ตอนที่ 225 เปลี่ยนจากมิตรเป็นศัตรู
อ้าวหยางหมิงแสยะยิ้มมองไปยังหลิงฮันและพูด “หลิงฮัน เจ้าจะไม่นำบันทึกโบราณที่ข้าให้เจ้ายืมไปก่อนหน้านี้คืนมารึ?”
ยืม?
หลิงฮันยิ้มและแกล้งถามออกไปด้วยความประหลาดใจ “ยืม? พี่ชายหยางหมิง หรือว่าท่านจะลืมค่าตอบแทนที่ข้าช่วยชีวิตท่าน? และไม่ใช่เมื่อกี้ท่านเรียกข้าว่านายน้อยฮันหรอกรึ? ตอนนี้ท่านเปลี่ยนมาเรียกชื่อข้าแล้ว ไม่ใช่ว่าท่านเปลี่ยนอารมณ์เร็วไปหน่อยรึ?”
บางเรื่องมีกฎไว้ว่าถึงรู้ก็ห้ามพูด มันไม่สามารถพูดออกมาในที่สาธารณะได้ อย่างเช่นที่หยางหมิงทำตัวราวกับเป็นคนรับใช้ของหลิงฮันก่อนหน้านี้เป็นเพราะมันไร้พลัง ถ้ามันทำท่าทางเป็นนายน้อยที่ยิ่งยโสออกไป รับประกันได้เลยว่ามันจะต้องถูกสังหารภายในหนึ่งวินาที
ถ้ามันบอกคนอื่นไปว่ามันเป็นศิษย์ของนิกายจันทราเหมันต์ คนอื่นก็คงจะมีท่าทางประมาณว่า ‘โอ้ เจ้าพูดว่าเจ้าเป็นศิษย์สายตรงของนิกายจันทราเหมันต์รึ? แสดงหลักฐานมาสิ’
ถึงแม้อ้าวหยางหมิงสามารถพิสูจน์ได้ แต่ในเมื่อได้ล่วงเกินศิษย์ของนิกายจันทราเหมันต์ไปแล้ว คนอื่นๆคงไว้คิดจะทิ้งปัญหาไว้และสังหารมันแน่นอน
ดังนั้นก่อนหน้านี้อ้าวหยางหมิงถึงได้ทำตัวอ่อนน้อมและพรรคพวกของหลิงฮันก็พอจะเดาถึงเรื่องนี้ได้ อย่างไรก็ตาม หลิงฮันนำเรื่องนี้มาพูดโดยไม่ไว้หน้ามันแม้แต่น้อย
ใบหน้าของอ้าวหยางหมิงกลายเป็นมืดมนทันที ชายชราที่ถูกเรียกว่าลุงฝูปลดปล่อยจิตสังหารและก้าวออกมา “เจ้าหนุ่ม เจ้าพูดเรื่องไร้สาระอันใด? ลองพูดจาล่วงเกินนายน้อยของข้าอีกทีซิ ข้าจะสังหารเจ้าให้เลือดสาดกระจายไปทั่ว!”
“ฮ่าๆ!” อ้าวหยางหมิงเอื้อมมือไปแตะลุงฝูเบาๆเพื่อห้ามและพูด “ลุงฝู หลิงฮันเดินทางมาเคียงข้างข้า เห็นแก่มิตรภาพเก่าของเรา เขาจะพูดไร้สาระนิดๆหน่อยๆข้าก็ไม่ว่าอะไร”
“ขอรับ นายน้อยช่างใจกว้างยิ่งนัก ชายชราคนนี้ชื่นชมในตัวท่านจริงๆ!” ลุงฝูพูดและโค้งตัวราวกับเป็นข้ารับใช้
ชายชราคนนี้เป็นจอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณ ในโลกเล็กๆของอาณาเขตบริเวณนี้ มันถือว่าเป็นจอมยุทธระดับแนวหน้า และตราบใดที่พวกมันโอ้อวดสถานะนิกายจันทราเหมันต์ออกไป แม้แต่จอมยุทธระดับแก่นแท้จิตวิญญาณยังต้องไว้หน้ามัน
ฉีฮวงเย่และคนอื่นๆขมวดคิ้ว ชายชราคนนี้อยู่ภายใต้อ้าวหยางหมิงอย่างสมบูรณ์ และถ้าอ้าวหยางหมิงตั้งใจเป็นศัตรูกับหลิงฮัน สถานการณ์คงย่ำแย่เป็นแน่ อ้าวหยางหมิงคนนี้นั้นหน้าด้านอย่างแท้จริง ทั้งๆที่หลิงฮันช่วยชีวิตมันเอาไว้ แต่นอกจากมันจะไม่สำนึกบุญคุณ มันยังหันกลับมากัดหลิงฮันแทนอีก
อ้าวหยางหมิงมองไปที่หลิงฮันอีกครั้งและพูดอย่างไม่แยแส “หลิงฮัน มอบบันทึกโบราณมาและพวกเราจะยังเป็นสหายกันต่อไป แต่ถ้าไม่ล่ะก็...” มันไม่พูดอะไรต่อ แต่ลุงฝูได้แสดงท่าทีอันดุร้ายออกมา
หลิงฮันหัวเราะและพูด “เมื่อเจ้ามีปัญหา เจ้าเรียกข้าว่านายน้อยฮัน แต่เมื่อเจ้าไร้ปัญหา เจ้าเรียกข้าว่าหลิงฮัน นี่เจ้าเป็นกิ่งก้ารึเปล่าถึงได้เปลี่ยนสีไวขนาดนี้? อ้าวหยางหมิง เมื่อใดกันที่เจ้าเป็นสหายของข้า? เจ้ามีคุณสมบัติเพียงพอรึ?”
สีหน้าของอ้าวหยางหมิงเปลี่ยนไป ลุงฝูก้าวออกมาอีกครั้งและพร้อมที่จะลงมือ แต่อ้าวหยางหมิงได้ห้ามเอาไว้ สีหน้าของมันเย็นชาราวกับน้ำแข็งพร้อมกับมองไปยังฉีฮวงเย่และคนอื่นๆ “ทุกคน พวกเจ้าเห็นความอวดดีของหลิงฮันแล้วสินะ พวกเจ้ายังอยากเดินไปในเส้นทางอันมืดมนกับเขาอยู่อีกรึ?” ข้า นายน้อยผู้นี้จะให้โอกาสพวกเจ้าทุกคนในการตัดความสัมพันธ์กับหลิงฮันและมายืนอยู่ข้างหลังนายน้อยผู้นี้ ไม่เช่นนั้น... พวกเจ้าจะเป็นศัตรูกับนิกายจันทราเหมันต์!
คำพูดเหล่านั้นเป็นวิกฤตที่ใหญ่มาก เป็นศัตรูของนิกายจันทราเหมันต์? ไม่ต้องพูดถึงฉีฮวงเย่และรุ่นเยาว์เหล่านี้เลย แม้แต่ผู้นำของแปดตระกูลใหญ่ก็ยังต้องหวาดกลัวไปจนถึงขั้วหัวใจ นิกายจันทราเหมันต์มีจอมยุทธระดับตัวอ่อนวิญญาณคอยดูแลอยู่ ถ้าพวกเขาส่งจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานมา แคว้นพิรุณคงตกอยู่ในความโกลาหลครั้งใหญ่
ถึงแม้อ้าวหยางหมิงจะไม่สามารถเป็นตัวแทนของนิกายจันทราเหมันต์และส่งจอมยุทธระดับบุปผาผลิบานมาได้ แต่ลุงฝูที่ยืนอยู่ข้างหลังก็ยังสามารถจัดการพวกเขาได้อยู่ดี
ยิ่งกว่านั้น แม้อ้าวหยางหมิงจะโจมตีพวกเขา แต่ฉีฮวงเย่กับคนอื่นๆจะกล้าต่อต้านรึ? ถ้าอ้าวหยางหมิงไม่ได้เปิดเผยสถานะของมันออกมา การสังหารมันคงไม่เป็นอะไร เพราะพวกเขาจะไม่กังวลเรื่องการแก้แค้นของนิกายจันทราเหมันต์ แต่ในตำหนักกลางตอนนี้มีคนอยู่มากมายขนาดไหนกัน?
โดยเฉพาะจอมยุทธของแคว้นอัคคีที่มีความสุขที่ได้เห็นคนของแคว้นพิรุณมีความบาดหมางกับนิกายจันทราเหมันต์ พวกมันหวังให้ผู้อาวุโสของนิกายจันทราเหมันต์แสดงตัวออกมาและกวาดล้างแคว้นพิรุณด้วยมือข้างเดียว
อ้าวหยางหมิงแสยะยิ้ม มันอยากให้หลิงฮันได้รับรู้รสชาติของการถูกทรยศ จากนั้นค่อยลงมือโจมตีและทำให้หลิงฮันสิ้นหวังอย่างสมบูรณ์
ฉีฮวงเย่และคนอื่นๆล้วนแต่ลังเล จิงหวู่จื้อเป็นคนแรกที่ยืนอยู่ข้างหลิงฮันอย่างเด็ดเดี่ยว
เพราะการช่วยเหลือของหลิงฮัน เขาถึงได้สามารถลงเอยกับเจียงเฟยหยาน ถ้าเขาทรยศหลิงฮันตอนนี้ เขาจะยังเป็นลูกผู้ชายอยู่อีกรึ?
ชางเย่เดินมายืนข้างหลิงฮันโดยไร้สีหน้า เขาเป็นคนรักษาคำพูดและคำสัญญาดั่งขุนเขา ในเมื่อเขายอมเป็นผู้ติดตามของหลิงฮัน หากไม่สามารถสังหารหลิงฮันด้วยหนึ่งกระบี่ได้ เขาจะไม่ทรยศหลิงฮันเด็ดขาด
เมื่อมีคนสองคนเป็นตัวอย่างแล้ว ฉีฮวงเชิงและคนอื่นๆจึงคล้อยตามไปด้วย พวกมันก็พอจะมีสถานะอยู่บ้าง อ้าวหยางหมิงคงไม่โกรธเกรี้ยวจนสังหารพวกมันทิ้งทั้งหมดหรอกนะ?
เมื่อคิดเช่นนี้ พวกเขาทุกคนจึงอยู่ข้างๆหลิงฮันโดยไม่ไว้หน้าอ้าวหยางหมิงแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นพวกเขาเดินไปทางหลิงฮันทีละคนทีละคน สีหน้าของอ้าวหยางหมิงก็มืดมน แววตาของมันราวกับจะมีเพลิงปะทุออกมา
คนเหล่านี้ตาบอดรึอย่างไร? พวกเขาถึงได้ปฏิเสธศิษย์สายตรงของนิกายจันทราเหมันต์และยึดติดกับหลิงฮัน? ถึงแม้หลิงฮันจะดูมีอำนาจและครอบครองพลังต่อสู้ดั่งสัตว์ประหลาด แต่เขาก็ยังเป็นเพียงจอมยุทธระดับรวมธาตุ
“ดี! ดี! ดี!” อ้าวหยางหมิงวางแผนจะให้หลิงฮันรู้สึกอัปยศจากการถูกทรยศ และเมื่อเป็นเช่นนั้นความรู้สึกที่หลิวอู๋ตงมีต่อหลิงฮันก็จะลดลง
แต่ตอนนี้ คนที่อัปยศกลับกลายเป็นมันแทน
มันจะระงับอารมณ์ที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจตอนนี้ได้อย่างไร?
“หลิงฮัน เจ้าจะไม่ส่งของของข้าคืนมาใช่ไหม?” มันพูดข่มขู่ด้วยจิตสังหาร
“ผิดแล้ว มันคือค่าตอบแทนที่ใช้ซื้อชีวิตของเจ้า เจ้าจะให้ข้ามอบมันคืนงั้นรึ? ก็ได้ แต่นั่นต้องแลกด้วยชีวิตของเจ้า!” หลิงฮันพูดอย่างไม่แยแส ในฐานะที่เคยเป็นจอมยุทธระดับสวรรค์มาก่อน เกียรติและความภาคภูมิใจของเขานั้นฝังลึกลงไปถึงกระดูก แถมอ้าวหยางหมิงยังเป็นศิษย์ของนิกายจันทราเหมันต์และอาจจะเป็นบุตรของอ้าวเฟิงด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่มีเหตุผลที่จะสุภาพด้วย
“เจ้ากล้าดีอย่างไร!” ลุงฝูตะโกนขึ้นมา แววตาของมันเต็มไปด้วยจิตสังหาร
ครั้งนี้อ้าวหยางหมิงไม่ได้หยุดลุงฝูเอาไว้ มันเอามือพาดไว้ที่หลังและแสดงท่าทางอวดดีไปยังหลิงฮัน
ลุงฝูเข้าใจความคิดของอ้าวหยางหมิง มันก้าวเข้าไปหาหลิงฮันช้าๆ จิตสังหารของมันรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ มันคิดที่จะกดดันหลิงฮันและทำให้หลิงฮันลงไปนอนคุกเข่าอยู่กับพื้น
ฉีฮวงเย่เผลอก้าวถอยหลังโดยไม่ได้ตั้งใจ ถึงแม้พวกเขาจะอยู่ข้างหลิงฮัน แต่ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็แน่นแฟ้นถึงขนาดต้องไปสู้กับจอมยุทธระดับห้วงจิตวิญญาณ มันคือการฆ่าตัวตายอย่างไม่ต้องสงสัย
หลิงฮันไม่มีความคิดจะเข้าปะทะเช่นกัน เขาเตรียมยันต์อาคมเมฆาล่องเอาไว้แล้ว เมื่อถึงช่วงวิกฤต เข้าพร้อมจะแปะมันที่ร่างและเผ่นหนี
“อ้ากก...” ในขณะที่ไฟกำลังจะปะทุ เสียงร้องโหยหวนก็ดังขึ้น เงาสีดำพุ่งผ่านฝูงชนเข้ามา ‘ตูม ตูม ตูม’ คนที่อยู่ใกล้เงาดำนั่นราวกับเป็นฟางข้าวที่ฟุ้งกระจาย ขา แขน และโลหิตของพวกเขาสาดกระเด็นไปทั่วพื้นที่
หลงไหเชวียนปรากฏตัว มันยังคงลากโลงศพทองแดงสามโลงมาด้วย แต่ในโลงนั้นว่างเปล่า ทหารซากศพสามตัวได้ออกมาข้างนอกและกำลังเข่นฆ่าอย่างสนุกสนาน