บทที่ 13 สระน้ำทิพย์(ฟรี)
บทที่ 13
สระน้ำทิพย์
ตามที่คาดไว้ของพลังผนึกอัญมณีขั้นสูง โดยปกติระหว่างการบ่มเพาะ หลี่ฟู่เฉินต้องพึ่งพาตนเองเพื่อดูดซับพลังลมปราณจากสวรรค์และโลก แต่ตอนนี้แหวนพลอยสีฟ้าสามารถช่วยให้เขารวบรวมลมปราณและเพิ่มประสิทธิภาพการบ่มเพาะของเขา
แหวนพลอยสีน้ำเงินให้คุณค่าที่สุด คือการใช้เก็บพลังลมปราณ เมื่อผู้นั้นพลังลมปราณใกล้หมด พวกเขาสามารถดูดซับพลังจากแหวนเพื่อเติมเต็มได้ทันที เทียบเท่ากับการมีโอสถฟื้นฟูพลังลมปราณชั้นต่ำสีเหลือง แม้ว่าไม่ได้ให้ผลลัพธ์ที่ดีมาก แต่ข้อดีของแหวนคือความสามารถนำพลังกลับมาใช้ได้ใหม่
หลี่ฟู่เฉินคาดการณ์ว่าเขายังคงต้องใช้เวลาเป็นเดือนก่อนที่จะทะลวงสู่ขั้นที่หกของขอบเขตพลังลมปราณ และแหวนพลอยสีฟ้านี้จะเป็นประโยชน์ต่อเขาอย่างมากในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ขณะที่เขาค่อยๆผ่อนหายใจออกหลี่ฟู่เฉินได้สกัดต้นหัวใจศิลาออกจากกล่องหยก
ต้นหัวใจศิลา ไม่อาจช่วยประโยชน์ในการฝึกบ่มเพาะแต่ใช้เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับโครงสร้างของโครงกระดูก
โครงกระดูกของบุคคลคือฐานเริ่มต้น ผู้คนมักจะพูดคุยเกี่ยวกับโครงกระดูก แต่ความเป็นจริงแล้วโครงสร้างของโครงกระดูกก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน
โครงกระดูกที่เยี่ยมยอด รับประกันได้ถึงความทนทานอย่างธรรมชาติ ในโครงสร้างโครงกระดูก เมื่อต้องปะทะฝ่ามือระดับเดียวกัน คนที่มีโครงกระดูกที่อ่อนแอกว่ากระดูกอาจแตกหักเป็นเสี่ยง ๆ แต่คนที่มีโครงกระดูกที่แข็งแรงจะไม่มีแม้รอยขีดข่วน
แม้ว่าโครงกระดูกที่ดีจะหมายถึงการมีกระดูกที่ทนทาน แต่มันมีข้อดีมากกว่านั้น การมีกระดูกที่แข็งแรงไม่ได้หมายความว่ามีโครงกระดูกที่เยี่ยมยอด เพราะมันไม่ได้เกี่ยวกันโดยตรงนัก
“ไม่ว่ายังไงก็ตาม การมีกระดูกที่ทนทานก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ดี”
หลี่ฟูเฉินกินต้นห้วใจศิลาโดยไม่ลังเล
ต้นหัวใจศิลาอาจดูแข็ง แต่จริง ๆ แล้วมันจะละลายเวลากลืน ด้วยสัมผัสของจิตวิญญาณ หลี่ฟู่เฉินรู้สึกได้ชัดแจ้งว่าต้นหัวใจศิลาแปรเปลี่ยนเป็นกระแสสีขาวไหลผ่านแขนขาของเขาและเจาะลึกลงเข้าไปในกระดูก
ด้วยการโจมตีอย่างฉับพลัน ความรู้สึกมึนชาวิ่งผ่านไปยังกระดูก ราวกับกองทัพมดหลายล้านตัวกำลังบดเคี้ยวเยื่อกระดูกของเขา เวลาผ่านไป ในที่สุดหลี่ฟู่เฉินก็ลืมตาขึ้น
“ความรู้สึกนี้!”
หลี่ฟู่เฉินยกแขนขึ้น แม้ว่าจะไม่อาจเห็นความแตกต่างด้วยตาเปล่า แต่ความแข็งแกร่งของกระดูกของเขาทวีขึ้นเป็นสองเท่า พื้นผิวของกระดูกหนาแน่นกว่าที่เคยมี
“สมุนไพรเสริมกระดูกชั้นสูงสีเหลืองนี้ ช่วยให้กระดูกของข้าแข็งแรงขึ้นเป็นสองเท่า หากสมุนไพรนี้มีขั้นลี้ลับหรือขั้นปฐพี ผลคงจะดีขึ้นกว่านี้สิบเท่าหรือแม้แต่ร้อยเท่า
มีสมุนไพรมากมายหลากหลายชนิดบนโลกนี้ ใครจะรู้ได้ว่ามีอะไรบ้าง” หลี่ฟู่เฉินตกอยู่ในความหวั่นเกรงต่อความมหัศจรรย์ของสมุนไพร
สมุนไพรเป็นสิ่งที่มีบทบาทสำคัญต่อการบ่มเพาะ ในจารึกแรก ๆ ครั้งหนึ่งเคยมีชายคนหนึ่งได้รับต้นสายเลือดมังกรในตำนานและหลังจากกินเข้าไป ร่างของเขาก็แข็งแกร่งยิ่งกว่าสัตว์อสูร อีกกรณีหนึ่งคือมีคนพบดอกตะวันฉาดฉาย เมื่อกินมันเข้าไป โครงกระดูกของเขากลายพันธุ์ไปเป็นโครงกระดูกสุริยันฉาย หลี่ฟู่เฉินฝึกบ่มเพาะพื้นฐานเคล็ดวิชาโครงกระดูกสุริยันฉาย.เขาสามารถบ่มเพาะเร็วกว่าผู้อื่นถึง สิบเท่า ถ้าผู้นั้นได้ดูดซับสมุนไพรหงส์อมตะ เขาจะได้รับความเป็นอมตะและสามารถฟื้นจากความตายได้
สมุนไพรเติบโตขึ้นด้วยความช่วยเหลือจากสวรรค์และโลก อันมีพลังที่จะเปลี่ยนแปลงความแข็งแกร่งภายในของร่างกาย แน่นอนว่าสมุนไพรที่มีค่าหายากยิ่ง สมุนไพรระดับเหลืองยังคงมีอยู่ แต่สมุนไพรระดับลี้ลับนั้นหายากยิ่งกว่า มันมีพลังงานอันลี้ลับของสวรรค์และโลกจึงได้ชื่อว่าสมุนไพรลี้ลับ
***
หลี่ฟู่เฉินจะไปเทือกเขาม่านหมอกทุกๆ 3 วัน
“ไปให้พ้น !!”
หมาป่ากรงเล็บโลหะเข้าใกล้หลี่ฟูเฉิน เขานิ่งไม่ขยับ และรอให้หมาป่าเข้ามาใกล้ด้านข้าง พลันประกายดาบสาดส่องและเจาะทะลุผ่านลำคอของกรงเล็บหมาป่าโลหะ
จนถึงทุกวันนี้หลี่ฟู่เฉินมีทักษะในการปลิดชีวิตหมาป่ากรงเล็บโลหะภายในพริบตา ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของหลี่ฟู่เฉินยังไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดแม้แต่ตัวเขาเอง
หากทักษะการต่อสู้ของเขาได้รับการจัดอันดับเป็นหนึ่ง ก่อนที่เขาจะเข้าสู่เทือกเขาม่านหมอกหลังจากวันแรกเขาจะถูกจัดเป็นอันดับสอง และสองสามวันต่อมาก็เข้าสู่ระดับสาม ด้วยอันดับปัจจุบันของเขาที่ระดับห้า สัตว์อสูรระดับกลางชั้นหนึ่งใด ๆ จะตายด้วยการกวัดแกว่งเพียงครั้งเดียวโดยไม่ต้องโจมตีอีกเป็นครั้งที่สอง
แม้ว่าเขาจะต้องเจอกับสัตว์อสูรระดับสูงชั้นหนึ่ง มันก็แค่ต้องเพิ่มกระบวนท่าเพียงไม่กี่จังหวะ
“การสู้สัตว์ร้าย ทักษะของข้านั้นไร้ที่ติ แต่สัตว์ร้ายไม่ใช่นักวิชายุทธ์ เพื่อจะพัฒนาทักษะการต่อสู้ให้สมบูรณ์แบบ ข้าจำต้องต่อสู้กับนักรบวิชายุทธ์ที่แท้จริง”
หลี่ฟูเฉินมีความทะเยอทะยาน หากเป็นคนอื่นที่มีความสำเร็จเหล่านี้ พวกเขาคงจะพอใจ แต่นั่นไม่ใช่หลี่ฟู่เฉินเขาต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้น เพื่อใช้พลังงานอย่างสมบูรณ์ที่สุด เขาไม่รู้ว่านี่เป็นความปรารถนาที่แท้จริงของเขาหรือเป็นเพราะเครื่องรางทองคำที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงนี้ หรืออาจเป็นได้ทั้งคู่
***
เมื่อกลับมาที่ตระกูลหลี่ หลี่ฟู่เฉินได้เผชิญหน้ากับหลี่หยุ่นไห่
หลี่หยุนไห่มองหลี่ฟู่เฉินด้วยสายตาที่อ่อนแรง เมื่อหลี่ฟู่เฉินมีชัยต่อหยางฉี เขายังมีความมั่นใจในการเอาชนะหลี่ฟู่เฉิน เมื่อหลี่ฟู่เฉินเอาชนะกวนเผิ้งได้ ความคิดทั้งหมดของเขาก็สลายลง
ความจริงคือ เขาเคยปะมือกับกวนเผิ้ง ท้ายสุดจบลงด้วยการเสมอกัน
“หลี่ฟู่เฉิน, ทักษะการต่อสู้ของเจ้านั้นดี แต่น่าเสียดายที่โครงกระดูกของเจ้าดึงให้เจ้าตกต่ำลง ในอีกสามวันนี้ สระน้ำทิพย์จะถูกเปิดขึ้น มีเพียงหนึ่งคนเท่านั้นที่ผ่านการคัดเลือก เจ้าควรรู้ว่าใครมีแต้มเหนือกว่า”
หลี่หยุ่นไห่อารมณ์แปรเปลี่ยนเป็นดีขึ้น เมื่อพูดถึงสระน้ำทิพย์นั้นน ในตระกูลหลี่เขาเป็นเพียงคนเดียวที่มีโครงกระดูกสองดาว นั่นหมายความว่าเขาเป็นคนเดียวที่สามารถเข้าได้
หลี่ฟู่เฉินแสดงความยินดีอย่างปราศจากการครุ่นคิด “ข้าขออวยพรให้เจ้าล่วงหน้า”
สระน้ำทิพย์นี้เป็นหนึ่งในทรัพย์สินที่สำคัญของตระกูลหลี่ ซึ่งแต่เดิมมันไม่ใช่
สามสิบปีก่อนหน้าตระกูลหลี่ได้สร้างสระน้ำทิพย์ขึ้น พวกเขาลงทุนในสมุนไพรที่เสริมสร้างความแข็งแรงให้ร่างกายจำนวนมาก หลังจากเดือนปีผ่านไป สมุนไพรบวกกับสระน้ำ มันเป็นการบำรุงที่น่าอัศจรรย์ให้กับผู้ที่แช่ในสระน้ำ, ราวกับได้ทิพย์กำนัลเป็นความแข็งแรงหนึ่งพันกิโลกรัม
แต่การสะสมผลทางโอสถของสระน้ำจำต้องใช้ระยะเวลาตามกำหนดและใช้ปริมาณสมุนไพรที่ต่อเนื่อง ในสถานการณ์ปกติจะเปิดเพียงสองปีครั้งและนี่เป็นนับเป็นปีที่สอง
หลี่ฟู่เฉินไม่อาจมองข้ามประโยชน์ของสระน้ำทิพย์แน่นอน เนื่องจากผู้ฝึกฝนขอบเขตพลังลมปราณไม่สามารถกำหนดลมปราณได้ คุณภาพของร่างกายจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ด้วยพลังโดยรวมที่สูงกว่า พลังภายใต้การกวัดแกว่งจะได้รับผลเมื่อพลังงานเติบโตอย่างมีประสิทธิผล มันสามารถทำให้ผู้นั้นก้าวข้ามระดับในการต่อสู้ได้
แต่ก็ไม่ใช่สิงที่หลี่ฟู่เฉินต้องกังวลถ้าเขาไม่สามารถแช่ในสระน้ำทิพย์ได้ เขารู้สึกว่ากำลังจะก้าวผ่านวิชาหยกแดงเมื่อบรรลุขั้นที่หกได้ทักษะการต่อสู้ของเขาจะก้าวข้ามไปอีกขั้น
“ฮึ เจ้าไม่รู้สึกร้อนหนาว การประกวดอัจฉริยะประจำปีของเมืองจะเริ่มต้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ห้าอันดับแรกเท่านั้นที่ถูกเลือกเป็นศิษย์นิกายคังเหลียน ด้วยทักษะของเจ้าตอนนี้ เจ้าอาจอยู่ในห้าอันดับแรก แต่ก็ไม่เสมอไปในอีกสองเดือนข้างหน้า”
หลี่หยุนไห่พยายามยั่วยุหลี่ฟู่เฉินอีกครั้งเนื่องจากเขาไม่พอใจหลี่ฟู่เฉินนัก ลึกลงไปเขาต้องการเห็นที่ท่าที่แสนเจ็บปวดของหลี่ฟู่เฉิน
“ยั่วประสาทข้างั้นเหรอลืมมันไปเถอะ”
หลี่ฟู่เฉินเย้ยกลับและจากไป ปล่อยให้หลี่หยุ่นไห่มองเขาอยู่เบื้องหลัง
“ฮึ ! เจ้าแค่แข็งแรงนำหน้าข้า” หลี่หยุนไห่ตะโกนไล่
ไม่มีเหตุผลใดเลยที่ทำให้เกลียดชังหลี่ฟู่เฉิน อาจเป็นเพราะเขาชอบกวนเซี่ยเช่นกัน แต่ไม่มีใครรู้เหตุผลหลักสองประการว่าทำไมเขาถึงต้องการได้รับการยอมรับในฐานะศิษย์ของนิกายคังเหลียน
ประการแรก เพื่อให้ตระกูลหลี่รู้ว่าใครคือผู้รักษาชีวิตที่แท้จริงของตระกูลหลี่ เมื่อเขาได้เป็นศิษย์ของนิกายคังเหลียน พ่อของเขาจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นผู้นำ
ประการที่สอง เขาจะได้เจอกวนเซี่ยอีกครั้ง และถ้าเขาฝึกฝนอย่างหนัก เขาอาจก้าวหน้าไล่ตามกวนเซี่ยได้
......
ติดตามอัพเดทตอนใหม่ได้ที่นี่ Fanpage IndyNovel