเรียทำให้ไม่มีใครรู้ได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในบาเรียได้
เมื่อยืนยันว่าเวทย์ถูกใช้งานโดยสมบูรณ์แล้วคังมิเรย์ได้พูดออกมาด้วยเสียงที่หนักแน่น
"ซูซาโนะไม่อาจจะมามีส่วนร่วมในการต่อสู้นี้ได้ เขามีเรื่องสำคัญเรื่องอื่นที่ต้องทำอยู่"
นี่มันก็มากพอแล้วที่จะทำให้หัวหน้ากลุ่มทั้งหมดที่มารวมกันสิ้นหวัง ยังไงก็ตามเธอได้เสริมขึ้นก่อนที่จะมีใครถามอะไรออกมา
"แต่กลับกันกองกำลังที่อยู่ใต้การบัญชาการของซูซาโนะได้ตัดสินใจจะมาช่วยเรา และพวกเราก็ยังได้รับการสนับสนุนที่พิเศษจากแวนการ์ด เหตุผลที่ฉันเรียกทุกคนมาที่นี่ก็เพราะเรื่องนี้ ฉันคิดว่ามันมากเกินไปที่กลุ่มของฉันจะใช้เพียงกลุ่มเดียว"
"ฉันมีสิ่งที่สงสัยอยู่หลายอย่างนะ แต่ฉันอยากจะถามสิ่งแรกเลย"
ทาคากากิ อสุฮะแห่งกลุ่มจอมเวทย์มังกรได้ถามออกมา สายตาของเธอราวกับจะบอกว่าเธอต้องการจะสู้กับมังกร
"พวกเราจะชนะใช่ไหม?"
"ชนะได้แน่"
คังมิเรย์ได้ตอบมาอย่างมั่นใจ
"ต่อให้พวมันจะมีจำนวนมากกว่าที่ไคโรสามเท่า เราก็ยังเอาชนะมันได้ ดังนั้นช่วยตั้งใจฟังฉันนับจากนี้ให้ดี ฉันมีเหตุผลที่เรียก 'เพียง' แค่ทุกคนที่อยู่ที่นี่มา"
19 ได้ผ่านไปก่อนที่จะเกิดการพังของดันเจี้ยน
การต่อสู้ขนาดใหญ่บนโลกที่ซึ่งได้เพิ่มระดับมูลค่าของแวนการ์ดให้สูงขึ้นไปถึงฟ้ายิ่งกว่าเดิม และเป็นการปูทางไปสู่สวรรค์สำหรับกลุ่มที่ถูกเลือกบางกลุ่มได้เริ่มขึ้น